Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 12

ความโง่เขลาของเรโหโบอัม

12 เรโหโบอัมไปยังเมืองเชเคม เพราะชาวอิสราเอลทั้งปวงได้ไปยังเชเคมเพื่อแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ ทันทีที่เยโรโบอัมบุตรเนบัททราบเรื่อง (เขาหนีกษัตริย์ซาโลมอนไปอยู่ในประเทศอียิปต์) เขาจึงกลับมาจากอียิปต์ ชาวอิสราเอลที่มาจากทิศเหนือให้คนไปตามเยโรโบอัมกลับไป และพวกเขาพูดกับเรโหโบอัมว่า “บิดาของท่านทำให้พวกเราแบกแอกเหมือนกับแบกภาระหนัก ฉะนั้นในเวลานี้ โปรดช่วยให้งานและการแบกแอกหนักผ่อนลงให้เบาเถิด แล้วพวกเราจะคอยรับใช้ท่าน” ท่านตอบว่า “กลับมาหาเราภายใน 3 วัน” ประชาชนจึงจากไป

กษัตริย์เรโหโบอัมปรึกษากับบรรดาผู้สูงอายุที่เคยรับใช้ซาโลมอนบิดาของท่านเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านถามว่า “พวกท่านจะแนะนำให้เราตอบประชาชนเหล่านี้อย่างไร” เขาเหล่านั้นตอบว่า “ถ้าท่านจะเป็นผู้รับใช้ประชาชนในวันนี้ เพื่อปฏิบัติงานรับใช้พวกเขา และพูดจาดีกับพวกเขาเวลาท่านตอบคำถาม พวกเขาก็จะเป็นผู้รับใช้ของท่านตลอดไป” แต่ว่าท่านกลับไม่ใส่ใจในคำปรึกษาที่บรรดาผู้สูงอายุแนะนำ แต่กลับไปรับคำปรึกษาของบรรดาชายหนุ่มที่เป็นผู้รับใช้ซึ่งเติบโตมาด้วยกัน ท่านพูดกับพวกเขาว่า “ท่านจะแนะนำเราอย่างไร เราควรจะตอบประชาชนเหล่านี้อย่างไรดี พวกเขาพูดกับเราว่า ‘ขอให้ท่านช่วยผ่อนแอกที่บิดาของท่านให้พวกเราหามเบาลง’” 10 บรรดาชายหนุ่มที่ได้เติบโตมากับท่านตอบว่า “สำหรับประชาชนที่มาพูดกับท่านว่า ‘บิดาของท่านทำให้พวกเราต้องแบกแอกหนัก แต่ขอให้ท่านผ่อนหนักให้เบาลงเพื่อพวกเรา’ นั้น ท่านน่าจะพูดกับพวกเขาว่า ‘นิ้วก้อยของเราใหญ่กว่าต้นขาของบิดาของเรา 11 และบัดนี้ เมื่อบิดาของเราได้วางแอกหนักไว้กับท่าน เราจะทำให้แอกของท่านหนักยิ่งขึ้น บิดาของเราสั่งสอนท่านด้วยไม้เรียว แต่เราจะสั่งสอนท่านด้วยแมงป่อง’”

12 ดังนั้นเยโรโบอัมและประชาชนทั้งปวงจึงมาหาเรโหโบอัมในวันที่สาม ตามคำสั่งของกษัตริย์ที่ว่า “กลับมาหาเราภายใน 3 วัน” 13 และกษัตริย์ตอบประชาชนอย่างแข็งกร้าว และไม่สนใจกับคำปรึกษาของบรรดาผู้สูงอายุ 14 กษัตริย์เรโหโบอัมพูดกับพวกเขา ตามคำปรึกษาของพวกชายหนุ่มว่า “บิดาของเราทำให้แอกของพวกท่านหนัก แต่เราจะทำให้แอกของท่านหนักยิ่งขึ้น บิดาของเราสั่งสอนท่านด้วยไม้เรียว แต่เราจะสั่งสอนท่านด้วยแมงป่อง” 15 ดังนั้นกษัตริย์ไม่ได้ฟังประชาชน เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าประสงค์ให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างนั้น เพื่อสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่เยโรโบอัมบุตรเนบัทโดยผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์ จะเกิดขึ้นตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า

อาณาจักรแตกแยก

16 ครั้นชาวอิสราเอลทั้งปวงเห็นว่ากษัตริย์ไม่ได้ฟังพวกเขา ประชาชนจึงตอบกษัตริย์ว่า “พวกเรามีส่วนร่วมอะไรด้วยกับดาวิดหรือ เราไม่ได้รับอะไรที่ตกทอดมาจากบุตรของเจสซี โอ อิสราเอลเอ๋ย จงกลับไปยังกระโจมของตนเถิด บัดนี้ โอ ดาวิดเอ๋ย ดูแลพงศ์พันธุ์ของท่านไปเถิด” ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงกลับไปยังกระโจมของตน 17 แต่เรโหโบอัมก็ปกครองลูกหลานของอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ 18 และกษัตริย์เรโหโบอัมให้อาโดรามควบคุมพวกที่ถูกเกณฑ์มาทำงานหนัก ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็ใช้หินขว้างเขาจนตาย กษัตริย์เรโหโบอัมจึงรีบขึ้นรถศึกของท่านหนีกลับไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 19 ดังนั้นอิสราเอลจึงได้แข็งข้อต่อพงศ์พันธุ์ของดาวิดเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ 20 และเมื่อชาวอิสราเอลทั้งปวงทราบว่าเยโรโบอัมได้กลับมาแล้ว จึงให้คนไปเชิญท่านมายังที่ประชุม เพื่อแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลทั้งหมด ไม่มีใครอื่นนอกจากเผ่ายูดาห์เท่านั้นที่ยังคงติดตามพงศ์พันธุ์ของดาวิดอยู่

21 เมื่อเรโหโบอัมมายังเยรูซาเล็ม ท่านก็เรียกประชุมพงศ์พันธุ์ยูดาห์ทั้งหมดร่วมกับเผ่าเบนยามิน รวมนักรบที่คัดเลือกได้ 180,000 คน ไปต่อสู้กับพงศ์พันธุ์อิสราเอล เพื่อรวมอาณาจักรเข้าด้วยกันอีกให้แก่เรโหโบอัมบุตรซาโลมอน 22 แต่พระเจ้ากล่าวผ่านเชไมยาห์คนของพระเจ้าดังนี้คือ 23 “จงบอกเรโหโบอัมบุตรซาโลมอนกษัตริย์แห่งยูดาห์ และพงศ์พันธุ์ยูดาห์ ของเบนยามิน และประชาชนทั้งปวงว่า 24 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘เจ้าอย่าขึ้นไปต่อสู้กับญาติพี่น้องซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์อิสราเอล ทุกคนจงกลับบ้านไป เพราะว่าเราต้องการให้เป็นไปอย่างนั้น’” ดังนั้นเขาเหล่านั้นจึงเชื่อฟังคำของพระผู้เป็นเจ้า และกลับบ้านไป ตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า

ลูกโคทองคำของเยโรโบอัม

25 แล้วเยโรโบอัมก็สร้างเมืองเชเคมในแถบภูเขาของเอฟราอิมให้แข็งแกร่ง และอาศัยอยู่ที่นั่น ต่อจากนั้นท่านก็ออกไปจากที่นั่น และสร้างเมืองเปนูเอล 26 และเยโรโบอัมนึกอยู่ในใจว่า “คราวนี้ อาณาจักรคงจะกลับมาเป็นของพงศ์พันธุ์ของดาวิด 27 เพราะถ้าหากว่าประชาชนเหล่านี้ขึ้นไปถวายเครื่องสักการะที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าที่เยรูซาเล็ม จิตใจของคนเหล่านี้ก็จะหันกลับมายังเจ้านายของพวกเขาคือเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ แล้วพวกเขาก็จะฆ่าเรา และกลับไปยังเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์” 28 ดังนั้นกษัตริย์จึงหารือบางคน และสั่งให้หล่อรูปลูกโคทองคำ 2 ตัว และกล่าวแก่ประชาชนว่า “พวกท่านได้ขึ้นไปยังเยรูซาเล็มมามากพอแล้ว โอ อิสราเอลเอ๋ย ดูนี่สิ บรรดาเทพเจ้าของพวกท่านที่นำท่านออกจากประเทศอียิปต์” 29 แล้วท่านก็ตั้งตัวหนึ่งไว้ในเมืองเบธเอล ส่วนอีกตัวตั้งไว้ในเมืองดาน 30 ฉะนั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่นำให้ผู้คนทำบาป เพราะว่าพวกเขาแห่กันไปยังรูปปั้นที่เบธเอลและไปไกลจนถึงเมืองดานด้วย 31 ท่านสร้างวิหารบนสถานบูชาบนภูเขาสูง และแต่งตั้งบรรดาปุโรหิตจากประชาชนทั้งปวงซึ่งไม่ได้มาจากกลุ่มชาวเลวี 32 และเยโรโบอัมกำหนดเทศกาลเลี้ยงฉลองในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปด เหมือนกับเทศกาลเลี้ยงฉลองที่มีในยูดาห์ และท่านถวายเครื่องสักการะที่แท่นบูชาในเบธเอล ถวายแก่ลูกโคที่สร้างไว้ และท่านให้บรรดาปุโรหิตไปประจำอยู่ที่สถานบูชาซึ่งท่านสร้างไว้บนภูเขาสูงที่เบธเอล 33 ในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปดท่านขึ้นไปยังแท่นบูชาซึ่งท่านสร้างไว้ที่เบธเอล ท่านเป็นผู้ที่กำหนดเลือกเดือนนั้นด้วยตนเอง และท่านจัดตั้งงานเลี้ยงฉลองสำหรับลูกหลานของอิสราเอล แล้วก็ได้ขึ้นไปยังแท่นบูชาเพื่อมอบของถวาย

ฟีลิปปี 3

อย่าวางใจในฝ่ายเนื้อหนัง

สุดท้ายนี้ พี่น้องเอ๋ย จงชื่นชมยินดีในพระผู้เป็นเจ้าเถิด ที่ข้าพเจ้าจะเขียนเรื่องนี้ซ้ำถึงท่านอีกก็ไม่เป็นปัญหาเลย และจะเป็นการปลอดภัยสำหรับท่านด้วย

จงระวังพวกสุนัข พวกกระทำชั่ว พวกที่เชือดเนื้อเถือหนัง ด้วยว่า เราเป็นพวกที่เข้าสุหนัตโดยแท้ ซึ่งนมัสการด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า และยินดีในพระเยซูคริสต์ และไม่วางใจในฝ่ายเนื้อหนัง แม้ข้าพเจ้าเองก็มีเหตุผลให้วางใจในเนื้อหนังด้วย ถ้าหากยังมีใครที่คิดว่าเขามีเหตุผลให้วางใจในเนื้อหนังแล้ว ข้าพเจ้าก็ยังมีมากกว่าเขาอีก ข้าพเจ้าเข้าสุหนัตวันที่แปดหลังจากเกิด เป็นชนชาติอิสราเอล เกิดในเผ่าเบนยามิน เป็นชาวฮีบรูโดยเนื้อแท้ ในเรื่องของการถือกฎบัญญัติแล้ว ข้าพเจ้าอยู่ในพรรคฟาริสี เรื่องของความปรารถนาอันแรงกล้าในการรับใช้นั้นข้าพเจ้าข่มเหงคริสตจักร เรื่องความชอบธรรมโดยการถือกฎบัญญัติ ก็ไม่มีใครตำหนิข้าพเจ้าได้ แต่สิ่งใดที่เคยนับว่าเป็นผลประโยชน์แก่ข้าพเจ้า บัดนี้ข้าพเจ้านับว่าสิ่งเหล่านั้นไร้ประโยชน์ก็เพื่อพระคริสต์ ยิ่งไปกว่านั้นข้าพเจ้านับว่าทุกสิ่งไร้ประโยชน์ เมื่อเปรียบเทียบกับคุณค่าอันยิ่งใหญ่ในการรู้จักพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทนทุกข์กับการที่เสียทุกสิ่งไปเพื่อพระองค์ และนับว่ามันเป็นเพียงขยะเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์มา และจะได้เห็นว่าข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์ โดยไม่ได้มีความชอบธรรมเองโดยการถือกฎบัญญัติ แต่เป็นสิ่งที่ได้มาจากความเชื่อในพระคริสต์ ความชอบธรรม ซึ่งมาจากพระเจ้าบนรากฐานแห่งความเชื่อ 10 เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้จักพระคริสต์และอานุภาพแห่งการฟื้นคืนชีวิตจากความตาย และร่วมรับการทนทุกข์ของพระองค์ เป็นเหมือนพระองค์ในการสิ้นชีวิตของพระองค์ 11 โดยที่ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้ฟื้นคืนชีวิตจากความตายเช่นกัน

มุมานะสู่เป้าหมาย

12 มิใช่ว่าข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้สำเร็จ หรือเป็นคนดีโดยเพียบพร้อมทุกประการแล้ว แต่ข้าพเจ้ามุมานะเพื่อให้ได้สิ่งนั้น ตามที่พระเยซูคริสต์ได้ทำให้ข้าพเจ้าเป็นคนของพระองค์ 13 พี่น้องเอ๋ย ข้าพเจ้าถือว่ายังไม่ได้สิ่งนั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าทำคือ ลืมสิ่งที่อยู่เบื้องหลังเสียและก้าวเหยียดไปสู่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า 14 ข้าพเจ้ามุมานะสู่เป้าหมาย เพื่อรางวัลคือการที่พระเจ้าเรียกเพื่อไปสู่ชีวิตเบื้องบน โดยผ่านพระเยซูคริสต์ 15 ฉะนั้นเราทุกคนที่เติบโตฝ่ายวิญญาณแล้วควรคิดเห็นแบบนี้ แต่ถ้ามีใครที่คิดเห็นต่างออกไป พระเจ้าจะให้เป็นที่ประจักษ์แก่ท่านด้วย 16 อย่างไรก็ตาม เราได้ดำเนินการไปเท่าใดแล้ว ก็จงดำเนินต่อไป

17 พี่น้องเอ๋ย จงทำตามอย่างข้าพเจ้า และจับตาดูคนที่ปฏิบัติตนตามอย่างที่พวกเราทำเป็นตัวอย่างไว้แล้ว 18 ดังที่ข้าพเจ้าได้พร่ำบอกท่านอยู่บ่อยๆ และบัดนี้ก็บอกอีกด้วยน้ำตานองหน้าว่า มีหลายคนที่ใช้ชีวิตเยี่ยงศัตรูต่อไม้กางเขนของพระคริสต์ 19 จุดจบของเขาคือความพินาศ พระเจ้าของเขาคือปากท้องของเขา และสง่าราศีของเขาคือสิ่งที่น่าอับอาย จิตใจของเขาฝักใฝ่อยู่กับสิ่งที่เป็นฝ่ายโลก 20 ด้วยว่า เรามีสัญชาติเป็นพลเมืองของสวรรค์ และเราตั้งตาคอยองค์ผู้ช่วยให้รอดพ้นจากที่นั่น คือพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า 21 พระองค์เป็นผู้ที่จะเปลี่ยนร่างกายอันต่ำต้อยของเราให้เป็นเช่นร่างกายอันมีสง่าราศีของพระองค์ โดยฤทธานุภาพที่สามารถให้พระองค์นำทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์

เอเสเคียล 42

ห้องปุโรหิต

42 แล้วท่านนำข้าพเจ้าออกไปยังลานพระตำหนักด้านทิศเหนือ และท่านพาข้าพเจ้าไปยังห้องที่อยู่ตรงข้ามกับลานพระวิหาร และตรงข้ามกับกำแพงด้านนอกทางทิศเหนือ ตึกที่มีประตูหันไปทางเหนือยาว 100 ศอก กว้าง 50 ศอก ตึกหลังนี้สูง 3 ชั้น แต่ละชั้นมีห้องหันหน้าเข้าหากันเป็นแถวยาว แต่ละห้องลึก 20 ศอก แถวหนึ่งขนานกับลานพระตำหนัก อีกแถวหนึ่งขนานกับลานพระวิหาร ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทางเดินที่ปูด้วยหิน แต่ละชั้นมีทางเดินยาวระหว่างห้องในตึก ซึ่งกว้าง 10 ศอก ยาว 100 ศอก ประตูห้องอยู่ด้านเหนือของตึก ห้องชั้นบนสุดเล็กกว่าเพราะมีระเบียงซึ่งใช้เนื้อที่มากกว่าชั้นกลางและชั้นล่าง เนื่องจากห้องเหล่านี้อยู่ในตึก 3 ชั้นและไม่มีเสาค้ำเหมือนกับลานพระตำหนัก ฉะนั้นห้องที่อยู่ชั้นบนสุดมีขนาดเล็กกว่าสองชั้นที่อยู่ถัดลงมา มีกำแพงที่อยู่ด้านนอกตึกซึ่งขนานกับห้องเหล่านี้ยาว 50 ศอก ซึ่งอยู่นอกลานพระตำหนัก ห้องที่อยู่นอกลานพระตำหนักยาว 50 ศอก ส่วนห้องที่หันเข้าสู่พระตำหนักชั้นนอกยาว 100 ศอก ทางเข้าอยู่ข้างล่างห้องเหล่านี้ที่ท้ายตึกทางด้านตะวันออก เพื่อให้ผู้คนเข้ามาได้จากลานพระตำหนัก 10 ด้านใต้ของตึกซึ่งยาวขนานกับกำแพงลานพระตำหนักซึ่งติดกับลานพระวิหาร คือติดกับกำแพงด้านนอก มีห้องหลายห้อง 11 ซึ่งมีทางเดินอยู่ด้านหน้า ห้องเหล่านี้เหมือนห้องที่ด้านเหนือ คือมีความยาวและความกว้างเหมือนกัน มีทางออกและประตูที่คล้ายคลึงกัน 12 ประตูทางเข้าออกห้องด้านทิศใต้เหมือนกับด้านทิศเหนือ มีทางเข้าสู่ห้องชั้นล่างที่ต้นทางเดินซึ่งขนานกับผนังกำแพงซึ่งยาวต่อไปถึงด้านทิศตะวันออก และเป็นทางเข้าออกได้

13 แล้วท่านพูดกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “ห้องด้านเหนือและด้านใต้ที่หันเข้าหาลานพระวิหารเป็นห้องของเหล่าปุโรหิต ปุโรหิตที่เข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้าจะรับประทานของถวายที่บริสุทธิ์ที่สุด พวกเขาจะตั้งของถวายที่บริสุทธิ์ที่สุดคือ เครื่องธัญญบูชา เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และของถวายเพื่อไถ่โทษ เพราะสถานที่นั้นบริสุทธิ์ 14 เมื่อปุโรหิตเข้าไปในวิสุทธิสถาน พวกเขาจะต้องไม่ออกไปยังลานพระตำหนักจนกว่าจะถอดเครื่องแต่งกายที่สวมในการปฏิบัติงานและวางไว้ที่นั่นก่อน เพราะเป็นเครื่องแต่งกายที่บริสุทธิ์ พวกเขาจะต้องสวมเสื้อผ้าตัวอื่นก่อนจะออกไปใกล้สถานที่สำหรับประชาชน”

15 ครั้นท่านวัดบริเวณภายในพระตำหนักเสร็จสิ้นแล้ว ท่านนำข้าพเจ้าออกไปทางประตูที่หันไปทางทิศตะวันออก และวัดรอบๆ บริเวณ 16 ท่านวัดด้านตะวันออกด้วยไม้วัด ได้ความยาว 500 ศอกโดยรอบ 17 ท่านวัดด้านเหนือด้วยไม้วัด ได้ความยาว 500 ศอกโดยรอบ 18 ท่านวัดด้านใต้ด้วยไม้วัด ได้ความยาว 500 ศอก 19 แล้วท่านหันไปด้านตะวันตกและวัดด้วยไม้วัด ได้ความยาว 500 ศอก 20 ท่านวัดกำแพงทั้งสี่ด้านโดยรอบซึ่งยาว 500 ศอก และกว้าง 500 ศอก ซึ่งแบ่งระหว่างสถานที่บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์

สดุดี 94

ความมั่นใจของผู้มีความชอบธรรม

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งการลงโทษ
    โอ พระเจ้าแห่งการลงโทษ โปรดแสดงให้ประจักษ์เถิด
โอ ผู้พิพากษาโลก ลุกขึ้นเถิด
    สนองตอบคนหยิ่งยโสตามที่เขาควรได้รับ
โอ พระผู้เป็นเจ้า จะนานเพียงไร
    จะนานเพียงไรที่คนชั่วร้ายยังคงเบิกบานใจกัน
พวกเขาพ่นถ้อยคำยโส
    คนทำความชั่วทั้งปวงล้วนแต่โอ้อวดกัน
โอ พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาขยี้ชนชาติของพระองค์
    และกดขี่ข่มเหงผู้สืบมรดกของพระองค์
พวกเขาฆ่าหญิงม่ายและคนต่างด้าวที่ตั้งรกรากอยู่
    และฆ่าเด็กกำพร้า
แล้วพวกเขาพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าจะไม่เห็นหรอก
    พระเจ้าของยาโคบไม่หยั่งรู้”

จงเข้าใจเถิด พวกเจ้าช่างโง่เขลาเหลือเกิน
    เมื่อไหร่เจ้าจึงจะมีสติปัญญาบ้าง
พระองค์เป็นผู้สร้างหูให้เรา พระองค์จะไม่ได้ยินหรือ
    และพระองค์สร้างดวงตา พระองค์จะไม่เห็นหรือ
10 ผู้ที่สอนให้บรรดาประชาชาติมีวินัยจะไม่ลงโทษหรือ
    และผู้สั่งสอนมนุษย์ขาดความรู้หรือ
11 พระผู้เป็นเจ้าทราบความนึกคิดของมนุษย์ว่า
    เป็นเพียงประหนึ่งไอน้ำ[a]

12 โอ พระผู้เป็นเจ้า คนมีความสุขได้แก่คนที่พระองค์สอนให้มีวินัย
    และคนที่พระองค์สั่งสอนจากกฎบัญญัติของพระองค์
13 เพื่อให้เขาปลอดภัยในยามมีคนปองร้าย
    จนกระทั่งหลุมศพจะถูกขุดรอไว้ให้คนชั่ว
14 เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทอดทิ้งชนชาติของพระองค์
    และพระองค์ไม่ละเลยผู้สืบมรดกของพระองค์
15 ความเป็นธรรมจะกลับมายังผู้มีความชอบธรรม
    และผู้มีใจเที่ยงธรรมจะตามหลังไป

16 ใครลุกขึ้นช่วยข้าพเจ้าต่อต้านคนเลว
    ใครอยู่ข้างข้าพเจ้าต่อสู้คนชั่ว
17 ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ช่วยข้าพเจ้า
    อีกไม่นานชีวิตข้าพเจ้าก็คงจะลงไปอยู่ในความเงียบสงัดแห่งความตาย
18 เวลาข้าพเจ้าพูดว่า “เท้าของข้าพเจ้าพลาด”
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ความรักอันมั่นคงของพระองค์พยุงข้าพเจ้าไว้
19 เวลาจิตใจข้าพเจ้าว้าวุ่นสับสน
    พระองค์ปลอบประโลมจิตวิญญาณทำให้ข้าพเจ้าเบิกบาน
20 พวกคนชั่วร้ายที่ปกครองบ้านเมืองจะเป็นพันธมิตรกับพระองค์ได้หรือ
    เขาเป็นคนสร้างความทุกข์ด้วยการละเมิดกฎเกณฑ์
21 พวกเขารวมหัวกันฆ่าคนมีความชอบธรรม
    และป้ายความผิดแก่คนไร้ความผิดจนถึงแก่ชีวิต
22 แต่พระผู้เป็นเจ้าเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
    และพระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นศิลาที่พักพิงของข้าพเจ้า
23 พระองค์จะลงโทษพวกที่กระทำสิ่งชั่วร้าย
    และจะทำให้เขาพินาศเพราะบาปของเขา
    พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราจะทำให้เขาพินาศ

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation