Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 ซามูเอล 28

ซาอูลและคนทรงที่เมืองเอนโดร์

28 ในคราวนั้นชาวฟีลิสเตียรวบรวมกำลังพร้อมรบ เพื่อต่อสู้กับอิสราเอล อาคีชกล่าวกับดาวิดว่า “จงเข้าใจเถิดว่า เจ้าและพรรคพวกของเจ้าต้องออกทัพไปกับเรา” ดาวิดพูดกับอาคีชว่า “แล้วท่านก็จะทราบเองว่าผู้รับใช้ของท่านจะทำอะไรได้บ้าง” อาคีชกล่าวกับดาวิดว่า “ดีแล้ว เราจะให้เจ้าเป็นองครักษ์ของเราไปตลอดชีวิต”

เมื่อซามูเอลได้สิ้นชีวิตแล้ว และชาวอิสราเอลทั้งปวงก็ร้องคร่ำครวญถึงท่าน และฝังท่านไว้ที่เมืองรามาห์ที่ท่านเคยอาศัยอยู่ ซาอูลได้กำจัดพวกคนทรงและพ่อมดหมอผีให้ออกไปจากแผ่นดินแล้ว ชาวฟีลิสเตียมาชุมนุมกันและตั้งค่ายอยู่ที่ชูเนม ซาอูลรวบรวมอิสราเอลทั้งหมด และตั้งค่ายกันอยู่ที่กิลโบอา เมื่อซาอูลเห็นกองทัพของชาวฟีลิสเตียก็ตกใจกลัว และอกสั่นพรั่นพรึง เมื่อซาอูลถามพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าก็ไม่ตอบท่าน ไม่ว่าด้วยความฝัน หรือด้วยอูริม[a] หรือด้วยบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ซาอูลจึงบอกบรรดาผู้รับใช้ว่า “จงไปเสาะหาหญิงที่เป็นคนทรงให้เรา เราจะได้ไปหานาง และถามนาง” บรรดาผู้รับใช้พูดว่า “ดูเถิด มีคนทรงคนหนึ่งที่เอนโดร์”

ซาอูลจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อปลอมตัว ไปกับชายสองคน และมาพบหญิงคนนั้นเมื่อตกค่ำ ซาอูลกล่าวว่า “ช่วยปรึกษากับวิญญาณให้เรา เราจะให้ชื่อคนที่เจ้าจะเรียกขึ้นมาให้เรา” หญิงคนนั้นพูดกับท่านว่า “ท่านต้องรู้แน่เลยว่า ซาอูลได้ทำอะไร ท่านได้ห้ามไม่ให้มีคนทรงและพ่อมดหมอผีอยู่ในแผ่นดิน แล้วทำไมท่านจึงจะให้ชีวิตของเราตกในกับดักจนถึงกับเสียชีวิตได้” 10 แต่ซาอูลสาบานกับนางในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าว่า “ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด เจ้าจะไม่ต้องโทษในเรื่องนี้” 11 หญิงคนนั้นจึงถามว่า “ท่านจะให้เราเรียกใครขึ้นมา” ท่านกล่าวว่า “เรียกซามูเอลขึ้นมาให้เรา” 12 เมื่อหญิงคนนั้นเห็นซามูเอล นางร้องเสียงดังและพูดกับซาอูลว่า “ทำไมท่านจึงหลอกลวงข้าพเจ้า ท่านคือซาอูล” 13 กษัตริย์กล่าวกับนางว่า “ไม่ต้องกลัว เจ้ามองเห็นอะไร” นางตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นเทพเจ้ากำลังผุดขึ้นมาจากพื้นโลก” 14 ท่านกล่าวกับนางว่า “รูปร่างของเขาเป็นอย่างไร” นางตอบว่า “ชายชราผู้หนึ่งกำลังขึ้นมา นุ่งห่มด้วยเสื้อคลุม” ซาอูลทราบว่าเป็นซามูเอล ซาอูลจึงก้มหน้าลงและคำนับ

15 ซามูเอลพูดกับซาอูลว่า “ท่านรบกวนเราให้เราขึ้นมาทำไม” ซาอูลตอบว่า “ข้าพเจ้ามีความทุกข์ยิ่งนัก เพราะชาวฟีลิสเตียกำลังทำสงครามกับเรา และพระเจ้าทอดทิ้งข้าพเจ้า ไม่ยอมตอบข้าพเจ้าอีกเลย ไม่ว่าจะด้วยผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า หรือด้วยความฝันก็ตาม ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงต้องปรึกษาท่าน ให้ท่านบอกว่าข้าพเจ้าควรจะทำอย่างไร” 16 ซามูเอลกล่าวว่า “ทำไมท่านจึงถามเรา ในเมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ทอดทิ้งท่าน และเป็นศัตรูของท่านแล้ว 17 พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำต่อท่านดังที่พระองค์กล่าวผ่านเราแล้ว เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ฉีกอาณาจักรออกจากมือของท่าน และมอบให้แก่ดาวิดคนร่วมชาติของท่าน 18 เพราะท่านไม่ได้เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า และไม่ได้กระทำตามความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ที่มีต่ออามาเลข[b] ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งนี้ต่อท่านในวันนี้ 19 ยิ่งกว่านั้นอีก พระผู้เป็นเจ้าจะมอบอิสราเอลพร้อมกับตัวท่านไว้ในมือของชาวฟีลิสเตีย พรุ่งนี้ท่านและบุตรของท่านก็จะอยู่กับเรา พระผู้เป็นเจ้าจะมอบกองทัพของอิสราเอลไว้ในมือของชาวฟีลิสเตียด้วย”

20 แล้วซาอูลก็ล้มลงราบกับพื้นทันที กลัวยิ่งนักเพราะสิ่งที่ซามูเอลกล่าว ท่านหมดเรี่ยวแรง เพราะไม่ได้รับประทานสิ่งใดตลอดทั้งวันและคืน 21 หญิงคนนั้นเข้ามาใกล้ซาอูล เมื่อนางเห็นว่าท่านตกใจมาก นางจึงพูดกับท่านว่า “ดูเถิด ผู้รับใช้ของท่านเชื่อฟังท่าน ข้าพเจ้าได้เสี่ยงชีวิตตัวเองด้วยการกระทำสิ่งที่ท่านขอให้ข้าพเจ้าทำ 22 ฉะนั้นขอให้ท่านฟังผู้รับใช้ของท่านบ้าง ให้ข้าพเจ้านำอาหารมาให้ท่านรับประทาน ท่านจะได้มีกำลังเดินทางกลับไป” 23 ท่านปฏิเสธและกล่าวว่า “เราไม่กิน” แต่พวกผู้รับใช้ของท่านกับหญิงคนนั้นอ้อนวอนท่าน ท่านก็ฟังตามคำขอ ท่านจึงลุกขึ้นจากพื้นดิน และนั่งบนเตียง 24 หญิงนั้นมีลูกโคอ้วนตัวหนึ่งที่บ้าน นางรีบฆ่ามันทันที นางเอาแป้งมานวดและอบเป็นขนมปังไร้เชื้อ 25 และนางวางไว้ที่เบื้องหน้าซาอูลและพวกผู้รับใช้ ทุกคนรับประทาน แล้วออกเดินทางไปในคืนนั้น

1 โครินธ์ 9

สิทธิ์ของอัครทูต

ข้าพเจ้าไม่มีอิสระหรือ ข้าพเจ้าไม่ใช่อัครทูตหรือ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราหรือ พวกท่านไม่ใช่ผลงานของข้าพเจ้าในพระผู้เป็นเจ้าหรือ แม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่เป็นอัครทูตในสายตาของคนอื่น แต่อย่างน้อยข้าพเจ้าก็เป็นในสายตาของท่าน พวกท่านเป็นเสมือนตราประทับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าข้าพเจ้าเป็นอัครทูตในพระผู้เป็นเจ้า

ข้าพเจ้าพูดแก้ความในกรณีที่มีคนตรวจสอบข้าพเจ้าคือ เราไม่มีสิทธิ์ดื่มกินหรือ เราไม่มีสิทธิ์พาภรรยาซึ่งเชื่อในพระเจ้าไปด้วยตามอย่างที่อัครทูตอื่นๆ และบรรดาน้องของพระเยซูเจ้า และเคฟาสก็พาไปด้วยหรือ เฉพาะข้าพเจ้าและบาร์นาบัสเท่านั้นหรือที่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพกันเอง ใครบ้างที่รับใช้โดยการเป็นทหารและต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเอง ใครที่ปลูกสวนองุ่นเองแล้วไม่ได้กินผล ใครที่เฝ้าดูแลฝูงแกะแล้วไม่ได้ดื่มน้ำนมจากมัน

ข้าพเจ้ากล่าวมานี้ด้วยความคิดเห็นของมนุษย์เท่านั้นหรือ กฎบัญญัติไม่ได้กล่าวเช่นเดียวกันหรือ ในหมวดกฎบัญญัติของโมเสสเขียนไว้ว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากโคขณะที่มันกำลังนวดข้าวอยู่”[a] พระเจ้าเป็นห่วงใยโคหรือ 10 พระองค์กล่าวเรื่องนี้เพื่อเรามิใช่หรือ ใช่แล้ว เรื่องนี้บันทึกไว้สำหรับเรา เพราะว่าเมื่อคนไถนาและนวดข้าว เขาควรกระทำไปด้วยความหวังว่า จะได้รับส่วนแบ่งจากผลที่ได้ 11 ถ้าเราหว่านเมล็ดโดยฝ่ายวิญญาณในหมู่ท่าน แล้วเก็บเกี่ยวในด้านวัตถุจากท่านนั้น ถือว่ามากไปหรือ 12 ถ้าคนอื่นมีส่วนรับสิทธิ์นี้จากท่านแล้ว เราจะไม่มีสิทธิ์ยิ่งกว่าอีกหรือ

เราไม่ได้ใช้สิทธิ์นี้เลย แต่ในทางตรงกันข้าม คือเรายอมทนต่อทุกสิ่ง ดีกว่าที่จะถ่วงข่าวประเสริฐของพระคริสต์ไว้ 13 ท่านไม่ทราบหรือว่า บรรดาผู้ทำงานในพระวิหารได้รับอาหารจากพระวิหาร และบรรดาผู้รับใช้ที่แท่นบูชาได้รับส่วนจากสิ่งที่ถวายบนแท่นบูชา 14 ดังนั้น พระผู้เป็นเจ้าได้สั่งให้ผู้ประกาศข่าวประเสริฐได้รับการเลี้ยงชีพจากข่าวประเสริฐนั้นด้วย

15 แต่ข้าพเจ้ายังไม่ได้ใช้สิทธิ์เหล่านี้ และข้าพเจ้าได้เขียนเรื่องนี้มาโดยไม่ได้หวังที่จะให้ท่านปฏิบัติต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายอมตายเสียดีกว่า ที่จะให้ใครมายับยั้งเหตุผลของการโอ้อวดของข้าพเจ้า 16 แม้เวลาที่ข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถโอ้อวดได้ เพราะจำเป็นต้องประกาศ วิบัติจงเกิดแก่ข้าพเจ้า ถ้าหากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวประเสริฐนี้ 17 ถ้าข้าพเจ้าประกาศด้วยใจสมัคร ข้าพเจ้าก็มีรางวัล ถ้าไม่ใช่ด้วยใจสมัคร ข้าพเจ้าก็ยังมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ 18 แล้วรางวัลของข้าพเจ้าคืออะไร ก็คือเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าไม่คิดค่าจ้าง เพื่อจะไม่ใช้สิทธิ์ที่พึงได้รับจากการประกาศอย่างเต็มที่

19 แม้ว่าข้าพเจ้าจะมีอิสระไม่ต้องขึ้นกับใคร แต่ข้าพเจ้ายอมตัวเป็นทาสรับใช้ทุกคน เพื่อชนะใจคนจำนวนมากเท่าที่จะมากได้ 20 กับชาวยิวข้าพเจ้าก็เป็นเช่นชาวยิวเพื่อที่จะชนะใจชาวยิว กับบรรดาผู้อยู่ใต้กฎบัญญัติ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนอยู่ใต้กฎบัญญัติ (แม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ใต้กฎบัญญัติ) เพื่อชนะใจบรรดาผู้อยู่ใต้กฎบัญญัติ 21 กับคนไม่มีกฎบัญญัติ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนคนไม่มีกฎบัญญัติ (แม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้อยู่นอกกฎบัญญัติของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าอยู่ใต้กฎบัญญัติของพระคริสต์) เพื่อที่จะชนะใจพวกที่ไม่มีกฎบัญญัติ 22 และในหมู่คนอ่อนแอ ข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอ เพื่อจะชนะใจคนอ่อนแอ ข้าพเจ้าได้กลายเป็นเหมือนคนทุกประเภทต่อคนทั้งปวง เพื่อให้บางคนรอดพ้นไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม 23 ข้าพเจ้าปฏิบัติทุกสิ่งเพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐ เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนรับพระพรนั้น

24 ท่านไม่ทราบหรือว่า ในการแข่งขัน นักวิ่งทุกคนวิ่ง แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัล ดังนั้นจงวิ่งเพื่อชิงชัยให้สำเร็จ 25 ทุกคนที่เข้าแข่งขันต้องผ่านการฝึกที่เข้มงวด เขาทำเพื่อให้ได้มงกุฎอันไม่ยั่งยืน แต่เราทำเพื่อให้ได้มงกุฎอันยั่งยืนตลอดกาล 26 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไม่วิ่งโดยไร้จุดหมาย และไม่ต่อสู้แบบนักมวยชกลม 27 แต่ข้าพเจ้าฝึกฝนและควบคุมตัวเองอย่างหนัก เพื่อว่าหลังจากข้าพเจ้าประกาศแก่คนอื่นแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่เป็นผู้หมดสิทธิ์ในการแข่งขัน

เอเสเคียล 7

วันแห่งความโกรธกริ้วของพระผู้เป็นเจ้า

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “และตัวเจ้าเอง บุตรมนุษย์เอ๋ย พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวกับแผ่นดินอิสราเอลว่า วันสิ้นสุดลง การสิ้นสุดได้มายัง 4 มุมของแผ่นดินโลกแล้ว บัดนี้วันสิ้นสุดลงจะตกอยู่กับเจ้า และเราจะให้ความโกรธของเรามาถึงตัวเจ้า เราจะพิพากษาตามวิถีทางของเจ้า และเราจะลงโทษเจ้าเพราะการกระทำอันน่ารังเกียจทั้งสิ้นของเจ้า เราจะไม่ไว้ชีวิตหรือมองดูเจ้าด้วยความเมตตา แต่เราจะลงโทษเพราะวิถีทางของเจ้า เมื่อพวกเจ้ายังกระทำสิ่งอันน่ารังเกียจ แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ความพินาศอย่างไม่เคยมีมาก่อนกำลังจะเกิดขึ้น วันสิ้นสุดลงได้มาถึง วันสิ้นสุดลงได้มาถึงแล้ว มันได้ตื่นขึ้นมาต่อต้านเจ้า ดูเถิด มันมาถึงแล้ว การลงโทษเจ้ามาถึงแล้ว เจ้าที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน ถึงเวลาแล้ว วันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว วันแห่งการชุลมุนซึ่งไม่ใช่เสียงร้องแห่งความยินดีบนภูเขา เรากำลังจะกระหน่ำการลงโทษของเราลงบนเจ้า และเราจะให้ความกริ้วของเราลงที่เจ้า เราจะพิพากษาตามวิถีทางของเจ้า และเราจะสนองตอบการกระทำที่น่าชังทั้งสิ้นของเจ้า เราจะไม่ไว้ชีวิตหรือมองดูเจ้าด้วยความเมตตา เราจะลงโทษตามวิถีทางของเจ้า เมื่อพวกเจ้ายังกระทำสิ่งอันน่ารังเกียจ แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าผู้สังหาร

10 ดูเถิด วันนั้นมาถึงแล้ว มาถึงแล้ว การลงโทษเจ้ามาถึงแล้ว ไม้เรียวได้ออกดอกแล้ว ความหยิ่งยโสออกดอกตูมแล้ว 11 การกระทำอันรุนแรงได้เติบโตขึ้นเป็นการลงโทษความชั่วร้าย ไม่มีผู้ใดในพวกเขาจะมีชีวิตเหลืออยู่ ไม่มีสักคนในหมู่ชน ไม่มีความมั่งมี จะไม่มีสิ่งมีค่าใดๆ 12 ถึงเวลาแล้ว วันนั้นมาถึงแล้ว อย่าให้ผู้ซื้อยินดี หรือผู้ขายเศร้าใจ เพราะการลงโทษตกอยู่กับฝูงชนทั้งปวง 13 เพราะผู้ขายจะไม่กลับไปยังที่ดินซึ่งเขาขายไปแล้ว แม้ทั้งสองฝ่ายยังมีชีวิตรอดก็ตาม เพราะภาพนิมิตนี้เกี่ยวข้องกับฝูงชนทั้งปวงและจะไม่หันกลับ และเป็นเพราะบาปของเขา จึงไม่มีสักคนที่จะรักษาชีวิตของตนไว้ได้

14 ถึงแม้ว่าพวกเขาได้เป่าแตรงอนและเตรียมทุกอย่างไว้พร้อม แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่จะทำศึกสงคราม เพราะการลงโทษของเราตกอยู่กับฝูงชนทั้งปวง 15 ภายนอกมีการสู้รบ โรคระบาด และการอดอยากเกิดขึ้นภายใน บรรดาผู้ที่อยู่ในไร่นาจะตายด้วยคมดาบ และบรรดาผู้ที่อยู่ในเมืองจะถูกการอดอยากและโรคระบาดกำจัดเสียสิ้น 16 พวกที่ประทังชีวิตและหลบหนีไปได้จะไปอยู่ในแถบภูเขา และโอดครวญอย่างนกพิราบในหุบเขา แต่ละคนจะเป็นเช่นนั้นเนื่องจากบาปของตน 17 ทุกๆ มือจะอ่อนเปลี้ย และเข่าจะอ่อนปวกเปียกราวกับน้ำ 18 พวกเขาจะสวมผ้ากระสอบและตกอยู่ในสภาพที่หวาดหวั่น จะอับอายขายหน้าและถูกโกนผม 19 พวกเขาจะโยนเงินทิ้งที่ถนน และทองคำของพวกเขาจะเป็นเหมือนสิ่งที่เป็นมลทิน ทั้งเงินและทองคำไม่อาจจะช่วยชีวิตของพวกเขาได้ในวันแห่งการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจะไม่หายหิวหรือจะอิ่มท้องได้ด้วยของพวกนั้น เพราะมันทำให้พวกเขาสะดุดลงในความบาป 20 พวกเขาภาคภูมิใจกับเครื่องประดับที่สวยงาม และเอาไปทำเป็นรูปเคารพอันน่ารังเกียจและรูปบูชาอันน่าขยะแขยง ฉะนั้นเราจะทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่เป็นมลทิน 21 และเราจะให้เป็นเหยื่อในมือของบรรดาชาวต่างชาติ และเป็นสิ่งที่ริบมาให้แก่คนชั่วร้ายของแผ่นดินโลก และพวกเขาจะดูหมิ่นสิ่งเหล่านั้น 22 เราจะหันหน้าไปจากพวกเขา และพวกเขาจะดูหมิ่นสถานที่อันมีค่า พวกโจรจะเข้าไปและดูหมิ่นสถานที่นั้น

23 จงเตรียมโซ่ให้พร้อม เพราะแผ่นดินเต็มด้วยการนองเลือด และเมืองเต็มด้วยความป่าเถื่อน 24 เราจะนำบรรดาประชาชาติที่เลวร้ายที่สุดมายึดบ้านเรือนของพวกเขา เราจะทำให้ความยโสของผู้มีอำนาจสิ้นลง และสถานที่บริสุทธิ์ทั้งหลายของพวกเขาจะถูกดูหมิ่น 25 เมื่อเกิดความปวดร้าว พวกเขาจะแสวงหาสันติสุข แต่ก็จะไม่พบ 26 ความวิบัติซ้อนความวิบัติจะเกิดขึ้น คำเล่าลือแพร่กันไปทั่ว พวกเขาจะเค้นหาภาพนิมิตจากผู้เผยคำกล่าว การสั่งสอนกฎบัญญัติจากปุโรหิตจะสูญหายเช่นเดียวกับคำปรึกษาของบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ 27 กษัตริย์จะเศร้าโศก ผู้ยิ่งใหญ่จะนุ่งห่มด้วยความสิ้นหวัง มือของประชาชนของแผ่นดินสั่นเทา เราจะกระทำต่อพวกเขาตามสิ่งที่เขาทำมา และเราจะพิพากษาลงโทษตามมาตรฐานการตัดสินของพวกเขา แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

สดุดี 45

เพลงประกอบในพิธีสมรสของกษัตริย์

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองพลับพลึง ของตระกูลโคราห์ เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ เพลงรัก

ใจของข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยคำอันไพเราะ
    ข้าพเจ้าแต่งเพลงถวายแด่กษัตริย์
    ลิ้นข้าพเจ้าเป็นเสมือนปากกาของนักประพันธ์ผู้เชี่ยวชาญ

ท่านรูปงามที่สุดในบรรดาบุตรของมนุษย์
    สิ่งที่ท่านพูดมีแต่พระคุณ
    ฉะนั้นพระเจ้าอวยพรท่านตลอดกาล

สะพายดาบไว้ที่เอว โอ ท่านผู้มีอานุภาพ
    ทรงเครื่องด้วยความเรืองรองและความยิ่งใหญ่ของท่าน
ท่านขี่ม้ารุดไปด้วยความมีชัยในความยิ่งใหญ่ของท่าน
    เพื่อปกป้องความจริง ความอ่อนโยนและความชอบธรรม
    ให้มือขวาของท่านแสดงการกระทำอันวิเศษสุด
ให้ลูกธนูคมกริบของท่านปักลงที่หัวใจพวกศัตรูของกษัตริย์
    ให้เหล่าชนชาติล้มลงใต้เท้าของท่าน
ข้าแต่พระเจ้า บัลลังก์ของท่านจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์กาล
    และความชอบธรรมจะเป็นดุจคทาแห่งอาณาจักรของท่าน
ท่านรักความชอบธรรมและเกลียดความชั่วร้าย
    ฉะนั้นพระเจ้า พระเจ้าของท่านได้ให้ท่านอยู่เหนือมิตรสหาย
    โดยเจิมท่านด้วยน้ำมันแห่งความยินดี[a]
เสื้อคลุมของท่านมีกลิ่นน้ำมันหอมจากมดยอบ กฤษณาและการบูร
    เครื่องสายจากวังที่ประดับด้วยงาช้างทำให้ท่านยินดี
บรรดาธิดาของกษัตริย์ทั้งปวงอยู่ในบรรดาสตรีผู้มีเกียรติ
    ทางขวามือของท่านคือราชินีประดับด้วยทองคำแห่งโอฟีร์

10 จงฟังเถิด บุตรสาว จงเงี่ยหูให้ดี
    จงลืมชนชาติและพวกพ้องของเจ้า
11     และกษัตริย์จะปรารถนาความงามของเจ้า
ในเมื่อท่านเป็นนายของเจ้า จงก้มตัวลง
12 บุตรสาวแห่งเมืองไทระจะมอบของกำนัลแก่เจ้า
    คนมั่งมีจะพยายามแสวงหาความดีความชอบจากเจ้า
13 เจ้าหญิงผู้กอปรด้วยเกียรติทุกประการอยู่ที่ห้องของเธอ
    เสื้อผ้าของเธอทอด้วยทองคำ
14 เธอสวมเสื้อคลุมหลากสีขณะถูกนำตัวเข้าหากษัตริย์
    ติดตามด้วยบรรดาพรหมจาริณี
    เป็นเพื่อนตามหลังเธอมา
15 บรรดาหญิงเหล่านี้ถูกพาไปด้วยความยินดีและเบิกบานใจ
    เป็นอย่างยิ่งขณะที่เข้าไปในวังของกษัตริย์

16 บรรดาบุตรชายของท่านจะรับตำแหน่งแทนบรรดาบิดาของท่าน
    และท่านจะให้เป็นเจ้าชายปกครองแผ่นดินทั่วทั้งโลก

17 ข้าพเจ้าจะทำให้ทุกชั่วอายุคนเฉลิมฉลองนามของท่าน
    ฉะนั้น บรรดาชนชาติจะสรรเสริญท่านเป็นนิจ

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation