Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 16

16 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านเยฮูบุตรของฮานานีถึงการลงโทษบาอาชาว่า “ในเมื่อเรายกเจ้าขึ้นมาจากผงธุลี และแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้ปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา และเจ้าได้ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างเยโรโบอัม และเป็นเหตุให้อิสราเอลชนชาติของเราทำบาป ยั่วโทสะเราด้วยบาปของพวกเขา ดูเถิด เราจะกวาดล้างบาอาชาและครอบครัวของเขา และเราจะทำให้ครอบครัวของเจ้าเป็นเหมือนกับของเยโรโบอัมบุตรของเนบัท สุนัขจะกินคนของบาอาชาที่ตายในเมือง และนกในอากาศจะกินคนที่ตายในทุ่งนา”

กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของบาอาชา และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ รวมทั้งความสำเร็จด้านยุทธการ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ บาอาชาสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองทีรซาห์ และเอลาห์บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน ยิ่งกว่านั้นอีก พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า คือเยฮูบุตรของฮานานีถึงการลงโทษบาอาชาและพงศ์พันธุ์ของท่าน เพราะเรื่องการกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และยั่วโทสะพระองค์ด้วยมือของท่านเอง เช่นเดียวกับที่พงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัมกระทำ และเรื่องที่เขาได้ทำลายพงศ์พันธุ์นั้น

เอลาห์ครองราชย์ในอิสราเอล

ในปีที่ยี่สิบหกของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ เอลาห์บุตรของบาอาชาก็เริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในเมืองทีรซาห์ ท่านครองราชย์ได้ 2 ปี แต่ศิมรีผู้รับใช้ของท่าน เป็นผู้บัญชาการควบคุมจำนวนครึ่งหนึ่งของกองรถศึกของท่าน ได้คิดกบฏต่อท่าน ขณะที่ท่านกำลังดื่มจนเมามายอยู่ในบ้านของอาร์ซาที่ทีรซาห์ อาร์ซามีหน้าที่ควบคุมวังที่ทีรซาห์ 10 ศิมรีเข้าไปทำร้ายและฆ่าท่าน ในปีที่ยี่สิบเจ็ดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ และครองราชย์แทนท่าน

11 เมื่อท่านเริ่มครองราชย์ ในทันทีที่ท่านยึดครองบัลลังก์ ท่านก็ได้ฆ่าทุกคนในพงศ์พันธุ์ของบาอาชา ท่านไม่ไว้ชีวิตญาติหรือเพื่อนของท่านที่เป็นชายแม้แต่คนเดียว 12 ศิมรีฆ่าทุกคนในพงศ์พันธุ์ของบาอาชาดังที่กล่าวมา ตามคำของพระผู้เป็นเจ้า ที่ได้กล่าวผ่านเยฮูผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเรื่องการลงโทษบาอาชา 13 บาปทั้งสิ้นของบาอาชาและของเอลาห์บุตรของท่าน ที่ได้กระทำและเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป ยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลด้วยรูปเคารพซึ่งไร้ค่าของพวกเขา 14 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเอลาห์ และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ

ศิมรีครองราชย์ในอิสราเอล

15 ในปีที่ยี่สิบเจ็ดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ ศิมรีครองราชย์ได้ 7 วันในเมืองทีรซาห์ กองทัพของอิสราเอลกำลังตั้งค่ายโจมตีเมืองกิบเบโธน ซึ่งเป็นของชาวฟีลิสเตีย 16 เมื่อกองทัพในค่ายได้ยินคำเล่าลือว่า “ศิมรีได้ก่อกบฏ และสังหารกษัตริย์แล้ว” กองทัพของอิสราเอลจึงแต่งตั้งอมรีผู้บังคับกองพันทหาร ให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ณ ที่นั่นในวันนั้น 17 ดังนั้นอมรีจึงถอนทัพไปจากกิบเบโธน กองทัพอิสราเอลก็ไปด้วย และไปล้อมเมืองทีรซาห์ 18 ครั้นศิมรีเห็นว่าเมืองถูกยึด ท่านจึงเข้าไปในป้อมปราการของวังกษัตริย์ และเผาวังพร้อมกับตัวท่านด้วย และท่านก็สิ้นชีวิต 19 เพราะท่านทำบาป กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างเยโรโบอัม เนื่องจากท่านทำบาปและเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาปด้วย 20 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของศิมรี และการที่ท่านก่อกบฏ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ

อมรีครองราชย์ในอิสราเอล

21 แล้วชาวอิสราเอลก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ครึ่งหนึ่งของประชาชนติดตามทิบนีบุตรของกีนัท หวังว่าจะแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ อีกครึ่งหนึ่งติดตามอมรี 22 แต่ประชาชนที่ติดตามอมรีแข็งแกร่งกว่าประชาชนที่ติดตามทิบนีบุตรของกีนัท ทิบนีจึงสิ้นชีวิต และอมรีจึงขึ้นเป็นกษัตริย์ 23 ในปีที่สามสิบเอ็ดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ อมรีก็เริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล ท่านครองราชย์เป็นเวลา 12 ปี ท่านครองราชย์ที่เมืองทีรซาห์ 6 ปี 24 ท่านซื้อภูเขาสะมาเรียจากเชเมอร์เป็นเงินจำนวน 2 ตะลันต์[a] และท่านก็ได้สร้างเมืองบนภูเขานั้น เรียกชื่อเมืองว่า สะมาเรีย ตามชื่อเชเมอร์เจ้าของภูเขาคนก่อน

25 อมรีกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และทำสิ่งชั่วร้ายยิ่งกว่าทุกท่านก่อนหน้านั้น 26 เพราะว่าท่านดำเนินชีวิตตามแบบอย่างเยโรโบอัมบุตรของเนบัท และในบาปที่ท่านทำ และเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป ท่านยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลด้วยรูปเคารพซึ่งไร้ค่าของพวกเขา 27 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของอมรี และความสำเร็จด้านยุทธการ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ 28 และอมรีสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในสะมาเรีย และอาหับบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน

อาหับครองราชย์ในอิสราเอล

29 ในปีที่สามสิบแปดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ อาหับบุตรของอมรีเริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล และปกครองอิสราเอลในเมืองสะมาเรียเป็นเวลา 22 ปี 30 อาหับบุตรของอมรีกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ยิ่งกว่าทุกท่านก่อนหน้านั้น 31 ถ้าหากว่าท่านดำเนินชีวิตในการทำบาปตามแบบอย่างเยโรโบอัมบุตรของเนบัทก็ยังนับว่าเบามาก แต่ท่านรับเอาเยเซเบลบุตรหญิงของเอ็ทบาอัลกษัตริย์ของชาวไซดอนมาเป็นภรรยา ทั้งยังบูชาและนมัสการเทพเจ้าบาอัล 32 ท่านให้สร้างแท่นบูชาเทพเจ้าบาอัลสำหรับวิหารเทพเจ้าบาอัลที่ท่านสร้างไว้ในสะมาเรีย 33 และอาหับสร้างเทวรูปอาเชราห์ ท่านกระทำสิ่งต่างๆ มากมายที่ยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ยิ่งกว่าบรรดากษัตริย์ทั้งปวงของอิสราเอลก่อนหน้านั้น 34 ในสมัยของท่าน ฮีเอลแห่งเบธเอลสร้างเมืองเยรีโค ฐานรากของเยรีโคถูกสร้างขึ้นโดยที่เขาต้องเสียอะบีรามบุตรชายหัวปี และสร้างประตูเมืองโดยที่เขาต้องเสียเสกุบบุตรชายคนสุดท้องของเขา ซึ่งเป็นไปตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า โดยผ่านโยชูวาบุตรของนูน[b]

โคโลสี 3

ก้าวสู่เส้นทางเดินชีวิตใหม่

ถ้าท่านได้ฟื้นคืนชีวิตกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบนซึ่งเป็นที่พระคริสต์นั่งอยู่ ณ เบื้องขวาของพระเจ้า จงใฝ่ใจในสิ่งที่เป็นฝ่ายเบื้องบน ไม่ใช่ในสิ่งที่เป็นฝ่ายโลก ด้วยว่า ท่านได้ตายไปแล้ว และชีวิตแท้จริงของท่านถูกซ่อนไว้กับพระคริสต์ด้วยความผูกพันในพระเจ้า เมื่อพระคริสต์ผู้เป็นชีวิตของเราปรากฏขึ้น ท่านก็จะปรากฏกับพระองค์พร้อมกับมีส่วนในพระบารมีของพระองค์

ฉะนั้น จงตายต่อความต้องการฝ่ายโลกที่อยู่ในตัวท่าน อันได้แก่การประพฤติผิดในเรื่องเพศ เรื่องมลทิน กิเลสในกาม การใฝ่ชั่ว และความโลภซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับการบูชารูปเคารพ การลงโทษของพระเจ้ากำลังจะมาก็เพราะสิ่งเหล่านี้ ในคราวที่ท่านดำเนินตามความต้องการฝ่ายโลก ท่านก็เคยเดินตามทางนั้น แต่บัดนี้สิ่งที่ท่านต้องกำจัดเสียคือความโกรธ ความเกรี้ยวกราด การปองร้าย การใส่ร้าย และวาจาหยาบคายที่หลุดจากปากของท่าน อย่าโกหกกัน ในเมื่อท่านได้เลิกจากการดำเนินชีวิตเก่าอันประกอบด้วยการประพฤติชั่ว 10 และได้ก้าวสู่เส้นทางการดำเนินชีวิตใหม่ ซึ่งกำลังถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ในความรู้ ตามอย่างภาพลักษณ์ขององค์ผู้สร้าง 11 คือไม่มีการแยกว่าเป็นชาวกรีกหรือชาวยิว เข้าสุหนัตหรือไม่ได้เข้าสุหนัต ชาวต่างชาติหรือชาวสิเธีย[a] เป็นทาสหรืออิสระ แต่พระคริสต์เป็นทุกอย่างและสถิตในตัวเราทุกคน

12 ฉะนั้น ตามที่ท่านเป็นคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ ท่านบริสุทธิ์และเป็นที่รักยิ่ง จงให้ความสงสาร ความกรุณา การถ่อมตัว ความอ่อนโยน และความอดทนบังเกิดในตัวท่าน 13 จงอดทนต่อกันและกัน และไม่ว่าใครจะมีเรื่องบาดหมางใดๆ ก็จงให้อภัยกันและกัน เหมือนกับที่พระผู้เป็นเจ้าได้ให้อภัยท่าน 14 และยิ่งกว่าคุณสมบัติดังกล่าว จงให้ความรักบังเกิดในตัวท่าน ซึ่งจะเชื่อมโยงทุกอย่างให้เข้าเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเพียบพร้อม 15 จงให้สันติสุขของพระคริสต์ครอบครองใจท่าน ด้วยว่า พระเจ้าได้เรียกท่านให้มาเป็นกายเดียวกันเพื่อสันติสุขนั้น และจงมีใจขอบคุณพระเจ้าเถิด 16 จงให้คำกล่าวของพระคริสต์ดำรงอยู่ในท่านอย่างบริบูรณ์ ด้วยการสอนและตักเตือนกันและกันดั่งคนมีสติปัญญาทุกประการ จงร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายวิญญาณด้วยใจขอบคุณต่อพระเจ้า 17 และสิ่งใดก็ตามที่ท่านกล่าวหรือกระทำ จงทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบคุณพระเจ้าผู้เป็นพระบิดา โดยผ่านพระคริสต์

ความสัมพันธ์ในครัวเรือน

18 ผู้เป็นภรรยา จงยอมเชื่อฟังสามีอย่างที่ผู้เชื่อพระผู้เป็นเจ้าควรกระทำ 19 ผู้เป็นสามี จงรักภรรยาของท่านและอย่าแข็งกร้าวต่อนาง 20 ผู้เป็นบุตร จงเชื่อฟังบิดามารดาของตนทุกอย่าง เพราะเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าพึงพอใจ 21 ผู้เป็นบิดา อย่าทำให้บุตรของท่านขุ่นเคืองในสิ่งที่เขาปฏิบัติ มิฉะนั้นเขาจะท้อแท้ใจ 22 ผู้เป็นทาส จงเชื่อฟังบรรดาเจ้านายทุกอย่าง และมิใช่กระทำเพียงเวลาอยู่ต่อหน้า เพื่อให้เป็นที่พอใจของเจ้านายเท่านั้น แต่ทำด้วยใจจริง ด้วยความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า 23 ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ท่านลงมือกระทำ จงกระทำอย่างสุดจิตสุดใจเหมือนกับที่ท่านทำเพื่อพระผู้เป็นเจ้ามากกว่าทำเพื่อมนุษย์ 24 ท่านทราบอยู่แล้วว่า ท่านจะได้รับมรดกจากพระผู้เป็นเจ้าเป็นรางวัล พระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าคือผู้ที่ท่านรับใช้ 25 ใครที่ทำผิดจะต้องได้รับผลตามที่เขาทำไป และในพระเจ้าไม่มีการลำเอียง

เอเสเคียล 46

ผู้ยิ่งใหญ่และเทศกาลต่างๆ

46 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ประตูลานตำหนักที่หันไปทางทิศตะวันออกให้ปิดไว้ระหว่างวันทำงานตลอดทั้งหกวัน แต่ให้เปิดในวันสะบาโตและวันข้างขึ้น ผู้ยิ่งใหญ่จะเข้ามาทางมุขประตูจากด้านนอก และยืนข้างเสาประตู บรรดาปุโรหิตจะต้องมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย และมอบของถวายเพื่อสามัคคีธรรมเป็นเครื่องสักการะของเขา เขาจะต้องนมัสการที่ธรณีประตูทางเข้า แล้วจึงออกไป แต่ไม่ปิดประตูจนกว่าจะถึงเวลาเย็น ประชาชนของแผ่นดินจะก้มนมัสการที่ทางเข้าประตูนั้น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ในวันสะบาโตและวันข้างขึ้น สัตว์ที่จะใช้เผาเป็นของถวายซึ่งผู้ยิ่งใหญ่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าในวันสะบาโตต้องเป็นลูกแกะปราศจากตำหนิ 6 ตัว และแกะตัวผู้ปราศจากตำหนิ 1 ตัว จงใช้เครื่องธัญญบูชา 1 เอฟาห์คู่กับแกะตัวผู้ และเครื่องธัญญบูชาที่คู่กับลูกแกะจะต้องมอบให้มากเท่าที่เขาสามารถจะมอบให้ได้ พร้อมกับน้ำมัน 1 ฮินต่อ 1 เอฟาห์ ในวันข้างขึ้น เขาจะต้องถวายโคหนุ่มจากฝูง 1 ตัว ลูกแกะ 6 ตัว และแกะตัวผู้ 1 ตัว ซึ่งทุกตัวจะต้องปราศจากตำหนิ เขาจะต้องจัดหาเครื่องธัญญบูชา 1 เอฟาห์คู่กับโค และ 1 เอฟาห์คู่กับแกะตัวผู้ และคู่กับลูกแกะจะต้องมอบให้มากเท่าที่เขาสามารถจะมอบให้ได้ พร้อมกับน้ำมัน 1 ฮินต่อ 1 เอฟาห์ เมื่อผู้ยิ่งใหญ่เข้ามา เขาจะต้องเข้าทางมุขประตู และจะออกไปทางเดียวกัน

เมื่อประชาชนของแผ่นดินมาอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในวันเทศกาลที่กำหนดไว้ ผู้ที่เข้ามาทางประตูเหนือเพื่อนมัสการจะต้องออกไปทางประตูใต้ และผู้ที่เข้ามาทางประตูใต้จะต้องออกไปทางประตูเหนือ จะต้องไม่ให้ผู้ใดกลับออกไปทางประตูเดียวกับที่เขาเข้ามา แต่ละคนจะออกไปทางประตูที่อยู่ตรงหน้าเขา 10 เมื่อพวกเขาเข้ามา ผู้ยิ่งใหญ่จะเข้ามากับพวกเขา และเมื่อพวกเขาออกไป ผู้ยิ่งใหญ่ก็จะออกไป

11 ในงานเทศกาลและเทศกาลที่กำหนดไว้ เครื่องธัญญบูชา 1 เอฟาห์คู่กับโค และ 1 เอฟาห์คู่กับแกะตัวผู้ และคู่กับลูกแกะจะต้องมอบให้มากเท่าที่เขาสามารถจะมอบให้ได้ พร้อมกับน้ำมัน 1 ฮินต่อ 1 เอฟาห์ 12 เมื่อผู้ยิ่งใหญ่จัดหาเครื่องบูชาด้วยความสมัครใจ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวายหรือของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เป็นเครื่องบูชาด้วยความสมัครใจแด่พระผู้เป็นเจ้า ประตูที่หันไปทางทิศตะวันออกจะต้องเปิดให้เขา และเขาจะมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายหรือของถวายเพื่อสามัคคีธรรม อย่างที่เขามอบในวันสะบาโต เขาจะออกไป และหลังจากที่เขาออกไปแล้ว ก็จะต้องปิดประตู

13 เจ้าจะต้องจัดหาลูกแกะ 1 ตัวปราศจากตำหนิอายุ 1 ปีสำหรับสัตว์ที่เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นประจำวัน เจ้าจะต้องจัดหาทุกๆ เช้า 14 และเจ้าจะต้องจัดหาเครื่องธัญญบูชาหนึ่งในหกเอฟาห์ และน้ำมันหนึ่งในสามฮินเพื่อทำให้แป้งชุ่มควบคู่กันไปด้วยทุกๆ เช้า เป็นเครื่องธัญญบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า จงถือเป็นกฎเกณฑ์ตลอดไป 15 จงจัดหาลูกแกะ เครื่องธัญญบูชา และน้ำมันดังกล่าวทุกๆ เช้า เป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายเป็นประจำ”

16 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “ถ้าผู้ยิ่งใหญ่มอบที่ดินให้แก่บรรดาบุตรของเขาเป็นมรดก ที่ดินนั้นก็จะเป็นของบุตร คือพวกเขารับมรดกที่ดิน 17 แต่ถ้าเขามอบมรดกที่ดินให้แก่ผู้รับใช้คนใดคนหนึ่ง ที่ดินก็จะเป็นของเขาจนถึงปีแห่งอิสรภาพ[a] และที่ดินก็จะถูกมอบคืนให้แก่ผู้ยิ่งใหญ่ มรดกต้องเป็นของบรรดาบุตรของเขาเท่านั้น 18 ผู้ยิ่งใหญ่จะต้องไม่ยึดมรดกของประชาชนและขับไล่พวกเขาออกไปจากที่ดินของพวกเขา เขาจะต้องมอบมรดกซึ่งเป็นที่ดินของเขาเองแก่บรรดาบุตรของตน เพื่อไม่ให้ผู้ใดในบรรดาชนชาติของเรากระจัดกระจายออกไปจากที่ดินของพวกเขา”

ที่สำหรับต้มของถวาย

19 แล้วท่านนำข้าพเจ้าผ่านทางเข้าซึ่งอยู่ข้างประตู ไปยังตึกที่ด้านเหนือของห้องบริสุทธิ์ของบรรดาปุโรหิต ดูเถิด ที่นั่นมีที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ปลายสุดด้านตะวันตก 20 ท่านพูดกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “นี่เป็นที่ซึ่งบรรดาปุโรหิตจะต้มของถวายเพื่อไถ่โทษและเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และเป็นที่พวกเขาจะอบเครื่องธัญญบูชา เพื่อไม่ให้นำออกไปยังลานชั้นนอก เพื่อไม่ให้ความบริสุทธิ์ไปสัมผัสประชาชน”

21 แล้วท่านพาข้าพเจ้าออกไปยังลานชั้นนอก และนำข้าพเจ้าไปที่ 4 มุมของลาน ดูเถิด แต่ละมุมมีลานอื่นอีก 22 แต่ละมุมของลานมีลานเล็กซึ่งยาว 40 ศอก กว้าง 30 ศอก ขนาดเท่ากันทั้งสี่มุม 23 ภายในรอบลานของแต่ละมุมเป็นเชิงอิฐที่ก่อขึ้นโดยรอบ และมีเตาไฟที่ด้านล่างเชิง 24 แล้วท่านพูดกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “นี่เป็นครัวสำหรับผู้ที่รับใช้ในพระวิหาร เพื่อต้มของสักการะของประชาชน”

สดุดี 102

คำอธิษฐานของผู้มีทุกข์

คำอธิษฐานของผู้ทนทุกข์ทรมาน เวลารู้สึกอ่อนล้า และร้องไห้ฟูมฟายกับพระผู้เป็นเจ้า

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    ให้เสียงร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้าดังไปถึงพระองค์ด้วยเถิด
พระองค์อย่าได้ซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
    ในยามข้าพเจ้าลำบาก
โปรดเงี่ยหูฟังข้าพเจ้า
    ตอบข้าพเจ้าโดยเร็ว ในวันที่ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์

วันเวลาของข้าพเจ้าเลือนหายไปดั่งควันไฟ
    และกระดูกข้าพเจ้าร้อนผ่าวดั่งไฟในเตา
หัวใจข้าพเจ้าแห้งโรยราดั่งต้นหญ้า และเหี่ยวเฉาไป
    แม้กระทั่งอาหาร ข้าพเจ้าก็ลืมรับประทาน
ข้าพเจ้าร้องคร่ำครวญเสียงดัง
    ตัวข้าพเจ้ามีแต่หนังหุ้มกระดูก
ข้าพเจ้าเป็นเหมือนนกกระทุงในที่กันดาร
    เหมือนนกเค้าแมวในที่ร้าง
ข้าพเจ้าไม่อาจหลับลงได้
    ข้าพเจ้าเป็นดั่งนกที่เดียวดายเกาะอยู่บนยอดหลังคา
พวกศัตรูของข้าพเจ้าเหยียดหยามข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
    เขาเยาะเย้ยและใช้ชื่อของข้าพเจ้าเป็นคำสาปแช่ง
ข้าพเจ้ากินขี้เถ้าต่างอาหาร
    และมีน้ำตาประสมอยู่ในเครื่องดื่ม
10 เป็นเพราะพระองค์ขัดเคืองและกริ้วเป็นที่สุด
    พระองค์จึงยกตัวข้าพเจ้าขึ้นและโยนทิ้งเสีย
11 วันเวลาของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเงาในยามใกล้ค่ำ
    ข้าพเจ้าแห้งโรยราดั่งต้นหญ้า

12 โอ พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์สถิตบนบัลลังก์เป็นนิตย์
    พระองค์จะเป็นที่ระลึกถึงทุกชั่วอายุคน
13 พระองค์จะลุกขึ้นและเมตตาศิโยน
    เพราะถึงเวลาจะโปรดปรานนาง
    อันเป็นเวลาที่เหมาะควรแล้ว
14 เพราะบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์เห็นคุณค่าศิลาของนาง
    และสงสารนางแม้จะป่นปี้จนเป็นผงธุลี
15 บรรดาประชาชาติจะยำเกรงพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    และกษัตริย์ทั้งปวงในแผ่นดินโลกจะเกรงพระบารมีของพระองค์
16 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะสร้างศิโยนขึ้นใหม่
    พระองค์จะปรากฏด้วยพระบารมีของพระองค์
17 พระองค์จะตอบคำอธิษฐานของผู้ที่ถูกทอดทิ้ง
    และไม่เฉยเมยต่อคำอ้อนวอนของพวกเขา

18 ให้สิ่งนี้ถูกบันทึกไว้สำหรับยุคต่อไป
    เพื่อว่าชนชาติที่ยังไม่ได้ก่อเกิดขึ้นมาจะได้สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
19 เมื่อพระผู้เป็นเจ้ามองลงจากสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์
    พระองค์มองดูแผ่นดินโลกจากฟ้าสวรรค์
20 เพื่อฟังเสียงคร่ำครวญของเหล่านักโทษ
    เพื่อปลดปล่อยผู้ต้องโทษถึงแก่ชีวิตให้เป็นอิสระ
21 เพื่อให้พวกเขาประกาศพระนามของพระผู้เป็นเจ้าในศิโยน
    และสรรเสริญพระองค์ในเยรูซาเล็ม
22 เวลาบรรดาชนชาติและอาณาจักรร่วมกันชุมนุม
    เพื่อนมัสการพระผู้เป็นเจ้า

23 พระองค์ทำให้กำลังของข้าพเจ้าถดถอยลงในขณะยังเป็นหนุ่ม
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีอายุสั้นลง
24 ข้าพเจ้าพูดว่า “โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า
    อย่ารับตัวข้าพเจ้าไปในเวลาที่มีอายุเพียงครึ่งของชีวิตเท่านั้น
    พระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุคน
25 ในกาลก่อนพระองค์ได้วางฐานรากของแผ่นดินโลก
    และฟ้าสวรรค์เป็นผลงานจากฝีมือของพระองค์
26 สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์จะยังดำรงอยู่
    ทุกสิ่งจะผุพังไปเหมือนกับเครื่องนุ่งห่ม
พระองค์จะเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เหมือนเปลี่ยนเสื้อคลุม
    และมันก็จะล่วงผ่านไป
27 แต่พระองค์คงอยู่เช่นเดิม
    และชีวิตของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด[a]
28 บรรดาลูกหลานของผู้รับใช้ของพระองค์จะอาศัยอยู่ต่อไป
    ผู้สืบเชื้อสายของพวกเขาจะปลอดภัย ณ เบื้องหน้าพระองค์”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation