Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
1 พงศาวดาร 26-27

ยามเฝ้าประตูพระวิหาร

26 การแบ่งหมู่เหล่าของยามเฝ้าประตูพระวิหารเป็นดังนี้

จากตระกูลโคราห์ได้แก่ เมเชเลมิยาห์บุตรของโคเรซึ่งเป็นบุตรคนหนึ่งของอาสาฟ

บุตรของเมเชเลมิยาห์ ได้แก่

เศคาริยาห์บุตรหัวปี

คนที่สองคือเยดียาเอล

คนที่สามคือเศบาดิยาห์

คนที่สี่คือยาทนีเอล

คนที่ห้าคือเอลาม

คนที่หกคือเยโฮฮานัน

และคนที่เจ็ดคือเอลีโฮนัย

โอเบดเอโดมก็มีบุตรด้วยเช่นกัน ได้แก่

เชไมอาห์บุตรหัวปี

คนที่สองคือเยโฮซาบาด

คนที่สามคือโยอาห์

คนที่สี่คือสาคาร์

คนที่ห้าคือเนธันเอล

คนที่หกคืออัมมีเอล

คนที่เจ็ดคืออิสสาคาร์

และคนที่แปดคือเปอุลเลธัย

(เพราะพระเจ้าทรงอวยพรโอเบดเอโดม)

เชไมอาห์บุตรของเขาก็มีบุตรหลายคน ซึ่งเป็นผู้นำในเครือญาติเพราะมีความสามารถ บุตรของเชไมอาห์ได้แก่ โอทนี เรฟาเอล โอเบด และเอลซาบาด ญาติของเขาคือเอลีฮูกับเสมาคิยาห์ก็เป็นผู้มีความสามารถเช่นกัน บุตรหลานและญาติของโอเบดเอโดมรวมทั้งสิ้น 62 คน ล้วนมีความสามารถและมีกำลังในการปฏิบัติงาน

เมเชเลมิยาห์มีบุตรและญาติพี่น้องรวม 18 คน ก็เป็นผู้มีความสามารถเช่นกัน

10 สำหรับโฮสาห์ตระกูลเมรารีได้แต่งตั้งชิมรีให้เป็นผู้นำของบุตรทั้งหลายของตน (แม้ว่าชิมรีจะไม่ใช่บุตรหัวปี แต่บิดาตั้งเขาเป็นคนแรก) 11 คนที่สองคือฮิลคียาห์ คนที่สามคือเทบาลิยาห์ คนที่สี่คือเศคาริยาห์ บุตรและญาติพี่น้องของโฮสาห์รวม 13 คน

12 หมู่เหล่าของยามเฝ้าประตูพระวิหารซึ่งแบ่งตามหัวหน้าของเขา มีหน้าที่รับผิดชอบงานในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับคนเลวีอื่นๆ 13 เขาได้รับมอบหมายให้รักษาการณ์ที่ประตูต่างๆ โดยการจับสลากตามครอบครัวของพวกเขา โดยไม่คำนึงถึงอายุ

14 สลากสำหรับหน้าที่รับผิดชอบประตูตะวันออก ได้แก่ เชเลมิยาห์[a] สลากต่อมาด้านทิศเหนือ ได้แก่ เศคาริยาห์ บุตรของเขาเป็นที่ปรึกษาที่ชาญฉลาด 15 สลากสำหรับประตูด้านใต้ ได้แก่ โอเบดเอโดม สลากสำหรับดูแลคลังได้แก่บุตรทั้งหลายของเขา 16 สลากสำหรับประตูด้านตะวันตกและประตูชัลเลเคทที่ถนนสายบน ได้แก่ ชุปปิมและโฮสาห์

ยามจะอยู่ถัดกันไปดังนี้คือ 17 ประตูด้านตะวันออก มียามคนเลวีวันละหกคน ด้านเหนือวันละสี่คน ด้านใต้วันละสี่คน คลังเก็บของเวรยามละสองคน 18 สำหรับลานไปทางตะวันตกมีสองคน และตามทางเดินมีอีกสี่คน

19 นี่คือหมู่เหล่าของยามเฝ้าประตูพระวิหารผู้เป็นวงศ์วานของโคราห์และเมรารี

คลังพระวิหารและเจ้าหน้าที่อื่นๆ

20 ชนเลวีคนอื่นๆ[b]ดูแลคลังพระนิเวศของพระเจ้าและคลังของถวายต่างๆ

21 วงศ์วานของลาดานตระกูลเกอร์โชนซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวตามเชื้อสายลาดานได้แก่ เยฮีเอลี 22 บรรดาบุตรของเยฮีเอลี เศธามกับโยเอลน้องชายของเขาดูแลคลังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

23 จากสายอัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล ได้แก่

24 ชูบาเอล วงศ์วานของเกอร์โชมบุตรโมเสส เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลคลังต่างๆ 25 ญาติพี่น้องของเขาที่สืบมาทางสายเอลีเอเซอร์คือเรหับยาห์ ซึ่งมีบุตรคือเยชายาห์ ซึ่งมีบุตรคือโยรัม ซึ่งมีบุตรคือศิครี ซึ่งมีบุตรคือเชโลมิท 26 เชโลมิทกับญาติพี่น้องของเขาดูแลเครื่องถวายที่กษัตริย์ดาวิดและบรรดาผู้นำครอบครัวต่างๆ ซึ่งเป็นแม่ทัพนายกองหรือขุนพลถวายแด่พระเจ้า 27 บุคคลดังกล่าวถวายของเชลยบางส่วนที่ได้จากการรบ เพื่อใช้ในการซ่อมบำรุงพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 28 เชโลมิทกับญาติพี่น้องของเขายังดูแลข้าวของต่างๆ ที่ผู้ทำนายซามูเอล ซาอูลบุตรของคีช อับเนอร์บุตรเนอร์ โยอาบบุตรนางเศรุยาห์ และคนอื่นๆ ถวายแด่พระเจ้า

29 จากสายอิสฮาร์ได้แก่ เคนานิยาห์และบรรดาบุตรของเขา ซึ่งรับหน้าที่ภายนอกพระวิหาร คือเป็นเจ้าหน้าที่และตุลาการปกครองอิสราเอล

30 จากสายเฮโบรนได้แก่ ฮาชาบิยาห์และเครือญาติ 1,700 คนซึ่งล้วนมีความสามารถ พวกเขาดูแลอิสราเอลทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนให้ทำงานทั้งสิ้นขององค์พระผู้เป็นเจ้า และงานราชการของกษัตริย์ 31 เยรียาห์เป็นหัวหน้าของสายเฮโบรนตามบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลในปีที่สี่สิบแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาวิด มีการสำรวจบันทึกต่างๆ และพบคนที่มีความสามารถในหมู่เชื้อสายเฮโบรนที่ยาเซอร์ในแดนกิเลอาด 32 เยรียาห์มีญาติ 2,700 คน ซึ่งเป็นผู้มีความสามารถและเป็นหัวหน้าครอบครัวต่างๆ กษัตริย์ดาวิดจึงตั้งพวกเขาให้ดูแลชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าให้ทำงานทั้งสิ้นของพระเจ้า และงานราชการของกษัตริย์

กองทัพอิสราเอล

27 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อหัวหน้าครอบครัว แม่ทัพนายกอง และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ของอิสราเอล ซึ่งรับใช้กษัตริย์ในงานที่เกี่ยวกับการแบ่งกำลังพลประจำหน้าที่แต่ละเดือนตลอดปี แต่ละกองมีกำลังพล 24,000 คน

ผู้บัญชาการกองพลที่หนึ่งซึ่งรับผิดชอบเดือนที่หนึ่งคือ ยาโชเบอัมบุตรศับดีเอล รับผิดชอบเดือนที่หนึ่ง มีกำลังพล 24,000 คน เขาเป็นวงศ์วานของเปเรศ และเป็นผู้บัญชาการกองทัพทั้งหมดในเดือนที่หนึ่ง

ผู้บัญชาการกองพลที่สองซึ่งรับผิดชอบเดือนที่สองคือ โดดัยชาวอาโหอาห์ มีกำลังพล 24,000 คน มิคโลธเป็นผู้บังคับกอง

ผู้บัญชาการกองพลที่สามซึ่งรับผิดชอบเดือนที่สามคือ เบไนยาห์บุตรปุโรหิตเยโฮยาดา เขาเป็นหัวหน้าและมีกำลังพล 24,000 คน เขาคือเบไนยาห์ผู้เป็นหัวหน้าของกลุ่มสามสิบยอดนักรบของดาวิด บุตรของเขาคืออัมมีซาบาดเป็นผู้บังคับกอง

ผู้บัญชาการกองพลที่สี่ซึ่งรับผิดชอบเดือนที่สี่คือ อาสาเฮลน้องชายของโยอาบ เศบาดิยาห์บุตรของเขารับตำแหน่งต่อ มีกำลังพล 24,000 คน

ผู้บัญชาการกองพลที่ห้าซึ่งรับผิดชอบเดือนที่ห้าคือ แม่ทัพชัมหุทแห่งอิสราห์ มีกำลังพล 24,000 คน

ผู้บัญชาการกองพลที่หกซึ่งรับผิดชอบเดือนที่หกคือ อิราบุตรอิกเขชจากเทโคอา มีกำลังพล 24,000 คน

10 ผู้บัญชาการกองพลที่เจ็ดซึ่งรับผิดชอบเดือนที่เจ็ดคือ เฮเลสจากเปโลนคนเอฟราอิม มีกำลังพล 24,000 คน

11 ผู้บัญชาการกองพลที่แปดซึ่งรับผิดชอบเดือนที่แปดคือ สิบเบคัยเชื้อสายหุชาแห่งตระกูลเศราห์ มีกำลังพล 24,000 คน

12 ผู้บัญชาการกองพลที่เก้าซึ่งรับผิดชอบเดือนที่เก้าคือ อาบีเอเซอร์จากอานาโธทเผ่าเบนยามิน มีกำลังพล 24,000 คน

13 ผู้บัญชาการกองพลที่สิบซึ่งรับผิดชอบเดือนที่สิบคือ มาหะรัยจากเนโทฟาห์ตระกูลเศราห์ มีกำลังพล 24,000 คน

14 ผู้บัญชาการกองพลที่สิบเอ็ดซึ่งรับผิดชอบเดือนที่สิบเอ็ดคือเบไนยาห์จากปิราโธน ชาวเอฟราอิม มีกำลังพล 24,000 คน

15 ผู้บัญชาการกองพลที่สิบสองซึ่งรับผิดชอบเดือนที่สิบสองคือ เฮลดัยแห่งเนโทฟาห์ จากครอบครัวของโอทนีเอล มีกำลังพล 24,000 คน

เจ้าหน้าที่ปกครองเผ่าต่างๆ

16 เจ้าหน้าที่ปกครองเผ่าต่างๆ ของอิสราเอลมีดังต่อไปนี้

เผ่ารูเบนมีเอลีเอเซอร์บุตรศิครีปกครอง

เผ่าสิเมโอนมีเชฟาทิยาห์บุตรมาอาคาห์ปกครอง

17 เผ่าเลวีมีฮาชาบิยาห์บุตรเคมูเอลปกครอง

วงศ์วานของอาโรนมีศาโดกปกครอง

18 เผ่ายูดาห์มีเอลีฮูพี่ชายของดาวิดปกครอง

เผ่าอิสสาคาร์มีอมรีบุตรมีคาเอลปกครอง

19 เผ่าเศบูลุนมีอิชมัยอาห์บุตรโอบาดีห์ปกครอง

เผ่านัฟทาลีมีเยรีโมทบุตรอัสรีเอลปกครอง

20 เผ่าเอฟราอิมมีโฮเชยาบุตรอาซาซิยาห์ปกครอง

เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่ามีโยเอลบุตรเปดายาห์ปกครอง

21 เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าในกิเลอาดมีอิดโดบุตรเศคาริยาห์ปกครอง

เผ่าเบนยามินมียาอาซีเอลบุตรอับเนอร์ปกครอง

22 เผ่าดานมีอาซาเรลบุตรเยโรฮัมปกครอง

คนเหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่ปกครองเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล

23 ดาวิดไม่ได้นับจำนวนคนที่มีอายุยี่สิบปีลงมา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาว่าจะเพิ่มพูนอิสราเอลให้มากมายเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า 24 โยอาบบุตรนางเศรุยาห์เริ่มนับจำนวนคน แต่ไม่ได้ทำจนครบ พระพิโรธตกแก่อิสราเอลเนื่องจากการนับจำนวนนี้ ยอดรวมไม่เคยบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์ดาวิด

ผู้รับผิดชอบงานของกษัตริย์

25 อัสมาเวทบุตรอาดีเอลรับผิดชอบคลังหลวง โยนาธานบุตรอุสซียาห์รับผิดชอบคลังต่างๆ ตามหัวเมือง หมู่บ้าน และหอสังเกตการณ์ทั้งหลาย

26 เอสรีบุตรเคลูบรับผิดชอบคนทำงานในเรือกสวนไร่นาของหลวง

27 ชิเมอีจากรามาห์รับผิดชอบสวนองุ่นหลวง

ศับดีแห่งชิฟไมต์รับผิดชอบผลผลิตจากสวนองุ่นสำหรับห้องเก็บเหล้าองุ่น

28 บาอัลฮานันจากเกเดอร์รับผิดชอบสวนมะกอกและมะเดื่อของหลวงในเชิงเขาทางตะวันตก

โยอาชรับผิดชอบการจัดหาน้ำมันมะกอก

29 ชิตรัยจากชาโรนรับผิดชอบปศุสัตว์ในชาโรน

ชาฟัทบุตรอัดลัยรับผิดชอบปศุสัตว์ในหุบเขาต่างๆ

30 โอบิลจากอิชมาเอลรับผิดชอบฝูงอูฐ

เยเดยาห์จากเมโรโนทรับผิดชอบฝูงลา

31 ยาซีสแห่งฮาการ์รับผิดชอบฝูงแพะแกะ

คนเหล่านี้เป็นผู้รับผิดชอบทรัพย์สินส่วนพระองค์ของกษัตริย์ดาวิด

32 โยนาธานลุงของดาวิดเป็นที่ปรึกษา เป็นผู้มีความเข้าใจลึกซึ้ง และเป็นอาลักษณ์ เยฮีเอลบุตร

ฮัคโมนีดูแลบรรดาโอรสของกษัตริย์

33 อาหิโธเฟลเป็นที่ปรึกษาประจำพระองค์ และหุชัยแห่งอารคีเป็นพระสหาย 34 ผู้สืบทอดตำแหน่งของอาหิโธเฟลคือ เยโฮยาดาบุตรเบไนยาห์และอาบียาธาร์ ส่วนโยอาบเป็นแม่ทัพหลวง

2 เปโตร 1

จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าซีโมนเปโตรผู้เป็นผู้รับใช้และอัครทูตของพระเยซูคริสต์

ถึงบรรดาผู้ได้รับความเชื่ออันล้ำค่าเช่นเดียวกับที่เราได้รับโดยทางความชอบธรรมของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา

ขอพระคุณและสันติสุขมีแด่พวกท่านอย่างล้นเหลือผ่านทางการรู้จักพระเจ้าและรู้จักพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

มั่นใจในการทรงเรียกและทรงเลือก

ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ได้ประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่เราที่จะดำเนินชีวิตในทางพระเจ้า ผ่านทางการรู้จักพระองค์ผู้ทรงเรียกเราด้วยพระเกียรติสิริและคุณความดีของพระองค์เอง โดยสิ่งเหล่านี้พระองค์ได้ประทานพระสัญญาอันยิ่งใหญ่และล้ำค่าของพระองค์แก่เรา เพื่อว่าโดยทางพระสัญญาเหล่านี้พวกท่านจะได้มีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้าและพ้นจากความเสื่อมทรามในโลกซึ่งเกิดจากตัณหาชั่ว

ด้วยเหตุนี้ท่านจงพยายามทุกวิถีทางที่จะเพิ่มความดีเข้ากับความเชื่อ เพิ่มความรู้เข้ากับความดี เพิ่มการบังคับตนเข้ากับความรู้ เพิ่มความอดทนบากบั่นเข้ากับการบังคับตน เพิ่มการดำเนินในทางพระเจ้าเข้ากับความอดทนบากบั่น เพิ่มความรักฉันพี่น้องเข้ากับการดำเนินในทางพระเจ้า และเพิ่มความรักเข้ากับความรักฉันพี่น้อง เพราะถ้าท่านมีคุณสมบัติเหล่านี้มากยิ่งๆ ขึ้นก็จะทำให้ท่านมีประสิทธิภาพและเกิดผลในการรู้จักองค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา แต่ถ้าผู้ใดขาดคุณสมบัติเหล่านี้ก็ตาบอดตาสั้น และลืมว่าตนได้รับการทรงชำระจากบาปในอดีตแล้ว

10 เพราะฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า จงขวนขวายให้มากยิ่งขึ้นที่จะประพฤติตนในทางซึ่งแสดงว่าพระเจ้าทรงเรียกและทรงเลือกท่านอย่างแน่นอน เพราะถ้าท่านทำสิ่งเหล่านี้ท่านจะไม่มีวันล้มลง 11 และท่านจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นสู่อาณาจักรนิรันดร์ของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา

คำพยากรณ์ของพระคัมภีร์

12 ดังนั้นข้าพเจ้าจะเตือนท่านให้ระลึกถึงสิ่งเหล่านี้เสมอแม้ว่าท่านทราบเรื่องนี้แล้วและตั้งมั่นในความจริงที่มีอยู่ก็ตาม 13 ข้าพเจ้าคิดว่าถูกต้องแล้วที่จะเตือนความจำของท่านตราบเท่าที่ข้าพเจ้ายังอยู่ในเรือนกายนี้ 14 เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าอีกไม่นานจะต้องจากเรือนกายนี้ไปตามที่องค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราได้ทรงสำแดงไว้แก่ข้าพเจ้าอย่างชัดเจน 15 และข้าพเจ้าจะพยายามทำทุกวิถีทางให้พวกท่านสามารถระลึกถึงสิ่งเหล่านี้เสมอหลังจากข้าพเจ้าจากไปแล้ว

16 เมื่อเราบอกพวกท่านถึงฤทธิ์อำนาจและการจะเสด็จมาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พวกเราไม่ได้กุเรื่องขึ้นมาอย่างแยบยล แต่เราเป็นพยานผู้ได้เห็นพระบารมีอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 17 เพราะพระเยซูทรงได้รับพระเกียรติและพระสิริจากพระเจ้าพระบิดา เมื่อมีพระสุรเสียงจากองค์ผู้ทรงเกียรติสิริยิ่งใหญ่ตรัสกับพระองค์ว่า “คนนี้คือลูกที่รักของเรา เราพอใจเขามาก”[a] 18 พวกเราเองได้ยินพระสุรเสียงนี้จากสวรรค์ขณะอยู่กับพระองค์ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์

19 ดังนั้นพวกเราจึงมั่นใจในถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะมากยิ่งขึ้น จะเป็นการดีถ้าพวกท่านเอาใจใส่ถ้อยคำเหล่านี้ซึ่งเป็นเหมือนแสงสว่างส่องในที่มืดจนกว่าจะถึงรุ่งเช้าและดาวแห่งรุ่งอรุณจะปรากฏขึ้นในใจท่าน 20 เหนือสิ่งอื่นใดท่านต้องเข้าใจว่าไม่มีคำพยากรณ์ใดในพระคัมภีร์ที่มาจากความเข้าใจของตัวผู้เผยพระวจนะเอง 21 เพราะคำของผู้เผยพระวจนะนั้นไม่เคยเกิดจากเจตจำนงของมนุษย์ แต่มนุษย์กล่าวถ้อยคำซึ่งมาจากพระเจ้าตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจเขา

มีคาห์ 4

ภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า(A)

ในบั้นปลาย

ภูเขาที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งอยู่จะได้รับการสถาปนา
ให้เป็นเอกในหมู่ภูเขาทั้งหลาย
จะได้รับการเชิดชูเหนือบรรดาเนินเขา
และชนชาติต่างๆ จะหลั่งไหลไปที่นั่น

ประชาชาติมากมายจะมาและกล่าวว่า

“มาเถิด ให้เราขึ้นไปบนภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของยาโคบ
พระองค์จะทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่เรา
เพื่อเราจะดำเนินในวิถีทางของพระองค์”
บทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะออกมาจากเยรูซาเล็ม
พระองค์จะทรงตัดสินความระหว่างชนชาติทั้งหลาย
และยุติกรณีพิพาทให้บรรดาชาติมหาอำนาจทั่วแดน
พวกเขาจะตีดาบให้เป็นผาลไถนา
และตีหอกให้เป็นขอลิด
ชนชาติต่างๆ จะเลิกรบราฆ่าฟันกัน
ทั้งจะไม่มีการฝึกรบอีกต่อไป
ทุกคนจะนั่งอยู่ใต้เถาองุ่นของตน
และใต้ต้นมะเดื่อของตน
และจะไม่มีใครทำให้เขากลัว
เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ได้ตรัสไว้แล้ว
ชนชาติทั้งปวงอาจจะดำเนิน
ในนามของเทพเจ้าของตน
ส่วนเราจะดำเนินในพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตลอดนิรันดร์

แผนการขององค์พระผู้เป็นเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
“ในวันนั้น เราจะรวบรวมคนขาพิการ
เราจะรวบรวมบรรดาเชลย
ตลอดจนบรรดาคนที่เราให้พบกับความทุกข์โศก
เราจะให้คนขาพิการเป็นคนที่เหลืออยู่
ให้คนที่ถูกเนรเทศเป็นชาติที่แข็งแกร่ง
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะปกครองพวกเขาในภูเขาศิโยน
ตั้งแต่วันนั้นตราบชั่วนิรันดร์
ส่วนเจ้าผู้เป็นหอสังเกตการณ์ของฝูงแกะ
เป็นที่มั่น[a]ของธิดาแห่งศิโยน[b]
อำนาจดั้งเดิมจะกลับคืนมาเป็นของเจ้า
ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม[c]จะได้รับอำนาจครอบครอง”

เหตุใดเจ้าจึงร้องเสียงดัง
เจ้าไม่มีกษัตริย์หรือ?
ที่ปรึกษาของเจ้าย่อยยับไปแล้วหรือ?
เจ้าจึงเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนผู้หญิงกำลังคลอดลูก
10 ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
เหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก
เพราะบัดนี้เจ้าต้องจากเมือง
ไปตั้งค่ายอยู่กลางทุ่ง
เจ้าจะไปยังบาบิโลน
เจ้าจะได้รับการช่วยเหลือที่นั่น
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงไถ่เจ้า
ออกจากมือของศัตรูของเจ้าที่นั่น

11 แต่บัดนี้หลายชนชาติ
รวมตัวกันมารบกับเจ้า
เขากล่าวว่า “ให้ศิโยนถูกย่ำยี
ให้ตาของเราได้ดูศิโยนด้วยความสะใจ!”
12 แต่เขาไม่รู้
พระดำริขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เขาไม่เข้าใจแผนการของพระองค์
ผู้ทรงรวบรวมเขาเหมือนรวบรวมฟ่อนข้าวมาสู่ลานนวดข้าว
13 “ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย ลุกขึ้นนวดข้าวเถิด
เพราะเราจะให้เจ้ามีเขาเหล็ก
เราจะให้เจ้ามีกีบทองสัมฤทธิ์
และเจ้าจะบดขยี้ชนหลายชาติให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย”
พวกท่านจะถวายสิ่งที่เขาได้มาโดยไม่ชอบธรรมนั้นแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ถวายความมั่งคั่งของพวกเขาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลก

ลูกา 13

จงกลับใจใหม่ มิฉะนั้นจะพินาศ

13 ขณะนั้นมีบางคนทูลพระเยซูเรื่องชาวกาลิลีกลุ่มหนึ่งซึ่งปีลาตเอาเลือดของพวกเขาผสมกับเครื่องบูชาของพวกเขา พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านั้นเป็นคนบาปยิ่งกว่าชาวกาลิลีคนอื่นๆ เพราะเขาเผชิญทุกข์ภัยเช่นนี้หรือ? เราบอกท่านว่า ไม่ใช่! แต่หากพวกท่านไม่กลับใจใหม่ พวกท่านก็จะพินาศเช่นกัน หรืออย่างสิบแปดคนนั้นที่ถูกหอสิโลอัมพังลงมาทับตาย ท่านคิดว่าเขามีความผิดมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งปวงที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ? เราบอกท่านว่า ไม่ใช่! แต่หากท่านไม่กลับใจใหม่ พวกท่านก็จะพินาศเช่นกัน”

จากนั้นพระองค์ตรัสคำอุปมาดังนี้ “ชายคนหนึ่งปลูกมะเดื่อต้นหนึ่งไว้ในสวนองุ่น เขาไปหาดูผลแต่ไม่พบ เขาจึงบอกคนดูแลสวนองุ่นว่า ‘เรามาหาผลจากต้นมะเดื่อนี้สามปีแล้ว แต่ไม่เคยพบเลย จงโค่นมันทิ้ง! จะปลูกมันให้ดินจืดไปทำไม?’

“แต่คนดูแลสวนตอบว่า ‘นายเจ้าข้า ขอปล่อยมันไว้อีกปีหนึ่ง ข้าพเจ้าจะพรวนดินใส่ปุ๋ย ถ้าปีหน้าให้ผลก็ดีอยู่! แต่ถ้าไม่มีผลก็จะโค่นมันลง’ ”

หญิงหลังโกงหายโรคในวันสะบาโต

10 ในวันสะบาโตหนึ่ง ขณะพระเยซูทรงสั่งสอนอยู่ในธรรมศาลา 11 ที่นั่นมีหญิงคนหนึ่งถูกผีสิงมาสิบแปดปี หลังโกงยืดตัวตรงไม่ได้เลย 12 เมื่อพระเยซูทรงเห็นนางก็ทรงเรียกนางออกมาข้างหน้าและตรัสว่า “หญิงเอ๋ย ท่านหายจากความพิการนี้แล้ว” 13 จากนั้นพระองค์ทรงวางพระหัตถ์ทั้งสองบนนาง ทันใดนั้นนางก็ยืดตัวตรงและสรรเสริญพระเจ้า

14 นายธรรมศาลาไม่พอใจที่พระเยซูทรงรักษาโรคในวันสะบาโตจึงกล่าวกับประชาชนว่า “มีหกวันให้ทำงาน ดังนั้นจงมารับการรักษาในวันเหล่านั้นสิ ไม่ใช่ในวันสะบาโตอย่างนี้”

15 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบเขาว่า “เจ้าคนหน้าซื่อใจคด! เจ้าแต่ละคนก็ปล่อยวัวหรือลาของเจ้าจากคอกและพามันออกไปกินน้ำในวันสะบาโตไม่ใช่หรือ? 16 ก็แล้วหญิงคนนี้ผู้เป็นลูกหลานของอับราฮัมถูกซาตานผูกมัดมาตลอดสิบแปดปี ไม่ควรหรือที่จะปลดปล่อยนางให้เป็นอิสระในวันสะบาโต?”

17 เมื่อพระองค์ตรัสเช่นนี้ก็ทำให้ปฏิปักษ์ทั้งปวงของพระองค์อับอายขายหน้า แต่ประชาชนยินดีกับสิ่งอัศจรรย์ทั้งปวงที่ทรงกระทำ

คำอุปมาเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดและเชื้อขนม(A)

18 แล้วพระเยซูตรัสถามว่า “อาณาจักรของพระเจ้าเป็นเหมือนอะไร? เราจะเปรียบเทียบกับอะไรดี? 19 ก็เหมือนเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งมีคนเอาไปเพาะในสวนของตน มันเติบโตขึ้นเป็นต้นให้นกในอากาศมาเกาะที่กิ่ง”

20 พระองค์ตรัสถามอีกครั้งว่า “เราจะเปรียบอาณาจักรของพระเจ้ากับอะไรดี? 21 ก็เป็นเหมือนเชื้อขนมซึ่งผู้หญิงเอาไปผสมในแป้งกองใหญ่[a] จนแป้งทั้งก้อนฟูขึ้น”

ประตูแคบ

22 จากนั้นพระเยซูเสด็จไปสั่งสอนทั่วหมู่บ้านและเมืองต่างๆ ขณะทรงมุ่งหน้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 23 บางคนทูลถามพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรอดหรือ?”

พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า 24 “จงพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าไปทางประตูแคบ เพราะเราบอกท่านว่า คนเป็นอันมากจะพยายามเข้าไป แต่เข้าไม่ได้ 25 เมื่อเจ้าของบ้านตื่นและปิดประตูแล้ว ท่านจะยืนเคาะประตูอยู่ข้างนอกและอ้อนวอนว่า ‘นายเจ้าข้า ขอเปิดประตูให้เราด้วย’

“แต่เขาจะตอบว่า ‘เราไม่รู้จักเจ้า และไม่รู้ว่าเจ้ามาจากไหน’

26 “เมื่อนั้นท่านจะกล่าวว่า ‘เราเคยกินดื่มกับท่าน และท่านมาสั่งสอนที่ถนนของพวกเรา’

27 “แต่เขาจะตอบว่า ‘เราไม่รู้จักเจ้า และไม่รู้ว่าเจ้ามาจากไหน จงไปให้พ้น เจ้าคนทำชั่วทั้งปวง!’

28 “ที่นั่นจะมีการร่ำไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เมื่อท่านเห็นอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ กับผู้เผยพระวจนะทั้งปวงในอาณาจักรของพระเจ้า แต่ตัวท่านเองถูกโยนออกมา 29 ผู้คนจากทิศเหนือ ทิศใต้ ตะวันออกและตะวันตก จะเข้ามาประจำที่ของตนที่งานฉลองในอาณาจักรของพระเจ้า 30 อันที่จริงบรรดาผู้ที่เป็นคนสุดท้ายจะเป็นคนต้น และคนต้นจะเป็นคนสุดท้าย”

พระเยซูทรงสงสารกรุงเยรูซาเล็ม(B)

31 ครั้งนั้นพวกฟาริสีบางคนมาทูลพระเยซูว่า “ท่านจงออกจากที่นี่ไปที่อื่นเถิด เฮโรดต้องการจะฆ่าท่าน”

32 พระองค์ตรัสว่า “ไปบอกเจ้าสุนัขจิ้งจอกนั้นว่า ‘เราจะขับผีและรักษาโรคให้ผู้คนในวันนี้และวันพรุ่งนี้ และในวันที่สามเราจะบรรลุเป้าหมายของเรา’ 33 อย่างไรก็ตามเราต้องดำเนินต่อไปใน วันนี้ วันพรุ่งนี้ และวันถัดไป เพราะย่อมไม่มีผู้เผยพระวจนะคนใดตายนอกกรุงเยรูซาเล็ม!

34 “โอ เยรูซาเล็ม เยรูซาเล็มเอ๋ย เจ้าผู้เข่นฆ่าเหล่าผู้เผยพระวจนะและเอาหินขว้างบรรดาผู้ที่ทรงส่งมาหาเจ้า เราปรารถนาอยู่เนืองๆ ที่จะรวบรวมลูกๆ ของเจ้ามาเหมือนแม่ไก่ที่กกลูกๆ ไว้ใต้ปีก แต่เจ้าไม่ยอมเลย! 35 ดูเถิด นิเวศของเจ้าถูกทิ้งร้าง เราบอกเจ้าว่า เจ้าจะไม่ได้เห็นเราอีกจนกว่าเจ้าจะพูดว่า ‘สรรเสริญพระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า’[b]

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.