Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 8

ชาวชูเนมได้ที่ดินกลับคืน

ก่อนหน้านี้ เอลีชาได้บอกหญิงคนที่ท่านช่วยให้บุตรชายมีชีวิตคืนมาว่า “ไปเถิด จงพาทั้งครัวเรือนของเจ้าเดินทางไป และไปหาที่อาศัยเท่าที่ท่านจะอยู่ได้ เพราะพระผู้เป็นเจ้าสั่งให้เกิดทุพภิกขภัยในแผ่นดิน ยาวนานถึง 7 ปี”[a] หญิงคนนั้นจึงเดินทางไป และทำตามคำของคนของพระเจ้า นางไปกับครัวเรือนของนาง และอาศัยอยู่ในแผ่นดินของชาวฟีลิสเตีย 7 ปี ปลายปีที่เจ็ด เมื่อนางกลับมาจากแผ่นดินของชาวฟีลิสเตีย นางก็ไปร้องทุกข์ต่อกษัตริย์เรื่องบ้านและที่ดินของนาง ฝ่ายกษัตริย์ก็กำลังพูดอยู่กับเกหะซีคนรับใช้ของคนของพระเจ้าว่า “จงเล่าเรื่องอัศจรรย์ต่างๆ ที่เอลีชาได้กระทำให้เราฟัง” ขณะที่เขากำลังทูลกษัตริย์ว่า เอลีชาทำให้คนตายมีชีวิตขึ้นได้อย่างไร ดูเถิด หญิงที่ท่านช่วยให้บุตรชายมีชีวิตคืนมา ก็มาร้องทุกข์ต่อกษัตริย์เรื่องบ้านและที่ดินของนาง และเกหะซีทูลว่า “โอ เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ หญิงคนนี้แหละ นี่ก็คือบุตรชายของนางที่เอลีชาช่วยให้มีชีวิตคืนมา” เมื่อกษัตริย์ถามหญิงผู้นั้น นางก็ทูลเรื่องราวให้ท่านฟัง ดังนั้นกษัตริย์จึงมอบหมายให้ขันทีคนหนึ่งช่วยนาง และกำชับว่า “จงไปนำทุกสิ่งกลับคืนมาให้นาง รวมถึงผลิตผลที่ได้จากนา นับตั้งแต่วันที่นางจากไปจนถึงบัดนี้”

ฮาซาเอลประหารเบนฮาดัด

ฝ่ายเอลีชาก็มายังเมืองดามัสกัส เบนฮาดัดกษัตริย์แห่งอารัมป่วยอยู่ มีคนทูลให้ท่านทราบว่า “คนของพระเจ้าได้มาถึงที่นี่” กษัตริย์กล่าวกับฮาซาเอลว่า “เจ้าจงไปพบกับคนของพระเจ้า แล้วเอาของกำนัลไปด้วย และถามพระผู้เป็นเจ้าผ่านท่านว่า ‘เราจะหายจากโรคนี้ไหม’” ฮาซาเอลจึงไปพบกับเอลีชา โดยนำสินค้าชั้นเยี่ยมจากดามัสกัสเป็นของกำนัลบรรทุกอูฐไป 40 ตัว เมื่อมาถึงก็ได้ยืนต่อหน้าท่าน และพูดว่า “เบนฮาดัดกษัตริย์แห่งอารัมผู้เคารพนับถือท่าน ใช้ข้าพเจ้ามาหาท่าน เพื่อถามว่า ‘เราจะหายจากโรคนี้ไหม’” 10 เอลีชาตอบเขาว่า “จงไปบอกท่านว่า ‘ท่านจะหายจากโรคนี้อย่างแน่นอน’ แต่พระผู้เป็นเจ้าบอกให้เราทราบแล้วว่า ท่านจะสิ้นชีวิตอย่างแน่นอน” 11 ท่านจ้องดูฮาซาเอลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จนกระทั่งฮาซาเอลรู้สึกอึดอัดใจ แล้วคนของพระเจ้าก็ร้องไห้ 12 ฮาซาเอลถามว่า “ทำไมเจ้านายของข้าพเจ้าจึงร้องไห้” ท่านตอบว่า “เพราะเรารู้ถึงความเลวร้ายที่เจ้าจะกระทำต่อชาวอิสราเอล เจ้าจะเอาไฟเผาเมืองต่างๆ ที่พวกเขาคุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่ง เจ้าจะใช้ดาบฆ่าคนหนุ่มๆ และเด็กๆ ถูกเหวี่ยงกระดูกหักตาย และฟันท้องของหญิงมีครรภ์” 13 ฮาซาเอลพูดว่า “ข้ารับใช้อย่างข้าพเจ้าเป็นเพียงคนต่ำต้อย แล้วจะกระทำการครั้งยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างไร” เอลีชาตอบว่า “พระผู้เป็นเจ้าบอกให้เราทราบแล้วว่า เจ้าจะเป็นกษัตริย์ปกครองอารัม” 14 แล้วเขาก็จากเอลีชา และกลับไปหานายของเขา กษัตริย์ถามเขาว่า “เอลีชาพูดอะไรกับเจ้า” เขาตอบว่า “เอลีชากล่าวว่า ท่านจะหายป่วยแน่” 15 แต่พอวันรุ่งขึ้น เขาใช้ผ้าคลุมเตียงจุ่มน้ำ และคลุมไว้ที่หน้าเบนฮาดัดจนสิ้นชีวิต และฮาซาเอลก็ขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทน

เยโฮรัมครองราชย์ในยูดาห์

16 ในปีที่ห้าของโยรัมบุตรอาหับกษัตริย์แห่งอิสราเอล เยโฮรัมบุตรเยโฮชาฟัทกษัตริย์แห่งยูดาห์ก็เริ่มครองราชย์ 17 ท่านมีอายุ 32 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 8 ปีในเยรูซาเล็ม 18 และท่านดำเนินชีวิตตามแบบอย่างบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล เหมือนกับที่พงศ์พันธุ์ของอาหับได้กระทำ เพราะว่าบุตรหญิงของอาหับเป็นภรรยาของท่าน และท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า 19 ถึงกระนั้นพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่ต้องการทำลายยูดาห์ เพราะเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ ในเมื่อพระองค์ได้สัญญาว่าจะมอบผู้สืบเชื้อสายให้แก่ท่าน และแก่บุตรหลานของท่านตลอดไป[b]

20 ในรัชสมัยของเยโฮรัม เอโดมขัดขืนต่อการปกครองของยูดาห์ และแต่งตั้งกษัตริย์ปกครองพวกของตน 21 ครั้นแล้วเยโฮรัมจึงยกทัพไปยังศาอีร์พร้อมกับขบวนรถศึกของท่าน ชาวเอโดมก็ยกทัพมาล้อมท่าน แต่ท่านและผู้บัญชาการรถศึกตีฝ่าชาวเอโดมออกไปได้ในเวลากลางคืน และพวกทหารของท่านก็หนีกลับบ้านไป 22 ดังนั้นเอโดมไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของยูดาห์มาจนถึงทุกวันนี้ ในเวลาเดียวกันลิบนาห์ก็ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองเช่นกัน 23 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเยโฮรัม และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ 24 เยโฮรัมสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิด และอาหัสยาห์บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน

อาหัสยาห์ครองราชย์ในยูดาห์

25 ในปีที่สิบสองของโยรัมบุตรอาหับกษัตริย์แห่งอิสราเอล อาหัสยาห์บุตรเยโฮรัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ก็เริ่มครองราชย์ 26 อาหัสยาห์มีอายุ 22 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 1 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อ อาธาลิยาห์ นางเป็นหลานสาวของอมรีกษัตริย์แห่งอิสราเอล 27 ท่านดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพงศ์พันธุ์ของอาหับ และกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่พงศ์พันธุ์ของอาหับได้กระทำ เพราะว่าท่านเป็นบุตรเขยในพงศ์พันธุ์ของอาหับ

28 ท่านไปกับโยรัมบุตรอาหับ เพื่อทำสงครามต่อสู้กับฮาซาเอลกษัตริย์แห่งอารัมที่ราโมทกิเลอาด ชาวอารัมทำให้โยรัมได้รับบาดเจ็บ 29 กษัตริย์โยรัมกลับไปรับการรักษาที่ยิสเรเอล เพราะชาวอารัมทำให้ท่านบาดเจ็บที่รามาห์เมื่อต่อสู้กับฮาซาเอลกษัตริย์แห่งอารัม และอาหัสยาห์บุตรเยโฮรัมกษัตริย์แห่งยูดาห์จึงไปเยี่ยมโยรัมบุตรอาหับที่ยิสเรเอล เพราะท่านป่วย

1 ทิโมธี 5

แม่ม่าย ผู้ปกครอง และทาส

อย่าว่ากล่าวชายผู้มีอาวุโสด้วยความแข็งกระด้าง แต่จงเตือนเสมือนว่าเขาเป็นบิดาของท่านเอง จงปฏิบัติต่อคนหนุ่มๆ เสมือนว่าเขาเป็นพี่น้อง ต่อหญิงผู้มีอาวุโสกว่าเสมือนมารดา และหญิงสาวเสมือนพี่น้องด้วยใจอันบริสุทธิ์ยิ่ง

จงให้เกียรติแก่แม่ม่ายผู้ไร้ที่พึ่งจริงๆ แต่ถ้าหญิงม่ายที่มีลูกหลาน ก่อนอื่นใด ลูกหลานเองควรปฏิบัติหน้าที่ในทางของพระเจ้า โดยการดูแลครอบครัวของตนเป็นการตอบแทนพระคุณต่อพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นที่พอใจของพระเจ้า หญิงม่ายผู้ไร้ที่พึ่งจริงๆ ที่ถูกทอดทิ้งไว้ตามลำพังก็ตั้งความหวังในพระเจ้า และอธิษฐานขอความช่วยเหลือต่อไปทั้งวันและคืน แต่หญิงม่ายที่ดำเนินชีวิตเพื่อหาความเพลิดเพลินก็เหมือนตายทั้งเป็น จงกำชับสิ่งเหล่านี้กับเขาด้วย เพื่อว่าเขาจะได้ไม่ถูกตำหนิ ถ้าผู้ใดไม่เลี้ยงดูเครือญาติของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่พี่น้องของตนแล้ว ผู้นั้นก็ปฏิเสธความเชื่อและเลวยิ่งกว่าคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า

หญิงม่ายที่จะถูกจัดอยู่ในรายชื่อแม่ม่ายได้ จะต้องมีอายุเกิน 60 ปีและมีสามีคนเดียว 10 และการกระทำความดีของนางเป็นที่รู้จักดี เช่นการเลี้ยงดูลูกๆ มีอัธยาศัยดีในการต้อนรับ ล้างเท้าบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ และอุทิศตนทำความดีประการต่างๆ 11 อย่าจัดม่ายสาวๆ ให้อยู่ในรายชื่อนี้ เพราะเมื่อความต้องการทางกายเกิดมีมากเกินกว่าการอุทิศตนต่อพระคริสต์แล้ว นางก็จะต้องการแต่งงาน 12 ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกนางจะถูกตำหนิ เพราะเป็นการฝ่าฝืนสัญญาข้อแรก 13 นอกจากนั้นแล้วยังติดนิสัยเป็นคนเกียจคร้านเที่ยวไปบ้านนั้นบ้านนี้ และไม่เพียงเป็นคนเกียจคร้านเท่านั้น แต่ซุบซิบนินทาและยุ่งกับเรื่องของผู้อื่น พูดสิ่งที่ไม่ควรจะพูด 14 ดังนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกแม่ม่ายสาวๆ แต่งงานมีบุตรและดูแลบ้านเรือนของตน เพื่อปิดโอกาสไม่ให้ศัตรูกล่าวหาว่าร้ายได้ 15 ความจริงมีบางคนที่ได้หันไปติดตามซาตานแล้วด้วย 16 ถ้ามีหญิงคนใดเป็นผู้ที่มีความเชื่อและมีญาติพี่น้องที่เป็นม่าย ก็ให้เธอช่วยเหลือบรรดาแม่ม่ายโดยไม่ต้องให้เป็นภาระของคริสตจักร เพื่อว่าคริสตจักรจะได้สามารถช่วยหญิงม่ายผู้ไร้ที่พึ่งจริงๆ

17 บรรดาผู้ปกครองที่ปกครองดีสมควรได้รับเกียรติ 2 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ประกาศและสั่งสอนข่าวประเสริฐด้วยความขยันขันแข็ง 18 เพราะพระคัมภีร์ระบุว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากโคขณะที่มันกำลังนวดข้าวอยู่”[a] และ “คนงานสมควรได้รับค่าจ้างของตน”[b] 19 อย่ารับคำกล่าวหาเกี่ยวกับผู้ปกครอง นอกจากจะมีพยาน 2 หรือ 3 คน 20 คนที่ทำบาปต้องถูกว่ากล่าวต่อหน้าคนทั้งปวง เพื่อคนอื่นจะได้เกรงกลัว 21 ข้าพเจ้าขอกำชับท่านต่อหน้าพระเจ้า พระเยซูคริสต์ และบรรดาทูตสวรรค์ที่พระองค์เลือกไว้ว่า ให้ท่านรักษาระเบียบเหล่านี้โดยไม่มีความรังเกียจหรือแสดงความลำเอียง 22 อย่ารีบร้อนวางมือบนตัวเพื่อแต่งตั้งผู้ใด และอย่ามีส่วนร่วมในบาปของผู้อื่น จงรักษาตนให้บริสุทธิ์ 23 อย่าดื่มเพียงแต่น้ำเท่านั้น จงดื่มเหล้าองุ่นบ้างเล็กน้อยเพื่อกระเพาะอาหารและโรคที่ท่านเป็นอยู่บ่อยครั้ง 24 บาปของคนบางคนปรากฏชัด และบาปของเขาก้าวล่วงหน้าเขาไปยังที่สำหรับพิพากษา บาปของคนบางคนปรากฏในภายหลัง 25 ส่วนการกระทำดีก็เป็นเช่นเดียวกัน คือปรากฏชัด แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ปรากฏชัดแต่ก็จะถูกปิดบังไว้ไม่ได้

ดาเนียล 12

ระยะเวลาสุดท้าย

12 ในเวลานั้น มีคาเอลทูตสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้ปกป้องชนชาติของดาเนียลจะลุกขึ้น และจะเป็นเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่แรกที่มีประชาชาติจนถึงเวลานี้ แต่ในเวลานั้น ชนชาติของดาเนียลที่มีนามบันทึกไว้แล้วในหนังสือจะรอดชีวิต ผู้คนจำนวนมากมายที่นอนในผงธุลีจะตื่นขึ้น บางคนจะได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์ บางคนจะอับอายและถูกดูหมิ่นไปจนชั่วนิรันดร์ และรัศมีของบรรดาผู้ที่กอปรด้วยสติปัญญาจะสาดส่องดั่งความสว่างของฟ้าสวรรค์ และบรรดาผู้ที่นำคนจำนวนมากให้ถึงซึ่งความชอบธรรม จะสาดส่องดั่งดวงดาวไปชั่วนิรันดร์กาล แต่ดาเนียล ท่านจงปิดเรื่องเป็นความลับและผนึกตราหนังสือไว้ จนถึงระยะเวลาสุดท้าย คนจำนวนมากจะวิ่งไปมา และความรู้จะเพิ่มยิ่งขึ้น”

ครั้นแล้ว ข้าพเจ้าดาเนียลก็มองดู ข้าพเจ้าเห็นอีก 2 ท่านยืนอยู่ ท่านหนึ่งยืนอยู่บนฝั่งนี้ของแม่น้ำ ส่วนอีกท่านยืนอยู่บนฝั่งนั้นของแม่น้ำ และข้าพเจ้าถามชายผู้สวมผ้าป่าน ซึ่งอยู่เหนือต้นน้ำว่า “จะนานแค่ไหนจนกว่าจะถึงระยะเวลาสุดท้ายของสิ่งวิเศษเหล่านี้” ชายที่สวมผ้าป่านที่อยู่เหนือต้นน้ำยกมือขวาและมือซ้ายขึ้นสู่สวรรค์ ข้าพเจ้าได้ยินท่านกล่าวปฏิญาณโดยอ้างพระนามของพระองค์ผู้ดำรงชีวิตชั่วนิรันดร์กาลว่า “จะเป็นเวลา 1 วาระ 2 วาระ และครึ่งวาระ[a] เมื่อการกดขี่ข่มเหงที่มีต่อชนชาติบริสุทธิ์สิ้นสุดลง และสิ่งเหล่านี้ก็จะสัมฤทธิผล” ข้าพเจ้าได้ยิน แต่ไม่เข้าใจจึงถามว่า “โอ นายท่านของข้าพเจ้า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร” ท่านตอบว่า “ดาเนียลเอ๋ย ท่านไม่ต้องกังวล เพราะเรื่องถูกปิดผนึกจนจะถึงระยะเวลาสุดท้าย 10 หลายคนจะชำระตัวให้บริสุทธิ์ และทำตนให้ขาวสะอาด และถูกหลอมอย่างโลหะ แต่คนชั่วร้ายจะประพฤติชั่ว และไม่มีผู้ใดในหมู่คนชั่วจะเข้าใจ แต่บรรดาผู้ที่กอปรด้วยสติปัญญาจะเข้าใจ 11 และนับจากเวลาที่เลิกล้างการถวายเครื่องสักการะประจำวัน และจัดตั้งสิ่งที่น่าชังซึ่งทำให้เกิดความวิบัติ เวลา 1,290 วันจะผ่านพ้นไป 12 บรรดาผู้ที่คงความภักดีจนกระทั่ง 1,335 วันผ่านพ้นไปก็เป็นสุข[b] 13 แต่ท่านไม่ต้องกังวลจนถึงระยะเวลาสุดท้าย และท่านจะได้หยุดพัก และจะลุกขึ้นรับส่วนแบ่งของท่านเมื่อวันสิ้นสุดลง”

สดุดี 119:49-72

ז ซายิน

49 โปรดระลึกถึงคำกล่าวของพระองค์ที่มีต่อผู้รับใช้ของพระองค์
    เพราะคำกล่าวเป็นความหวังของข้าพเจ้า
50 นี่คือความอุ่นใจของข้าพเจ้าในยามทุกข์ยาก
    คือคำสัญญาของพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าคงชีวิตอยู่
51 พวกที่ยโสเยาะเย้ยข้าพเจ้าอยู่เสมอ
    แต่ข้าพเจ้าก็ไม่หันเหไปจากกฎบัญญัติของพระองค์
52 โอ พระผู้เป็นเจ้า เมื่อข้าพเจ้านึกถึงคำสั่งของพระองค์ที่มีแต่กาลก่อน
    ข้าพเจ้าก็อุ่นใจ
53 ข้าพเจ้าโกรธเหลือเกินในยามที่เห็น
    คนชั่วละทิ้งกฎบัญญัติของพระองค์
54 กฎเกณฑ์ของพระองค์ได้เป็นหัวข้อบทเพลงของข้าพเจ้า
    ในที่ต่างแดนอันเป็นที่อาศัยของข้าพเจ้า
55 ในยามค่ำ ข้าพเจ้านึกถึงพระนามของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
    และข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระองค์
56 ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติเรื่อยมา
    ข้าพเจ้าทำตามข้อบังคับของพระองค์

ח เคธ

57 พระผู้เป็นเจ้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าให้สัญญาว่าจะรักษาคำกล่าวของพระองค์ไว้
58 ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
    ขอพระองค์กรุณาต่อข้าพเจ้าตามคำสัญญาของพระองค์
59 ข้าพเจ้าได้ตรึกตรองวิถีทางของข้าพเจ้าแล้ว
    และหันวิถีทางไปตามคำสั่งของพระองค์
60 ข้าพเจ้ารีบทำตามพระบัญญัติ
    ของพระองค์โดยไม่รอช้า
61 แม้สายรัดจากคนชั่วจะเป็นบ่วงแร้วมัดรอบตัวข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าก็ไม่ลืมกฎบัญญัติของพระองค์
62 ข้าพเจ้าลุกขึ้นกลางดึกเพื่อขอบคุณพระองค์
    สำหรับการตัดสินอันกอปรด้วยความชอบธรรมของพระองค์
63 ข้าพเจ้าเป็นมิตรกับทุกคนที่เกรงกลัวพระองค์
    และกับบรรดาผู้รักษาข้อบังคับของพระองค์
64 โอ พระผู้เป็นเจ้า แผ่นดินโลกอุดมด้วยความรักอันมั่นคงของพระองค์
    โปรดสอนกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพเจ้าเถิด

ט เทธ

65 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้กระทำดีต่อผู้รับใช้ของพระองค์
    ตามคำกล่าวของพระองค์
66 โปรดสอนข้าพเจ้าให้มีความรู้และมีความสามารถหยั่งรู้ได้
    เพราะข้าพเจ้าวางใจในพระบัญญัติของพระองค์
67 ก่อนที่ข้าพเจ้าจะต้องรับทุกข์ทรมาน ข้าพเจ้าได้หลงผิดไป
    แต่มาบัดนี้ ข้าพเจ้าปฏิบัติตามคำกล่าวของพระองค์
68 พระองค์ผู้ประเสริฐและกระทำแต่สิ่งดีงาม
    โปรดสอนกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพเจ้า
69 พวกที่ยโสปั้นเรื่องให้ร้ายป้ายสีข้าพเจ้า
    แต่ข้าพเจ้าปฏิบัติตามข้อบังคับของพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
70 จิตใจของพวกเขากระด้างจนสิ้นความรู้สึก
    แต่ข้าพเจ้ายินดีในกฎบัญญัติของพระองค์
71 นับว่าเป็นสิ่งดีที่ข้าพเจ้าได้เผชิญกับความทุกข์
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้เรียนรู้ถึงกฎเกณฑ์ของพระองค์
72 ข้าพเจ้านับว่ากฎบัญญัติจากปากของพระองค์
    ล้ำค่าเสียยิ่งกว่าเงินและทองคำนับพันชิ้น

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation