M’Cheyne Bible Reading Plan
เยโฮอาหาสครองราชย์ในอิสราเอล
13 ในปีที่ยี่สิบสามของโยอาชบุตรของอาหัสยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เยโฮอาหาสบุตรของเยฮูเริ่มปกครองอิสราเอลในสะมาเรีย และท่านครองราชย์เป็นเวลา 17 ปี 2 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และกระทำบาปทำนองเดียวกับเยโรโบอัมบุตรเนบัท ที่เป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป ท่านไม่ได้ละเว้นจากการกระทำบาป 3 ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงโกรธกริ้วอิสราเอลมาก และพระองค์มอบพวกเขาไว้ในมือของฮาซาเอลกษัตริย์แห่งอารัม และในมือของเบนฮาดัดบุตรของฮาซาเอล 4 เยโฮอาหาสจึงวิงวอนขอพระผู้เป็นเจ้า และพระผู้เป็นเจ้าก็ฟังเสียงของท่าน เพราะพระองค์เห็นการถูกบีบบังคับของอิสราเอล ว่ากษัตริย์แห่งอารัมบีบบังคับพวกเขาอย่างไร 5 (ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงมอบผู้ช่วยให้พ้นภัยผู้หนึ่งแก่อิสราเอล เพื่อให้พ้นจากเงื้อมมือของชาวอารัม และชาวอิสราเอลก็อาศัยอยู่ในบ้านของตนดังเดิม 6 อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ละเว้นจากการกระทำบาปของพงศ์พันธุ์เยโรโบอัม อันเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป และยังปฏิบัติต่อไป และเทวรูปอาเชราห์[a]ก็ยังอยู่ในสะมาเรีย) 7 กองทัพของเยโฮอาหาสที่เหลืออยู่มีทหารม้าไม่เกิน 50 คน รถศึก 10 คัน และทหารราบ 10,000 คน เพราะกษัตริย์แห่งอารัมได้ทำลายกองทัพไปเสียเกือบหมด เหยียบย่ำพวกเขาให้เป็นเหมือนฝุ่นที่เกิดจากการนวดข้าว 8 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเยโฮอาหาส และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ รวมทั้งความสำเร็จด้านยุทธการ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ 9 เยโฮอาหาสจึงสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองสะมาเรีย และเยโฮอาชบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
เยโฮอาชครองราชย์ในอิสราเอล
10 ในปีที่สามสิบเจ็ดของโยอาชกษัตริย์แห่งยูดาห์ เยโฮอาชบุตรเยโฮอาหาสเริ่มปกครองอิสราเอลในสะมาเรีย ท่านครองราชย์เป็นเวลา 16 ปี 11 ท่านด้วยที่กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และไม่ได้ละเว้นจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัท ซึ่งเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป แต่กลับดำเนินรอยตาม 12 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเยโฮอาช และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ รวมทั้งความสำเร็จที่ท่านต่อสู้อามาซิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ 13 เยโฮอาชจึงสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน และเยโรโบอัม[b]นั่งบนบัลลังก์ของท่าน เยโฮอาชถูกบรรจุศพในสะมาเรียกับบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล
เอลีชาสิ้นชีวิต
14 เมื่อเอลีชาล้มป่วยใกล้สิ้นชีวิต เยโฮอาชกษัตริย์แห่งอิสราเอลไปเยี่ยม และร้องไห้ต่อหน้าท่าน และกล่าวว่า “บิดาของเรา บิดาของเรา รถศึกและทหารม้าของอิสราเอล” 15 เอลีชาบอกท่านว่า “เอาคันธนูและลูกธนูมา” ท่านจึงเอาคันธนูและลูกธนูมา 16 และท่านบอกกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “หยิบคันธนูสิ” ท่านก็หยิบคันธนู และเอลีชาก็วางมือทั้งสองของท่านบนมือกษัตริย์ 17 และเอลีชาบอกว่า “จงเปิดหน้าต่างด้านตะวันออก” ท่านก็เปิดหน้าต่าง แล้วเอลีชาบอกว่า “ยิง” ท่านก็ยิง เอลีชาพูดว่า “ลูกธนูแห่งชัยชนะของพระผู้เป็นเจ้า ลูกธนูแห่งชัยชนะต่ออารัม เพราะว่าท่านจะต่อสู้ชาวอารัมในอาเฟก จนกระทั่งพวกเขาพ่ายแพ้ไป” 18 และท่านพูดว่า “เอาลูกธนูมา” และท่านก็เอาลูกธนูมา และท่านบอกกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “ใช้ธนูตีพื้น” และท่านก็ตีพื้น 3 ครั้ง แล้วก็หยุดตี 19 ครั้นแล้ว คนของพระเจ้าก็โกรธกษัตริย์ และพูดว่า “ท่านควรจะตีพื้น 5 หรือ 6 ครั้ง แล้วท่านก็จะปะทะกับอารัมได้ จนกระทั่งท่านทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ไป แต่บัดนี้ ท่านจะปะทะกับอารัมเพียง 3 ครั้ง”
20 แล้วเอลีชาก็สิ้นชีวิต และร่างก็ถูกบรรจุไว้ ช่วงนั้นมีกลุ่มโจรชาวโมอับที่มักจะบุกรุกแผ่นดินในฤดูใบไม้ผลิของแต่ละปี 21 ครั้งหนึ่ง ชาวอิสราเอลกำลังฝังศพของชายคนหนึ่ง ดูเถิด พวกเขาเห็นกลุ่มโจรก่อกวน จึงรีบโยนศพนั้นลงไปในที่เก็บศพของเอลีชา และทันทีที่ร่างของชายผู้นั้นแตะกระดูกของเอลีชา เขากลับมีชีวิตขึ้นอีกและลุกขึ้นยืนได้
22 ฝ่ายฮาซาเอลกษัตริย์แห่งอารัมก็บีบบังคับอิสราเอลตลอดสมัยที่เยโฮอาหาสครองราชย์ 23 แต่พระผู้เป็นเจ้ามีความกรุณาต่อพวกเขา สงสารและช่วยพวกเขา เพราะพันธสัญญาที่พระองค์ทำไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ[c] และจะไม่ทำลายพวกเขา หรือกำจัดให้พ้นจากหน้าของพระองค์แม้จนถึงบัดนี้
24 เมื่อฮาซาเอลกษัตริย์แห่งอารัมสิ้นชีวิต เบนฮาดัดบุตรของท่านขึ้นเป็นกษัตริย์แทน 25 เยโฮอาชบุตรเยโฮอาหาสยึดเมืองต่างๆ ของอิสราเอลกลับมาจากเบนฮาดัดบุตรฮาซาเอล ซึ่งเป็นเมืองที่ฮาซาเอลได้มาจากการสู้รบกับเยโฮอาหาสบิดาของท่าน เยโฮอาชรบชนะเบนฮาดัด 3 ครั้ง
ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย
3 แต่จงทราบไว้ด้วยว่า ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้ายจะมีความยากลำบาก 2 ผู้คนจะเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง เห็นแก่เงิน ขี้อวด หยิ่งยโส ดูหมิ่นผู้อื่น ไม่เชื่อฟังบิดามารดา ไม่รู้คุณคน ไม่นับถือพระเจ้า 3 ไม่มีความรัก ไม่ให้อภัย ใส่ร้าย ไม่ควบคุมตนเอง โหดร้าย ไม่รักดี 4 ทรยศ มุทะลุ หยิ่งผยอง รักสนุกมากกว่ารักพระเจ้า 5 ปฏิบัติตนเหมือนว่าใช้ชีวิตในทางของพระเจ้า แต่ใจจริงแล้วไม่เชื่อในอานุภาพนั้น อย่าคบกับคนเช่นนั้นเลย 6 คนพวกนี้เป็นประเภทหาทางเข้าบ้านของพวกผู้หญิงที่ไม่มีความคิดเป็นของตนเองและเป็นคนบาปหนา ปล่อยให้กิเลสต่างๆ นำพาชีวิต และเขาทำให้พวกนางอยู่ใต้บังคับของตน 7 ผู้หญิงเหล่านี้พยายามเรียนรู้เสมอแต่ไม่เคยรับรู้ความจริง 8 ยันเนสกับยัมเบรสได้ต่อต้านโมเสสเช่นไร คนเหล่านี้ก็ต่อต้านความจริงเช่นนั้น เป็นคนเสื่อมศีลธรรม มีความเชื่อที่ไม่แท้ 9 พวกเขาไม่ก้าวหน้าไปไกลนัก เพราะความเขลาของพวกเขาจะเป็นที่เห็นชัดต่อคนทั้งปวง เช่นเดียวกับความเขลาของชาย 2 คนนั้น
เปาโลกำชับทิโมธี
10 แต่ท่านได้ติดตามข้าพเจ้าอย่างใกล้ชิดทั้งในการสั่งสอน ความประพฤติ จุดมุ่งหมาย ความเชื่อ ความอดทน ความรัก ความบากบั่น 11 การกดขี่ข่มเหงและการทนทุกข์ทรมาน สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่เมืองอันทิโอก เมืองอิโคนียูมและที่เมืองลิสตรา ข้าพเจ้าทนต่อการกดขี่ข่มเหงเพียงไร แต่พระผู้เป็นเจ้าช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นได้ทั้งหมด 12 แท้จริงทุกคนที่ต้องการใช้ชีวิตในทางของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์จะถูกกดขี่ข่มเหง 13 แต่คนชั่วและเจ้าเล่ห์จะเลวลง เป็นคนหลอกลวงและถูกหลอกลวงด้วย 14 อย่างไรก็ตาม ท่านจงดำเนินการต่อไปตามสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้มาและเชื่อแน่นอนแล้ว และทราบว่าท่านเรียนรู้มาจากใคร 15 ตั้งแต่เด็กมาแล้วที่ท่านได้ทราบเกี่ยวกับพระคัมภีร์อันบริสุทธิ์ ซึ่งช่วยให้ท่านมีสติปัญญา เพื่อนำไปสู่ความรอดพ้นด้วยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 16 พระคัมภีร์ทุกตอนเขียนขึ้นได้ด้วยการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ทั้งในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว แก้ไขการประพฤติผิด และฝึกสอนให้มีความชอบธรรม 17 เพื่อว่าคนของพระเจ้าจะได้พรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกประการ
การลงโทษอิสราเอลและยูดาห์
5 บรรดาปุโรหิตเอ๋ย จงฟังเถิด
พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงเอาใจใส่ให้ดี
พงศ์พันธุ์ของกษัตริย์เอ๋ย จงเงี่ยหูฟัง
เพราะการลงโทษตกอยู่กับพวกเจ้า
เพราะพวกเจ้าเป็นกับดักที่มิสปาห์
และเป็นตาข่ายพรางบนภูเขาทาโบร์
2 พวกที่ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองได้เข่นฆ่าอย่างโหดร้าย
แต่เราจะกำราบพวกเขาทุกคน
3 เรารู้เรื่องของเอฟราอิมดี
และอิสราเอลหลบซ่อนจากเราไม่ได้
เอฟราอิมเอ๋ย บัดนี้เจ้าได้กระทำตนเป็นแพศยา
อิสราเอลก็มีมลทิน
4 การกระทำของพวกเขาไม่ยอมให้
พวกเขากลับไปหาพระเจ้าของตน
เพราะวิญญาณของความแพศยาอยู่ในตัวพวกเขา
และพวกเขาไม่รู้จักพระผู้เป็นเจ้า
5 ความภูมิใจของอิสราเอลเป็นพยานฟ้องต่อหน้าเขา
อิสราเอลและเอฟราอิมจะสะดุดในความผิดของเขา
ยูดาห์จะสะดุดไปด้วยกันกับพวกเขา
6 พวกเขาจะไปกับฝูงแพะแกะและโค
เพื่อแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
แต่พวกเขาจะไม่พบพระองค์
พระองค์ได้ไปจากพวกเขาแล้ว
7 พวกเขาไม่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า
เพราะได้มีลูกที่เกิดจากการผิดประเวณี
บัดนี้เทศกาลข้างขึ้นจะเขมือบกินพวกเขาไปพร้อมกับไร่นา
8 จงเป่าแตรงอนในกิเบอาห์
เป่าแตรยาวในรามาห์
ตะโกนก้องสนามรบที่เบธอาเวน
เบนยามินเอ๋ย พวกเราตามหลังเจ้าไป
9 เอฟราอิมจะกลายเป็นที่รกร้าง
ในวันแห่งการลงโทษ
เราประกาศให้รู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอน
ในบรรดาเผ่าของอิสราเอล
10 บรรดาผู้นำของยูดาห์ได้
กลายเป็นเหมือนบรรดาผู้ที่เขยื้อนหลักเขต
เราจะกระหน่ำการลงโทษของเรา
ลงบนพวกเขาอย่างน้ำหลาก
11 เอฟราอิมถูกกดขี่ข่มเหง
ถูกขยี้ในการลงโทษ
เพราะเขาปักใจจะไล่ตามความโสโครก
12 แต่เราจะเป็นเหมือนแมลงเม่าต่อเอฟราอิม
และเป็นเหมือนความผุพังต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์
13 เมื่อเอฟราอิมเห็นความเจ็บป่วยของเขา
และยูดาห์เห็นบาดแผลของเขา
แล้วเอฟราอิมหันไปหาอัสซีเรีย
และขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์ยาเรบ[a]
แต่เขาไม่สามารถรักษาพวกเจ้า
หรือทำให้บาดแผลของพวกเจ้าหายขาดได้
14 เพราะเราจะเป็นเหมือนสิงห์ต่อเอฟราอิม
และเป็นดั่งสิงห์หนุ่มต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์
แม้แต่เราเองก็จะฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ แล้วจึงจากไป
เราจะคาบพวกเขาไป และจะไม่มีใครมาช่วยให้รอดปลอดภัย
15 เราจะกลับไปยังที่ของเรา
จนกว่าพวกเขาจะยอมรับความผิดของตน
และจะแสวงหาเรา
เมื่อพวกเขาเป็นทุกข์
พวกเขาจะแสวงหาเราอย่างจริงใจ”
อิสราเอลและยูดาห์ไม่กลับใจ
6 “มาเถิด พวกเราหันกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้ากันเถิด
พระองค์ได้ฉีกพวกเราออกเป็นชิ้นๆ
แต่พระองค์จะรักษาพวกเราให้หาย
พระองค์ทำให้พวกเราบาดเจ็บ
แต่พระองค์จะพันบาดแผลให้
2 อีกสองวันพระองค์จะให้ชีวิตแก่พวกเรา
ในวันที่สามพระองค์จะทำให้พวกเราฟื้นขึ้นอีก
เพื่อพวกเราจะมีชีวิตอยู่ ณ เบื้องหน้าพระองค์
3 พวกเรายอมรับเถิด พวกเรามุมานะที่จะยอมรับพระผู้เป็นเจ้าต่อไปเถิด
พระองค์จะปรากฏอย่างแน่นอนดั่งอรุณรุ่ง
พระองค์จะมาหาพวกเราเหมือนสายฝนหลั่ง
เหมือนฝนในฤดูใบไม้ผลิที่โปรยปรายลงสู่พื้นดิน”
4 “โอ เอฟราอิมเอ๋ย เราจะทำอย่างไรกับเจ้า
โอ ยูดาห์เอ๋ย เราจะทำอย่างไรกับเจ้า
ความรักของเจ้าเป็นเหมือนละอองน้ำในยามเช้า
เป็นเหมือนน้ำค้างยามเช้าตรู่ที่จางหายไป
5 ฉะนั้น เราได้สกัดพวกเขาด้วยบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า
เราได้สังหารพวกเขาด้วยคำพูดจากปากของเรา
และการตัดสินโทษของเราจะมาเหมือนสายฟ้าแลบ
6 เพราะเราต้องการความรักอันมั่นคง[b] มากกว่าเครื่องสักการะ
และการรู้จักพระเจ้า มากกว่าสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย
7 พวกเขาได้ละเมิดพันธสัญญาเช่นเดียวกับอาดัม
พวกเขาไม่ภักดีต่อเรา
8 กิเลอาดเป็นเมืองของบรรดาคนทำความชั่ว
มีรอยเท้าที่เปื้อนเลือด
9 นั่งดักซุ่มรอคนราวกับโจร
กลุ่มปุโรหิตก็กระทำเช่นเดียวกัน
พวกเขาฆ่าคนตามทางที่ไปยังเชเคม
กระทำการฆาตกรรมที่น่าอับอาย
10 เราเห็นสิ่งที่น่ากลัวในพงศ์พันธุ์อิสราเอล
ความแพศยาของเอฟราอิมก็อยู่ที่นั่น
อิสราเอลมีมลทิน
11 โอ ยูดาห์เอ๋ย เวลาเก็บเกี่ยวถูกกำหนดสำหรับเจ้าแล้ว
เมื่อเราทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของชนชาติของเราคืนสู่สภาพเดิม
ק โคฟ
145 ข้าพเจ้าร่ำร้องอย่างหมดใจ โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดตอบข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์
146 ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์ โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
ข้าพเจ้าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์
147 ข้าพเจ้าลุกขึ้นก่อนรุ่งอรุณ และร้องขอความช่วยเหลือ
ข้าพเจ้าหวังในคำกล่าวของพระองค์
148 ตาของข้าพเจ้าเปิดอยู่ทุกยาม
เพื่อใคร่ครวญถึงคำสัญญาของพระองค์
149 โปรดฟังเสียงข้าพเจ้าด้วยความรักอันมั่นคงของพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้ข้าพเจ้ามีชีวิตตามคำตัดสินของพระองค์
150 พวกที่วางแผนเพื่อประสงค์ร้ายกำลังใกล้เข้ามา
พวกเขาอยู่ห่างไกลจากกฎบัญญัติของพระองค์
151 พระผู้เป็นเจ้า พระองค์อยู่แนบชิด
และพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์เป็นความจริง
152 ข้าพเจ้าทราบมานานแล้วว่าพระองค์ทำพันธสัญญา
เพื่อให้ยืนยงตลอดกาล
ר เรช
153 ดูความทุกข์ยากของข้าพเจ้า และช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นเถิด
เพราะข้าพเจ้าไม่ลืมกฎบัญญัติของพระองค์
154 ขอพระองค์สู้ความให้ข้าพเจ้า โปรดไถ่ข้าพเจ้า
ให้มีชีวิตตามคำสัญญาของพระองค์เถิด
155 พวกคนชั่วอยู่ห่างจากความรอดพ้น
เพราะเขาไม่แสวงหากฎเกณฑ์ของพระองค์
156 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์มีเมตตายิ่งนัก
ให้ข้าพเจ้ามีชีวิตตามคำตัดสินของพระองค์เถิด
157 ทั้งพวกที่จะมาข่มเหง และพวกที่อยู่ตรงข้ามข้าพเจ้ามีจำนวนมาก
แต่ข้าพเจ้าไม่หันเหไปจากคำสั่งของพระองค์
158 ข้าพเจ้ามองดูพวกไร้ความเชื่อด้วยความขยะแขยง
เพราะเขาไม่ปฏิบัติตามคำกล่าวของพระองค์
159 ดูเถิดว่า ข้าพเจ้ารักข้อบังคับของพระองค์เพียงไร
โปรดให้ข้าพเจ้ามีชีวิตตามความรักอันมั่นคงของพระองค์เถิด
160 แก่นแท้ของคำกล่าวของพระองค์คือความจริง
และคำบัญชาทั้งมวลอันกอปรด้วยความชอบธรรมของพระองค์จะยืนยงตลอดกาล
ש ซีน และ ชีน
161 พวกเจ้าขุนมูลนายข่มเหงข้าพเจ้าอย่างไร้สาเหตุ
แต่ใจข้าพเจ้าครั่นคร้ามในคำกล่าวของพระองค์
162 ข้าพเจ้ายินดีในคำสัญญาของพระองค์
ราวกับผู้พบสมบัติมหาศาล
163 ข้าพเจ้าทั้งเกลียดทั้งชังความจอมปลอม
แต่ข้าพเจ้ารักกฎบัญญัติของพระองค์
164 ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์วันละ 7 ครั้ง
เพราะคำตัดสินอันชอบธรรมของพระองค์
165 บรรดาผู้รักกฎบัญญัติของพระองค์ย่อมมีสันติสุขมาก
ไม่มีสิ่งใดทำให้เขาพลาดได้
166 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้รับความรอดพ้นจากพระองค์
และข้าพเจ้าปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์
167 จิตวิญญาณข้าพเจ้าปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์
และข้าพเจ้าก็รักคำสั่งนั้นมาก
168 ข้าพเจ้าปฏิบัติตามข้อบังคับและคำสั่งของพระองค์
เพราะพระองค์รู้เห็นทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ
ת ทาฟ
169 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้เสียงร้องของข้าพเจ้าอยู่เบื้องหน้าพระองค์
โปรดให้ข้าพเจ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้ตามคำกล่าวของพระองค์
170 โปรดให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าอยู่เบื้องหน้าพระองค์
ช่วยข้าพเจ้าให้ปลอดภัยตามคำสัญญาของพระองค์
171 ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะเปล่งคำสรรเสริญ
เพราะพระองค์สอนกฎเกณฑ์แก่ข้าพเจ้า
172 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงคำสัญญาของพระองค์
เพราะพระบัญญัติทุกข้อของพระองค์ล้วนชอบธรรม
173 ขอให้มือของพระองค์พร้อมที่จะช่วยข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าได้เลือกข้อบังคับของพระองค์
174 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ากระหายในความรอดพ้นที่จะได้รับจากพระองค์
และข้าพเจ้ายินดีในกฎบัญญัติของพระองค์
175 โปรดให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ เพื่อจะได้สรรเสริญพระองค์
และให้คำตัดสินของพระองค์ช่วยข้าพเจ้า
176 ข้าพเจ้าสำคัญผิดไปเหมือนแกะที่หลงหาย โปรดแสวงหาผู้รับใช้ของพระองค์
เพราะข้าพเจ้าไม่ลืมพระบัญญัติของพระองค์
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation