M’Cheyne Bible Reading Plan
ชัยชนะของดาวิด
8 หลังจากนั้น ดาวิดสู้รบชนะชาวฟีลิสเตีย และปราบพวกเขาไว้ได้ และดาวิดยึดเมืองเมเธกฮัมมาห์ได้จากมือชาวฟีลิสเตีย
2 ท่านสู้รบชนะชาวโมอับ ท่านสั่งให้พวกเขานอนราบลงกับพื้นเป็นสามแถว ฆ่าเสียสองแถว และไว้ชีวิตเต็มหนึ่งแถว ชาวโมอับจึงมาเป็นข้ารับใช้ดาวิดและนำเครื่องบรรณาการมาถวาย
3 ดาวิดสู้รบชนะฮาดัดเอเซอร์บุตรของเรโหบกษัตริย์แห่งโศบาห์ เมื่อคราวไปฟื้นอำนาจของท่านที่แม่น้ำยูเฟรติส 4 และดาวิดยึดสารถี 1,700 คน และทหารราบ 20,000 คน และดาวิดทำให้ม้าประจำรถศึกของพวกเขาพิการหมด เพียงแต่เหลือไว้สำหรับรถศึก 100 คัน 5 เมื่อชาวอารัม[a]แห่งอาณาเขตดามัสกัสมาช่วยฮาดัดเอเซอร์กษัตริย์แห่งโศบาห์ ดาวิดฆ่าชายชาวอารัมจำนวน 22,000 คน 6 แล้วดาวิดตั้งด่านทหารชั้นนอกที่อาณาจักรอารัมแห่งอาณาเขตดามัสกัสไว้หลายด่าน และชาวอารัมมาเป็นข้ารับใช้ดาวิด และนำเครื่องบรรณาการมาถวาย และไม่ว่าดาวิดไปรบที่ใด พระผู้เป็นเจ้าก็ให้ท่านมีชัยชนะเสมอ 7 ดาวิดยึดโล่ทองคำที่บรรดาผู้รับใช้ของฮาดัดเอเซอร์ถือ และนำไปที่เมืองเยรูซาเล็ม 8 กษัตริย์ดาวิดเอาทองสัมฤทธิ์เป็นอันมากไปจากเมืองเบทาห์และเมืองเบโรธัย เมืองของฮาดัดเอเซอร์
9 เมื่อโทอิกษัตริย์แห่งฮามัททราบว่า ดาวิดรบชนะกองทัพของฮาดัดเอเซอร์ทั้งกองทัพ 10 โทอิจึงให้โยรัมบุตรของตนไปหากษัตริย์ดาวิด เพื่อถามถึงพลานามัย และเพื่ออวยพรท่าน เพราะท่านได้สู้รบกับฮาดัดเอเซอร์ และได้ชัยชนะ เนื่องจากฮาดัดเอเซอร์เคยทำสงครามกับโทอิเสมอมา และโยรัมก็ได้นำเครื่องเงิน เครื่องทองคำและทองสัมฤทธิ์ไปด้วย 11 กษัตริย์ดาวิดถวายสิ่งเหล่านี้แด่พระผู้เป็นเจ้าด้วย พร้อมทั้งเงินและทองคำที่ท่านได้มาจากประชาชาติทั้งปวงที่ท่านไปปราบ และนำมาถวาย 12 จากเอโดม โมอับ ชาวอัมโมน ชาวฟีลิสเตีย อามาเลข และสิ่งที่ริบมาจากฮาดัดเอเซอร์บุตรของเรโหบกษัตริย์แห่งโศบาห์
13 ชื่อเสียงของดาวิดเลื่องลือหลังจากที่ท่านได้ฆ่าชาวเอโดมจำนวน 18,000 คนที่หุบเขาเกลือ 14 และท่านก็ได้สร้างด่านทหารชั้นนอกหลายด่านในเอโดม และชาวเอโดมทั้งหมดมาเป็นข้ารับใช้ของดาวิด และพระผู้เป็นเจ้าให้ดาวิดมีชัยชนะไม่ว่าท่านจะไปรบที่ใด
ข้าราชบริพารของดาวิด
15 ดาวิดครองราชย์ทั่วทั้งอิสราเอล และท่านปกครองประชาชนของท่านด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม 16 โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ควบคุมกองทัพ เยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นผู้บันทึกสาสน์ 17 ศาโดกบุตรอาหิทูบ และอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต เสไรยาห์เป็นเลขา 18 และเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาควบคุมชาวเคเรธและชาวเปเลท และบรรดาบุตรของดาวิดเป็นปุโรหิต[b]
ความกรุณาของดาวิดที่มีต่อเมฟีโบเชท
9 ดาวิดกล่าวว่า “มีใครในพงศ์พันธุ์ของซาอูลเหลืออยู่บ้าง เราจะได้แสดงความกรุณาต่อเขาเพื่อโยนาธาน” 2 มีผู้รับใช้ของพงศ์พันธุ์ซาอูลเหลืออยู่คนหนึ่งชื่อศิบา เขาก็เรียกให้มาหาดาวิด กษัตริย์จึงพูดกับเขาว่า “เจ้าคือศิบาหรือ” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นข้ารับใช้ของท่าน” 3 และกษัตริย์ถามว่า “ไม่มีใครสักคนในพงศ์พันธุ์ของซาอูลเหลืออยู่เลยหรือ เราจะแสดงความกรุณาของพระเจ้าต่อเขา” ศิบาตอบกษัตริย์ว่า “ยังมีบุตรชายของโยนาธานเหลืออยู่คนหนึ่ง และเท้าของท่านก็เป็นง่อย” 4 กษัตริย์ถามเขาว่า “เขาอยู่ที่ไหน” ศิบาตอบกษัตริย์ว่า “ท่านอยู่ที่บ้านของมาคีร์บุตรอัมมีเอลที่โลเดบาร์” 5 กษัตริย์ดาวิดจึงให้คนไปรับท่านมาจากบ้านของมาคีร์บุตรอัมมีเอลที่โลเดบาร์ 6 เมฟีโบเชทบุตรของโยนาธาน คือหลานของซาอูลจึงมาหาดาวิด ซบหน้าลงกับพื้นและแสดงความเคารพ ดาวิดกล่าวว่า “เมฟีโบเชท” ท่านตอบว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของท่าน” 7 ดาวิดกล่าวว่า “อย่ากลัวเลย เราจะแสดงความกรุณาเพื่อบิดาของท่าน และเราจะให้ที่ดินทั้งหมดของซาอูลบรรพบุรุษของท่านคืนให้แก่ท่าน และท่านจะรับประทานอาหารร่วมกับเราเสมอไป” 8 ท่านแสดงความเคารพและพูดว่า “ผู้รับใช้ของท่านเป็นผู้ใด ที่ท่านจะเหลียวแลสุนัขที่ตายแล้วอย่างข้าพเจ้า”
9 กษัตริย์เรียกศิบาข้ารับใช้ของซาอูลมา และบอกเขาว่า “ทุกสิ่งที่เป็นของซาอูลและของพงศ์พันธุ์ของท่านนั้น เราได้ยกให้หลานของเจ้านายของเจ้าแล้ว 10 ส่วนตัวเจ้า บุตรชายของเจ้า และผู้รับใช้ของเจ้าจงทำนาให้ท่าน และเก็บพืชผลให้หลานของเจ้านายของเจ้า ท่านจะได้มีอาหารรับประทาน และเมฟีโบเชทหลานของเจ้านายของเจ้าจะรับประทานที่โต๊ะร่วมกับเราเสมอไป” ศิบามีบุตรชาย 15 คน และมีผู้รับใช้ 20 คน 11 และศิบาพูดกับกษัตริย์ว่า “ข้ารับใช้ของท่านจะกระทำตามที่เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์สั่งทุกประการ” ดังนั้นเมฟีโบเชทรับประทานร่วมกับดาวิด เหมือนเป็นบุตรคนหนึ่งของกษัตริย์ 12 เมฟีโบเชทมีบุตรชายน้อยคนหนึ่งชื่อมีคา ทุกคนที่อาศัยอยู่ที่บ้านของศิบาก็มาเป็นผู้รับใช้ของเมฟีโบเชท 13 ดังนั้นเมฟีโบเชทจึงอาศัยอยู่ที่เยรูซาเล็ม เพราะท่านรับประทานร่วมกับกษัตริย์เสมอ เท้าของท่านเป็นง่อยทั้งสองข้าง
2 ฉะนั้น ข้าพเจ้าได้ตัดสินใจเองว่า จะไม่มาเยี่ยมพวกท่านชนิดที่มีความทุกข์ใจอีก 2 ถ้าข้าพเจ้าทำให้ท่านทุกข์ใจ แล้วใครเล่าที่จะทำให้ข้าพเจ้ายินดี นอกจากคนที่ข้าพเจ้าทำให้ทุกข์ใจ 3 ตามที่ข้าพเจ้าได้เขียนมาแล้วก็เพื่อว่าเวลาที่ข้าพเจ้ามา พวกที่ควรจะทำให้ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีจะได้ไม่ทำให้ข้าพเจ้าทุกข์ใจ ข้าพเจ้ามั่นใจในพวกท่านทุกคนว่าจะมีความยินดีร่วมกับข้าพเจ้า 4 เนื่องจากข้าพเจ้ามีความยากลำบากและปวดร้าวยิ่งนัก จึงได้เขียนถึงท่านด้วยน้ำตา มิใช่จะทำให้ท่านเป็นทุกข์ แต่เพื่อท่านจะได้ทราบถึงความรักที่ข้าพเจ้ามีต่อท่าน
ให้อภัยผู้กระทำบาป
5 หากว่าใครก็ตามที่ก่อความทุกข์ใจให้ เขาไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าทุกข์ใจมากได้เท่ากับที่ทำให้พวกท่านทุกคนทุกข์ใจกันไปแล้ว ข้าพเจ้าไม่อยากพูดเกินความจริง 6 โทษทัณฑ์ที่บุคคลนั้นได้รับจากคนส่วนใหญ่ก็พอสมควรแล้ว 7 และตรงกันข้ามคือท่านควรจะให้อภัยและปลอบโยนเขา มิฉะนั้นคนๆ นั้นจะจมอยู่ในความโศกเศร้าจนเกินไป 8 ฉะนั้น ข้าพเจ้าขอให้ท่านแสดงความรักของท่านแก่เขาอีก 9 เหตุที่ข้าพเจ้าได้เขียนถึงท่านแล้วก็เพื่อทดสอบดูว่าพวกท่านเชื่อฟังทุกสิ่งหรือไม่ 10 ถ้าท่านให้อภัยผู้ใด ข้าพเจ้าก็ให้อภัยผู้นั้นเช่นกัน ถ้ามีสิ่งใดที่จะต้องให้อภัย สิ่งที่ข้าพเจ้าให้อภัยนั้นก็ให้อภัยต่อหน้าพระคริสต์ เพราะเห็นแก่พวกท่านเอง 11 เพื่อไม่ให้เราเสียรู้ซาตาน[a] เพราะเรารู้ทันกลอุบายของมัน
ผู้รับใช้แห่งพันธสัญญาใหม่
12 เมื่อข้าพเจ้าไปยังเมืองโตรอัสเพื่อประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์ และพระผู้เป็นเจ้าได้เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้า 13 ข้าพเจ้ายังวิตกกังวลที่หาทิตัสน้องชายของเราไม่พบ จึงร่ำลาพวกเขาและเดินทางต่อไปยังแคว้นมาซิโดเนีย
14 แต่ขอบคุณพระเจ้าผู้นำเราสู่ชัยชนะเสมอในพระคริสต์ และพระองค์ให้เราเป็นผู้ประกาศเรื่องพระคริสต์ทั่วทุกแห่ง เสมือนกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว 15 เพราะเราเป็นกลิ่นอันหอมหวานของพระคริสต์เพื่อพระเจ้า ท่ามกลางพวกที่รอดพ้นและพวกที่กำลังพินาศ 16 เราเป็นกลิ่นแห่งความตายสำหรับคนพวกหนึ่ง และเป็นกลิ่นแห่งชีวิตสำหรับคนอีกพวก ใครเล่าจะเหมาะสมกับงานเหล่านี้ 17 เพราะว่าเราไม่เหมือนคนจำนวนมากที่ใช้คำกล่าวของพระเจ้าเป็นเครื่องมือหากิน แต่ในพระคริสต์เราจึงพูดต่อหน้าพระเจ้าด้วยความจริงใจอย่างคนที่มาจากพระเจ้า
เจ้าสาวผู้ไม่ภักดีของพระผู้เป็นเจ้า
16 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงให้เยรูซาเล็มรู้การกระทำอันน่าชังของตน 3 จงไปบอกว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวแก่เยรูซาเล็มดังนี้ว่า ‘บรรพบุรุษและแหล่งกำเนิดของพวกเจ้าอยู่ในแผ่นดินของชาวคานาอัน บิดาของเจ้าเป็นชาวอาโมร์ และมารดาของเจ้าเป็นชาวฮิต 4 วันที่เจ้าเกิด สายสะดือก็ไม่ได้ตัด และเจ้าไม่มีใครใช้น้ำชำระล้างเจ้าให้สะอาด ไม่ได้ใช้เกลือถูตัวหรือพันผ้าให้เจ้า 5 ไม่มีใครมองดูตัวเจ้าหรือมีเมตตาต่อเจ้าด้วยความสงสารพอที่จะทำสิ่งเหล่านี้ให้เจ้า แต่เจ้ากลับถูกโยนออกไปในทุ่งนากว้าง เพราะวันที่เจ้าเกิด เจ้าถูกดูหมิ่น
6 เมื่อเราเดินผ่านเจ้า และเห็นเจ้าขยับตัวอยู่ในเมือกเลือด เราพูดกับเจ้าซึ่งอยู่ในเมือกเลือดของเจ้าว่า “จงมีชีวิตเถิด” เราพูดกับเจ้าว่า “จงมีชีวิตเถิด” 7 เราทำให้เจ้าเติบโตอย่างพืชในทุ่งนา และเจ้าเติบโตขึ้นและเติบใหญ่ กลายเป็นพลอยเม็ดงาม เจ้าถูกบันดาลให้มีหน้าอก และผมของเจ้ายาว แต่เจ้าก็ยังเปลือยกายและไร้เครื่องนุ่งห่ม
8 เมื่อเราเดินผ่านเจ้าไปอีก ดูเถิด เราแลดูเจ้า และเห็นว่า เจ้ามีอายุที่จะมีความรัก และเรากางชายเสื้อของเราให้เจ้าได้ห่มและปิดกายที่เปลือยของเจ้า เราปฏิญาณกับเจ้าและทำพันธสัญญากับเจ้า และเจ้าก็เป็นของเรา’” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 9 “แล้วเราใช้น้ำชำระล้างเจ้า ล้างเลือดออก และเจิมน้ำมันให้เจ้า 10 เราสวมเสื้อให้เจ้าด้วยผ้าปักลวดลาย และสวมรองเท้าหนังให้เจ้า เราให้เจ้านุ่งห่มด้วยผ้าป่านเนื้อดีและคลุมด้วยผ้าไหม 11 เราตกแต่งตัวเจ้าด้วยเครื่องประดับ และสวมกำไลมือและสร้อยคอให้แก่เจ้า 12 เราคล้องห่วงที่จมูกและสวมตุ้มหูให้แก่เจ้า อีกทั้งสวมมงกุฎงามบนศีรษะของเจ้า 13 เจ้าได้รับการตกแต่งด้วยเงินและทองดังกล่าว และเสื้อผ้าของเจ้าเป็นผ้าป่านเนื้อดี ผ้าไหม และผ้าปักลวดลาย เจ้ารับประทานแป้งชั้นเยี่ยม น้ำผึ้ง และน้ำมัน เจ้ากลายเป็นผู้ที่งดงามยิ่งนัก และเลื่อนระดับสู่ความเป็นเจ้าหญิง 14 กิตติศัพท์ของเจ้าเป็นที่เลื่องลือในบรรดาประชาชาติเพราะความงามของเจ้า เพราะความงามตระการที่เราได้มอบให้แก่เจ้าได้ทำให้เจ้างามอย่างหาที่ติมิได้” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
15 “แต่ว่าเจ้าวางใจในความงามของเจ้า และทำตนเป็นหญิงแพศยาเพราะเจ้ามีกิตติศัพท์ และแสดงความโปรดปรานแก่ผู้ที่ผ่านมาเพื่อทำให้เขาพอใจ ความงามของเจ้าทำให้เจ้ากลายเป็นของเขา 16 เจ้าเอาเสื้อผ้าของเจ้าไปจัดสถานบูชาบนภูเขาสูงให้ฉูดฉาด และเป็นที่ซึ่งเจ้ากระทำตนเป็นหญิงแพศยาเรื่อยมา การกระทำเช่นนี้ไม่เคยเป็นมาก่อน และจะไม่มีวันเป็นเช่นนี้อีก 17 เครื่องประดับเงินและทองคำอันงดงามของเจ้าที่เราให้เจ้า เจ้าเอาไปหล่อเป็นรูปเคารพซึ่งเป็นร่างของผู้ชาย และกระทำตนเป็นหญิงแพศยาต่อรูปเคารพเหล่านั้น 18 และเจ้าเอาเสื้อผ้าที่ปักลวดลายไปห่มรูปเคารพ และมอบน้ำมันและเครื่องหอมของเราที่ตรงหน้ารูปเคารพ 19 ขนมปังที่เราให้แก่เจ้า เราให้เจ้ารับประทานแป้งชั้นเยี่ยม น้ำมัน และน้ำผึ้ง เจ้าก็เอาไปมอบให้ที่ตรงหน้าเขาด้วย ให้ส่งกลิ่นหอม นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าทำ” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 20 “เจ้าเอาบุตรชายและบุตรหญิงที่เจ้าได้ให้กำเนิดและมอบให้แก่เราแล้ว เจ้ากลับมอบพวกเขาเป็นเครื่องสักการะดั่งเป็นอาหารสำหรับรูปเคารพ เจ้ากระทำตนเป็นหญิงแพศยาเท่านั้นยังไม่เพียงพออีกหรือ 21 เจ้าจึงได้ฆ่าลูกๆ ของเรา และมอบให้เป็นของถวายด้วยไฟแก่รูปเคารพ 22 เมื่อเจ้ากระทำสิ่งอันน่ารังเกียจ และทำตนเป็นหญิงแพศยา เจ้าไม่ได้นึกถึงสมัยที่เจ้ายังเยาว์ ในเวลาที่เจ้าเปลือยกายและปราศจากเครื่องนุ่งห่ม ขยับตัวอยู่ในเมือกเลือดของเจ้า
23 วิบัติ วิบัติจงเกิดแก่เจ้า” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น “นอกจากความชั่วร้ายทั้งสิ้นของเจ้าแล้ว 24 เจ้าก่อเนินขึ้นและสร้างวิหารอันตระหง่านที่ลานเมืองทุกแห่ง 25 ที่หัวถนนทุกแห่ง เจ้าสร้างวิหารอันตระหง่าน และใช้ความงามของเจ้ากระทำสิ่งอันน่าชัง ขายตัวให้แก่ทุกคนที่ผ่านมา และทำตนเป็นหญิงแพศยามากขึ้น 26 เจ้าทำตนเป็นหญิงแพศยาให้กับชาวอียิปต์ เพื่อนบ้านที่บ้ากาม ทำตนเป็นหญิงแพศยามากขึ้น เพื่อยั่วโทสะเรา 27 ฉะนั้น ดูเถิด เราจะยื่นมือของเราออกเพื่อลงโทษเจ้า และลดอาณาเขตที่เป็นส่วนแบ่งของเจ้าให้น้อยลง และมอบเจ้าให้แก่ความโลภของศัตรูของเจ้า บรรดาบุตรหญิงของชาวฟีลิสเตียซึ่งอับอายต่อการมักมากในกามของเจ้า 28 เจ้าทำตนเป็นหญิงแพศยาต่อชาวอัสซีเรียด้วย เพราะเจ้าไม่หนำใจ และแม้แต่จากนั้นแล้ว เจ้าก็ยังไม่หนำใจอีก 29 เจ้าทำตนเป็นหญิงแพศยามากขึ้นด้วยกับดินแดนพ่อค้าแห่งเคลเดีย และถึงกระนั้นเจ้าก็ไม่หนำใจ”
30 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “เจ้าช่างใจง่ายอะไรเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้ากระทำสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นการกระทำของผู้ที่บ่งบอกว่าเป็นหญิงแพศยา 31 เมื่อเจ้าก่อเนินขึ้นที่หัวถนนทุกแห่ง และสร้างวิหารอันตระหง่านที่ลานเมืองทุกแห่ง แต่เจ้าไม่เป็นอย่างหญิงแพศยาเพราะเจ้าดูหมิ่นการจ่ายค่าตัว 32 ภรรยาผู้ผิดประเวณี เจ้าต้อนรับบรรดาคนแปลกหน้าแทนสามีของตน 33 หญิงแพศยาทุกคนรับค่าบริการ แต่เจ้าให้ของกำนัลแก่คนรักของเจ้าทุกคน ใช้สินบนกับพวกเขาเพื่อให้มาหาเจ้าจากทุกแห่งหนด้วยความแพศยาของเจ้า 34 ฉะนั้น เจ้าต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ในการทำตนเป็นหญิงแพศยา ไม่มีผู้ใดวิ่งไล่ตามเจ้าและทำตนเป็นหญิงแพศยาต่อเจ้า และเจ้าเองที่เป็นฝ่ายจ่ายค่าจ้าง ในขณะที่ไม่มีใครจ่ายค่าจ้างให้แก่เจ้า เจ้าต่างจากคนอื่นในข้อนี้”
35 ฉะนั้น โอ หญิงแพศยาเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า 36 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เพราะเจ้าปล่อยราคะออกมา เปิดกายอันเปลือยเปล่าของเจ้าให้เห็นเมื่อทำตนเป็นหญิงแพศยากับบรรดาคนรักของเจ้า และกับรูปเคารพอันน่ารังเกียจทั้งสิ้นของเจ้า และเพราะเลือดของลูกๆ ของเจ้าที่เจ้าถวายให้แก่รูปเคารพ 37 ฉะนั้น เราจะรวบรวมบรรดาคนรักทั้งสิ้นของเจ้าที่เจ้าสนุกสนานด้วย ทุกคนที่เจ้ารักและทุกคนที่เจ้าเกลียด เราจะรวบรวมพวกเขาจากทุกแห่งหนเพื่อมากล่าวโทษเจ้า และจะเปลื้องกายของเจ้าต่อหน้าพวกเขา เพื่อให้พวกเขาเห็นความเปลือยเปล่าของเจ้า 38 และเราจะตัดสินเจ้าให้รับโทษสำหรับผู้หญิงที่ประพฤติผิดประเวณีและเป็นเหตุให้มีการหลั่งเลือด เราจะนำเลือดแห่งการลงโทษและความหวงแหนของเรามาลงที่ตัวเจ้า 39 และเราจะมอบเจ้าไว้ในมือของบรรดาคู่รักของเจ้า และพวกเขาจะพังเนินและวิหารอันสูงตระหง่านของเจ้าให้ทลายลง พวกเขาจะเปลื้องเสื้อผ้าของเจ้า และเอาเครื่องประดับอันสวยงามของเจ้าไป ปล่อยให้กายของเจ้าเปลือยเปล่า 40 พวกเขาจะนำฝูงชนมาโจมตีเจ้า พวกเขาจะใช้หินขว้างเจ้า และใช้ดาบฟันให้ขาดเป็นท่อนๆ 41 พวกเขาจะเผาบ้านเรือนของเจ้า และลงโทษเจ้าต่อหน้าบรรดาผู้หญิง เราจะทำให้เจ้าหยุดทำตนเป็นหญิงแพศยา และเจ้าจะไม่จ่ายค่าจ้างบรรดาคนรักของเจ้าอีกต่อไป 42 แล้วความกริ้วของเราที่มีต่อเจ้าก็จะสงบลง และความโกรธอันเกิดจากความหวงแหนจะหายไปจากเจ้า เราจะสงบลงและจะไม่โกรธกริ้วเจ้าอีกต่อไป 43 เพราะเจ้าไม่ได้นึกถึงสมัยที่เจ้ายังเยาว์ แต่ได้ทำให้เรากริ้วด้วยสิ่งเหล่านี้ สิ่งใดที่เจ้าได้กระทำ เจ้าจะได้รับสนองตอบอย่างแน่นอน พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น นอกจากการกระทำที่น่าชังดังกล่าวแล้ว เจ้ายังจะมักมากในกามอีกมิใช่หรือ
44 ดูเถิด ทุกคนที่ใช้คำในสุภาษิต จะใช้สุภาษิตนี้อ้างถึงเจ้าคือ ‘มารดาเป็นอย่างไร บุตรหญิงก็เป็นอย่างนั้น’ 45 เจ้าเป็นบุตรหญิงของมารดาของเจ้า ซึ่งดูหมิ่นสามีและลูกๆ และเจ้าเป็นหนึ่งในบรรดาพี่น้องผู้หญิงของเจ้า ซึ่งดูหมิ่นสามีและลูกๆ ของพวกเขา มารดาของเจ้าเป็นชาวฮิต และบิดาของเจ้าเป็นชาวอาโมร์ 46 พี่สาวของเจ้าคือสะมาเรีย ซึ่งอาศัยอยู่กับบรรดาบุตรหญิงของนางทางเหนือของเจ้า และน้องสาวของเจ้าอาศัยอยู่ทางใต้ของเจ้า คือโสโดม 47 เจ้าไม่เพียงดำเนินในวิถีทางของพวกเขา แต่กระทำตามแบบอย่างอันน่ารังเกียจของพวกเขา แต่ในเวลาอันสั้นเจ้าปฏิบัติอย่างเสื่อมทรามยิ่งกว่าพวกเขาในทุกเรื่อง” 48 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด โสโดมน้องสาวของเจ้ากับบรรดาบุตรหญิงของนางไม่เคยกระทำอย่างที่เจ้าและบรรดาบุตรหญิงของเจ้าได้กระทำ 49 ดูเถิด บาปของโสโดมน้องสาวของเจ้าคือ ทั้งนางและบรรดาบุตรหญิงของนางหยิ่งยโส รับประทานเกินขนาด สุขสบายไร้กังวล แต่ไม่ได้ช่วยผู้ขัดสนและผู้ยากไร้ 50 พวกเขาหยิ่งยโสและกระทำสิ่งอันน่ารังเกียจต่อหน้าเรา เราจึงจัดการกับพวกเขาเมื่อเราแลเห็น[a] 51 สะมาเรียทำบาปไม่ถึงครึ่งของบาปที่เจ้าทำ เจ้าได้กระทำสิ่งอันน่ารังเกียจมากกว่าพวกเขา และเจ้าทำให้พี่น้องผู้หญิงของเจ้าดูเหมือนมีความชอบธรรม เพราะสิ่งเหล่านี้ที่เจ้าได้กระทำ 52 จงแบกรับความอัปยศของเจ้า เพราะเจ้าได้ช่วยทำให้พี่น้องผู้หญิงของเจ้าพ้นผิด เพราะบาปของเจ้ามีมลทินมากกว่าของพวกเขา พวกเขาจึงดูเหมือนมีความชอบธรรมมากกว่าเจ้า ฉะนั้นเจ้าควรจะอับอายและแบกรับความอัปยศของเจ้า เพราะเจ้าได้ทำให้พี่น้องผู้หญิงของเจ้าดูเหมือนมีความชอบธรรม
53 เราจะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของโสโดมและบรรดาบุตรหญิงของนาง และของสะมาเรียและบรรดาบุตรหญิงของนางคืนสู่สภาพเดิม เราจะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของเจ้าคืนสู่สภาพเดิมในท่ามกลางพวกเขา 54 เพื่อให้เจ้าแบกรับความอัปยศ และอับอายต่อทุกสิ่งที่เจ้าได้กระทำโดยเป็นที่ปลอบใจของพวกเขา 55 บรรดาพี่น้องผู้หญิงของเจ้าคือ โสโดมและบรรดาบุตรหญิงของนาง สะมาเรียและบรรดาบุตรหญิงของนาง จะกลับไปสู่สภาพที่พวกเขาเคยเป็นมาก่อน ทั้งตัวเจ้าและบรรดาบุตรหญิงของเจ้าก็จะกลับไปสู่สภาพที่เจ้าเคยเป็นมาก่อน 56 เจ้าเคยพูดเปรียบเปรยโสโดมน้องสาวของเจ้าในครั้งที่เจ้าหยิ่งยโส 57 ก่อนที่ความชั่วร้ายของเจ้าถูกเปิดโปง บัดนี้เจ้ากลายเป็นที่ดูหมิ่นของบรรดาบุตรหญิงของเอโดมและประชาชาติรอบข้างนาง และของบรรดาบุตรหญิงของชาวฟีลิสเตีย บรรดาผู้ที่อยู่รอบข้างเจ้าที่ดูหมิ่นเจ้า 58 เจ้าจะแบกรับโทษของการมักมากในกามและการปฏิบัติสิ่งอันน่าชัง” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
พันธสัญญาอันชั่วนิรันดร์ของพระผู้เป็นเจ้า
59 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เราจะกระทำต่อเจ้าอย่างที่เจ้าได้กระทำแล้ว เพราะเจ้าดูหมิ่นคำสาบานของเราเมื่อเจ้ายกเลิกพันธสัญญา 60 แต่เราก็ยังระลึกถึงพันธสัญญาที่เราได้ทำไว้กับเจ้าในครั้งที่เจ้ายังเยาว์ และเราจะทำพันธสัญญาอันชั่วนิรันดร์กับเจ้า 61 แล้วเจ้าจะระลึกถึงวิถีทางของเจ้าและอับอายเมื่อเจ้ารับพี่น้องผู้หญิงซึ่งมีอายุมากกว่าและอ่อนกว่า เราจะมอบพวกเขาให้เป็นบุตรหญิงแก่เจ้า แต่ไม่ใช่ในฐานะของพันธสัญญาของเราที่มีกับเจ้า 62 ดังนั้น เราจะทำพันธสัญญากับเจ้า และเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า 63 และเมื่อเรายกโทษบาปให้แก่เจ้าสำหรับทุกสิ่งที่เจ้าได้กระทำ เจ้าจะระลึกได้และละอายใจ และเจ้าจะไม่มีวันเปิดปากของเจ้าอีกเพราะความอับอายของเจ้า” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
คำอธิษฐานให้พระเจ้าลงโทษคนชั่ว
ถึงหัวหน้าวงดนตรีตามทำนอง “อย่าทำลาย” มิคทามของดาวิด
1 พวกท่านผู้มีอำนาจพูดด้วยความเป็นธรรมจริงหรือ
ท่านตัดสินคนตามความถูกต้องหรือไม่
2 เปล่าเลย จิตใจของท่านใฝ่ในการทำความชั่ว
ท่านกระทำการรุนแรงด้วยมือของตนเองในแผ่นดิน
3 พวกคนชั่วเลือกทางผิดตั้งแต่อยู่ในครรภ์
เขาพูดปดนับแต่เกิดมา
4 มีพิษเหมือนพิษงู
เหมือนงูเห่าที่อุดหูไม่ฟัง
5 คือไม่ได้ยินเสียงของพวกหมองู
หรือคนเสกคาถาด้วยเล่ห์เหลี่ยม
6 โอ พระเจ้า โปรดหักฟันในปากของพวกเขาเสีย
โอ พระผู้เป็นเจ้า เลาะเขี้ยวของสิงโตหนุ่มออกเถิด
7 ให้พวกเขาหายสาบสูญเหมือนกับน้ำที่ไหลออกไป
ให้เขาถูกเหยียบย่ำและเหี่ยวเฉาดั่งต้นหญ้า
8 ให้พวกเขาเป็นเหมือนหอยทากที่สลายตัวขณะคลานไป
เป็นเหมือนทารกตายเสียแต่ครั้งครรภ์ยังอ่อน เขาไม่มีวันเห็นดวงตะวัน
9 ก่อนที่หม้อจะได้รับความรู้สึกร้อนจากฟืนไฟ
ให้พระองค์กวาดล้างพวกเขาทั้งเป็นด้วยความกริ้วอันร้อนแรง
10 ผู้มีความชอบธรรมจะชื่นชมยินดีเมื่อเห็นการลงโทษ
เขาจะล้างเท้าในกองเลือดของคนชั่ว
11 ผู้คนจะพูดว่า
“จริงด้วย มีรางวัลสำหรับผู้มีความชอบธรรม
จริงทีเดียว มีพระเจ้าเป็นผู้พิพากษาแผ่นดินโลก”
คำอธิษฐานขอความปลอดภัย
ถึงหัวหน้าวงดนตรีตามทำนอง “อย่าทำลาย” มิคทามของดาวิด ในครั้งที่ซาอูลให้คนไปเฝ้าดูเหตุการณ์ที่บ้านของดาวิดเพื่อจะฆ่าท่าน[a]
1 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากพวกศัตรูเถิด
คุ้มกันข้าพเจ้าจากพวกที่โจมตีข้าพเจ้า
2 ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากพวกกระทำชั่ว
และให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากพวกคนกระหายเลือด
3 ดูเถิด ด้วยว่าพวกเขาดักรอหมายจะเอาชีวิตข้าพเจ้า
คนโหดร้ายวางแผนทำร้ายข้าพเจ้า
ทั้งๆ ที่ไม่ใช่บาปหรือการทำผิดประการใดของข้าพเจ้าเลย โอ พระผู้เป็นเจ้า
4 ไม่ใช่ความผิดของข้าพเจ้า พวกเขาก็พร้อมที่จะโจมตีข้าพเจ้า
โปรดรีบมาช่วยข้าพเจ้าเถิด แล้วพระองค์จะได้เห็น
5 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอล
ตื่นขึ้นเถิด ลงโทษประชาชาติทั้งปวง
อย่าไว้ชีวิตผู้ที่วางแผนเลวร้าย เซล่าห์
6 ทุกเย็นพวกเขากลับมา
และแยกเขี้ยวใส่อย่างสุนัข
และวนเวียนอยู่ในเมือง
7 ดูเถิดว่า พวกเขาปากพล่อย
และดาบหลุดจากริมฝีปาก
เพราะเขาคิดกันว่า “ใครจะได้ยินพวกเรา”
8 โอ พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์หัวเราะเยาะพวกเขา
พระองค์เย้ยหยันประชาชาติทั้งปวง
9 ข้าพเจ้าจะรอคอยพระองค์ ผู้เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า
โอ พระเจ้า พระองค์เป็นป้อมปราการอันมั่นคงของข้าพเจ้า
10 พระเจ้าของข้าพเจ้าจะมาหา เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์
พระเจ้าจะให้ข้าพเจ้าสมน้ำหน้าพวกศัตรูของข้าพเจ้า
11 อย่าฆ่าพวกเขาทันทีทันใด เพราะเกรงว่าคนของข้าพเจ้าจะลืมโดยง่าย
โปรดทำให้พวกเขาต้องกระเสือกกระสนด้วยอำนาจของพระองค์ และโค่นพวกเขาลง
โอ พระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นโล่ป้องกันของพวกเรา
12 เนื่องจากบาปที่เกิดจากสิ่งที่เขาพูด
และคำพูดจากริมฝีปากของพวกเขา
ให้พวกเขาติดกับดักในความหยิ่งของตนเถิด
เนื่องจากพวกเขาชอบสาปแช่งและพูดปด
13 กำจัดพวกเขาในการลงโทษ
กำจัดเขาจนหมดสิ้น
เพื่อเป็นที่รู้กันทั่วแหล่งหล้าว่า
พระเจ้าปกครองเหนือยาโคบ เซล่าห์
14 ทุกเย็นพวกเขากลับมา
และแยกเขี้ยวใส่อย่างสุนัข
และวนเวียนอยู่ในเมือง
15 เป็นเหมือนกับสุนัขที่ตระเวนเที่ยวหาของกิน
ถ้าหากหาได้ไม่พอเพียงมันก็ทำเสียงขู่
16 แต่ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงพละกำลังของพระองค์
ยามเช้าข้าพเจ้าจะเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถึงความรักอันมั่นคงของพระองค์
เพราะพระองค์เป็นหลักยึดอันมั่นคงของข้าพเจ้า
เป็นที่พึ่งพิงของข้าพเจ้าในยามทุกข์ยาก
17 โอ พละกำลังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระองค์
โอ พระเจ้า พระองค์เป็นหลักยึดอันมั่นคงของข้าพเจ้า
พระเจ้าแห่งความรักอันมั่นคงของข้าพเจ้า
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation