M’Cheyne Bible Reading Plan
16 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านเยฮูบุตรของฮานานีถึงการลงโทษบาอาชาว่า 2 “ในเมื่อเรายกเจ้าขึ้นมาจากผงธุลี และแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้ปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา และเจ้าได้ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างเยโรโบอัม และเป็นเหตุให้อิสราเอลชนชาติของเราทำบาป ยั่วโทสะเราด้วยบาปของพวกเขา 3 ดูเถิด เราจะกวาดล้างบาอาชาและครอบครัวของเขา และเราจะทำให้ครอบครัวของเจ้าเป็นเหมือนกับของเยโรโบอัมบุตรของเนบัท 4 สุนัขจะกินคนของบาอาชาที่ตายในเมือง และนกในอากาศจะกินคนที่ตายในทุ่งนา”
5 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของบาอาชา และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ รวมทั้งความสำเร็จด้านยุทธการ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ 6 บาอาชาสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองทีรซาห์ และเอลาห์บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน 7 ยิ่งกว่านั้นอีก พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า คือเยฮูบุตรของฮานานีถึงการลงโทษบาอาชาและพงศ์พันธุ์ของท่าน เพราะเรื่องการกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และยั่วโทสะพระองค์ด้วยมือของท่านเอง เช่นเดียวกับที่พงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัมกระทำ และเรื่องที่เขาได้ทำลายพงศ์พันธุ์นั้น
เอลาห์ครองราชย์ในอิสราเอล
8 ในปีที่ยี่สิบหกของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ เอลาห์บุตรของบาอาชาก็เริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในเมืองทีรซาห์ ท่านครองราชย์ได้ 2 ปี 9 แต่ศิมรีผู้รับใช้ของท่าน เป็นผู้บัญชาการควบคุมจำนวนครึ่งหนึ่งของกองรถศึกของท่าน ได้คิดกบฏต่อท่าน ขณะที่ท่านกำลังดื่มจนเมามายอยู่ในบ้านของอาร์ซาที่ทีรซาห์ อาร์ซามีหน้าที่ควบคุมวังที่ทีรซาห์ 10 ศิมรีเข้าไปทำร้ายและฆ่าท่าน ในปีที่ยี่สิบเจ็ดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ และครองราชย์แทนท่าน
11 เมื่อท่านเริ่มครองราชย์ ในทันทีที่ท่านยึดครองบัลลังก์ ท่านก็ได้ฆ่าทุกคนในพงศ์พันธุ์ของบาอาชา ท่านไม่ไว้ชีวิตญาติหรือเพื่อนของท่านที่เป็นชายแม้แต่คนเดียว 12 ศิมรีฆ่าทุกคนในพงศ์พันธุ์ของบาอาชาดังที่กล่าวมา ตามคำของพระผู้เป็นเจ้า ที่ได้กล่าวผ่านเยฮูผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเรื่องการลงโทษบาอาชา 13 บาปทั้งสิ้นของบาอาชาและของเอลาห์บุตรของท่าน ที่ได้กระทำและเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป ยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลด้วยรูปเคารพซึ่งไร้ค่าของพวกเขา 14 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเอลาห์ และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ
ศิมรีครองราชย์ในอิสราเอล
15 ในปีที่ยี่สิบเจ็ดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ ศิมรีครองราชย์ได้ 7 วันในเมืองทีรซาห์ กองทัพของอิสราเอลกำลังตั้งค่ายโจมตีเมืองกิบเบโธน ซึ่งเป็นของชาวฟีลิสเตีย 16 เมื่อกองทัพในค่ายได้ยินคำเล่าลือว่า “ศิมรีได้ก่อกบฏ และสังหารกษัตริย์แล้ว” กองทัพของอิสราเอลจึงแต่งตั้งอมรีผู้บังคับกองพันทหาร ให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ณ ที่นั่นในวันนั้น 17 ดังนั้นอมรีจึงถอนทัพไปจากกิบเบโธน กองทัพอิสราเอลก็ไปด้วย และไปล้อมเมืองทีรซาห์ 18 ครั้นศิมรีเห็นว่าเมืองถูกยึด ท่านจึงเข้าไปในป้อมปราการของวังกษัตริย์ และเผาวังพร้อมกับตัวท่านด้วย และท่านก็สิ้นชีวิต 19 เพราะท่านทำบาป กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างเยโรโบอัม เนื่องจากท่านทำบาปและเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาปด้วย 20 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของศิมรี และการที่ท่านก่อกบฏ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ
อมรีครองราชย์ในอิสราเอล
21 แล้วชาวอิสราเอลก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ครึ่งหนึ่งของประชาชนติดตามทิบนีบุตรของกีนัท หวังว่าจะแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ อีกครึ่งหนึ่งติดตามอมรี 22 แต่ประชาชนที่ติดตามอมรีแข็งแกร่งกว่าประชาชนที่ติดตามทิบนีบุตรของกีนัท ทิบนีจึงสิ้นชีวิต และอมรีจึงขึ้นเป็นกษัตริย์ 23 ในปีที่สามสิบเอ็ดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ อมรีก็เริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล ท่านครองราชย์เป็นเวลา 12 ปี ท่านครองราชย์ที่เมืองทีรซาห์ 6 ปี 24 ท่านซื้อภูเขาสะมาเรียจากเชเมอร์เป็นเงินจำนวน 2 ตะลันต์[a] และท่านก็ได้สร้างเมืองบนภูเขานั้น เรียกชื่อเมืองว่า สะมาเรีย ตามชื่อเชเมอร์เจ้าของภูเขาคนก่อน
25 อมรีกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และทำสิ่งชั่วร้ายยิ่งกว่าทุกท่านก่อนหน้านั้น 26 เพราะว่าท่านดำเนินชีวิตตามแบบอย่างเยโรโบอัมบุตรของเนบัท และในบาปที่ท่านทำ และเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป ท่านยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลด้วยรูปเคารพซึ่งไร้ค่าของพวกเขา 27 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของอมรี และความสำเร็จด้านยุทธการ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ 28 และอมรีสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในสะมาเรีย และอาหับบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
อาหับครองราชย์ในอิสราเอล
29 ในปีที่สามสิบแปดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ อาหับบุตรของอมรีเริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล และปกครองอิสราเอลในเมืองสะมาเรียเป็นเวลา 22 ปี 30 อาหับบุตรของอมรีกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ยิ่งกว่าทุกท่านก่อนหน้านั้น 31 ถ้าหากว่าท่านดำเนินชีวิตในการทำบาปตามแบบอย่างเยโรโบอัมบุตรของเนบัทก็ยังนับว่าเบามาก แต่ท่านรับเอาเยเซเบลบุตรหญิงของเอ็ทบาอัลกษัตริย์ของชาวไซดอนมาเป็นภรรยา ทั้งยังบูชาและนมัสการเทพเจ้าบาอัล 32 ท่านให้สร้างแท่นบูชาเทพเจ้าบาอัลสำหรับวิหารเทพเจ้าบาอัลที่ท่านสร้างไว้ในสะมาเรีย 33 และอาหับสร้างเทวรูปอาเชราห์ ท่านกระทำสิ่งต่างๆ มากมายที่ยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ยิ่งกว่าบรรดากษัตริย์ทั้งปวงของอิสราเอลก่อนหน้านั้น 34 ในสมัยของท่าน ฮีเอลแห่งเบธเอลสร้างเมืองเยรีโค ฐานรากของเยรีโคถูกสร้างขึ้นโดยที่เขาต้องเสียอะบีรามบุตรชายหัวปี และสร้างประตูเมืองโดยที่เขาต้องเสียเสกุบบุตรชายคนสุดท้องของเขา ซึ่งเป็นไปตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า โดยผ่านโยชูวาบุตรของนูน[b]
ก้าวสู่เส้นทางเดินชีวิตใหม่
3 ถ้าท่านได้ฟื้นคืนชีวิตกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบนซึ่งเป็นที่พระคริสต์นั่งอยู่ ณ เบื้องขวาของพระเจ้า 2 จงใฝ่ใจในสิ่งที่เป็นฝ่ายเบื้องบน ไม่ใช่ในสิ่งที่เป็นฝ่ายโลก 3 ด้วยว่า ท่านได้ตายไปแล้ว และชีวิตแท้จริงของท่านถูกซ่อนไว้กับพระคริสต์ด้วยความผูกพันในพระเจ้า 4 เมื่อพระคริสต์ผู้เป็นชีวิตของเราปรากฏขึ้น ท่านก็จะปรากฏกับพระองค์พร้อมกับมีส่วนในพระบารมีของพระองค์
5 ฉะนั้น จงตายต่อความต้องการฝ่ายโลกที่อยู่ในตัวท่าน อันได้แก่การประพฤติผิดในเรื่องเพศ เรื่องมลทิน กิเลสในกาม การใฝ่ชั่ว และความโลภซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับการบูชารูปเคารพ 6 การลงโทษของพระเจ้ากำลังจะมาก็เพราะสิ่งเหล่านี้ 7 ในคราวที่ท่านดำเนินตามความต้องการฝ่ายโลก ท่านก็เคยเดินตามทางนั้น 8 แต่บัดนี้สิ่งที่ท่านต้องกำจัดเสียคือความโกรธ ความเกรี้ยวกราด การปองร้าย การใส่ร้าย และวาจาหยาบคายที่หลุดจากปากของท่าน 9 อย่าโกหกกัน ในเมื่อท่านได้เลิกจากการดำเนินชีวิตเก่าอันประกอบด้วยการประพฤติชั่ว 10 และได้ก้าวสู่เส้นทางการดำเนินชีวิตใหม่ ซึ่งกำลังถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ในความรู้ ตามอย่างภาพลักษณ์ขององค์ผู้สร้าง 11 คือไม่มีการแยกว่าเป็นชาวกรีกหรือชาวยิว เข้าสุหนัตหรือไม่ได้เข้าสุหนัต ชาวต่างชาติหรือชาวสิเธีย[a] เป็นทาสหรืออิสระ แต่พระคริสต์เป็นทุกอย่างและสถิตในตัวเราทุกคน
12 ฉะนั้น ตามที่ท่านเป็นคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ ท่านบริสุทธิ์และเป็นที่รักยิ่ง จงให้ความสงสาร ความกรุณา การถ่อมตัว ความอ่อนโยน และความอดทนบังเกิดในตัวท่าน 13 จงอดทนต่อกันและกัน และไม่ว่าใครจะมีเรื่องบาดหมางใดๆ ก็จงให้อภัยกันและกัน เหมือนกับที่พระผู้เป็นเจ้าได้ให้อภัยท่าน 14 และยิ่งกว่าคุณสมบัติดังกล่าว จงให้ความรักบังเกิดในตัวท่าน ซึ่งจะเชื่อมโยงทุกอย่างให้เข้าเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเพียบพร้อม 15 จงให้สันติสุขของพระคริสต์ครอบครองใจท่าน ด้วยว่า พระเจ้าได้เรียกท่านให้มาเป็นกายเดียวกันเพื่อสันติสุขนั้น และจงมีใจขอบคุณพระเจ้าเถิด 16 จงให้คำกล่าวของพระคริสต์ดำรงอยู่ในท่านอย่างบริบูรณ์ ด้วยการสอนและตักเตือนกันและกันดั่งคนมีสติปัญญาทุกประการ จงร้องเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายวิญญาณด้วยใจขอบคุณต่อพระเจ้า 17 และสิ่งใดก็ตามที่ท่านกล่าวหรือกระทำ จงทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบคุณพระเจ้าผู้เป็นพระบิดา โดยผ่านพระคริสต์
ความสัมพันธ์ในครัวเรือน
18 ผู้เป็นภรรยา จงยอมเชื่อฟังสามีอย่างที่ผู้เชื่อพระผู้เป็นเจ้าควรกระทำ 19 ผู้เป็นสามี จงรักภรรยาของท่านและอย่าแข็งกร้าวต่อนาง 20 ผู้เป็นบุตร จงเชื่อฟังบิดามารดาของตนทุกอย่าง เพราะเป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าพึงพอใจ 21 ผู้เป็นบิดา อย่าทำให้บุตรของท่านขุ่นเคืองในสิ่งที่เขาปฏิบัติ มิฉะนั้นเขาจะท้อแท้ใจ 22 ผู้เป็นทาส จงเชื่อฟังบรรดาเจ้านายทุกอย่าง และมิใช่กระทำเพียงเวลาอยู่ต่อหน้า เพื่อให้เป็นที่พอใจของเจ้านายเท่านั้น แต่ทำด้วยใจจริง ด้วยความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า 23 ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ท่านลงมือกระทำ จงกระทำอย่างสุดจิตสุดใจเหมือนกับที่ท่านทำเพื่อพระผู้เป็นเจ้ามากกว่าทำเพื่อมนุษย์ 24 ท่านทราบอยู่แล้วว่า ท่านจะได้รับมรดกจากพระผู้เป็นเจ้าเป็นรางวัล พระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าคือผู้ที่ท่านรับใช้ 25 ใครที่ทำผิดจะต้องได้รับผลตามที่เขาทำไป และในพระเจ้าไม่มีการลำเอียง
ผู้ยิ่งใหญ่และเทศกาลต่างๆ
46 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ประตูลานตำหนักที่หันไปทางทิศตะวันออกให้ปิดไว้ระหว่างวันทำงานตลอดทั้งหกวัน แต่ให้เปิดในวันสะบาโตและวันข้างขึ้น 2 ผู้ยิ่งใหญ่จะเข้ามาทางมุขประตูจากด้านนอก และยืนข้างเสาประตู บรรดาปุโรหิตจะต้องมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย และมอบของถวายเพื่อสามัคคีธรรมเป็นเครื่องสักการะของเขา เขาจะต้องนมัสการที่ธรณีประตูทางเข้า แล้วจึงออกไป แต่ไม่ปิดประตูจนกว่าจะถึงเวลาเย็น 3 ประชาชนของแผ่นดินจะก้มนมัสการที่ทางเข้าประตูนั้น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ในวันสะบาโตและวันข้างขึ้น 4 สัตว์ที่จะใช้เผาเป็นของถวายซึ่งผู้ยิ่งใหญ่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าในวันสะบาโตต้องเป็นลูกแกะปราศจากตำหนิ 6 ตัว และแกะตัวผู้ปราศจากตำหนิ 1 ตัว 5 จงใช้เครื่องธัญญบูชา 1 เอฟาห์คู่กับแกะตัวผู้ และเครื่องธัญญบูชาที่คู่กับลูกแกะจะต้องมอบให้มากเท่าที่เขาสามารถจะมอบให้ได้ พร้อมกับน้ำมัน 1 ฮินต่อ 1 เอฟาห์ 6 ในวันข้างขึ้น เขาจะต้องถวายโคหนุ่มจากฝูง 1 ตัว ลูกแกะ 6 ตัว และแกะตัวผู้ 1 ตัว ซึ่งทุกตัวจะต้องปราศจากตำหนิ 7 เขาจะต้องจัดหาเครื่องธัญญบูชา 1 เอฟาห์คู่กับโค และ 1 เอฟาห์คู่กับแกะตัวผู้ และคู่กับลูกแกะจะต้องมอบให้มากเท่าที่เขาสามารถจะมอบให้ได้ พร้อมกับน้ำมัน 1 ฮินต่อ 1 เอฟาห์ 8 เมื่อผู้ยิ่งใหญ่เข้ามา เขาจะต้องเข้าทางมุขประตู และจะออกไปทางเดียวกัน
9 เมื่อประชาชนของแผ่นดินมาอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในวันเทศกาลที่กำหนดไว้ ผู้ที่เข้ามาทางประตูเหนือเพื่อนมัสการจะต้องออกไปทางประตูใต้ และผู้ที่เข้ามาทางประตูใต้จะต้องออกไปทางประตูเหนือ จะต้องไม่ให้ผู้ใดกลับออกไปทางประตูเดียวกับที่เขาเข้ามา แต่ละคนจะออกไปทางประตูที่อยู่ตรงหน้าเขา 10 เมื่อพวกเขาเข้ามา ผู้ยิ่งใหญ่จะเข้ามากับพวกเขา และเมื่อพวกเขาออกไป ผู้ยิ่งใหญ่ก็จะออกไป
11 ในงานเทศกาลและเทศกาลที่กำหนดไว้ เครื่องธัญญบูชา 1 เอฟาห์คู่กับโค และ 1 เอฟาห์คู่กับแกะตัวผู้ และคู่กับลูกแกะจะต้องมอบให้มากเท่าที่เขาสามารถจะมอบให้ได้ พร้อมกับน้ำมัน 1 ฮินต่อ 1 เอฟาห์ 12 เมื่อผู้ยิ่งใหญ่จัดหาเครื่องบูชาด้วยความสมัครใจ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวายหรือของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เป็นเครื่องบูชาด้วยความสมัครใจแด่พระผู้เป็นเจ้า ประตูที่หันไปทางทิศตะวันออกจะต้องเปิดให้เขา และเขาจะมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายหรือของถวายเพื่อสามัคคีธรรม อย่างที่เขามอบในวันสะบาโต เขาจะออกไป และหลังจากที่เขาออกไปแล้ว ก็จะต้องปิดประตู
13 เจ้าจะต้องจัดหาลูกแกะ 1 ตัวปราศจากตำหนิอายุ 1 ปีสำหรับสัตว์ที่เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นประจำวัน เจ้าจะต้องจัดหาทุกๆ เช้า 14 และเจ้าจะต้องจัดหาเครื่องธัญญบูชาหนึ่งในหกเอฟาห์ และน้ำมันหนึ่งในสามฮินเพื่อทำให้แป้งชุ่มควบคู่กันไปด้วยทุกๆ เช้า เป็นเครื่องธัญญบูชาแด่พระผู้เป็นเจ้า จงถือเป็นกฎเกณฑ์ตลอดไป 15 จงจัดหาลูกแกะ เครื่องธัญญบูชา และน้ำมันดังกล่าวทุกๆ เช้า เป็นสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายเป็นประจำ”
16 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “ถ้าผู้ยิ่งใหญ่มอบที่ดินให้แก่บรรดาบุตรของเขาเป็นมรดก ที่ดินนั้นก็จะเป็นของบุตร คือพวกเขารับมรดกที่ดิน 17 แต่ถ้าเขามอบมรดกที่ดินให้แก่ผู้รับใช้คนใดคนหนึ่ง ที่ดินก็จะเป็นของเขาจนถึงปีแห่งอิสรภาพ[a] และที่ดินก็จะถูกมอบคืนให้แก่ผู้ยิ่งใหญ่ มรดกต้องเป็นของบรรดาบุตรของเขาเท่านั้น 18 ผู้ยิ่งใหญ่จะต้องไม่ยึดมรดกของประชาชนและขับไล่พวกเขาออกไปจากที่ดินของพวกเขา เขาจะต้องมอบมรดกซึ่งเป็นที่ดินของเขาเองแก่บรรดาบุตรของตน เพื่อไม่ให้ผู้ใดในบรรดาชนชาติของเรากระจัดกระจายออกไปจากที่ดินของพวกเขา”
ที่สำหรับต้มของถวาย
19 แล้วท่านนำข้าพเจ้าผ่านทางเข้าซึ่งอยู่ข้างประตู ไปยังตึกที่ด้านเหนือของห้องบริสุทธิ์ของบรรดาปุโรหิต ดูเถิด ที่นั่นมีที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ปลายสุดด้านตะวันตก 20 ท่านพูดกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “นี่เป็นที่ซึ่งบรรดาปุโรหิตจะต้มของถวายเพื่อไถ่โทษและเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และเป็นที่พวกเขาจะอบเครื่องธัญญบูชา เพื่อไม่ให้นำออกไปยังลานชั้นนอก เพื่อไม่ให้ความบริสุทธิ์ไปสัมผัสประชาชน”
21 แล้วท่านพาข้าพเจ้าออกไปยังลานชั้นนอก และนำข้าพเจ้าไปที่ 4 มุมของลาน ดูเถิด แต่ละมุมมีลานอื่นอีก 22 แต่ละมุมของลานมีลานเล็กซึ่งยาว 40 ศอก กว้าง 30 ศอก ขนาดเท่ากันทั้งสี่มุม 23 ภายในรอบลานของแต่ละมุมเป็นเชิงอิฐที่ก่อขึ้นโดยรอบ และมีเตาไฟที่ด้านล่างเชิง 24 แล้วท่านพูดกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “นี่เป็นครัวสำหรับผู้ที่รับใช้ในพระวิหาร เพื่อต้มของสักการะของประชาชน”
คำอธิษฐานของผู้มีทุกข์
คำอธิษฐานของผู้ทนทุกข์ทรมาน เวลารู้สึกอ่อนล้า และร้องไห้ฟูมฟายกับพระผู้เป็นเจ้า
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
ให้เสียงร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้าดังไปถึงพระองค์ด้วยเถิด
2 พระองค์อย่าได้ซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
ในยามข้าพเจ้าลำบาก
โปรดเงี่ยหูฟังข้าพเจ้า
ตอบข้าพเจ้าโดยเร็ว ในวันที่ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
3 วันเวลาของข้าพเจ้าเลือนหายไปดั่งควันไฟ
และกระดูกข้าพเจ้าร้อนผ่าวดั่งไฟในเตา
4 หัวใจข้าพเจ้าแห้งโรยราดั่งต้นหญ้า และเหี่ยวเฉาไป
แม้กระทั่งอาหาร ข้าพเจ้าก็ลืมรับประทาน
5 ข้าพเจ้าร้องคร่ำครวญเสียงดัง
ตัวข้าพเจ้ามีแต่หนังหุ้มกระดูก
6 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนนกกระทุงในที่กันดาร
เหมือนนกเค้าแมวในที่ร้าง
7 ข้าพเจ้าไม่อาจหลับลงได้
ข้าพเจ้าเป็นดั่งนกที่เดียวดายเกาะอยู่บนยอดหลังคา
8 พวกศัตรูของข้าพเจ้าเหยียดหยามข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
เขาเยาะเย้ยและใช้ชื่อของข้าพเจ้าเป็นคำสาปแช่ง
9 ข้าพเจ้ากินขี้เถ้าต่างอาหาร
และมีน้ำตาประสมอยู่ในเครื่องดื่ม
10 เป็นเพราะพระองค์ขัดเคืองและกริ้วเป็นที่สุด
พระองค์จึงยกตัวข้าพเจ้าขึ้นและโยนทิ้งเสีย
11 วันเวลาของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเงาในยามใกล้ค่ำ
ข้าพเจ้าแห้งโรยราดั่งต้นหญ้า
12 โอ พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์สถิตบนบัลลังก์เป็นนิตย์
พระองค์จะเป็นที่ระลึกถึงทุกชั่วอายุคน
13 พระองค์จะลุกขึ้นและเมตตาศิโยน
เพราะถึงเวลาจะโปรดปรานนาง
อันเป็นเวลาที่เหมาะควรแล้ว
14 เพราะบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์เห็นคุณค่าศิลาของนาง
และสงสารนางแม้จะป่นปี้จนเป็นผงธุลี
15 บรรดาประชาชาติจะยำเกรงพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
และกษัตริย์ทั้งปวงในแผ่นดินโลกจะเกรงพระบารมีของพระองค์
16 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะสร้างศิโยนขึ้นใหม่
พระองค์จะปรากฏด้วยพระบารมีของพระองค์
17 พระองค์จะตอบคำอธิษฐานของผู้ที่ถูกทอดทิ้ง
และไม่เฉยเมยต่อคำอ้อนวอนของพวกเขา
18 ให้สิ่งนี้ถูกบันทึกไว้สำหรับยุคต่อไป
เพื่อว่าชนชาติที่ยังไม่ได้ก่อเกิดขึ้นมาจะได้สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
19 เมื่อพระผู้เป็นเจ้ามองลงจากสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์
พระองค์มองดูแผ่นดินโลกจากฟ้าสวรรค์
20 เพื่อฟังเสียงคร่ำครวญของเหล่านักโทษ
เพื่อปลดปล่อยผู้ต้องโทษถึงแก่ชีวิตให้เป็นอิสระ
21 เพื่อให้พวกเขาประกาศพระนามของพระผู้เป็นเจ้าในศิโยน
และสรรเสริญพระองค์ในเยรูซาเล็ม
22 เวลาบรรดาชนชาติและอาณาจักรร่วมกันชุมนุม
เพื่อนมัสการพระผู้เป็นเจ้า
23 พระองค์ทำให้กำลังของข้าพเจ้าถดถอยลงในขณะยังเป็นหนุ่ม
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีอายุสั้นลง
24 ข้าพเจ้าพูดว่า “โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า
อย่ารับตัวข้าพเจ้าไปในเวลาที่มีอายุเพียงครึ่งของชีวิตเท่านั้น
พระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุคน
25 ในกาลก่อนพระองค์ได้วางฐานรากของแผ่นดินโลก
และฟ้าสวรรค์เป็นผลงานจากฝีมือของพระองค์
26 สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์จะยังดำรงอยู่
ทุกสิ่งจะผุพังไปเหมือนกับเครื่องนุ่งห่ม
พระองค์จะเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เหมือนเปลี่ยนเสื้อคลุม
และมันก็จะล่วงผ่านไป
27 แต่พระองค์คงอยู่เช่นเดิม
และชีวิตของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด[a]
28 บรรดาลูกหลานของผู้รับใช้ของพระองค์จะอาศัยอยู่ต่อไป
ผู้สืบเชื้อสายของพวกเขาจะปลอดภัย ณ เบื้องหน้าพระองค์”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation