Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 6

หัวขวานลอยน้ำ

กลุ่มผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าพูดกับเอลีชาว่า “เห็นไหมว่า สถานที่ซึ่งพวกเราอาศัยอยู่ภายใต้การควบคุมของท่านนั้นเล็กเกินไปสำหรับพวกเรา เราไปที่แม่น้ำจอร์แดนกันเถิด พวกเราจะหาไม้ซุงกันคนละต้น และสร้างที่อยู่เพื่ออาศัยอยู่กันที่นั่น” ท่านตอบว่า “ไปสิ” คนหนึ่งพูดว่า “ขอให้ท่านไปด้วยกันกับผู้รับใช้ของท่าน” ท่านตอบว่า “เราจะไป” ท่านจึงไปกับพวกเขา เมื่อมาถึงแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาก็โค่นต้นไม้ แต่ขณะที่คนหนึ่งกำลังโค่นซุง หัวขวานของเขาก็ตกลงในน้ำ เขาร้องขึ้นว่า “แย่แล้ว เจ้านายของข้าพเจ้า เป็นขวานที่เราขอยืมมาเสียด้วย” และคนของพระเจ้าพูดว่า “มันตกที่ไหนล่ะ” เมื่อเขาชี้ให้เห็นว่าที่ไหน ท่านก็ตัดไม้ท่อนหนึ่ง และโยนลงไปที่นั่น ท่านก็ทำให้เหล็กลอยน้ำได้ ท่านพูดว่า “หยิบขึ้นมา” เขาก็ยื่นมือไปจับหัวขวานขึ้นมา

ม้าและรถศึกไฟ

เมื่อกษัตริย์แห่งอารัมโจมตีอิสราเอล ท่านได้ปรึกษาหารือกับบรรดาข้าราชการ และกล่าวว่า “เราจะตั้งค่ายของเราที่นี่ที่นั่น” แต่คนของพระเจ้าใช้คนไปแจ้งกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “ท่านควรระวังที่จะไม่ผ่านไปทางนี้ เพราะว่าชาวอารัมกำลังจะไปที่นั่น” 10 กษัตริย์แห่งอิสราเอลจึงเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้น คนของพระเจ้าเตือนกษัตริย์อยู่เป็นประจำ และกษัตริย์ได้รับความปลอดภัยเสมอ

11 เรื่องนี้ทำให้กษัตริย์แห่งอารัมวุ่นวายใจมาก จึงเรียกข้าราชการมา และพูดกับพวกเขาว่า “บอกได้ไหมว่าใครในพวกของเราที่เป็นฝ่ายกษัตริย์แห่งอิสราเอล” 12 หนึ่งในกลุ่มข้าราชการตอบว่า “โอ เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ไม่มีผู้ใดหรอก นอกจากเอลีชา ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าที่อยู่ในอิสราเอล เป็นผู้ทูลกษัตริย์แห่งอิสราเอลให้ทราบว่า ท่านกล่าวสิ่งใดบ้าง แม้จะเป็นคำที่กล่าวในห้องนอนของท่าน” 13 ท่านพูดว่า “ไปดูซิว่า เขาอยู่ที่ไหน เราจะได้ให้คนไปจับตัวเขามา” มีคนทูลท่านว่า “ดูเถิด เขาอยู่ในโดธาน” 14 ดังนั้น ท่านจึงส่งกองทัพใหญ่ไปกับม้าและรถศึก ไปถึงในเวลากลางคืน แล้วพวกเขาก็ล้อมเมืองไว้

15 เมื่อคนรับใช้ของคนของพระเจ้าลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ เขาก็ออกไปข้างนอก ดูเถิด กองทัพทหารกับม้าและรถศึกล้อมเมืองไว้ คนรับใช้พูดว่า “แย่แล้ว เจ้านายของข้าพเจ้า เราจะทำอย่างไรดี” 16 ท่านตอบว่า “อย่ากลัวเลย เพราะว่าคนของพวกเรามีมากกว่าคนของพวกเขา” 17 เอลีชาจึงอธิษฐานว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดเปิดตาให้เขามองเห็นด้วยเถิด” ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงเปิดตาของคนรับใช้หนุ่ม และเขาก็เห็น ดูเถิด ภูเขาเต็มไปด้วยม้าและรถศึกเพลิงล้อมรอบเอลีชา 18 เมื่อชาวอารัมลงมาโจมตี เอลีชาอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า “ขอพระองค์ทำให้คนเหล่านี้ตาบอดไปเถิด” ดังนั้นพระองค์ทำให้คนเหล่านั้นตาบอดไป ดังที่เอลีชาอธิษฐานขอ 19 และเอลีชาพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้ามาผิดทางแล้ว ที่นี่ไม่ใช่เมือง จงตามข้าไป และข้าจะพาพวกเจ้าไปพบคนที่เจ้ากำลังตามหา” และท่านก็นำพวกเขาไปสะมาเรีย

20 ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในสะมาเรีย เอลีชาพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอโปรดเปิดตาให้ชายเหล่านี้มองเห็นด้วยเถิด” ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าเปิดตาของพวกเขา และพวกเขาก็มองเห็น ดูเถิด พวกเขาอยู่ที่ใจกลางเมืองสะมาเรีย 21 ทันทีที่กษัตริย์แห่งอิสราเอลเห็นพวกเขา ท่านพูดกับเอลีชาว่า “บิดาของเรา ท่านจะให้เราฆ่าพวกเขาไหม จะให้เราฆ่าพวกเขาไหม” 22 ท่านตอบว่า “อย่าฆ่าพวกเขา ท่านจะใช้ดาบและธนูฆ่าคนที่ท่านจับตัวมาเป็นเชลยหรือ เอาอาหารและน้ำมาให้พวกเขาดื่มกิน และปล่อยเขากลับไปหาเจ้านายของเขาเถิด” 23 ท่านจึงเตรียมการเลี้ยงใหญ่ เมื่อพวกเขารับประทานและดื่มจนเมามายแล้ว ท่านก็ปล่อยพวกเขากลับไปหานายของพวกเขา ต่อจากนั้นชาวอารัมก็ไม่ได้มาโจมตีแผ่นดินอิสราเอลอีกเลย

เบนฮาดัดโจมตีสะมาเรีย

24 หลังจากนั้น เบนฮาดัดกษัตริย์แห่งอารัมก็ได้รวบรวมกำลังทหารทั้งกองทัพ และไปล้อมเมืองสะมาเรีย 25 เกิดทุพภิกขภัยที่ร้ายแรงในสะมาเรีย ช่วงเวลาที่พวกเขาล้อมเมืองนั้น แม้แต่หัวลาหัวหนึ่งก็ขายได้เป็นเงิน 80 เชเขล และมูลนกหนึ่งส่วนสี่คัฟ[a]ก็ยังขายได้เป็นเงิน 5 เชเขล 26 ขณะที่กษัตริย์แห่งอิสราเอลเดินผ่านไปบนกำแพงเมือง หญิงผู้หนึ่งส่งเสียงร้องกับท่านว่า “เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ โปรดช่วยด้วย” 27 ท่านตอบว่า “ถ้าพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ช่วยเจ้า แล้วเราจะช่วยเจ้าได้อย่างไร จากลานนวดข้าวน่ะหรือ หรือว่าจากที่สกัดเหล้าองุ่น” 28 และกษัตริย์ถามนางว่า “เจ้ามีปัญหาอะไร” นางตอบว่า “หญิงคนนี้บอกข้าพเจ้าว่า ‘ยกลูกชายของเธอให้พวกเรากินในวันนี้ และเราจะกินลูกชายของฉันในวันรุ่งขึ้น’ 29 พวกเราจึงได้ต้มลูกชายของข้าพเจ้ากิน พอวันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าพูดกับนางว่า ‘ยกลูกชายของเธอให้พวกเรากินสิ’ แต่ว่านางกลับซ่อนตัวลูกชายของนาง” 30 เมื่อกษัตริย์ได้ยินเรื่องเล่าของหญิงคนนั้น ท่านก็ฉีกเสื้อของท่าน ขณะนั้นท่านกำลังผ่านไปบนกำแพงเมือง ประชาชนก็มองเห็น ดูเถิด เสื้อตัวในที่ท่านสวมเป็นผ้ากระสอบ 31 และท่านกล่าวว่า “ขอคนของพระเจ้ากระทำต่อเราเช่นเดียวกัน หรือไม่ก็ยิ่งกว่า ถ้าหากว่าศีรษะของเอลีชาบุตรชาฟัทไม่หลุดจากบ่าในวันนี้”

32 ขณะนั้นเอลีชากำลังนั่งอยู่ที่บ้านท่าน และบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ก็นั่งอยู่ด้วย ฝ่ายกษัตริย์ก็ได้ใช้ผู้ส่งสาสน์ให้ไปเรียกท่านมา แต่ก่อนที่เขาจะมาถึง เอลีชาพูดกับหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ว่า “ท่านเห็นไหมว่า ผู้สังหารท่านนี้ใช้คนมาตัดหัวเรา ดูเอาก็แล้วกัน เมื่อผู้ส่งสาสน์มาถึง จงปิดประตู และอย่าปล่อยให้เขาเข้ามา เสียงฝีเท้าของเจ้านายของเขาต้องตามหลังเขามาอย่างแน่นอน” 33 ขณะที่ท่านกำลังพูดอยู่ ผู้ส่งสาสน์มาถึงท่านและพูดว่า “เราจะรอรับความช่วยเหลือจากพระผู้เป็นเจ้าต่อไปทำไม ในเมื่อความทุกข์ร้อนนี้มาจากพระองค์”

1 ทิโมธี 3

ผู้ดูแลสาวกและผู้ช่วยจัดการงานของคริสตจักร

ข้อความนี้เป็นที่ไว้ใจได้คือ ถ้าผู้ใดปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ดูแลสาวก เท่ากับว่าผู้นั้นปรารถนางานที่ประเสริฐ ผู้ดูแลสาวกต้องเป็นคนที่ไม่มีใครติเตียนได้ มีภรรยาคนเดียว[a] รู้จักประมาณตน ควบคุมตนเองได้ น่าเชื่อถือ มีอัธยาศัยดีในการต้อนรับ และมีความสามารถในการสอน ไม่เสพติดเหล้าองุ่น ไม่เป็นคนก้าวร้าวแต่อ่อนโยน ไม่ชอบทะเลาะวิวาท ไม่เห็นแก่เงิน เขาต้องเป็นคนจัดการเรื่องภายในครอบครัวของตนได้ดี ลูกๆ ต่างเชื่อฟังเขาด้วยความเคารพทุกประการ แต่ถ้าผู้ชายคนใดจัดการเรื่องภายในครอบครัวของตนไม่เป็น แล้วเขาจะดูแลรักษาคริสตจักรของพระเจ้าได้อย่างไร เขาต้องไม่ใช่คนที่เข้ามาเชื่อพระเจ้าใหม่ๆ มิฉะนั้นอาจจะกลายเป็นคนหยิ่งผยอง และถูกกล่าวโทษเหมือนอย่างพญามาร และเขาต้องเป็นที่นับถือของบรรดาคนนอกคริสตจักร เพื่อเขาจะได้ไม่ประสบกับความอับอายและติดบ่วงแร้วของพญามาร

ผู้ช่วยจัดการงานของคริสตจักรก็เช่นกันคือ ต้องเป็นคนที่น่านับถือ ไม่เป็นคนสองลิ้น เสพติดเหล้าองุ่น หรือทุจริตเพราะความโลภ เขาต้องยึดมั่นในข้อลึกลับของความเชื่อด้วยมโนธรรมอันบริสุทธิ์ 10 เขาเหล่านี้ต้องถูกทดสอบก่อน ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเขาไร้ข้อตำหนิ ก็ให้เขารับใช้เป็นผู้ช่วยจัดการงานของคริสตจักร 11 ในทำนองเดียวกันคือ ภรรยาของเขา[b]ต้องเป็นหญิงที่น่านับถือ ไม่พูดว่าร้ายผู้อื่น แต่รู้จักประมาณตนและเป็นที่ไว้ใจได้ในทุกสิ่ง 12 ผู้ช่วยจัดการงานของคริสตจักรต้องมีภรรยาคนเดียว และต้องจัดการเรื่องภายในครอบครัวและลูกๆ ได้ดี 13 บรรดาผู้ที่ได้รับใช้เป็นผู้ช่วยจัดการงานของคริสตจักรเป็นอย่างดี ก็ได้รับเกียรติและความมั่นใจมากในความเชื่อที่มีในพระเยซูคริสต์

14 ข้าพเจ้าหวังว่าจะมาหาท่านในไม่ช้านี้ แต่ที่เขียนสิ่งเหล่านี้ถึงท่านก็เพื่อว่า 15 ในกรณีที่ข้าพเจ้ามาช้า ท่านจะได้ทราบว่า ควรจะปฏิบัติตนอย่างไรในครอบครัวของพระเจ้า อันเป็นคริสตจักรของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่ อีกทั้งเป็นหลักค้ำและเป็นรากฐานแห่งความจริง 16 ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ความลึกลับซับซ้อนในทางของพระเจ้ายิ่งใหญ่คือ

พระองค์ได้ปรากฏเป็นมนุษย์
    พระวิญญาณเห็นว่าพระองค์มีความชอบธรรม
เหล่าทูตสวรรค์ได้เห็นพระองค์แล้ว
    และบรรดาประชาชาติได้ยินการประกาศเกี่ยวกับพระองค์
คนทั่วโลกเชื่อในพระองค์
    และพระองค์ถูกรับขึ้นสู่พระบารมี

ดาเนียล 10

ภาพนิมิตที่น่าตกใจของดาเนียล

10 ในปีที่สามของไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย ดาเนียลซึ่งมีอีกชื่อว่า เบลเทชัสซาร์ ได้รับการเผยความซึ่งมาจากพระเจ้า ข้อความเป็นความจริงและเข้าใจยาก และท่านเข้าใจข้อความและเข้าใจภาพนิมิต

ในครั้งนั้น ข้าพเจ้าดาเนียลเศร้าใจอยู่ 3 สัปดาห์ ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารดีๆ หรือเนื้อสัตว์ หรือดื่มเหล้าองุ่น และไม่ได้ชโลมตัวด้วยน้ำมันนานถึง 3 สัปดาห์เต็ม ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนแรก ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่บนฝั่งแม่น้ำใหญ่ไทกริส ข้าพเจ้าแหงนหน้าขึ้นมอง ดูเถิด ชายผู้หนึ่งสวมเสื้อผ้าป่าน คาดเข็มขัดทองคำจากอุฟาส ร่างกายของท่านเปล่งประกายดั่งโกเมน ใบหน้าปรากฏเหมือนฟ้าแลบ ดวงตาดั่งเปลวเพลิงจากคบไฟ แขนและขาดั่งทองสัมฤทธิ์ขัดมัน และเสียงของท่านเหมือนเสียงของคนจำนวนมาก และข้าพเจ้าดาเนียลเป็นผู้เดียวที่เห็นภาพนิมิต เพราะบรรดาผู้ที่อยู่ด้วยไม่เห็นภาพนิมิต แต่พวกเขาตกใจกลัวมากจึงวิ่งหนีไปซ่อนตัว ดังนั้น จึงเหลือข้าพเจ้าอยู่เพียงคนเดียวที่เห็นภาพนิมิตที่แปลกมาก ทำให้ข้าพเจ้าหมดแรง สีหน้าของข้าพเจ้าซีดลงด้วยความกลัว ข้าพเจ้าไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย ครั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงของท่าน เมื่อได้ยินเสียงแล้วข้าพเจ้าจึงล้มตัวลงหลับสนิทหน้าชิดพื้น

10 ดูเถิด มีมือมาแตะตัวข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าลุกขึ้นขณะที่เข่าและมือสั่นระริก 11 และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “โอ ดาเนียล ท่านเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง จงลุกขึ้นยืนและใส่ใจในสิ่งที่เรากำลังจะพูดกับท่านให้ดี เราถูกส่งมาหาท่าน” ขณะที่ท่านกำลังพูดกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ยืนขึ้นตัวสั่นเทา 12 แล้วท่านก็พูดกับข้าพเจ้าว่า “ดาเนียลเอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะตั้งแต่วันแรกที่ท่านสนใจที่จะเข้าใจและถ่อมตัวลง ณ เบื้องหน้าพระเจ้าของท่าน พระองค์ได้ยินคำอธิษฐานของท่าน และเรามาเพื่อตอบคำขอของท่าน 13 ทูตสวรรค์ของอาณาจักรเปอร์เซียมาขัดขวางเรา 21 วัน แต่มีคาเอล[a]หนึ่งในบรรดาทูตสวรรค์ชั้นเอกมาช่วยเรา เพราะเราอยู่เพียงลำพังกับบรรดากษัตริย์แห่งอาณาจักรเปอร์เซีย 14 เรามาเพื่อช่วยให้ท่านเข้าใจว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับประชาชนของท่านในภายภาคหน้า เพราะภาพนิมิตเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า”

15 เมื่อท่านได้พูดกับข้าพเจ้าดังนี้แล้ว ข้าพเจ้าก้มหน้าลงและพูดไม่ออก 16 และดูเถิด มีผู้หนึ่งดูเหมือนบรรดาบุตรมนุษย์ ท่านแตะริมฝีปากของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงเปิดปากพูดกับท่าน คือผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าว่า “โอ นายท่าน ภาพนิมิตนี้ทำให้ข้าพเจ้าเจ็บปวดรวดร้าวจนทำให้ข้าพเจ้าหมดแรง 17 ผู้รับใช้ของนายท่านจะพูดกับนายท่านได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้าหมดแรงและหมดลมหายใจ”

18 ผู้หนึ่งที่เหมือนมนุษย์แตะตัวข้าพเจ้าและทำให้ข้าพเจ้ามีแรงขึ้น 19 ท่านพูดว่า “โอ ท่านเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง อย่ากลัวเลย ขอสันติสุขจงอยู่กับท่าน จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด” เมื่อท่านพูดกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็มีแรงขึ้นและพูดว่า “นายท่านโปรดพูดเถิด เพราะนายท่านทำให้ข้าพเจ้ามีแรงขึ้น” 20 ท่านพูดว่า “ท่านทราบหรือไม่ว่า ทำไมเราจึงมาหาท่าน แต่เราจะต้องกลับไปต่อสู้กับทูตสวรรค์ของเปอร์เซีย ต่อจากนั้นทูตสวรรค์ของกรีกจะมา 21 แต่เราจะบอกท่านถึงความจริงที่เขียนไว้คือ ไม่มีผู้ใดต่อสู้อยู่เคียงข้างเรา ยกเว้นมีคาเอลทูตสวรรค์ของท่านเท่านั้น

สดุดี 119:1-24

กฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า

א อาเลฟ[a]

บรรดาผู้อยู่ในวิถีทางอันปราศจากข้อตำหนิใดๆ ก็เป็นสุข
    คือผู้ดำเนินตามกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า
บรรดาผู้ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ก็เป็นสุข
    คือผู้แสวงหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
คือผู้ไม่กระทำผิดใดๆ
    แต่ดำเนินตามวิถีทางของพระองค์
พระองค์ออกคำสั่งให้ถือเป็นข้อบังคับ
    เพื่อให้เชื่อฟังอย่างเคร่งครัด
ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะภักดี
    โดยเชื่อฟังกฎเกณฑ์ของพระองค์
แล้วข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความอับอาย
    เมื่อใจจดจ่ออยู่กับพระบัญญัติของพระองค์ทุกข้อ
ข้าพเจ้าขอบคุณพระองค์ด้วยใจจริง
    ขณะที่ข้าพเจ้าเรียนรู้คำบัญชาอันชอบธรรมของพระองค์
ข้าพเจ้าจะรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์
    กรุณาอย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าโดยสิ้นเชิง

ב เบธ

ชายหนุ่มจะรักษาวิถีทางของเขาให้บริสุทธิ์ได้อย่างไรเล่า
    เขาจะรักษาทางนั้นได้ด้วยการกระทำตามคำกล่าวของพระองค์
10 ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
    อย่าให้ข้าพเจ้าเห็นผิดไปจากพระบัญญัติของพระองค์
11 ข้าพเจ้าเก็บรักษาคำกล่าวของพระองค์ไว้ในใจ
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ทำบาปต่อพระองค์
12 สรรเสริญพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
    โปรดสอนกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพเจ้า
13 ริมฝีปากข้าพเจ้าพูดทบทวนคำบัญชาทั้งปวง
    ที่ออกจากปากของพระองค์
14 ข้าพเจ้ายินดีในคำสั่งของพระองค์
    เท่าๆ กับความมั่งคั่งทั้งหลาย
15 ข้าพเจ้าจะใคร่ครวญถึงข้อบังคับของพระองค์
    และมีใจจดจ่ออยู่กับวิถีทางของพระองค์
16 ข้าพเจ้าจะยินดีในกฎเกณฑ์ของพระองค์
    ข้าพเจ้าจะไม่ลืมคำกล่าวของพระองค์

ג กิมเมิล

17 โปรดเอื้อเฟื้อต่อผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีชีวิต
    และรักษาคำกล่าวของพระองค์
18 โปรดเปิดตาข้าพเจ้า
    เพื่อจะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ในกฎบัญญัติของพระองค์
19 ข้าพเจ้าเป็นผู้อาศัยอยู่ในโลกเพียงชั่วคราว
    ขออย่าซ่อนพระบัญญัติของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า
20 จิตวิญญาณข้าพเจ้าใฝ่ฝันถึง
    คำบัญชาของพระองค์เสมอไป
21 พระองค์ห้ามพวกหยิ่งยโส ซึ่งเป็นพวกที่ถูกสาปแช่ง
    ผู้สำคัญผิดไปจากพระบัญญัติของพระองค์
22 อย่าให้ข้าพเจ้าถูกดูหมิ่นและอับอาย
    เพราะข้าพเจ้าทำตามคำสั่งของพระองค์
23 แม้ว่าบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองจะนั่งเตรียมการต่อต้านข้าพเจ้า
    ผู้รับใช้ของพระองค์จะใคร่ครวญถึงกฎเกณฑ์ของพระองค์
24 คำสั่งของพระองค์เป็นสิ่งที่น่ายินดีของข้าพเจ้า
    และเป็นที่ปรึกษาที่ดีของข้าพเจ้า

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation