Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 ซามูเอล 16

ศิบาพูดเท็จต่อดาวิด

16 เมื่อดาวิดเดินผ่านยอดเขาไประยะหนึ่ง ศิบาผู้รับใช้ของเมฟีโบเชทก็มาพบกับท่าน มีลาสองตัวผูกอานบรรทุกขนมปัง 200 ก้อน องุ่นแห้ง 100 พวง ผลไม้ฤดูร้อน 100 ผล และเหล้าองุ่น 1 ถุง แล้วกษัตริย์กล่าวกับศิบาว่า “ทำไมเจ้าจึงนำสิ่งเหล่านี้มา” ศิบาตอบว่า “ลาสำหรับท่านและครอบครัวไว้ใช้ ขนมปังและผลไม้ฤดูร้อนสำหรับให้พวกชายหนุ่มรับประทาน และเหล้าองุ่นสำหรับให้พวกที่อ่อนกำลังในถิ่นทุรกันดารดื่ม” และกษัตริย์กล่าวว่า “แล้วหลานของเจ้านายของเจ้าอยู่ที่ไหนเล่า” ศิบาตอบกษัตริย์ว่า “ดูเถิด ท่านอยู่ที่เยรูซาเล็ม เพราะท่านคิดในใจว่า ‘วันนี้ พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะคืนอาณาจักรของท่านปู่ของเราให้แก่เรา’” กษัตริย์กล่าวกับศิบาว่า “ดูเถิด เราตัดสินใจแล้วว่า ทุกสิ่งที่เป็นของเมฟีโบเชทเป็นของเจ้าแล้วในเวลานี้” ศิบาพูดว่า “โอ เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ข้าพเจ้าขอกราบถวายบังคม ขอข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่านเถิด”

ชิเมอีสาปแช่งดาวิด

เมื่อกษัตริย์ดาวิดมายังเมืองบาฮูริม มีชายคนหนึ่งจากครอบครัวในพงศ์พันธุ์ของซาอูล ชื่อชิเมอีบุตรของเก-รา เขาออกมาพบกับดาวิด และเดินไปก็สาปแช่งดาวิดไป เขาเอาก้อนหินขว้างดาวิดกับพวกผู้รับใช้ของกษัตริย์ดาวิด เขาขว้างทุกคน ทหารกล้าทุกคนขนาบอยู่ข้างดาวิดทั้งขวาและซ้าย ขณะที่ชิเมอีสาปแช่ง เขาพูดว่า “ออกไป ออกไป เจ้าฆาตกร เจ้าคนไร้ค่า พระผู้เป็นเจ้าได้ลงโทษเจ้า ที่เจ้าได้ฆ่าคนในพงศ์พันธุ์ของซาอูล และยึดบัลลังก์ไปจากซาอูล และพระผู้เป็นเจ้าได้มอบอาณาจักรไว้ในมือของอับซาโลมบุตรของเจ้า ดูสิ สิ่งเลวร้ายตกอยู่กับเจ้า เพราะเจ้าเป็นฆาตกร”

ครั้นแล้ว อาบีชัยบุตรของนางเศรุยาห์จึงพูดกับกษัตริย์ว่า “ทำไมท่านจึงปล่อยให้สุนัขที่ตายแล้วสาปแช่งเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ขอให้ข้าพเจ้าข้ามฟากไปตัดหัวมันเถิด” 10 แต่กษัตริย์กล่าวว่า “บุตรของเศรุยาห์เอ๋ย มันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้าด้วย ถ้าหากว่าเขาสาปแช่งเพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้บอกเขาว่า ‘จงสาปแช่งดาวิดเสีย’ แล้วใครจะพูดได้ว่า ‘ทำไมเจ้าจึงกระทำเช่นนั้น’” 11 และดาวิดกล่าวกับอาบีชัยและทหารรับใช้อื่นทุกคนว่า “ดูเถิด บุตรของเราเองยังมุ่งหมายจะเอาชีวิตของเรา แล้วชาวเบนยามินคนนี้จะไม่ทำยิ่งไปกว่านั้นหรือ ช่างเขาเถิด ปล่อยให้เขาสาปแช่งไป เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้บอกให้เขาทำ 12 พระผู้เป็นเจ้าอาจจะเห็นสิ่งร้ายๆ ที่เขาทำต่อเรา และพระผู้เป็นเจ้าจะตอบสนองเราด้วยสิ่งดีๆ เพราะคำสาปแช่งในวันนี้ก็ได้” 13 ดังนั้นดาวิดและพรรคพวกของท่านเดินตามทางไป ในขณะที่ชิเมอีเดินตามไปบนเนินเขา พลางสาปแช่งและใช้ก้อนหินขว้างท่าน และทั้งยังปาฝุ่นใส่ท่านด้วย 14 กษัตริย์และทุกคนที่อยู่กับท่านก็เหนื่อยล้ามากเมื่อมาถึงแม่น้ำจอร์แดน และที่นั่นท่านก็ได้พักจนสดชื่นขึ้นมา

อับซาโลมไปยังเยรูซาเล็ม

15 อับซาโลมและชาวอิสราเอลทั้งปวงที่อยู่กับเขาก็มายังเยรูซาเล็ม อาหิโธเฟลก็ไปกับเขาด้วย 16 เมื่อหุชัยชาวอาร์คีที่เป็นเพื่อนของดาวิด มาหาอับซาโลม หุชัยพูดกับอับซาโลมว่า “ขอกษัตริย์มีอายุยืนนาน ขอกษัตริย์มีอายุยืนนาน” 17 อับซาโลมพูดกับหุชัยว่า “นี่เป็นความภักดีของท่านที่มีต่อเพื่อนของท่านหรือ ทำไมท่านจึงไม่ได้ไปกับเพื่อนของท่านเล่า” 18 หุชัยตอบอับซาโลมว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น แต่เพราะท่านเป็นผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าและชนเหล่านี้กับชาวอิสราเอลทั้งปวงได้เลือกแล้ว ข้าพเจ้าจะเป็นคนของท่าน และจะอยู่กับท่าน 19 และอีกประการ ข้าพเจ้าควรจะรับใช้ผู้ใดเล่า ไม่ควรเป็นบุตรของกษัตริย์หรือ ข้าพเจ้าจะรับใช้ท่านดั่งที่ข้าพเจ้าได้รับใช้บิดาของท่าน”

20 อับซาโลมพูดกับอาหิโธเฟลว่า “เราขอคำแนะนำจากท่าน เราควรจะทำอย่างไร” 21 อาหิโธเฟลเรียนอับซาโลมว่า “ท่านเข้าไปหาพวกภรรยาน้อยของบิดา ที่ท่านทิ้งไว้ให้ดูแลวังเถิด และชาวอิสราเอลก็จะได้ยินว่าท่านทำตนเป็นที่น่ารังเกียจต่อบิดาของท่าน และอิทธิพลของทุกคนที่อยู่ฝ่ายท่านจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น” 22 ดังนั้นเขาจึงตั้งกระโจมบนหลังคาให้อับซาโลม และอับซาโลมก็เข้าไปหาพวกภรรยาน้อยของบิดาต่อหน้าชาวอิสราเอลทั้งปวง 23 ในสมัยนั้นคำปรึกษาที่อาหิโธเฟลให้ เป็นประหนึ่งคำกล่าวที่ได้รับจากพระเจ้า คำปรึกษาของอาหิโธเฟลจึงย่อมเป็นที่ยอมรับนับถือของดาวิดและอับซาโลม

2 โครินธ์ 9

ไม่มีความจำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องเขียนถึงท่านเรื่องการช่วยเหลือบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าในด้านนี้ เพราะข้าพเจ้าทราบว่าท่านมีความตั้งใจพร้อมอยู่แล้ว ข้าพเจ้ายังโอ้อวดให้พี่น้องชาวมาซิโดเนียฟังเสมอว่า พี่น้องในแคว้นอาคายาพร้อมจะให้ตั้งแต่ปีที่แล้ว และความกระตือรือร้นของท่านได้กระตุ้นพวกเขาเกือบทุกคน แต่ข้าพเจ้าได้ส่งให้พี่น้องมา เพื่อว่าที่เราได้โอ้อวดเรื่องพวกท่านจะไม่เสียเปล่า ท่านจะเตรียมตัวพร้อมอย่างที่ข้าพเจ้าได้บอกไปแล้ว ถ้าพี่น้องชาวมาซิโดเนียมากับเรา และเห็นว่าท่านไม่พร้อม ไม่เพียงท่านเท่านั้นที่ขายหน้า พวกเราจะขายหน้าด้วยที่มีความมั่นใจในพวกท่านถึงขนาดนี้ ดังนั้นข้าพเจ้าคิดว่าจำเป็นต้องขอให้พี่น้องมาเยี่ยมท่านล่วงหน้าก่อน เพื่อให้ท่านเตรียมเงินเรี่ยไรด้วยความเอื้อเฟื้อให้พร้อม ตามที่ท่านได้สัญญาไว้ แล้วเงินที่ให้ก็จะได้มาจากใจจริง มิใช่มาจากการฝืนใจ

ให้ด้วยใจยินดี

ข้าพเจ้าขอบอกเรื่องนี้ว่า คนที่หว่านน้อยย่อมเก็บเกี่ยวได้น้อย และคนที่หว่านมากจะเก็บเกี่ยวได้มาก แต่ละคนควรให้ตามที่ตั้งใจไว้ มิใช่ด้วยความลังเลหรือเพราะถูกกดดัน เพราะพระเจ้ารักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี พระเจ้าสามารถให้พรท่านอย่างเต็มเปี่ยม เพื่อท่านจะได้มีเพียงพอในทุกสิ่งเสมอ และท่านจะได้มีอย่างล้นเหลือเพื่อช่วยผู้อื่นได้อีกด้วย ตามที่บันทึกไว้คือ

“เขาเอื้อเฟื้อแก่ผู้ยากไร้
    ความชอบธรรมของเขาคงอยู่เป็นนิตย์”[a]

10 พระองค์ผู้จัดหาเมล็ดให้คนหว่านพืช และขนมปังเพื่อให้เป็นอาหาร ก็จะจัดหาและเพิ่มพูนเมล็ดให้ท่านนำไปหว่าน และเพิ่มปริมาณการเก็บเกี่ยวความชอบธรรมของท่าน 11 ท่านจะมั่งคั่งในทุกด้านเพื่อท่านจะได้เอื้อเฟื้อในทุกโอกาส เมื่อท่านเอื้อเฟื้อโดยผ่านเราแล้ว ผลที่ได้คือหลายคนจะขอบคุณพระเจ้า

12 การรับใช้ด้านนี้ไม่เพียงจัดหาสิ่งจำเป็นให้ผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าเท่านั้น แต่หลายคนจะกล่าวขอบคุณพระเจ้าอย่างเหลือล้น 13 เป็นเพราะท่านได้พิสูจน์ตนในด้านการรับใช้นี้แล้ว ผู้คนจึงจะสรรเสริญพระเจ้าเพราะความเชื่อของท่าน และการปฏิบัติตัวสอดคล้องกับการที่ท่านยืนยันในเรื่องข่าวประเสริฐของพระคริสต์ และความเอื้อเฟื้อที่ท่านมีต่อพวกเขาและคนทั่วไป 14 เมื่อพวกเขาอธิษฐานเผื่อท่าน เขาระลึกถึงท่านอย่างจริงใจ เพราะพระเจ้ามีพระคุณต่อพวกท่านยิ่งนัก 15 ขอบคุณพระเจ้าสำหรับของประทานของพระองค์ซึ่งเกินจะพรรณนา

เอเสเคียล 23

โอโฮลาห์และโอโฮลีบาห์

23 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย มีผู้หญิง 2 คนซึ่งเป็นบุตรหญิงของมารดาเดียวกัน ทั้งสองคนนี้ทำตัวเป็นหญิงใจง่ายในอียิปต์ เขาใจง่ายตั้งแต่วัยสาว อกของนางถูกจับต้องและหน้าอกอันบริสุทธิ์ถูกสัมผัส หญิงผู้พี่ชื่อโอโฮลาห์[a] และน้องสาวของนางชื่อโอโฮลีบาห์[b] ทั้งสองเป็นของเรา และนางทั้งสองให้กำเนิดบุตรชายและบุตรหญิง โอโฮลาห์คือสะมาเรีย และโอโฮลีบาห์คือเยรูซาเล็ม

โอโฮลาห์ทำตนเป็นหญิงใจง่ายขณะที่นางเป็นของเรา และนางต้องตาต้องใจในบรรดาชู้ของนางคือชาวอัสซีเรียผู้เป็นนักรบ พวกเขาสวมผ้าสีม่วง เป็นบรรดาเจ้าเมืองและผู้บังคับบัญชา ทุกคนล้วนเป็นชายหนุ่มที่พึงปรารถนา และเป็นทหารม้า นางมอบตนด้วยความใจง่ายให้กับบรรดาผู้ชายที่เลอเลิศของอัสซีเรียทั้งสิ้น และนางเป็นมลทินเพราะนางต้องตาต้องใจในรูปเคารพทั้งหลายของทุกๆ คน นางไม่เลิกล้มทำตนเป็นหญิงใจง่ายซึ่งได้เริ่มขึ้นในอียิปต์ บรรดาผู้ชายได้นอนกับนางตั้งแต่ครั้งที่นางยังสาว และสัมผัสหน้าอกอันบริสุทธิ์ของนาง และกระทำกลับต่อนางด้วยตัณหาของพวกเขา ฉะนั้น เรามอบนางไว้ในมือของบรรดาชู้ของนาง ในมือของชาวอัสซีเรียซึ่งนางต้องตาต้องใจด้วย 10 คนเหล่านั้นเปลื้องกายนาง และจับตัวบุตรชายและบุตรหญิงของนางไป และใช้ดาบฆ่านาง และนางกลายเป็นที่หัวเราะเยาะในหมู่ผู้หญิงหลังจากที่นางถูกตัดสินลงโทษแล้ว

11 โอโฮลีบาห์น้องของนางเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น นางกลับทำตนเลวยิ่งกว่าพี่สาวของนางในเรื่องตัณหาและการเป็นหญิงใจง่าย 12 นางต้องตาต้องใจในบรรดาชาวอัสซีเรีย เจ้าเมือง และผู้บังคับบัญชา นักรบที่สวมเกราะป้องกันตัวครบครัน ทหารม้า พวกเขาทุกคนล้วนเป็นชายหนุ่มที่พึงปรารถนา 13 และเราเห็นว่านางถูกทำให้เป็นมลทิน ทั้งสองคนกระทำตนในวิถีทางเดียวกัน 14 แต่ความใจง่ายของนางถลำลึกลงยิ่งกว่า นางเห็นรูปพวกผู้ชายที่กำแพง รูปสลักของชาวเคลเดียที่มีโครงร่างเป็นรูปสีแดงสด 15 มีผ้าคาดเอว ผ้าโพกศีรษะ ทุกคนมีลักษณะเหมือนผู้บังคับการรถศึก คุณลักษณะของชาวบาบิโลนซึ่งมีเคลเดียเป็นถิ่นกำเนิด 16 เมื่อนางเห็นพวกเขา นางต้องตาต้องใจในพวกเขา และให้บรรดาผู้ส่งข่าวไปหาพวกเขาที่เคลเดีย 17 และชาวบาบิโลนมาหานางที่เตียงแห่งความรัก และพวกเขาทำให้นางเป็นมลทินด้วยตัณหาของตน และหลังจากที่พวกเขาทำให้นางเป็นมลทินแล้ว นางก็หันไปจากพวกเขาด้วยความขยะแขยง 18 เมื่อนางกระทำตนเป็นคนใจง่ายต่อไปอย่างเปิดเผยและเปลือยร่างของนาง เราหันไปจากนางด้วยความขยะแขยง เหมือนกับที่เราได้หันไปจากพี่สาวของนางด้วยความขยะแขยง 19 แม้กระนั้น นางยังกระทำตนเป็นคนใจง่ายมากยิ่งขึ้นในขณะที่นึกถึงวัยสาวของนาง เวลานางทำตัวเป็นหญิงใจง่ายในแผ่นดินอียิปต์ 20 และต้องตาต้องใจในบรรดาชู้ของนางที่นั่น ซึ่งมีเลือดเนื้อเหมือนกับของลา และมีสิ่งไหลออกเหมือนกับของม้า 21 เจ้าจึงใคร่หาความมักมากในกามของวัยสาวของเจ้าเมื่อชาวอียิปต์สัมผัสหน้าอกของเจ้าและจับต้องอกสาวของเจ้า”

22 ฉะนั้น โอโฮลีบาห์เอ๋ย พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ดูเถิด เราจะทำให้บรรดาชู้ของเจ้าที่เจ้าหันจากไปด้วยความขยะแขยงนั้นมาแข็งข้อกับเจ้า เราจะนำพวกเขามาจากทุกทิศเพื่อบุกรุกเจ้า 23 ชาวบาบิโลนและชาวเคลเดียทั้งหมด ชาวเปโขด โชอา โคอา และชาวอัสซีเรียทั้งหมด ชายหนุ่มที่พึงปรารถนาทั้งหลาย บรรดาเจ้าเมืองและผู้บังคับการรถศึกทุกคน ผู้บังคับการและบรรดาผู้มีชื่อเสียง พวกเขาทุกคนขี่ม้ามา 24 พวกเขาจะมาบุกรุกเจ้าจากทางเหนือด้วยรถศึก รถพ่วง และคนอีกจำนวนมาก พวกเขาพร้อมที่จะประจันหน้ากับเจ้าในทุกทิศทุกทาง ด้วยเครื่องป้องกันตัว โล่ และหมวกเหล็ก และเราจะมอบสิทธิในการตัดสินโทษแก่พวกเขา พวกเขาจะตัดสินโทษเจ้าตามมาตรฐานของการตัดสินโทษของพวกเขาเอง 25 เราจะเบนความกริ้วอันเกิดจากความหวงแหนมาที่ตัวเจ้า เพื่อพวกเขาจะกระทำต่อเจ้าด้วยความฉุนเฉียว พวกเขาจะตัดจมูกและหูของเจ้า และบรรดาผู้ที่รอดชีวิตมาได้จะตายด้วยคมดาบ พวกเขาจะจับตัวบรรดาบุตรชายและบุตรหญิงของเจ้า และบรรดาผู้ที่รอดชีวิตมาได้จะถูกไฟเผา 26 พวกเขาจะเปลื้องเสื้อผ้าของเจ้า และเอาเครื่องประดับอันสวยงามของเจ้าไป 27 ความมักมากในกามและความใจง่ายที่เจ้าเริ่มมีขึ้นในแผ่นดินอียิปต์นั้น เราจะทำให้ยุติลง เพื่อเจ้าจะไม่ใส่ใจกับมันหรือคิดถึงอียิปต์อีกต่อไป”

28 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ดูเถิด เราจะมอบเจ้าไว้ในมือของบรรดาผู้ที่เจ้าเกลียดชัง ในมือของบรรดาผู้ที่เจ้าหันจากไปด้วยความขยะแขยง 29 และพวกเขาจะกระทำต่อเจ้าด้วยความเกลียดชัง และเอาผลจากแรงงานทั้งหมดของเจ้าไป และทิ้งให้เจ้าเปลือยเปล่า และความใจง่ายของเจ้าจะถูกเปิดโปง ความมักมากในกามและความใจง่ายของเจ้านั่นแหละ 30 ที่ทำให้เจ้ามาถึงจุดนี้ เพราะเจ้าทำตัวเป็นคนใจง่ายกับบรรดาประชาชาติและทำตัวเองให้เป็นมลทินเพราะรูปเคารพของพวกเขา 31 เจ้าเดินตามวิถีทางของพี่สาวของเจ้า ฉะนั้นเราจะยื่นถ้วยที่เขาใช้ดื่มให้กับเจ้า” 32 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้

“เจ้าจะดื่มจากถ้วยของพี่สาวของเจ้า
    เป็นถ้วยที่ลึกและใหญ่
เจ้าจะถูกหัวเราะเยาะและล้อเลียน
    เพราะเป็นถ้วยที่บรรจุได้มาก
33 เจ้าจะเมาไม่สร่างและเศร้าใจ
    ถ้วยแห่งความพินาศและความวิบัติ
    เป็นถ้วยของพี่สาวของเจ้า คือสะมาเรีย
34 เจ้าจะดื่มจนหยดสุดท้าย
    ไม่เหลือแม้ก้นตะกอน
    และจะตีอกชกหัว

เพราะเราได้กล่าวแล้ว” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

35 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ “เพราะเจ้าได้ลืมเราแล้ว และหันหลังให้เรา เจ้าจะต้องรับผิดในเรื่องความมักมากในกามและความใจง่ายของเจ้า”

36 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจะตัดสินโทษโอโฮลาห์และโอโฮลีบาห์ไหม จงบอกพวกนางเรื่องการกระทำอันน่าชังทั้งสิ้นของพวกนาง 37 เพราะพวกนางผิดประเวณี และมือของนางเปื้อนเลือด พวกนางผิดประเวณีกับรูปเคารพ และบรรดาบุตรที่นางให้กำเนิดซึ่งเป็นของเรา นางถึงกับถวายเป็นอาหารให้แก่รูปเคารพ 38 และยิ่งกว่านั้น สิ่งที่พวกนางได้กระทำต่อเราคือ พวกนางได้ทำให้ที่พำนักของเราเป็นมลทินในวันเดียวกัน และดูหมิ่นวันสะบาโตของเรา 39 เพราะเมื่อพวกนางได้ฆ่าบุตรของพวกนางเพื่อถวายแก่รูปเคารพ ในวันเดียวกันพวกนางเข้าไปในที่พำนักของเราและดูหมิ่นที่ของเรา นั่นแหละที่พวกนางทำในตำหนักของเรา 40 นางทั้งสองให้ผู้ส่งข่าวไปยังแดนไกลเพื่อหาผู้ชาย เมื่อพวกเขามาถึง เจ้าก็ชำระตัว เขียนตา สวมเครื่องประดับ 41 เจ้านั่งบนเตียงหรู และมีโต๊ะวางตรงหน้า ซึ่งเจ้าจัดเครื่องหอมและน้ำมันของเราไว้บนโต๊ะ 42 คนจำนวนมากที่อยู่กับนางส่งเสียงสนุกสนาน รวมถึงบรรดาผู้ชายจากทุกแห่งหน มีคนเมาเหล้าที่มาจากถิ่นทุรกันดาร พวกเขาสวมกำไลมือให้พวกผู้หญิง และสวมมงกุฎงามบนศีรษะของพวกนาง

43 แล้วเราพูดถึงผู้หญิงที่เหนื่อยอ่อนจากการผิดประเวณี พวกเขาจะใช้นางดั่งหญิงแพศยา คือรวมทั้งนางด้วย 44 เพราะพวกเขาได้นอนกับนาง อย่างกับผู้ชายที่ไปหาหญิงโสเภณี พวกเขาเข้าไปหาโอโฮลาห์และโอโฮลีบาห์ ซึ่งเป็นหญิงที่มักมากในกาม 45 แต่ผู้ชายคนอื่นๆ ที่มีความชอบธรรมจะตัดสินโทษพวกนางในฐานะหญิงล่วงประเวณีและฆ่าคน เพราะพวกเขาเป็นหญิงล่วงประเวณีและมือเปื้อนเลือด”

46 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ “จงนำฝูงชนมาโจมตีพวกนาง และทำให้พวกนางต้องหวาดหวั่นและถูกปล้น 47 และฝูงชนจะขว้างก้อนหินใส่พวกนาง และใช้ดาบฟันนาง พวกเขาจะฆ่าบรรดาบุตรชายและบุตรหญิงของพวกนาง และเผาบ้านเรือนของพวกนางจนหมดสิ้น 48 เราจะทำให้ความมักมากในกามยุติลงในแผ่นดิน เพื่อเป็นการเตือนบรรดาผู้หญิงทุกคน และจะได้ไม่ประพฤติตามแบบอย่างของเจ้า 49 ฝูงชนจะกระทำกลับต่อเจ้าด้วยความมักมากในกาม เจ้าจะแบกรับโทษเพราะบาปในเรื่องรูปเคารพ และเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่

สดุดี 70-71

อธิษฐานขอความช่วยเหลือ

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด ขอความกรุณา

โอ พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
    โอ พระผู้เป็นเจ้า รีบมาช่วยข้าพเจ้าเถิด
ให้พวกที่ตามล่าชีวิตข้าพเจ้า
    อับอายและสับสน
ให้ทุกคนที่ต้องการให้ข้าพเจ้าพินาศ
    กลับหลังหันไปอย่างไร้เกียรติเถิด
พวกที่พูดเยาะเย้ยก็ขอให้เขา
    กลับหลังหันไปด้วยความอับอาย

ขอให้ทุกคนที่แสวงหาพระองค์
    ยินดีและเบิกบานใจในพระองค์
ขอให้บรรดาผู้รักความรอดพ้นที่มาจากพระองค์พูดเสมอว่า
    “พระเจ้ายิ่งใหญ่นัก”
แต่ข้าพเจ้าขัดสนและยากไร้
    โอ พระเจ้า รีบมาช่วยข้าพเจ้าเถิด
พระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือและผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้า
    โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่ารอช้าเลย

อธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าในยามชรา

โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ามีพระองค์เป็นที่พึ่งพิง
    อย่าให้ข้าพเจ้าต้องอับอายเลย
พระองค์เป็นผู้มีความชอบธรรม โปรดช่วยข้าพเจ้าให้ปลอดภัยและพ้นภัยเถิด
    เงี่ยหูฟังข้าพเจ้า และช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
โปรดเป็นศิลาที่ข้าพเจ้าหันหา
    เพื่อพึ่งพิงได้เสมอ
ขอพระองค์บัญชาเพื่อช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นเถิด
    ด้วยว่า พระองค์เป็นศิลาและป้อมปราการของข้าพเจ้า

โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากมือของคนชั่ว
    จากเงื้อมมือของคนไร้ความยุติธรรม และโหดร้าย
โอ พระผู้เป็นเจ้า ด้วยว่า พระองค์คือความหวังของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าวางใจในพระผู้เป็นเจ้ามาแต่ครั้งยังเยาว์
ข้าพเจ้าพึ่งพระองค์ตั้งแต่ถือกำเนิดมา
    พระองค์ประคับประคองข้าพเจ้านับจากครรภ์มารดาของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์เสมอ

ข้าพเจ้าทำให้คนจำนวนมากทึ่งได้
    ก็เป็นเพราะพระองค์ผู้เป็นที่พึ่งพิงอันแข็งแกร่งของข้าพเจ้า
ปากข้าพเจ้าได้แต่สรรเสริญ
    และประกาศความยิ่งใหญ่ของพระองค์ตลอดวันเวลา
อย่าผลักไสข้าพเจ้าไปในยามที่ข้าพเจ้าชราลง
    อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าในยามที่หมดกำลัง
10 ด้วยว่า พวกศัตรูพูดเรื่องข้าพเจ้า
    และพวกที่หมายปองชีวิตข้าพเจ้าคบคิดกันลอบทำร้าย
11 และพูดกันว่า “พระเจ้าทอดทิ้งเขาแล้ว
    ไล่ตามไปและจับตัวเขาไว้เถิด
    เพราะไม่มีใครจะช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นได้”

12 โอ พระเจ้า อย่าอยู่ห่างจากข้าพเจ้าเลย
    โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าโดยเร็ว
13 ขอให้พวกกล่าวหาข้าพเจ้าต้องอับอายและพินาศไป
    ขอให้พวกที่พยายามทำร้ายข้าพเจ้า
    ถูกเหยียดหยามและดูหมิ่น
14 แต่ข้าพเจ้าจะยังคงมีความหวังเสมอ
    และยังจะสรรเสริญพระองค์ยิ่งไปกว่าเดิม
15 ตลอดวันเวลาข้าพเจ้าจะเอ่ยปากพูดถึงการกระทำอันชอบธรรมของพระองค์
    และความรอดพ้นที่มาจากพระองค์
    แม้ข้าพเจ้าจะไม่ทราบว่าบ่อยครั้งเพียงไรก็ตาม
16 ข้าพเจ้าจะมาด้วยมหิทธานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
    ข้าพเจ้าจะสรรเสริญความชอบธรรมของพระองค์เท่านั้น

17 โอ พระเจ้า พระองค์ได้สอนข้าพเจ้าตั้งแต่ครั้งยังเยาว์
    และมาบัดนี้ข้าพเจ้ายังป่าวประกาศถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์กระทำ
18 ถึงแม้จะชราลงและผมหงอกขาวก็ตาม
    โอ พระเจ้า อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าเลย
จนกว่าข้าพเจ้าจะได้ประกาศถึงอานุภาพและมหิทธานุภาพของพระองค์
    ให้คนยุคต่อๆ ไปฟัง
19 โอ พระเจ้า ความชอบธรรมของพระองค์สูงไปถึงชั้นสวรรค์
    สิ่งต่างๆ อันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ได้กระทำ
    โอ พระเจ้า ใครเป็นเหมือนพระองค์บ้าง
20 แม้ว่าพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าได้เห็นความลำบากและความเจ็บปวดมากมาย
    แต่พระองค์จะทำให้ข้าพเจ้าฟื้นขึ้นอีก
พระองค์จะให้ข้าพเจ้าฟื้นคืนชีวิต
    จากส่วนลึกของแผ่นดินโลก
21 พระองค์จะเพิ่มพูนเกียรติ
    และปลอบประโลมข้าพเจ้าอีก

22 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณสิบสาย
    จะสรรเสริญความสัตย์จริงของพระองค์ โอ พระเจ้า
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญด้วยพิณเล็กถวายแด่พระองค์
    โอ องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
23 ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะโห่ร้องด้วยความยินดี
    จริงทีเดียว ข้าพเจ้าจะร้องถวายแด่พระองค์ด้วยจิตวิญญาณ
    ซึ่งพระองค์ได้ช่วยให้รอดพ้นแล้ว
24 และลิ้นของข้าพเจ้าจะพูดถึงความชอบธรรมของพระองค์ตลอดวันเวลา
พวกที่ตั้งใจทำให้ข้าพเจ้าเจ็บปวด
    จะต้องอับอายและถูกหลู่เกียรติ

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation