M’Cheyne Bible Reading Plan
ซาอูลพยายามจะฆ่าดาวิด
19 ซาอูลพูดกับโยนาธานบุตรของท่าน และกับบริวารทุกคนว่า พวกเขาควรจะฆ่าดาวิด แต่โยนาธานบุตรซาอูลชื่นชอบในตัวดาวิดมาก 2 โยนาธานบอกดาวิดว่า “ซาอูลบิดาของเรากำลังหาโอกาสที่จะฆ่าท่าน ฉะนั้นขอให้ระวังตัวในวันพรุ่งนี้ ควรซ่อนตัวให้ดี 3 และเราจะออกไปยืนอยู่ข้างๆ บิดาของเราในทุ่งกว้างที่ท่านอยู่ และเราจะพูดกับบิดาของเราเกี่ยวกับตัวท่าน ถ้าเรารู้อะไรคืบหน้า เราก็จะบอกท่าน” 4 และโยนาธานพูดชมดาวิดให้ซาอูลผู้เป็นบิดาฟัง และพูดด้วยว่า “ขอกษัตริย์อย่ากระทำบาปต่อดาวิดผู้รับใช้เลย เพราะว่าเขาไม่ได้กระทำบาปต่อท่าน และเพราะว่าสิ่งที่เขากระทำก็เป็นผลดีต่อท่าน 5 เพราะเขาเสี่ยงชีวิตของตนเองที่ไปฆ่าชาวฟีลิสเตีย และพระผู้เป็นเจ้าให้ชาวอิสราเอลทุกคนได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ท่านก็เห็นและยินดี แล้วทำไมท่านจึงจะกระทำบาปต่อคนไม่มีความผิด ด้วยการฆ่าดาวิดโดยไร้เหตุผล” 6 ซาอูลก็ฟังเสียงโยนาธาน ซาอูลสาบานว่า “ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด เขาจะไม่ถูกฆ่า” 7 และโยนาธานก็ร้องเรียกหาดาวิด และเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง และโยนาธานพาดาวิดมาหาซาอูล ดาวิดก็อยู่รับใช้ท่านดังเดิม
8 ต่อมาเกิดสงครามขึ้นอีก ดาวิดออกไปสู้รบกับชาวฟีลิสเตีย และฆ่าฟันพวกเขาอย่างรุนแรงจนหนีเตลิดไปต่อหน้าดาวิด 9 แล้วซาอูลก็ถูกวิญญาณอันชั่วร้ายที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าควบคุม ขณะที่ท่านนั่งอยู่ในวัง มือถือหอก ดาวิดกำลังเล่นพิณเล็กอยู่ 10 ซาอูลหาโอกาสจะพุ่งหอกเสียบดาวิดให้ติดกับกำแพง แต่ดาวิดหลบไปจากซาอูลได้ หอกของท่านจึงพุ่งไปติดอยู่ที่กำแพง และดาวิดหลบหนีไปได้ในคืนนั้น
11 ซาอูลใช้ผู้ส่งสาสน์ของท่านไปที่บ้านดาวิดเพื่อจับตาเฝ้าเขาไว้ เพื่อจะฆ่าเขาในตอนเช้า แต่มีคาลภรรยาดาวิดบอกเขาว่า “ถ้าท่านไม่หลบหนีให้รอดไปได้ในคืนนี้ ท่านก็จะถูกฆ่าในวันพรุ่งนี้” 12 ดังนั้นมีคาลจึงให้ดาวิดลงไปทางหน้าต่าง เขาก็หนีรอดไปได้ 13 มีคาลเอารูปเคารพรูปหนึ่งมาวางไว้บนเตียงนอน วางหมอนขนแพะไว้ด้านศีรษะ และคลุมด้วยเสื้อ 14 เมื่อซาอูลใช้ผู้ส่งสาสน์ไปเอาตัวดาวิด นางบอกว่า “เขาไม่สบาย” 15 ซาอูลจึงให้ผู้ส่งสาสน์ของท่านไปพบกับดาวิด โดยกล่าวว่า “พาตัวเขามาหาเรา หามมาทั้งเตียง เราจะได้ฆ่าเขาเอง” 16 เมื่อคนส่งสาสน์เข้าไป ก็เห็นว่ารูปเคารพอยู่บนเตียงนอน มีหมอนขนแพะอยู่ที่ด้านศีรษะ 17 ซาอูลพูดกับมีคาลว่า “ทำไมเจ้าจึงหลอกลวงฉันอย่างนี้ และปล่อยให้ศัตรูของฉันไป เขาจึงหนีไปแล้ว” มีคาลตอบซาอูลว่า “เขาบอกลูกว่า ‘ปล่อยให้ฉันไปเถอะ ฉันจะได้ไม่ต้องฆ่าเจ้า’”
18 ฝ่ายดาวิดก็หนีรอดไปได้ และเมื่อมาหาซามูเอลที่เมืองรามาห์ เขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่ซาอูลได้กระทำกับเขา ทั้งสองไปอาศัยอยู่ที่นาโยท[a] 19 มีคนบอกซาอูลว่า “ดูเถอะ ดาวิดอยู่ที่นาโยทในรามาห์” 20 ซาอูลจึงให้ผู้ส่งสาสน์ไปจับตัวดาวิด แต่เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้ากำลังเผยคำกล่าวอยู่ และซามูเอลกำลังยืนนำกลุ่ม พระวิญญาณพระเจ้าสถิตกับพวกผู้ส่งสาสน์ของซาอูล และร่วมเผยคำกล่าวด้วย 21 เมื่อมีคนบอกซาอูล ท่านก็ให้ผู้ส่งสาสน์คนอื่นๆ ไป พวกเขาก็เผยคำกล่าวเช่นกัน ซาอูลให้ผู้ส่งสาสน์ไปอีกเป็นครั้งที่สาม และพวกเขาก็เผยคำกล่าวเช่นกัน 22 ท่านจึงไปยังรามาห์ด้วยตัวท่านเอง เมื่อมาถึงบ่อน้ำใหญ่ที่เมืองเสคู ท่านถามว่า “ซามูเอลและดาวิดอยู่ที่ไหน” คนหนึ่งบอกว่า “ท่านทั้งสองอยู่ที่นาโยทในรามาห์” 23 ท่านไปที่นั่น ที่นาโยทในรามาห์ และท่านเปี่ยมด้วยพระวิญญาณพระเจ้าเช่นกัน ท่านเริ่มเผยคำกล่าวจนกระทั่งถึงนาโยทที่รามาห์ 24 ท่านปลดเสื้อผ้าออกด้วยเช่นกัน และท่านเผยคำกล่าวต่อหน้าซามูเอลด้วย และนอนเปลือยกายตลอดวันและคืนของวันนั้น จึงได้มีคำที่กล่าวกันว่า “ซาอูลเป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าด้วยหรือ”
การทักทายของเปาโล
1 ข้าพเจ้าเปาโลได้รับเรียกให้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามความประสงค์ของพระเจ้า กับโสสเธเนสผู้เป็นน้องชายของเรา
2 เรียน คริสตจักรของพระเจ้าที่เมืองโครินธ์ เรียนท่านทั้งหลายที่ผ่านการชำระให้บริสุทธิ์ในพระเยซูคริสต์ และได้รับเรียกให้เป็นผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าด้วยกันกับทุกๆ ท่าน ทั่วทุกแห่งที่ร้องเรียกพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าทั้งของเขาและของเรา
3 ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเรา และพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด
การอธิษฐานขอบพระคุณ
4 ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้าเสมอสำหรับท่านทั้งหลาย เพราะพระคุณของพระองค์ที่ได้ให้แก่ท่านผู้อยู่ในพระเยซูคริสต์ 5 เพราะท่านพรั่งพร้อมด้วยทุกสิ่งในพระองค์ คือพร้อมทั้งวาจาและความรู้ทั้งสิ้น 6 แม้แต่คำยืนยันเรื่องพระคริสต์ก็ถูกปลูกฝังอยู่ในตัวท่านอย่างมั่นคง 7 ฉะนั้นท่านมิได้ขาดของประทานจากพระวิญญาณ ขณะที่ท่านรอคอยให้พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามาปรากฏ 8 พระองค์จะคุ้มครองรักษาท่านอย่างดียิ่งจนถึงที่สุด ท่านจะไร้ข้อตำหนิในวันที่พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามา 9 พระเจ้ารักษาคำมั่นสัญญา พระองค์ได้เรียกให้ท่านมาเพื่อมีสามัคคีธรรมกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
การแตกแยกกันในคริสตจักร
10 ข้าพเจ้าขอร้องพี่น้องในพระนามของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราว่า ทุกท่านควรมีความเห็นพ้องต้องกัน เพื่อไม่ให้มีการแตกแยกกัน แต่ให้มีแนวคิดและจุดมุ่งหมายเดียวกันในหมู่พวกท่าน 11 พี่น้องที่รัก คนของนางคะโลเอได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังถึงการทะเลาะวิวาทในหมู่พวกท่าน 12 ข้าพเจ้าหมายความถึงบางคนในพวกท่านได้พูดว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนของเปาโล” บางคนก็ว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนของอปอลโล” บ้างก็ว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนของเคฟาส”[a] และบ้างก็ยังว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนของพระคริสต์” 13 พระคริสต์ถูกแบ่งแยกออกหรือ เปาโลถูกตรึงเพื่อท่านหรือ ท่านได้รับบัพติศมาในนามของเปาโลหรือ 14 ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้าที่ข้าพเจ้าไม่ได้ให้บัพติศมาแก่คนใดในพวกท่าน เว้นแต่คริสปัสและกายอัส 15 ฉะนั้นไม่มีใครจะกล่าวได้ว่า ท่านได้รับบัพติศมาในนามของข้าพเจ้า 16 (แต่ข้าพเจ้าได้ให้บัพติศมาแก่ครอบครัวของสเทฟานัสด้วย นอกเหนือจากนั้น ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่ามีใครอีกบ้าง) 17 เนื่องจากพระคริสต์มิได้ใช้ข้าพเจ้ามาเพื่อให้บัพติศมา แต่ให้ประกาศข่าวประเสริฐ ซึ่งมิใช่โวหารที่เกิดจากปัญญาของมนุษย์ มิฉะนั้น กางเขนของพระคริสต์จะขาดซึ่งอานุภาพ
พระปัญญาและอานุภาพของพระเจ้า
18 คนที่กำลังจะพินาศเห็นว่า คำกล่าวเรื่องไม้กางเขนเป็นสิ่งโง่เขลา ในขณะที่เราผู้กำลังจะรอดพ้นเห็นว่าเป็นอานุภาพของพระเจ้า 19 เพราะมีบันทึกไว้ว่า
“เราจะทำลายสติปัญญาของผู้มีปัญญา
เราจะทำให้ความฉลาดของผู้มีสติปัญญาไร้ความหมายไป”[b]
20 คนมีปัญญาและบัณฑิตอยู่ที่ไหน นักปราชญ์ของยุคนี้อยู่ที่ไหน พระเจ้าได้แสดงให้เห็นถึงปัญญาของโลกว่าโง่เขลาแล้วมิใช่หรือ 21 เนื่องจากพระปัญญาของพระเจ้า โลกไม่อาจรู้จักพระเจ้าด้วยสติปัญญาของตน พระเจ้าพอใจที่คำประกาศอันโง่เขลาทำให้บรรดาคนที่เชื่อคำประกาศนั้นรอดพ้นได้ 22 พวกชาวยิวใคร่จะดูสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์อัศจรรย์ ขณะที่ชาวกรีกเสาะหาปัญญา 23 แต่เราประกาศถึงพระคริสต์ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน ซึ่งสำหรับชาวยิวแล้ว เป็นเครื่องกีดขวางให้สะดุด และสำหรับบรรดาคนนอกก็เป็นสิ่งโง่เขลา 24 แต่สำหรับบรรดาผู้ที่พระเจ้าได้เรียกทั้งชาวยิวและกรีกต่างก็เห็นว่า พระคริสต์เป็นอานุภาพและพระปัญญาของพระเจ้า 25 ด้วยเหตุว่าในความเขลาของพระเจ้าก็ยังคงไว้ซึ่งปัญญายิ่งกว่ามนุษย์ และในความอ่อนแอของพระเจ้าก็ยังคงความแข็งแรงยิ่งกว่ามนุษย์
26 พี่น้องเอ๋ย จงคิดดูเถิดว่าท่านเป็นเช่นไร เมื่อครั้งที่พระเจ้าเรียกท่านมา ตามมาตรฐานของมนุษย์แล้ว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสติปัญญา น้อยคนที่มีอิทธิพล และน้อยคนที่สืบมาจากตระกูลขุนนาง 27 แต่พระเจ้าเลือกสิ่งที่โลกถือว่าโง่เขลา เพื่อให้คนมีปัญญาต้องอับอาย และได้เลือกสิ่งที่โลกนับว่าอ่อนแอ เพื่อให้ผู้มีกำลังต้องอับอาย 28 พระเจ้าเลือกสิ่งที่ต่ำต้อยที่คนในโลกดูถูกดูหมิ่น และเลือกสิ่งที่โลกนับว่าไม่สำคัญ เพื่อทำให้สิ่งที่เป็นของโลกหมดความสำคัญไป 29 เพื่อไม่ให้มีมนุษย์ผู้ใดโอ้อวดกับพระเจ้าได้ 30 แต่เราอยู่ในพระเยซูคริสต์ได้ก็เพราะพระองค์ พระเจ้าโปรดให้เรามีปัญญาและความชอบธรรมได้ก็เพราะพระเยซู พระองค์เป็นผู้ชำระเราให้บริสุทธิ์ และไถ่เราไว้ให้พ้นจากบาป 31 ดังที่มีบันทึกไว้ว่า “ผู้ที่โอ้อวด ก็จงให้เขาโอ้อวดพระผู้เป็นเจ้าเถิด”[c]
บรรดาชายหนุ่มกระจัดกระจายไป
4 เนื้อทองคำไม่สุกใสแล้ว
ทองเนื้อดีหมองคล้ำอะไรเช่นนี้
พวกเขาเป็นเหมือนหินอันบริสุทธิ์ของพระวิหาร
ที่กระจัดกระจายไปตามถนนหนทาง
2 บรรดาบุตรผู้มีคุณค่าแห่งศิโยน
ซึ่งครั้งหนึ่งมีค่าเช่นน้ำหนักทองคำ
แต่บัดนี้นับว่าเป็นดั่งหม้อดิน
งานฝีมือของช่างปั้นหม้อ
3 แม้หมาในก็ยังให้นมลูก
ของมันเอง
แต่ประชาชนของข้าพเจ้ากลายเป็นคนไร้หัวใจ
ดั่งนกกระจอกเทศในถิ่นทุรกันดาร
4 ลิ้นของทารกผนึกกับขากรรไกร
เพราะกระหายน้ำ
เด็กๆ ขออาหารกิน
แต่ไม่มีใครให้อาหารแก่พวกเขา
5 บรรดาผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยรับประทานของเอร็ดอร่อย
กลับต้องนอนตายที่ถนน
บรรดาผู้ที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างหรูหรา
บัดนี้นอนอยู่บนกองขี้เถ้า
6 ประชาชนของข้าพเจ้าถูกลงโทษ
หนักยิ่งกว่าเมืองโสโดม
ซึ่งถูกถล่มลงในพริบตา
โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือสักนิด
7 บรรดาผู้สูงศักดิ์ของพวกเขาเคยบริสุทธิ์ยิ่งกว่าหิมะ
ขาวยิ่งกว่าน้ำนม
ร่างกายของพวกเขาเคยแข็งแกร่งยิ่งกว่าหินปะการัง
รูปลักษณ์ของเขาเหมือนกับนิลสีคราม
8 แต่บัดนี้พวกเขาดำยิ่งกว่าขี้เขม่า
นอนที่ถนนโดยไม่มีใครจำเขาได้
ผิวหนังของพวกเขาแห้งเหี่ยวหุ้มกระดูก
แห้งอย่างกับกิ่งไม้
9 พวกที่ถูกดาบฟันตายยังจะดีกว่า
พวกที่ตายเพราะความหิว
ต่างอ่อนระโหยโรยแรง
เพราะขาดอาหารจากไร่นา
10 บรรดาผู้หญิงที่มีเมตตา
ได้ต้มแกงเนื้อลูกๆ ของนางเอง
เพื่อกินเป็นอาหาร
ในเวลาที่ธิดาของประชาชนของข้าพเจ้าพินาศ
11 พระผู้เป็นเจ้ากระหน่ำการลงโทษสุดเหวี่ยง
พระองค์หลั่งความกริ้วอันร้อนแรง
และพระองค์ให้เพลิงไฟลุกโพลงในศิโยน
ซึ่งเผาผลาญจนถึงฐานราก
12 บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลก
และผู้อยู่อาศัยในโลกไม่เชื่อเลยว่า
ปรปักษ์หรือศัตรูจะสามารถผ่าน
เข้าประตูเมืองของเยรูซาเล็มได้
13 แต่มันก็เกิดขึ้นเพราะบาปของบรรดาผู้เผยคำกล่าว
และความชั่วของบรรดาปุโรหิตของเมือง
พวกเขาทำให้บรรดาผู้มีความชอบธรรม
เลือดนองกลางเมือง
14 พวกเขาต้องเดินคลำไปตามถนน
เหมือนคนตาบอด
เนื้อตัวเปื้อนเลือดมาก
จนไม่มีใครกล้าแตะต้องเสื้อผ้าของพวกเขา
15 ประชาชนตะโกนร้องต่อพวกเขาว่า
“ออกไป พวกท่านมีมลทิน
ออกไป ออกไป อย่าแตะต้องตัวเรา”
เมื่อพวกเขาเดินหนีไป
ประชาชนพูดในท่ามกลางบรรดาประชาชาติว่า
“พวกเขาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป”
16 พระผู้เป็นเจ้าทำให้พวกเขากระจัดกระจายกันออกไป
พระองค์ไม่คุ้มครองดูแลพวกเขาอีกต่อไป
บรรดาปุโรหิตไม่ได้รับเกียรติ
ไม่มีใครสนใจบรรดาผู้นำ
17 พวกเราคอยมองหาความช่วยเหลือ
โดยไร้ประโยชน์
พวกเราเฝ้ามองประชาชาติหนึ่งที่หอคอย
ซึ่งก็ไม่อาจช่วยเราให้รอดได้
18 พวกเขาจับตาดูพวกเราทุกฝีก้าว
พวกเราไม่อาจเดินที่ถนนของเรา
เราใกล้จุดจบแล้ว มีชีวิตเหลืออยู่เพียงไม่กี่วัน
เพราะถึงจุดจบแล้ว
19 บรรดาผู้ที่ตามล่าพวกเรา
ปราดเปรียวยิ่งกว่านกอินทรีในท้องฟ้า
พวกเขาตามไล่พวกเราที่เทือกเขา
และดักซุ่มรอเราในถิ่นทุรกันดาร
20 ผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าเจิม[a] ซึ่งเป็นลมหายใจของพวกเรา
ถูกจับด้วยกับดักของพวกเขา
พวกเราพูดกันว่า เราจะมีชีวิตอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติได้
ก็ด้วยร่มเงาของท่าน
21 โอ ธิดาแห่งเอโดม ผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของอูสเอ๋ย
ยินดีและดีใจไปเถอะ
การลงโทษจะมาถึงท่านเช่นกัน
ท่านจะเมามายและจะเปลือยเปล่า[b]
22 โอ ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย การลงโทษที่มีต่อท่านจะสิ้นสุดลง
พระองค์จะไม่ทำให้การลี้ภัยของท่านยาวนาน
แต่ธิดาแห่งเอโดมเอ๋ย พระองค์จะลงโทษความชั่วของท่าน
และบาปของท่านจะถูกเปิดเผย
อธิษฐานขอความช่วยเหลือ
ของดาวิด
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ราวีคนที่ราวีข้าพเจ้า
ต่อสู้กับคนที่ต่อสู้ข้าพเจ้าเถิด
2 โปรดถือโล่และดั้ง
แล้วลุกขึ้นช่วยข้าพเจ้า
3 โปรดยกหอกและหลาว
ต่อต้านพวกที่ตามล่าข้าพเจ้า
โปรดให้คำมั่นกับจิตวิญญาณของข้าพเจ้าดังนี้ว่า
“เราคือความรอดพ้นของเจ้า”
4 ขอให้พวกที่ตามล่าชีวิตข้าพเจ้า
ต้องอับอายและไร้เกียรติ
ให้พวกที่วางแผนหวังให้ข้าพเจ้าพินาศ
ต้องหันหลังกลับและสับสน
5 ให้พวกเขาเป็นเหมือนแกลบที่ถูกลมพัดปลิวไป
พร้อมกับมีทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าไล่พวกเขาไปให้พ้น
6 ให้พวกเขาอยู่ในทางอันมืดมนและลื่น
พร้อมกับมีทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าตามล่าไป
7 ด้วยว่า พวกเขาซ่อนร่างแหไว้เตรียมจับข้าพเจ้าโดยไม่มีเหตุผล
พวกเขาขุดหลุมพรางเพื่อจะเอาชีวิตข้าพเจ้าอย่างไร้สาเหตุ
8 ให้พวกเขาประสบความพินาศโดยไม่ทันตั้งตัว
และให้พวกเขาตกในร่างแหที่ซ่อนไว้เอง
และจมลงในความพินาศ
9 แล้วจิตวิญญาณข้าพเจ้าจะยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
และร่าเริงใจที่พระองค์ช่วยให้รอดพ้น
10 ทั่วทั้งกายใจข้าพเจ้าจะพูดว่า
“โอ พระผู้เป็นเจ้า มีใครบ้างที่เป็นเหมือนพระองค์
พระองค์ช่วยคนอ่อนแอให้พ้นจากคนที่แข็งแรงกว่า
ช่วยคนอ่อนแอและคนยากไร้ให้พ้นจากคนที่เอาเปรียบ”
11 คนชั่วเป็นพยานต่อต้านข้าพเจ้า
และกล่าวหาสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องด้วยเลย
12 พวกเขากระทำสิ่งเลวร้ายตอบสนองความดี
และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าสิ้นหวัง
13 แต่ยามที่พวกเขาป่วย ข้าพเจ้าสวมผ้ากระสอบ
ข้าพเจ้าทนทุกข์เองด้วยการอดอาหาร
ข้าพเจ้าก้มคอลงจรดอกเพื่ออธิษฐาน
14 ราวกับว่าข้าพเจ้าระทมใจ
ถึงเพื่อนหรือพี่น้องของข้าพเจ้าเอง
เหมือนคนเศร้าโศกถึงมารดา
ข้าพเจ้าซบหน้าลงกับพื้นอย่างเศร้าสลด
15 แต่เวลาข้าพเจ้าทุกข์ร้อน พวกเขารวมหัวกันด้วยความยินดี
รวมหัวกันต่อต้านข้าพเจ้า
ส่วนคนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก
พากันล้อเลียนข้าพเจ้าอย่างไม่หยุดยั้ง
16 พวกเขาล้อเลียนอย่างไร้คุณธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แล้วยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ข้าพเจ้าด้วยความจงเกลียดจงชัง
17 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะมองดูข้าพเจ้าต่อไปนานเพียงไร
โปรดช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้พ้นจากการจู่โจมของพวกเขา
ช่วยชีวิตอันมีค่าของข้าพเจ้าจากพวกสิงโต
18 ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ในที่ประชุมใหญ่
ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก
19 อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นที่สะใจ
ของพวกศัตรูผู้ไร้ความเป็นธรรม
หรือพวกที่เกลียดชังข้าพเจ้า
อย่างไร้สาเหตุยิ้มเยาะข้าพเจ้าได้[a]
20 เพราะพวกเขาไม่พูดเรื่องที่ทำให้เกิดความสงบสุข
แต่เป็นเรื่องต่อต้านคนที่อยู่อย่างสงบสุขในแผ่นดิน
พวกเขาปั้นเรื่องเพื่อหลอกลวงคน
21 และเขาเปิดปากกว้างโจมตีข้าพเจ้า โดยพูดว่า
“นั่นแน่ะ นั่นแน่ะ พวกเราเห็นกับตา”
22 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เห็นแล้ว และอย่าเงียบเฉยอยู่เลย
โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่าอยู่ห่างข้าพเจ้า
23 โปรดตื่นขึ้น และลุกขึ้นปกป้องข้าพเจ้าเถิด
เพื่อเห็นแก่ข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า และพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
24 พระองค์มีความชอบธรรม โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
โปรดพิสูจน์ให้เห็นเถิดว่า ข้าพเจ้าไม่ใช่ฝ่ายผิด
และอย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นที่สะใจของพวกศัตรู
25 อย่าให้พวกเขาพูดเอาเองว่า “ดูสิ เราได้สมใจแล้ว”
อย่าให้พวกเขาพูดได้ว่า “พวกเรากลืนเขาได้แล้ว”
26 ให้พวกที่สะใจในความวอดวายของข้าพเจ้า
อับอายและงงงันเสียให้หมด
ให้พวกที่อ้างว่าดีเลิศเกินข้าพเจ้า
สวมใส่ความอับอายและความอัปยศ
27 ให้บรรดาผู้ที่ชื่นชอบในความถูกต้องของข้าพเจ้า
ร้องตะโกนด้วยความยินดีและร่าเริงใจ
และกล่าวย้ำว่า “พระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่นัก
พระองค์ชื่นชอบในความสำเร็จของผู้รับใช้ของพระองค์”
28 แล้วลิ้นข้าพเจ้าจะบอกเล่าถึงความชอบธรรมของพระองค์
กล่าวสรรเสริญพระองค์ตลอดวันเวลา
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation