Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 ซามูเอล 25

ซามูเอลเสียชีวิต

25 ซามูเอลเสียชีวิต และชาวอิสราเอลทั้งปวงมาชุมนุมกันและร้องคร่ำครวญถึงท่าน และฝังท่านไว้ที่เมืองรามาห์ที่ท่านเคยอาศัยอยู่

ดาวิดและอาบีกายิล

ดาวิดก็ออกเดินทางลงไปยังถิ่นทุรกันดารปาราน มีชายผู้หนึ่งในเมืองมาโอนทำธุรกิจที่คาร์เมล ชายผู้นี้มั่งมีมาก มีแกะ 3,000 ตัว แพะ 1,000 ตัว เขาให้คนตัดขนแกะที่คาร์เมล เขาชื่อนาบาล มีภรรยาชื่ออาบีกายิล เป็นหญิงรูปงามและฉลาดรอบรู้ ส่วนสามีเป็นคนกระด้างและร้ายกาจ เป็นชาวคาเลบ[a] ดาวิดได้ข่าวในถิ่นทุรกันดารว่า นาบาลกำลังตัดขนแกะอยู่ ดาวิดจึงให้พรรคพวกชายหนุ่ม 10 คนไป และสั่งว่า “จงไปที่คาร์เมล ไปหานาบาล และทักทายเขาในนามของเรา พวกท่านจงทักทายเขาว่า ‘สันติสุขจงอยู่กับท่าน กับครอบครัวของท่าน และกับทุกสิ่งที่เป็นของท่าน ข้าพเจ้าได้ยินว่าท่านมีคนตัดขนแกะ คนเฝ้าฝูงแกะของท่านก็เคยคุ้นเคยกับพวกเรา และเราไม่เคยทำร้ายพวกเขา และพวกเขาก็ไม่เคยมีอะไรถูกขโมยตลอดระยะเวลาที่อยู่ในคาร์เมล ท่านถามชายหนุ่มของท่านได้ พวกเขาจะบอกท่านเอง ฉะนั้นขอให้ชายหนุ่มของข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาท่าน เพราะว่าพวกเรามาในวันฉลองเทศกาล โปรดให้สิ่งที่ท่านพอจะมีอยู่บ้างแก่พวกผู้รับใช้ และแก่ดาวิดบุตรของท่านด้วยเถิด’”

เมื่อพรรคพวกหนุ่มๆ ของดาวิดมา พวกเขาก็พูดกับนาบาลไปตามนั้นในนามของดาวิด แล้วก็คอยอยู่ 10 นาบาลจึงพูดกับพวกผู้รับใช้ของดาวิดว่า “ดาวิดคือผู้ใด บุตรของเจสซีคือผู้ใด สมัยนี้มีพวกผู้รับใช้มากมายที่หนีเจ้านายไป 11 จะให้เราเอาขนมปัง น้ำ และเนื้อที่เราฆ่าไว้สำหรับคนตัดขนแกะ มาให้แก่พวกคนที่เราไม่รู้ว่ามาจากไหนอย่างนั้นหรือ” 12 ดังนั้นพวกชายหนุ่มจึงกลับไปบอกทุกสิ่งให้ท่านทราบ 13 ดาวิดบอกพรรคพวกท่านว่า “ทุกคนจงคาดดาบ” ทุกคนจึงคาดดาบ ดาวิดก็คาดดาบของท่านเช่นกัน มีชายประมาณ 400 คนตามดาวิดขึ้นไป ขณะที่ 200 คนอยู่เฝ้ากองยุทธภัณฑ์และเสบียงไว้

14 แต่ชายหนุ่มผู้หนึ่งบอกอาบีกายิลภรรยาของนาบาลว่า “ดูเถิด ดาวิดได้ให้ผู้ส่งสาสน์มาจากถิ่นทุรกันดาร เพื่อทักทายนายของเรา แต่นายกลับตวาดใส่พวกเขา 15 ถึงกระนั้นผู้ชายพวกนั้นก็ยังดีต่อเรามาก ตลอดเวลาที่เราอยู่กับพวกเขา เราไม่ได้ถูกทำร้าย ระยะเวลาเราอยู่ในทุ่งนา สิ่งที่เป็นของเราก็ไม่ได้หายไป 16 เขาเป็นเหมือนเกราะป้องกันพวกเราทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ตลอดช่วงเวลาที่เราเฝ้าฝูงแกะอยู่กับพวกเขา 17 ฉะนั้นท่านรับทราบแล้ว ขอให้คำนึงว่าท่านควรจะกระทำสิ่งใด เพราะภัยอันตรายกำลังจะเกิดขึ้นกับนายของพวกเราและครอบครัวของท่าน นาบาลเป็นคนเลวร้ายจนไม่มีใครพูดกับท่านได้”

18 อาบีกายิลจึงรีบหาขนมปัง 200 ก้อน กับถุงเหล้าองุ่น 2 ถุง แกะที่ย่างแล้ว 5 ตัว และเมล็ดข้าวคั่ว 5 สอาห์[b] และองุ่นแห้ง 100 พวง และมะเดื่อแห้ง 200 ก้อน บรรทุกไว้บนหลังลา 19 และนางบอกผู้รับใช้หนุ่มว่า “จงไปล่วงหน้าเรา แล้วเราจะตามหลังเจ้าไป” แต่นางไม่ได้บอกนาบาลสามีของนาง 20 ขณะที่นางกำลังขี่ลาลงมาที่หุบเขา ดาวิดกับพรรคพวกของท่านก็ลงมาพบกับนาง นางพบกับพวกเขา 21 ดาวิดเพิ่งพูดว่า “ไร้ประโยชน์แท้ๆ ที่เราปกป้องทุกสิ่งที่เป็นของนายคนนั้นในถิ่นทุรกันดาร ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเขาถูกขโมย และเขาสนองตอบความดีของเราด้วยความเลวร้าย 22 ขอพระเจ้ากระทำต่อดาวิดอย่างสาหัสยิ่งกว่า หากว่าเราปล่อยแม้เพียงชายคนเดียวของนายคนนั้นให้มีชีวิตรอดอยู่ถึงรุ่งเช้า”

23 เมื่ออาบีกายิลเห็นดาวิด นางรีบลงจากหลังลา ก้มหน้าลงซบพื้นต่อหน้าดาวิด 24 นางซบที่เท้าของท่าน และพูดว่า “นายท่าน ถือว่าเป็นความผิดของฉันเพียงผู้เดียว กรุณาให้ผู้รับใช้ของท่านพูดเถิด ช่วยฟังคำของผู้รับใช้ของท่าน 25 นายท่านกรุณาอย่าไปสนใจนาบาลชายผู้ชั่วร้ายคนนั้นเลย ชื่อของเขามีความหมายอย่างไร เขาก็เป็นอย่างนั้น เขาชื่อนาบาล และความโง่เขลาก็อยู่กับเขา แต่ฉันผู้รับใช้ของท่านไม่ได้พบกับพวกชายหนุ่มของนายท่านที่ท่านได้ใช้ให้ไป 26 นายท่าน เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ยับยั้งท่านจากการกระทำบาปในการนองเลือด และจากการแก้แค้นด้วยมือของท่านเอง ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด และตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่ บัดนี้ขอให้ศัตรูของท่านและบรรดาผู้ที่หมายจะปองร้ายนายท่านจงเป็นอย่างเช่นนาบาลเถิด 27 และขอให้พวกชายหนุ่มที่ตามนายท่านมารับของกำนัลที่ผู้รับใช้ของนายท่านนำมา 28 โปรดให้อภัยความผิดของผู้รับใช้ของท่านด้วย ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าจะสร้างพงศ์พันธุ์ที่มั่นคงให้แก่นายท่าน และท่านจะไม่กระทำความชั่วตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่ 29 ถ้าหากว่าชายใดไล่ล่าท่านและหมายจะเอาชีวิตท่าน ชีวิตของนายท่านจะปลอดภัยในความดูแลของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ส่วนชีวิตของศัตรูของท่าน พระองค์จะเหวี่ยงพวกเขาออกไปเหมือนเหวี่ยงออกจากเชือกสลิง 30 และเมื่อนายท่านได้รับสิ่งที่ดีจากพระผู้เป็นเจ้าตามที่พระองค์กล่าวไว้เกี่ยวกับท่าน และได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้นำอิสราเอลแล้ว 31 จะไม่มีสาเหตุที่ทำให้นายท่านต้องเสียใจหรือปรักปรำตนเอง ที่ได้ฆ่าคนโดยไม่จำเป็น หรือแก้แค้นด้วยตนเอง และเมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ประทานพรท่านแล้ว ขอให้ระลึกถึงผู้รับใช้ของท่านด้วย”

32 ดาวิดพูดกับอาบีกายิลว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล พระองค์ให้เจ้ามาพบเราในวันนี้ 33 ขอให้ความรอบคอบของเจ้าได้รับพร และตัวเจ้าได้รับพรเถิด วันนี้เจ้าช่วยเราให้พ้นจากบาปของการนองเลือด และจากการแก้แค้นด้วยมือของเราเอง 34 ตราบที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลมีชีวิตอยู่ฉันใด พระองค์ได้ยับยั้งเราไม่ให้ทำร้ายเจ้า หากว่าเจ้าไม่ได้รีบมาพบกับเรา นาบาลก็คงจะไม่มีแม้แต่ชายคนเดียวที่รอดชีวิตอยู่จนถึงรุ่งเช้าแน่” 35 แล้วดาวิดก็รับสิ่งที่นางนำมาให้ท่านจากมือนาง และท่านพูดกับนางว่า “เจ้าขึ้นไปบ้านของเจ้าอย่างสันติเถิด เห็นไหมล่ะ เราฟังเสียงเจ้า และเราทำตามคำขอร้องของเจ้า”

36 อาบีกายิลไปหานาบาล เขากำลังมีงานเลี้ยงใหญ่ที่บ้านของเขา อย่างงานเลี้ยงของกษัตริย์ นาบาลร่าเริงอย่างเต็มหัวใจ เพราะว่าเขาเมามาก นางจึงไม่ได้เล่าสิ่งใดให้เขาฟังจนกว่าฟ้าสาง 37 ครั้นรุ่งเช้า เมื่อนาบาลสร่างจากเหล้าองุ่นแล้ว ภรรยาของเขาจึงเล่าเรื่องเหล่านั้นให้เขาฟัง เขาแน่นิ่ง และขยับตัวไม่ได้ 38 ประมาณ 10 วันหลังจากนั้นพระผู้เป็นเจ้าทำให้นาบาลถึงแก่ชีวิต

39 เมื่อดาวิดทราบว่านาบาลสิ้นชีวิตแล้ว ท่านพูดว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้แก้แค้นนาบาลที่ดูหมิ่นเรา และยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์ไม่ให้กระทำผิด และให้ความผิดของนาบาลลงโทษเขาเอง” แล้วดาวิดให้คนไปพูดกับอาบีกายิลเพื่อรับนางมาเป็นภรรยาของตน 40 ครั้นบรรดาผู้รับใช้ของดาวิดไปหาอาบีกายิลที่คาร์เมลแล้ว พวกเขาพูดกับนางว่า “ดาวิดให้พวกเรามาหาท่านเพื่อรับท่านไปเป็นภรรยาของดาวิด” 41 นางลุกขึ้นและก้มหน้าลงซบพื้นตอบว่า “ดูเถิด หญิงรับใช้ของท่านเป็นผู้รับใช้ที่ล้างเท้าของบรรดาผู้รับใช้ของนายท่าน” 42 และอาบีกายิลรีบลุกขึ้นขี่ลา และหญิงสาว 5 คนเดินตามนางไป นางตามบรรดาผู้ส่งข่าวของดาวิดไป และนางก็เป็นภรรยาของดาวิด

43 ดาวิดรับอาหิโนอัมชาวยิสเรเอลด้วย ทั้งสองจึงเป็นภรรยาของดาวิด 44 ส่วนซาอูลก็ได้ยกมีคาลบุตรหญิงของท่าน ผู้เป็นภรรยาของดาวิด ให้แก่ปัลทีบุตรของลาอิชแห่งเมืองกัลลิมแล้ว

1 โครินธ์ 6

พี่น้องฟ้องร้องกัน

มีคนใดในกลุ่มท่านบ้างไหมที่เมื่อเป็นความกัน แล้วกล้าไปฟ้องคดีต่อหน้าคนที่ไร้ความชอบธรรม แทนที่จะฟ้องร้องต่อหน้าบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า ท่านไม่ทราบหรือว่า บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าจะกล่าวโทษโลกนี้ ถ้าท่านกล่าวโทษโลกได้ ท่านจะไม่มีความสามารถกล่าวโทษคดีย่อยหรือ ท่านไม่ทราบหรือว่า พวกเราจะเป็นผู้ที่กล่าวโทษเหล่าทูตสวรรค์ และเราจะกล่าวโทษเรื่องของชีวิตนี้ได้ยิ่งกว่าเพียงไร ฉะนั้นถ้าท่านมีคดีความกันในเรื่องของชีวิตนี้แล้ว ท่านจะตั้งคนซึ่งไม่เป็นที่นับถือของคริสตจักรให้เป็นผู้ตัดสินหรือ ข้าพเจ้ากล่าวมานี้เพื่อให้ท่านละอายใจ เป็นไปได้หรือที่ไม่มีใครสักคนในพวกท่าน ที่มีสติปัญญาพอที่จะตัดสินเรื่องระหว่างพี่น้อง แต่พี่น้องกลับต้องไปว่าความกันต่อหน้าคนไม่มีความเชื่ออย่างนั้นหรือ อันที่จริงท่านพ่ายแพ้แล้วอย่างสิ้นเชิงเมื่อเป็นความกัน ทำไมท่านไม่ยอมเป็นฝ่ายผิด ทำไมท่านจึงไม่ยอมถูกโกง แต่กลับประพฤติผิดและโกงพี่น้องของท่านเอง

ท่านไม่ทราบหรือว่าคนชั่วจะไม่มีส่วนได้ในอาณาจักรของพระเจ้า อย่าให้คนชักนำท่านให้หลงผิดเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประพฤติผิดทางเพศ บูชารูปเคารพ ผิดประเวณี ชายลักเพศ 10 ขโมย คนโลภ ขี้เมา ช่างว่าร้าย หรือคนโกง ทั้งหมดนี้จะไม่มีส่วนได้ในอาณาจักรของพระเจ้า 11 พวกท่านบางคนก็เคยเป็นเช่นนั้น แต่ท่านได้รับการชำระและได้รับการทำให้บริสุทธิ์แล้ว และท่านก็พ้นผิดแล้วในพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า และโดยพระวิญญาณของพระเจ้าของเรา

หนีจากการประพฤติผิดทางเพศ

12 “ทุกสิ่งไม่เป็นของต้องห้ามสำหรับข้าพเจ้า” แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งเป็นประโยชน์ “ทุกสิ่งไม่เป็นของต้องห้ามสำหรับข้าพเจ้า” แต่ข้าพเจ้าจะไม่ยอมเป็นทาสของสิ่งใดเลย 13 “อาหารมีไว้สำหรับท้อง และท้องนั้นสำหรับอาหาร” แต่พระเจ้าจะทำลายทั้งสองสิ่ง ร่างกายไม่ได้มีไว้สำหรับการประพฤติผิดทางเพศ แต่มีไว้สำหรับพระผู้เป็นเจ้า และพระผู้เป็นเจ้ามีไว้สำหรับร่างกาย 14 โดยอานุภาพของพระเจ้า พระองค์จึงได้บันดาลให้พระเยซูเจ้าฟื้นคืนชีวิต และพระองค์จะกระทำเช่นนั้นกับพวกเราด้วย 15 ท่านไม่ทราบหรือว่า ร่างกายของพวกท่านเป็นเสมือนอวัยวะส่วนต่างๆ ของพระคริสต์ ควรหรือที่ข้าพเจ้าจะเอาอวัยวะส่วนต่างๆ ของพระคริสต์มาแตะต้องเกี่ยวพันกับหญิงแพศยา ไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น 16 ท่านไม่ทราบหรือว่าคนที่ผูกพันกับหญิงแพศยาก็เป็นกายเดียวกันกับหญิงนั้น เพราะพระองค์กล่าวไว้ว่า “ทั้งสองจะเป็นหนึ่งเดียวกัน”[a] 17 แต่คนที่ผูกพันในพระผู้เป็นเจ้า ก็เป็นวิญญาณเดียวกันกับพระองค์ 18 จงหนีให้พ้นจากการประพฤติผิดทางเพศ บาปอื่นๆ ทุกชนิดที่คนกระทำเป็นบาปภายนอกกาย แต่คนที่ผิดทางเพศทำบาปต่อร่างกายของตนเอง 19 ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในตัวท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของตัวท่านเอง 20 พระเจ้าได้ซื้อท่านไว้แล้วในราคาสูง ฉะนั้นจงใช้ร่างกายของท่านในการถวายเกียรติแด่พระเจ้าเถิด

เอเสเคียล 4

เชิงเทินที่เยรูซาเล็ม

บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงหยิบอิฐก้อนหนึ่งมาวางตรงหน้าเจ้า แล้วก็วาดเมืองเยรูซาเล็มบนอิฐก้อนนั้น และล้อมเมืองด้วยการก่อเชิงเทินเพื่อโจมตีเมือง สร้างกำแพงสูงล้อมเมือง ตั้งค่ายปะทะเมือง และตั้งไม้กระทุ้งรอบกำแพง เจ้าจงเอาแผ่นเหล็กมาวางระหว่างตัวเจ้ากับเมือง เหมือนเป็นกำแพงเหล็ก และหันหน้าไปทางนั้น เมืองก็จะถูกล้อม และเจ้าจะล้อมเมืองไว้ นี่คือหมายสำคัญสำหรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล

จากนั้น เจ้าจงนอนตะแคงซ้าย ให้ความชั่วของพงศ์พันธุ์อิสราเอลอยู่ที่ตัวเจ้า เจ้าจะต้องรับเอาความชั่วของพวกเขาไว้ เจ้าจะนอนตะแคงเป็นเวลาหลายวัน เราได้กำหนดจำนวนวันให้แก่เจ้าเท่ากับจำนวนปีที่เขาทำบาป ฉะนั้นเจ้าจะรับเอาความชั่วของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเป็นเวลา 390 วัน เมื่อเจ้าทำตามนี้ครบแล้ว เจ้าจงนอนลงเป็นครั้งที่สอง แต่จงนอนตะแคงขวา และรับเอาความชั่วของพงศ์พันธุ์ยูดาห์ เรากำหนดให้เจ้า 40 วัน คือ 1 วันแทน 1 ปี และเจ้าจงหันหน้าไปยังเมืองเยรูซาเล็มซึ่งถูกล้อม และเผยความต่อต้านเมืองโดยถลกแขนเสื้อของเจ้าขึ้น ดูเถิด เราจะใช้เชือกมัดตัวเจ้า เจ้าจะหันซ้ายหันขวาไม่ได้จนกว่าจะครบกำหนดวันที่เจ้าล้อมเมืองแล้ว

และเจ้าจงเอาข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ เมล็ดถั่ว ถั่วเลนเทิ้ล ข้าวฟ่าง และข้าวสาลีป่า บรรจุรวมในภาชนะเดียวกันสำหรับทำขนมปัง และเจ้าจงใช้เป็นอาหารรับประทานระหว่างที่นอนตะแคงเป็นเวลา 390 วัน 10 เจ้าจงรับประทานอาหารตามน้ำหนัก 20 เชเขล[a]ต่อวัน และทุกวัน 11 และเจ้าจงดื่มน้ำแต่ละวันได้ปริมาณหนึ่งส่วนหกฮิน[b] 12 เจ้าจงรับประทานอาหารอย่างเช่นขนมบาร์เลย์โดยที่อบต่อหน้าผู้คนด้วยการใช้อุจจาระมนุษย์เป็นเชื้อเพลิง” 13 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “นี่เป็นวิธีที่ชาวอิสราเอลจะรับประทานอาหารที่มีมลทินในท่ามกลางบรรดาประชาชาติที่เราจะขับไล่พวกเขาไปอยู่” 14 และข้าพเจ้าพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ดูเถิด ข้าพเจ้าไม่เคยทำสิ่งใดให้เป็นมลทินแก่ตัวข้าพเจ้า นับตั้งแต่เด็กจนถึงบัดนี้ ข้าพเจ้าไม่เคยรับประทานเนื้อสัตว์ที่ตายเองหรือถูกสัตว์ป่าขม้ำตาย ข้าพเจ้าไม่เคยรับประทานเนื้อสัตว์ที่เป็นมลทินเลย” 15 พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “ถ้าอย่างนั้น เราจะให้เจ้าใช้มูลสัตว์อบขนมปังแทนอุจจาระมนุษย์”[c] 16 พระองค์กล่าวดังนี้ “บุตรมนุษย์เอ๋ย ดูเถิด เราจะทำให้อาหารขาดแคลนในเยรูซาเล็ม ประชาชนจะรับประทานขนมปังตามน้ำหนักที่จำกัดด้วยความกังวล และพวกเขาจะดื่มน้ำตามปริมาณที่จำกัดด้วยความสิ้นหวัง 17 เราจะกระทำเช่นนี้ต่อพวกเขาให้ขาดอาหารและน้ำ พวกเขาจะมองหน้ากันและกันด้วยความตระหนก และร่างของพวกเขาจะทรุดโทรมลงเพราะบาปของพวกเขา

สดุดี 40-41

เพลงสรรเสริญ

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าพเจ้ารอคอยพระผู้เป็นเจ้าด้วยความอดทน
    พระองค์เงี่ยหูฟังข้าพเจ้าและสดับเสียงร้องของข้าพเจ้า
พระองค์ฉุดข้าพเจ้าขึ้นจากหลุมแห่งความพินาศ ออกจากตม
    และให้ข้าพเจ้ายืนบนหินที่มีความปลอดภัย
พระองค์มอบเพลงใหม่ให้ข้าพเจ้าร้อง
    เป็นเพลงแห่งการสรรเสริญแด่พระเจ้าของเรา
ผู้คนจำนวนมากจะเห็นและเกิดความกลัว
    และจะให้ความไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า

คนที่ไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า ก็เป็นสุข
    เขาไม่หันเข้าหาคนหยิ่งยโสและ
    พวกที่หลงผิดไปกับความจอมปลอม
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
    พระองค์ได้กระทำสิ่งมหัศจรรย์และเตรียมการให้พวกเราหลายประการ
    ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมพระองค์ได้
ข้าพเจ้าจะป่าวประกาศถึงสิ่งมหัศจรรย์
    แต่ก็มีมากเกินกว่าจะประกาศได้ครบถ้วน

พระองค์ไม่ต้องการเครื่องสักการะและของถวาย
    แต่พระองค์ได้ทำให้ข้าพเจ้าได้ยินด้วยหู
    พระองค์ไม่ได้เรียกร้องต้องการสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป
ครั้นแล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยู่ ณ ที่นี้
    มีบันทึกไว้เกี่ยวกับข้าพเจ้าในหนังสือม้วน
โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ายินดีกระทำตามความประสงค์ของพระองค์
    กฎบัญญัติของพระองค์อยู่ภายในใจของข้าพเจ้า”[a]

ข้าพเจ้าได้บอกเล่าเรื่องความชอบธรรมอันน่ายินดี
    ในที่ประชุมใหญ่
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ย่อมทราบว่า
    ข้าพเจ้าไม่ได้หุบริมฝีปากไว้เลย
10 ข้าพเจ้าไม่ได้ซ่อนเร้นความชอบธรรมของพระองค์ไว้ในใจ
    ข้าพเจ้าพูดถึงความสัตย์จริงและความรอดพ้นที่มาจากพระองค์
ข้าพเจ้าพูดถึงความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
    ในที่ประชุมใหญ่

11 โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่าเหนี่ยวรั้งความเมตตาของพระองค์ที่จะให้แก่ข้าพเจ้าเลย
    ให้ความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์ปกป้องข้าพเจ้าตลอดไปเถิด
12 เพราะความทุกข์มากมายล้อมรอบข้าพเจ้า
    บาปของข้าพเจ้าท่วมถึงหัว จนข้าพเจ้ามองไม่เห็นอะไร
จำนวนของมันมีมากเกินกว่าเส้นผมบนหัวข้าพเจ้าเสียอีก
    ข้าพเจ้าระทดท้อเป็นที่สุด
13 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
    โอ พระผู้เป็นเจ้า รีบมาช่วยข้าพเจ้าเถิด

14 ให้พวกที่ตามล่าชีวิตข้าพเจ้า
    ทั้งอับอายและสับสน
ให้ทุกคนที่ต้องการให้ข้าพเจ้าพินาศ
    กลับหลังหันไปอย่างไร้เกียรติเถิด
15 ขอให้พวกที่พูดเยาะเย้ยข้าพเจ้า
    ต้องตกตะลึงในความอับอายของตน
16 ขอให้ทุกคนที่แสวงหาพระองค์
    ยินดีและเบิกบานใจในพระองค์
ขอให้บรรดาผู้รักความรอดพ้นที่มาจากพระองค์พูดเสมอว่า
    พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่นัก”

17 แต่ข้าพเจ้าขัดสนและยากไร้
    ขอให้พระผู้เป็นเจ้าคิดถึงข้าพเจ้า
พระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือและผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้า
    โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า อย่ารอช้าเลย

แน่ใจในความช่วยเหลือของพระเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

ผู้ใดเห็นแก่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ก็เป็นสุข
    พระผู้เป็นเจ้าช่วยเขาให้รอดพ้นในยามลำบาก
พระผู้เป็นเจ้าปกป้องและช่วยให้เขามีชีวิตอยู่
    พระองค์จะให้เขามีความสุขในแผ่นดิน
    และจะไม่ปล่อยให้เขาตกอยู่ใต้อำนาจของศัตรู
พระผู้เป็นเจ้าช่วยเหลือเขาในยามล้มหมอนนอนเสื่อ
    และพระองค์รักษาเขาให้หายจากโรคภัยทั้งปวง

ข้าพเจ้าพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า เมตตาข้าพเจ้าเถิด
    รักษาข้าพเจ้าให้หาย เพราะข้าพเจ้าได้กระทำบาปต่อพระองค์”
พวกศัตรูของข้าพเจ้าพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าว่า
    “เมื่อไหร่เขาจึงจะตายและชื่อจะสาบสูญไปด้วย”
ถ้ามีใครสักคนมาหาข้าพเจ้า
    เขาจะเอ่ยปากพูดด้วยความไม่จริงใจ ในขณะเดียวกันกับที่เขาพยายามให้ร้ายป้ายสี
    ครั้นแล้วเขาก็ออกไปป่าวประกาศจนทั่ว

คนทั้งปวงที่เกลียดชังข้าพเจ้าพากันซุบซิบเกี่ยวกับข้าพเจ้า
    พวกเขาพากันจินตนาการเรื่องร้ายๆ ที่จะเกิดกับข้าพเจ้า
เขาพูดว่า “มีโรคร้ายแรงถึงชีวิตเกาะติดอยู่กับตัวเขา
    เขาจะลุกขึ้นจากที่เขานอนอยู่ไม่ได้อีกเลย”
แม้แต่เพื่อนสนิท
    ที่ข้าพเจ้าเคยไว้ใจ
คนที่รับประทานอาหารของข้าพเจ้า
    ได้ยกส้นเท้าต่อต้านข้าพเจ้า[b]

10 โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์เมตตาข้าพเจ้าเถิด
    โปรดให้ข้าพเจ้าทุเลาขึ้น และข้าพเจ้าจะทำการตอบโต้พวกเขา
11 จากการกระทำเช่นนี้ข้าพเจ้าทราบว่าพระองค์พอใจในตัวข้าพเจ้า
    เพราะศัตรูข้าพเจ้าไม่อาจมีชัยเหนือข้าพเจ้า
12 พระองค์เป็นหลักค้ำจุนข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ามีสัจจะ
    และให้ข้าพเจ้าอยู่ ณ เบื้องหน้าพระองค์ไปตลอดกาล

13 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
    จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
อาเมน และอาเมน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation