Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 ซามูเอล 11

ดาวิดกับนางบัทเช-บา

11 ครั้นฤดูใบไม้ผลิเวียนมาถึง อันเป็นเวลาที่บรรดากษัตริย์ออกศึก ดาวิดให้โยอาบและพวกทหารรับใช้ และอิสราเอลทั้งปวงไป เขาทั้งหลายก็ได้ไปทำลายล้างชาวอัมโมนและล้อมเมืองรับบาห์ไว้ ส่วนดาวิดอยู่ที่เยรูซาเล็ม

วันหนึ่งเวลาบ่ายคล้อย เมื่อดาวิดลุกขึ้นจากที่นอนพักแล้วก็ไปเดินบนดาดฟ้าหลังคาวัง ท่านมองจากหลังคาเห็นหญิงผู้หนึ่งกำลังอาบน้ำ หญิงคนนั้นงามยิ่งนัก ดาวิดจึงให้คนไปถามไถ่เรื่องผู้หญิงคนนั้น คนหนึ่งพูดว่า “นั่นบัทเช-บา บุตรหญิงของเอลีอัม ภรรยาของอุรียาห์ชาวฮิตมิใช่หรือ” ดาวิดจึงให้คนของท่านไปรับนางมา นางมาหาท่าน ท่านก็ได้มีเพศสัมพันธ์กับนาง (นางเพิ่งชำระตัวเสร็จจากมลทินของเดือนนั้น) แล้วนางก็กลับบ้านไป หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์ จึงให้คนไปเรียนดาวิดว่า “ฉันตั้งครรภ์แล้ว”

ดาวิดจึงให้คนไปบอกโยอาบว่า “ให้อุรียาห์ชาวฮิตมาหาเรา” โยอาบจึงให้อุรียาห์ไปหาดาวิด เมื่ออุรียาห์มาถึง ดาวิดถามว่า โยอาบและประชาชนเป็นอย่างไรบ้าง และสงครามเป็นอย่างไรบ้าง และดาวิดบอกอุรียาห์ว่า “จงลงไปที่บ้านของเจ้าและล้างเท้าเสีย” อุรียาห์จึงออกไปจากวังของกษัตริย์ และกษัตริย์ให้คนถือสิ่งที่ท่านมอบให้เป็นพิเศษตามหลังไปด้วย แต่ว่าอุรียาห์นอนอยู่กับพวกทหารรับใช้ของเจ้านายของเขาที่ประตูวังของกษัตริย์ และไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขา 10 เมื่อคนไปเรียนดาวิดว่า “อุรียาห์ไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขา” ดาวิดพูดกับอุรียาห์ว่า “เจ้าเพิ่งเดินทางกลับมามิใช่หรือ แล้วทำไมไม่ลงไปที่บ้านของเจ้าล่ะ” 11 อุรียาห์ตอบดาวิดว่า “หีบพันธสัญญา เหล่าทหารของอิสราเอลและยูดาห์พักอยู่ในเพิง ส่วนโยอาบเจ้านายข้าพเจ้ากับพวกทหารรับใช้ของท่านก็อยู่ในค่ายที่โล่งแจ้ง ข้าพเจ้าควรหรือที่จะกลับไปบ้าน เพื่อดื่มกินและนอนกับภรรยาข้าพเจ้า ตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่ และตราบที่จิตวิญญาณของท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่กระทำเช่นนั้น” 12 ดาวิดจึงบอกอุรียาห์ว่า “วันนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อ พรุ่งนี้เราก็จะให้เจ้ากลับออกไป” ดังนั้นอุรียาห์อยู่ต่อที่เยรูซาเล็มในวันนั้นและวันรุ่งขึ้น 13 ดาวิดเชิญเขาให้รับประทานร่วมกับท่าน และดื่มจนกระทั่งท่านทำให้เขาเมา ในเวลาเย็นเขาออกไปนอนที่เดียวกับที่ทหารรับใช้ของเจ้านายของเขานอน แต่ไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขา

14 ครั้นรุ่งเช้าดาวิดเขียนข้อความถึงโยอาบ และให้อุรียาห์ยื่นให้โยอาบ 15 ท่านเขียนข้อความว่า “สั่งอุรียาห์ให้ไปอยู่กองหน้าตรงที่ประจัญศึกหนักที่สุด แล้วถอยทัพทิ้งเขาไว้คนเดียว ให้ถูกฆ่าตายไป” 16 ในขณะที่โยอาบกำลังล้อมเมือง เขาบอกอุรียาห์ให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่เขารู้ว่ามีชายผู้กล้าหาญสู้ต่อต้านอยู่ 17 และพวกผู้ชายของเมืองนั้นออกมาต่อสู้กับโยอาบ ทหารรับใช้ของดาวิดบางคนล้มตาย อุรียาห์ชาวฮิตก็ตายด้วย 18 โยอาบให้คนไปส่งข่าวถึงการสู้รบให้ดาวิดทราบ 19 เขากำชับผู้ส่งข่าวว่า “เมื่อเจ้ารายงานเรื่องการสู้รบทั้งหมดแก่กษัตริย์จบแล้ว 20 ถ้ากษัตริย์โกรธกริ้วและถ้าท่านถามเจ้าว่า ‘ทำไมเจ้าจึงเข้าไปต่อสู้ใกล้เมืองนัก เจ้าไม่รู้หรือว่าพวกเขาจะยิงจากกำแพงเมือง 21 ใครล่ะที่ฆ่าอาบีเมเลคบุตรของเยรุบเบเชท ไม่ใช่ผู้หญิงคนหนึ่งหรือที่ทุ่มหินโม่แป้งท่อนบนจากกำแพงถูกตัวเขา เขาถึงได้ตายที่เธเบศ ทำไมเจ้าถึงได้เข้าไปใกล้กำแพง’ แล้วเจ้าจงบอกว่า ‘อุรียาห์ทหารรับใช้ชาวฮิตของท่านก็ตายด้วย’”

22 ดังนั้น ผู้ส่งข่าวก็ไปส่งข่าวแก่ดาวิดถึงทุกสิ่งที่โยอาบสั่งให้เขาพูด 23 ผู้ส่งข่าวเรียนดาวิดว่า “พวกผู้ชายเมืองนั้นได้เปรียบพวกเรา และออกมาประจัญกับเราที่ทุ่ง แต่เราบุกจนพวกเขาถอยกลับไปที่ทางเข้าประตูเมือง 24 แล้วทหารธนูจึงยิงพวกทหารผู้รับใช้ของท่านจากกำแพง ทหารรับใช้บางคนของกษัตริย์เสียชีวิต และอุรียาห์ทหารรับใช้ชาวฮิตของท่านก็เสียชีวิตด้วย” 25 ดาวิดบอกผู้ส่งข่าวว่า “เจ้าจงไปบอกโยอาบว่า ‘อย่าให้เรื่องนี้ทำให้ท่านหนักใจไปเลย เพราะดาบย่อมฆ่าโดยไม่เลือกว่าเป็นใคร จงโจมตีเมืองให้หนักจนพินาศไป’ และเจ้าจงให้กำลังใจเขา”

26 เมื่อภรรยาของอุรียาห์ทราบว่าอุรียาห์สามีของนางสิ้นชีวิตแล้ว นางก็ร้องคร่ำครวญถึงสามีนาง 27 ครั้นสิ้นการไว้อาลัยแล้ว[a] ดาวิดให้คนไปพานางมาที่บ้านท่าน และนางก็ได้เป็นภรรยา และให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่าน แต่พระผู้เป็นเจ้าไม่พอใจในสิ่งที่ดาวิดกระทำ

2 โครินธ์ 4

ความสว่างส่องออกมาจากความมืด

ฉะนั้น เรารับใช้งานนี้ได้โดยความเมตตาของพระเจ้า พวกเราไม่ท้อถอย เราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งอันน่าอับอายและเร้นลับ เราไม่หลอกลวงคนหรือพลิกแพลงคำกล่าวของพระเจ้า แต่เราประกาศความจริงอย่างเปิดเผย เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักด้วยมโนธรรมของเขาว่า เราเป็นอย่างไรในสายตาของพระเจ้า ถึงแม้ว่าข่าวประเสริฐของเราถูกปิดบังไว้ แต่ก็ถูกปิดบังไว้เฉพาะคนที่กำลังพินาศเท่านั้น ในกรณีของคนพวกนี้ เจ้าแห่งยุคนี้[a]พรางความคิดของเขา จึงทำให้ไม่เห็นความสว่างจากข่าวประเสริฐแห่งพระสง่าราศีของพระคริสต์ ผู้มีคุณลักษณะเหมือนพระเจ้าทุกประการ เราไม่ประกาศเรื่องตัวเราเอง แต่เป็นเรื่องของพระเยซูคริสต์ว่า พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้า และตัวเราเองเป็นผู้รับใช้ของท่านเพื่อพระเยซู เพราะพระเจ้าผู้กล่าวไว้ว่า “ให้ความสว่างส่องออกมาจากความมืด”[b] ก็คือองค์ที่ได้ส่องเข้าไปในจิตใจของเรา เพื่อให้เราทราบถึงพระสง่าราศีของพระเจ้า ที่เปล่งจากใบหน้าของพระคริสต์

แต่เรามีสมบัติอันมีค่านี้อยู่ในหม้อดิน เพื่อจะได้แสดงให้เห็นว่าอานุภาพอันใหญ่ยิ่งนั้นมาจากพระเจ้า มิใช่มาจากตัวเราเอง เราทนทุกข์ทรมานทุกทางแต่ก็ไม่พ่ายแพ้ แม้จะงุนงงแต่ก็ไม่สิ้นหวัง ถูกกดขี่ข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง ถูกทำให้ล้มลงแต่ก็ไม่ถูกทำลาย 10 เราแบกความตายของพระเยซูไว้ในตัวเราเสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะได้ปรากฏในตัวเราด้วย 11 ขณะที่เราดำเนินชีวิต เราเสี่ยงกับความตายเพื่อพระเยซูอยู่เสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะได้ปรากฏในร่างกายของเราที่ตายได้ 12 ดังนั้นความตายกำลังปฏิบัติงานในตัวเราอยู่ แต่ชีวิตกำลังปฏิบัติงานในตัวท่านทั้งหลาย

13 เพราะเรามีวิญญาณแห่งความเชื่อเดียวกัน ตามที่มีบันทึกไว้ว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงประกาศ”[c] เราก็เชื่อด้วย ดังนั้นเราจึงประกาศด้วย 14 เราทราบว่า พระองค์ผู้ให้พระเยซูฟื้นคืนชีวิตจะให้เราฟื้นคืนชีวิตกับพระเยซูด้วย และนำเราไปเข้าเฝ้าพระองค์พร้อมกับพวกท่าน 15 สิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน เพื่อว่าขณะที่พระคุณได้แผ่ขยายไปยังคนมากยิ่งขึ้นนั้น ก็จะทำให้มีคนขอบคุณพระเจ้าเพิ่มขึ้นเพื่อพระบารมีของพระเจ้า

16 ฉะนั้น เราไม่ท้อถอย แม้ว่าส่วนกายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่ส่วนลึกในใจของเรากำลังถูกเสริมสร้างใหม่ทุกวัน 17 เพราะความลำบากเล็กน้อยเพียงชั่วขณะหนึ่งนี้ กำลังเตรียมเราให้พร้อมเพื่อบารมีอันเป็นนิรันดร์ซึ่งไม่มีอะไรมาเทียบเทียมได้ 18 ดังนั้นเราจึงไม่จับตาดูสิ่งที่มองเห็น แต่จับตาดูสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะสิ่งที่มองเห็นเป็นสิ่งไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นเป็นนิรันดร์

เอเสเคียล 18

จิตวิญญาณที่ทำบาปจะตาย

18 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “พวกเจ้าหมายถึงอะไรเมื่อพูดเป็นสุภาษิตซ้ำๆ ถึงแผ่นดินอิสราเอลว่า

‘พ่อได้กินองุ่นเปรี้ยว
    และลูกๆ ก็เข็ดฟัน’”

พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด พวกเจ้าจะไม่พูดถึงสุภาษิตนี้อีกในอิสราเอล ดูเถิด ชีวิตทุกคนเป็นของเรา ชีวิตพ่อและชีวิตลูกเป็นของเรา ทุกคนที่ทำบาปจะตาย

ถ้าผู้ใดมีความชอบธรรมและปฏิบัติด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม ถ้าเขาไม่รับประทานบนภูเขาสูงหรืออธิษฐานต่อรูปเคารพของพงศ์พันธุ์อิสราเอล ไม่ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน หรือมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาเวลาที่มีรอบเดือน ไม่กดขี่ข่มเหงผู้ใด แต่คืนของประกันให้แก่ผู้ยืม ไม่ปล้น แบ่งปันอาหารให้แก่ผู้อดอยาก จัดหาเครื่องนุ่งห่มให้แก่ผู้ที่ขัดสน ไม่เก็บดอกเบี้ยหรือรับผลกำไรจากการให้ยืม ยั้งมือจากการกระทำสิ่งที่ไม่ยุติธรรม ให้คำตัดสินที่ยุติธรรมอย่างแท้จริงกับทุกคน เขารักษากฎเกณฑ์และทำตามคำบัญชาของเรา เขามีความชอบธรรมและจะมีชีวิตอย่างแน่นอน” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

10 “ถ้าเขามีบุตรที่กระทำผิดและฆ่าคน หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดดังกล่าว 11 (แม้ว่าตัวเขาเองไม่ได้กระทำสิ่งเลวร้ายดังกล่าว) เขารับประทานบนภูเขาสูง ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านของเขาเป็นมลทิน 12 กดขี่ข่มเหงผู้ขัดสนและยากไร้ ปล้น ไม่คืนของประกันที่รับมา อธิษฐานต่อรูปเคารพ กระทำสิ่งที่น่ารังเกียจ 13 เก็บดอกเบี้ยและรับผลกำไรจากการให้ยืม แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่หรือ เขาจะไม่มีชีวิตอยู่ เขาได้กระทำสิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านี้ เขาจะตายอย่างแน่นอน และเขาจะต้องรับผิดชอบการตายของตนเอง

14 แต่ถ้าชายผู้นี้มีบุตรซึ่งเห็นว่าบิดาของเขากระทำบาปทั้งสิ้น เขาเห็นแต่ไม่กระทำตาม 15 เขาไม่รับประทานบนภูเขาสูงหรืออธิษฐานต่อรูปเคารพของพงศ์พันธุ์อิสราเอล ไม่ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านของเขาเป็นมลทิน 16 ไม่กดขี่ข่มเหงผู้ใดหรือเอาของประกันจากการให้ยืม ไม่ปล้น แต่แบ่งปันอาหารให้แก่ผู้อดอยาก และจัดหาเครื่องนุ่งห่มให้แก่ผู้ที่ขัดสน 17 ยั้งมือจากการกระทำความชั่ว ไม่เก็บดอกเบี้ยหรือผลกำไร รักษากฎเกณฑ์และทำตามคำบัญชาของเรา เขาก็จะไม่ตายเพราะความชั่วของบิดาของเขา เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน 18 ส่วนบิดาของเขารับสินบน ปล้นพี่น้อง และกระทำสิ่งไม่ดีในหมู่ชนชาติของเขา เขาก็จะตายเพราะความชั่วของตนเอง

19 แต่พวกเจ้ายังจะพูดว่า ‘ทำไมบุตรจึงไม่รับทุกข์เพราะการกระทำชั่วของบิดาเล่า’[a] เมื่อบุตรดำเนินชีวิตด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม และมัดระวังรักษากฎเกณฑ์ของเรา เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน 20 ผู้ที่กระทำบาปก็จะตาย บุตรจะไม่รับทุกข์เพราะการกระทำชั่วของบิดา และบิดาจะไม่รับทุกข์เพราะการกระทำชั่วของบุตร ความชอบธรรมของผู้มีความชอบธรรมจะตกอยู่กับเขา และความชั่วร้ายของผู้ชั่วร้ายก็จะตกอยู่กับเขา

21 แต่ถ้าคนชั่วหันไปจากบาปทั้งสิ้นที่เขาได้กระทำ และรักษากฎเกณฑ์ทั้งสิ้นของเรา และดำเนินชีวิตด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตาย 22 สิ่งใดก็ตามที่เขาได้ล่วงละเมิดจะไม่เป็นที่จดจำและปรักปรำเขา แต่เขาจะมีชีวิตอยู่เพราะความชอบธรรมที่เขาได้กระทำ” 23 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “เราพอใจในความตายของคนชั่วร้ายอย่างนั้นหรือ เราจะไม่ชื่นชอบกว่าหรือถ้าเขาจะหันไปจากวิถีทางชั่วของเขาและมีชีวิตอยู่ 24 แต่เมื่อคนมีความชอบธรรมหันไปจากความชอบธรรมและดำเนินชีวิตด้วยความไม่ยุติธรรมอีก ทั้งกระทำสิ่งอันน่ารังเกียจเหมือนกับที่คนชั่วกระทำ แล้วเขาควรจะมีชีวิตอยู่หรือ ความชอบธรรมทั้งสิ้นที่เขากระทำจะไม่เป็นที่จดจำเพราะเขามีความผิดเนื่องจากความไม่ภักดีและบาปที่เขากระทำ เขาก็จะตายเพราะการกระทำเหล่านั้น

25 แต่พวกเจ้ายังจะพูดดังนี้ ‘วิถีทางของพระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด วิถีทางของเราไม่ยุติธรรมหรือ วิถีทางของพวกเจ้ามิใช่หรือที่ไม่ยุติธรรม 26 เมื่อผู้มีความชอบธรรมหันไปจากความชอบธรรมของเขา และปฏิบัติด้วยความไม่ยุติธรรม เขาก็จะตายเพราะเหตุนั้น เนื่องจากความไม่ยุติธรรมที่เขาปฏิบัติ เขาจึงตาย 27 และเมื่อคนชั่วร้ายหันไปจากความชั่วที่เขาได้กระทำ และกลับดำเนินชีวิตด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม เขาจะรักษาชีวิตของเขาไว้ 28 เพราะเขาพิจารณาและหันไปจากการล่วงละเมิดที่เขากระทำทั้งสิ้น เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตาย 29 แต่พงศ์พันธุ์อิสราเอลยังพูดว่า ‘วิถีทางของพระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย วิถีทางของเราไม่ยุติธรรมหรือ วิถีทางของพวกเจ้ามิใช่หรือที่ไม่ยุติธรรม

30 ฉะนั้น พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราจะพิพากษาลงโทษพวกเจ้าทุกคนตามวิถีทางของเขา” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น “พวกเจ้าจงกลับใจและหันไปจากการล่วงละเมิดทั้งสิ้น มิฉะนั้นความชั่วจะทำให้เจ้าจมดิ่งลง 31 จงกำจัดการล่วงละเมิดที่เจ้ากระทำทั้งสิ้นให้พ้นไปจากเจ้า และทำตัวให้มีใจใหม่ และวิญญาณดวงใหม่ โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ทำไมเจ้าจะตายเล่า 32 เพราะว่าเราไม่ยินดีในความตายของผู้ใด” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น “ฉะนั้นจงกลับใจและมีชีวิตเถิด

สดุดี 62-63

เพลงสดุดีแห่งการเชื่อมั่นในพระเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองของเยดูธูน เพลงสดุดีของดาวิด

จริงทีเดียว จิตวิญญาณของข้าพเจ้ารอคอยพระเจ้าเท่านั้นด้วยความสงบใจ
    ความรอดพ้นของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
จริงทีเดียว พระองค์เป็นศิลา เป็นความรอดพ้น
    และป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่มีวันครั่นคร้ามเลย

พวกท่านทุกคนจะทำร้ายชายผู้หนึ่ง
    ซึ่งเป็นเสมือนกำแพงที่เอนเอียง
    และรั้วที่พังทลายไปนานอีกแค่ไหน
จริงทีเดียว พวกเขาวางแผนจะดึงชายผู้นั้นลงมาจากที่อันมีเกียรติ
    พวกเขาสุขใจกับการลวงหลอก
คำอวยพรหลุดจากปากของพวกเขา
    ขณะที่แช่งสาปอยู่ในใจ เซล่าห์

จริงทีเดียว จิตวิญญาณของข้าพเจ้ารอคอยพระเจ้าเท่านั้นด้วยความสงบใจ
    ความหวังของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
จริงทีเดียว พระองค์เป็นศิลา ความรอดพ้น
    และป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ครั่นคร้าม
ความรอดพ้นและเกียรติของข้าพเจ้าขึ้นอยู่กับพระเจ้า
    พระเจ้าเป็นศิลาอันแข็งแกร่งและที่พึ่งพิงของข้าพเจ้า
โอ ชนชาติเอ๋ย จงไว้วางใจในพระองค์ตลอดเวลา
    เปิดใจให้พระองค์
    พระเจ้าเป็นที่พึ่งพิงสำหรับพวกเรา เซล่าห์

จริงทีเดียว บรรดาผู้ต่ำต้อยเป็นเสมือนลมหายใจ
    และผู้ใหญ่เป็นเสมือนสิ่งลวงตา
จะวางไว้บนตาชั่งก็หามีน้ำหนักไม่
    หากจะชั่งพวกเขารวมกันก็ยังเบากว่าลมหายใจ
10 อย่าวางใจในการใช้กำลังเพื่อจะได้สิ่งที่ท่านต้องการ
    อย่าตั้งความหวังว่าจะได้สิ่งใดจากการจี้ปล้น
แม้จะร่ำรวยขึ้น
    ก็อย่าวางใจในความมั่งมี

11 พระเจ้าได้กล่าวไว้ครั้งหนึ่ง
    ข้าพเจ้าได้ยินสองครั้งแล้วว่า
ฤทธานุภาพเป็นของพระเจ้า
12     โอ พระผู้เป็นเจ้า ความรักอันมั่นคงเป็นของพระองค์อย่างแท้จริง
ด้วยว่าพระองค์จะสนองตอบทุกคน
    ตามการกระทำของเขา[a]

ยามกระหายหาพระเจ้า

เพลงสดุดีของดาวิด ครั้งที่ท่านอยู่ในถิ่นทุรกันดารของยูดาห์

โอ พระเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง
จิตวิญญาณของข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์
    ข้าพเจ้าปรารถนาพระองค์อย่างยิ่ง
ราวกับแผ่นดินอันแร้นแค้นและเหือดแห้ง
    ปราศจากน้ำ
ข้าพเจ้าได้มองดูพระองค์ในสถานที่บริสุทธิ์
    เห็นฤทธานุภาพและพระบารมีของพระองค์
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดีเลิศยิ่งกว่าชีวิต
    ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
ฉะนั้น ข้าพเจ้าจะกราบนมัสการพระองค์ตราบที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่
    ข้าพเจ้าจะยกมือขึ้นเวลาอธิษฐานต่อพระองค์

จิตวิญญาณของข้าพเจ้าจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างบริบูรณ์และสำราญใจ
    และปากของข้าพเจ้ากล่าวคำสรรเสริญพระองค์ด้วยความยินดี
เวลาข้าพเจ้าอยู่บนเตียงนอนก็นึกถึงพระองค์
    ข้าพเจ้าใคร่ครวญถึงพระองค์ในทุกยาม
เพราะพระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้าตลอดมา
    และข้าพเจ้าร้องเพลงด้วยความยินดีภายใต้ร่มเงาปีกของพระองค์
จิตวิญญาณของข้าพเจ้ายึดพระองค์ไว้แนบแน่น
    มือขวาของพระองค์ปกป้องข้าพเจ้าไว้

ส่วนพวกที่ตามล่าเอาชีวิตข้าพเจ้า
    จะลงไปสู่ส่วนลึกสุดของแผ่นดินโลก
10 พวกเขาจะอยู่ภายใต้อำนาจของพลังดาบ
    และตกเป็นเหยื่อของหมาใน
11 แต่กษัตริย์จะยินดีในพระเจ้า
    บรรดาผู้สาบานในพระนามของพระเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
    แต่ปากของพวกคนพูดปดจะถูกปิดไว้

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation