Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 ซามูเอล 18

มิตรภาพระหว่างดาวิดและโยนาธาน

18 ทันทีที่ซาอูลพูดกับดาวิดจบแล้ว จิตใจของโยนาธานก็ผูกพันกับจิตใจของดาวิด และโยนาธานรักดาวิดเท่าชีวิตของตน ซาอูลรับดาวิดในวันนั้น โดยไม่ปล่อยให้เขากลับไปบ้านของบิดาอีก ครั้นแล้วโยนาธานจึงสาบานตนกับดาวิด เพราะเขารักดาวิดเท่าชีวิตของตน และโยนาธานปลดเสื้อคลุมที่ตนสวมอยู่มอบให้แก่ดาวิด รวมถึงชุดออกศึก ดาบ ชุดธนู และเข็มขัดด้วย ที่ใดก็ตามที่ซาอูลใช้ให้ดาวิดไป เขาประสบความสำเร็จเสมอ ดังนั้นซาอูลจึงแต่งตั้งเขาให้เป็นแม่ทัพ ซึ่งเป็นที่พึงพอใจของคนทั้งปวงและของบริวารของท่านเช่นกัน

ซาอูลอิจฉาดาวิด

ขณะที่กองทัพกลับมา และดาวิดกลับจากการฆ่าฟันชาวฟีลิสเตีย พวกผู้หญิงออกมาจากทุกเมืองของอิสราเอลร้องรำทำเพลง เพื่อรับการกลับมาของกษัตริย์ซาอูล เขย่ารำมะนา ร้องเพลงแสดงความยินดี และดีดเครื่องดนตรีสาย พวกผู้หญิงฉลองด้วยการร้องเพลงตอบกันและกันว่า

“ซาอูลได้ฆ่าคนนับพันคน
    และดาวิดฆ่าคนนับหมื่น”

ซาอูลไม่พอใจที่ได้ยินดังนั้น จึงโกรธมากและกล่าวว่า “พวกเขาให้เกียรติแก่ดาวิดนับหมื่น แต่พวกเขาให้เกียรติเราเพียงนับพัน แล้วเขาจะได้รับอะไรต่อไปอีก นอกจากว่าจะเป็นตำแหน่งกษัตริย์” และซาอูลก็เขม่นดาวิดนับจากวันนั้น

10 ในวันรุ่งขึ้น ซาอูลก็ถูกวิญญาณอันชั่วร้ายจากพระเจ้าควบคุมโดยสิ้นเชิง และท่านก็พูดด้วยความเดือดดาลอยู่ภายในวัง ขณะที่ดาวิดกำลังเล่นพิณเล็กอย่างที่เล่นอยู่เป็นประจำทุกวัน ซาอูลถือหอกของท่านอยู่ 11 และซาอูลพุ่งหอกด้วยนึกอยู่ว่า “เราจะเสียบดาวิดให้ติดกับกำแพง” แต่ดาวิดหลบได้ทั้งสองครั้ง

12 ซาอูลกลัวดาวิด เพราะพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเขา และพระองค์ไปจากซาอูลแล้ว 13 ซาอูลจึงปลดเขาไปให้พ้นหน้าท่าน และให้เขาไปเป็นผู้บังคับกองพันทหาร เขานำกองทหารออกรบและกลับมาอย่างมีชัย 14 ดาวิดประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ได้รับมอบหมาย เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเขา 15 เมื่อซาอูลเห็นว่าเขาประสบความสำเร็จมาก ท่านจึงกลัวและยำเกรงเขามาก 16 แต่ชาวอิสราเอลและยูดาห์ทุกคนรักดาวิด เพราะเขาเป็นผู้นำทัพออกไปแล้วกลับมาอย่างมีชัย

ดาวิดแต่งงานกับมีคาล

17 จากนั้นซาอูลจึงกล่าวกับดาวิดว่า “นี่คือเมราบบุตรสาวคนโตของเรา เราจะยกเธอให้เป็นภรรยาของเจ้า ขอให้เจ้ากล้าหาญเพื่อเรา และสู้รบสงครามของพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น” เพราะซาอูลคิดในใจว่า “เราอย่าลงมือกับเขา แต่ปล่อยให้ชาวฟีลิสเตียเป็นฝ่ายลงมือกับเขาเอง” 18 ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “ข้าพเจ้าเป็นใคร และญาติพี่น้องของข้าพเจ้าเป็นใคร ตระกูลของบรรพบุรุษข้าพเจ้าอยู่ในอิสราเอล สมควรหรือที่ข้าพเจ้าจะมาเป็นบุตรเขยของกษัตริย์” 19 ในเวลานั้น ดาวิดควรจะได้เมราบบุตรหญิงของซาอูลเป็นภรรยา แต่นางกลับถูกยกให้เป็นภรรยาของอาดรีเอลชาวเมโฮลาห์แทน

20 ส่วนมีคาลบุตรหญิงอีกคนของซาอูลรักดาวิด เมื่อมีคนบอกให้ซาอูลทราบ ท่านก็พอใจ 21 ซาอูลคิดในใจว่า “เราจะยกเธอให้ดาวิด เธออาจจะนำความลำบากมาให้เขาได้ แล้วชาวฟีลิสเตียจะได้เป็นฝ่ายลงมือกับเขา” ดังนั้นซาอูลจึงกล่าวกับดาวิดเป็นครั้งที่สองว่า “บัดนี้เจ้าจงมาเป็นบุตรเขยของเราเถอะ” 22 ซาอูลจึงสั่งพวกข้ารับใช้ว่า “ไปบอกดาวิดเป็นส่วนตัวว่า ‘ดูเถิด กษัตริย์ชื่นชอบในตัวท่าน และข้ารับใช้ทุกคนก็รักท่าน บัดนี้ท่านมาเป็นบุตรเขยของกษัตริย์เถอะ’” 23 พวกข้ารับใช้ของซาอูลจึงไปบอกให้ดาวิดทราบ และดาวิดตอบว่า “ท่านคิดว่าการที่จะมาเป็นบุตรเขยของกษัตริย์น่ะ เป็นเรื่องเล็กน้อยหรือ ในเมื่อเราเป็นเพียงคนยากจนคนหนึ่ง และไม่ใช่คนสำคัญเลย” 24 พวกข้ารับใช้ของซาอูลจึงไปบอกท่านว่า “ดาวิดตอบมาเช่นนี้” 25 ซาอูลจึงกล่าวว่า “เจ้าจงไปบอกดาวิดตามนี้ว่า ‘กษัตริย์ไม่ปรารถนาจะรับค่าสินสอด นอกจากหนังปลายองคชาตของชาวฟีลิสเตียสักร้อยเป็นการแก้แค้นศัตรูของกษัตริย์’” ซาอูลคิดจะให้ดาวิดตกอยู่ในมือของชาวฟีลิสเตีย 26 เมื่อพวกข้ารับใช้บอกเรื่องดังกล่าวกับดาวิด ดาวิดก็ยินดีที่จะเป็นบุตรเขยของกษัตริย์ แต่ก่อนจะถึงกำหนดเวลา 27 ดาวิดก็ออกไปกับพรรคพวก และฆ่าชาวฟีลิสเตีย 200 คน ดาวิดเอาหนังปลายองคชาตของคนเหล่านั้นเต็มจำนวนมาถวายแก่กษัตริย์ เพื่อจะได้เป็นบุตรเขยของกษัตริย์ และซาอูลได้ยกมีคาลบุตรหญิงของตนให้เป็นภรรยาของดาวิด 28 แต่เมื่อซาอูลเห็นและทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับดาวิด และมีคาลบุตรหญิงของท่านรักดาวิด 29 ซาอูลยิ่งกลัวดาวิดมากขึ้น ดังนั้นซาอูลจึงเป็นศัตรูของดาวิดเสมอมา

30 บรรดาผู้บังคับการของชาวฟีลิสเตียออกไปสู้รบบ่อยเพียงไรก็ตาม ดาวิดรบชนะมากครั้งกว่าพวกบริวารของซาอูล ชื่อของเขาจึงเป็นที่ยกย่องอย่างสูง

โรม 16

เปาโลทักทายพี่น้องแต่ละคนที่อยู่ในเมืองโรม

16 ข้าพเจ้าขอแนะนำน้องสาวของเราคือเฟบี เธอเป็นผู้ช่วยจัดการงานของคริสตจักรในเมืองเคนเครีย ขอให้ท่านต้อนรับเธอไว้ในฐานะที่เป็นคนของพระผู้เป็นเจ้า ตามที่บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าควรได้รับ และขอให้ท่านช่วยเหลือเธอในทุกสิ่งที่จำเป็น เพราะเธอเองได้ช่วยเหลือคนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งข้าพเจ้าด้วย

ขอฝากความคิดถึงมายังปริสคาและอาควิลลา ผู้ร่วมงานกับข้าพเจ้าในพระเยซูคริสต์ เขาทั้งสองได้เสี่ยงชีวิตเพื่อข้าพเจ้า ทั้งข้าพเจ้าและคริสตจักรทุกแห่งของบรรดาคนนอกขอบคุณเขาทั้งสอง ขอฝากความคิดถึงมายังคริสตจักรที่ชุมนุมในบ้านของเขาด้วย ขอฝากความคิดถึงมายังเอเปนทัส เพื่อนที่รักของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นคนแรกที่รับเชื่อพระคริสต์ในแคว้นเอเชีย ขอฝากความคิดถึงมายังมารีย์ ผู้ทำงานหนักเพื่อท่าน ขอฝากความคิดถึงมายังอันโดรนิคัสกับยูเนีย ผู้เป็นเพื่อนชาวยิวของข้าพเจ้าและถูกคุมขังร่วมกับข้าพเจ้า เขาทั้งสองเป็นที่ยกย่องในหมู่อัครทูต และอยู่ในพระคริสต์ก่อนข้าพเจ้าด้วย ขอฝากความคิดถึงมายังอัมพลีอาทัสที่ข้าพเจ้ารักในพระผู้เป็นเจ้า ฝากความคิดถึงมายังอูรบานัส เพื่อนร่วมงานกับเราในพระคริสต์ และขอฝากความคิดถึงมายังสทาคิส เพื่อนที่รักของข้าพเจ้า 10 ขอฝากความคิดถึงมายังอาเป็ลเลส ผู้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีความภักดีในพระคริสต์ ขอฝากความคิดถึงมายังบรรดาผู้ที่อยู่ในครอบครัวของอาริสโทบูลัส 11 ขอฝากความคิดถึงมายังเฮโรดิโอน เพื่อนชาวยิวของข้าพเจ้า ขอฝากความคิดถึงมายังบรรดาผู้ที่อยู่ในครอบครัวของนาร์ซิสสัสซึ่งอยู่ในพระผู้เป็นเจ้า 12 ขอฝากความคิดถึงมายังตรีเฟนาและตรีโฟสา ผู้ร่วมทำงานของพระผู้เป็นเจ้า ขอฝากความคิดถึงมายังเปอร์ซิสเพื่อนที่รัก ผู้ทำงานของพระผู้เป็นเจ้าด้วยความหมั่นเพียร 13 ขอฝากความคิดถึงมายังรูฟัส ผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าได้เลือก ฝากความคิดถึงมายังมารดาของเขา ซึ่งเป็นเสมือนมารดาของข้าพเจ้าด้วย 14 ขอฝากความคิดถึงมายังอาสินครีทัส ฟเลโกน เฮอร์เมส ปัทโรบัส เฮอร์มาส และบรรดาพี่น้องที่อยู่กับพวกเขาด้วย 15 ขอฝากความคิดถึงมายังฟีโลโลกัสและยูเลีย เนเรอัสกับน้องสาวของเขา และโอลิมปัสกับบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าที่อยู่กับเขา 16 จงทักทายกันด้วยการจูบแก้ม[a]อันบริสุทธิ์ คริสตจักรทุกแห่งของพระคริสต์ฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลายด้วย

17 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านระมัดระวังพวกที่ก่อให้เกิดการแตกเหล่าและหลงผิด ซึ่งตรงข้ามกับการสอนที่ท่านได้เรียนรู้มาแล้ว อย่าสนิทสนมกับพวกเขา 18 เพราะคนเช่นนี้ไม่ได้คิดถึงการรับใช้พระคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา แต่คิดถึงเพียงปากท้องของตน เขาหลอกลวงจิตใจของคนซื่อด้วยถ้อยคำอันไพเราะ และด้วยการเยินยอ 19 ทุกคนได้ยินว่าท่านเชื่อฟังดี ข้าพเจ้าจึงมีความยินดียิ่งเพราะท่าน แต่ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านเฉลียวฉลาดในเรื่องที่ดี และไร้มลทินในสิ่งที่ชั่วร้าย 20 และอีกไม่นานพระเจ้าแห่งสันติสุขจะขยี้ซาตาน[b]ให้ราบคาบลงใต้ฝ่าเท้าของท่านทั้งหลาย ขอพระคุณของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด

21 ทิโมธีผู้ร่วมงานของข้าพเจ้าฝากความคิดถึงมายังท่าน ส่วนลูสิอัส ยาโสนและโสสิปาเทอร์ เพื่อนชาวยิวของข้าพเจ้า ก็ฝากความคิดถึงมายังท่านเช่นกัน

22 ข้าพเจ้าเทร์ทิอัส ผู้เขียนจดหมายฉบับนี้ตามคำบอก ขอฝากความคิดถึงมายังท่านทั้งหลายในองค์พระผู้เป็นเจ้า

23 กายอัส ผู้ต้อนรับดูแลทั้งข้าพเจ้าและทั่วทั้งคริสตจักร ฝากความคิดถึงมายังท่าน เอรัสทัส ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเมือง และควาร์ทัสซึ่งเป็นพี่น้องของเรา ฝากความคิดถึงมายังท่านด้วย [24 ขอพระคุณของพระเยซูคริสตเจ้าของเราจงอยู่กับท่านทุกท่านเถิด อาเมน][c]

25 แด่พระองค์ผู้ช่วยให้ท่านยืนหยัดในความเชื่อ ตามข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศ ตามเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ และตามการเผยความจริงอันลึกลับซับซ้อน ซึ่งถูกปิดบังไว้หลายชั่วอายุคน 26 แต่มาบัดนี้ได้ปรากฏให้เห็นแล้ว ตามที่บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ ตามคำสั่งของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ เพื่อชนทุกชาติจะได้เชื่อและปฏิบัติตามคำของพระองค์ 27 ขอพระเจ้า ผู้เปี่ยมด้วยพระปัญญาแต่เพียงผู้เดียว ได้รับพระบารมีตลอดกาลโดยผ่านพระเยซูคริสต์ อาเมน

เพลงคร่ำครวญ 3

ความสัตย์จริงของพระองค์ยิ่งใหญ่นัก

ข้าพเจ้าเป็นคนที่ได้เห็นความทุกข์ทรมาน
    จากอำนาจแห่งการลงโทษของพระองค์
พระองค์ได้นำข้าพเจ้าและทำให้ข้าพเจ้าเข้าสู่ความมืด
    โดยปราศจากแสงสว่าง
จริงทีเดียว มือของพระองค์ฟาดตัวข้าพเจ้า
    ซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดวันเวลา

พระองค์ทำให้เนื้อหนังของข้าพเจ้าเหี่ยวแห้ง
    และหักกระดูกของข้าพเจ้า
พระองค์ให้ความขมขื่นและความยากลำบาก
    ล้อมและคลุมรอบตัวข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าอยู่ในความมืด
    อย่างคนที่ตายไปนานแล้ว

พระองค์ได้กั้นล้อมข้าพเจ้าโดยไม่ให้หนีรอดไปได้
    พระองค์ใช้โซ่หนักถ่วงข้าพเจ้าไว้
แม้ว่าข้าพเจ้าจะร้องเรียกขอความช่วยเหลือ
    พระองค์ก็ไม่ต้องการได้ยินคำอธิษฐาน
พระองค์ได้ปิดกั้นทางของข้าพเจ้าด้วยหินสกัด
    ทำให้หนทางของข้าพเจ้าคดเคี้ยว

10 พระองค์เป็นดั่งหมีที่รอดักอยู่
    เป็นดั่งสิงโตที่ซ่อนอยู่
11 พระองค์นำข้าพเจ้าออกนอกทางและฉีกข้าพเจ้าออกเป็นชิ้นๆ
    และปล่อยให้ข้าพเจ้าอยู่ตามลำพัง
12 พระองค์โก่งคันธนู
    และตั้งข้าพเจ้าให้เป็นเป้าธนู

13 พระองค์ยิงธนูจากแล่งของพระองค์
    ตรงหัวใจของข้าพเจ้า
14 ข้าพเจ้ากลายเป็นที่หัวเราะเยาะของประชาชนทั้งปวงของข้าพเจ้า
    พวกเขาร้องเพลงล้อเลียนข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
15 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ารับเต็มอิ่มด้วยของขม
    และให้ข้าพเจ้าดื่มจากพันธุ์ไม้ขม

16 พระองค์ทำให้ฟันของข้าพเจ้าหักด้วยก้อนกรวด
    และกดข้าพเจ้าลงในกองขี้เถ้า
17 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าขาดความสงบสุข
    ข้าพเจ้าลืมแล้วว่าความสุขเป็นอย่างไร
18 ข้าพเจ้าจึงพูดว่า “ความอดกลั้น
    และความหวังที่ข้าพเจ้ามีในพระผู้เป็นเจ้าหมดสิ้นแล้ว”

19 ข้าพเจ้ายังจำได้ถึงความทุกข์ทรมานและความขมขื่น
    พันธุ์ไม้ขมและของขม
20 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าระลึกถึงตลอดมา
    ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าสลดหดหู่
21 ข้าพเจ้านึกเรื่องนี้ขึ้นได้
    ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความหวัง

22 เพราะความรักอันมั่นคงของพระผู้เป็นเจ้าไม่เคยขาดหาย
    ความเมตตาของพระองค์ไม่เคยหยุดยั้ง
23 ความรักและความเมตตาเกิดขึ้นใหม่ทุกๆ เช้า
    ความสัตย์จริงของพระองค์ยิ่งใหญ่นัก
24 ข้าพเจ้าบอกตนเองว่า “พระผู้เป็นเจ้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจึงรอคอยพระองค์”

25 พระผู้เป็นเจ้าดีต่อบรรดาผู้ที่มีความหวังในพระองค์
    ต่อจิตวิญญาณที่แสวงหาพระองค์
26 เป็นการดีที่รอคอยความรอดพ้น
    ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างเงียบๆ
27 เป็นการดีที่คนแบกแอกได้
    ขณะยังเยาว์วัย

28 ปล่อยให้เขานั่งอย่างเงียบๆ ตามลำพัง
    เมื่อพระองค์วางแอกบนตัวเขา
29 ปล่อยให้เขาถ่อมตนลง
    เผื่อจะมีความหวังบ้าง
30 ปล่อยให้เขาถูกคนตบหน้า
    และถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม

31 เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทอดทิ้ง
    ไปตลอดกาล
32 แม้ว่าพระองค์ทำให้เราเศร้าใจ พระองค์ก็ยังจะแสดงความเมตตา
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์มากยิ่งนัก
33 พระองค์ไม่ตั้งใจที่จะนำความทุกข์
    หรือความเศร้ามาสู่บรรดาบุตรของมนุษย์

34 การเหยียบขยี้ผู้ถูกจำขังทุกคนในโลก
    ให้อยู่ใต้เท้า
35 การตัดสิทธิของมนุษย์
    ณ เบื้องหน้าองค์ผู้สูงสุด
36 และการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่มนุษย์
    พระผู้เป็นเจ้าทราบเรื่องเหล่านี้มิใช่หรือ

37 ใครบัญชาให้เกิดขึ้นได้
    นอกจากพระผู้เป็นเจ้าจะกำหนดขึ้น
38 สิ่งดีและร้ายเกิดขึ้น
    ก็เนื่องจากองค์ผู้สูงสุดบัญชามิใช่หรือ
39 ทำไมมนุษย์ที่ยังมีชีวิตจึงพร่ำบ่น
    เมื่อถูกลงโทษเพราะบาปของตน

40 เราควรพิจารณาและทดสอบวิถีทางของพวกเรา
    และหันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้าเถิด
41 เรามาเปิดใจและยกมืออธิษฐานต่อ
    พระเจ้าในสวรรค์เถิด
42 เราได้ล่วงละเมิดและขัดขืน
    และพระองค์ไม่ได้ยกโทษ

43 พระองค์คลุมพระองค์เองด้วยความกริ้ว และตามล่าพวกเรา
    ด้วยการสังหารโดยปราศจากความปรานี
44 พระองค์คลุมพระองค์เองด้วยก้อนเมฆ
    เพื่อคำอธิษฐานจะผ่านเข้าถึงไม่ได้
45 พระองค์ทำให้พวกเราเป็นดั่ง
    กองขยะในบรรดาชนชาติ

46 ศัตรูทุกคนของพวกเรา
    อ้าปากกว้างใส่พวกเรา
47 พวกเราประสบความน่ากลัวและหลุมพราง
    ความทุกข์ทรมานและความพินาศ
48 น้ำตาข้าพเจ้าไหลพราก
    เพราะความพินาศของธิดาของประชาชนของข้าพเจ้า

49 น้ำตาข้าพเจ้าไหลไม่หยุด
    ไม่ได้พัก
50 จนกระทั่งพระผู้เป็นเจ้ามองลงมา
    จากสวรรค์และแลเห็น
51 สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นทำให้จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเศร้าใจ
    เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรหญิงทั้งปวงในเมืองของข้าพเจ้า

52 บรรดาศัตรูของข้าพเจ้าตามล่าข้าพเจ้า
    ราวกับล่านกโดยไร้สาเหตุ
53 พวกเขาเหวี่ยงข้าพเจ้าทั้งเป็นลงในหลุมลึก
    และขว้างก้อนหินใส่ข้าพเจ้า
54 น้ำท่วมมิดศีรษะของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าคิดในใจว่า ข้าพเจ้ากำลังถูกตัดขาด

55 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าออกพระนามของพระองค์
    จากห้วงเหวของหลุมลึกแห่งแดนคนตาย
56 พระองค์ได้ยินคำวิงวอนของข้าพเจ้า
    “โปรดฟังคำร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้า”
57 พระองค์เข้ามาใกล้ในเวลาที่ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
    พระองค์กล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว”

58 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ปกป้องข้าพเจ้า
    พระองค์ได้ไถ่ชีวิตข้าพเจ้าแล้ว
59 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เห็นการกระทำผิดที่มีต่อข้าพเจ้า
    ขอพระองค์ช่วยเหลือข้าพเจ้า
60 พระองค์ทราบว่าความเคียดแค้นของพวกเขาโหดร้ายนัก
    เขาวางแผนต่อต้านข้าพเจ้า

61 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ยินแล้วว่าพวกเขาดูถูกข้าพเจ้า
    เขาวางแผนต่อต้านข้าพเจ้า
62 สิ่งที่พวกศัตรูนินทาและพร่ำบ่น
    ก็คือการต่อต้านข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
63 ดูเถิด ไม่ว่าพวกเขาจะนั่งหรือยืน
    ข้าพเจ้าก็กลายเป็นเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นมา

64 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้เขาได้รับสนองตามสิ่งที่เขาปฏิบัติ
    ให้เขาได้รับผลจากสิ่งที่เขาได้กระทำ
65 ทำจิตใจของพวกเขาให้แข็งกระด้าง
    และขอคำสาปแช่งจงตกอยู่กับพวกเขา
66 ขอพระองค์ตามล่าพวกเขาด้วยความกริ้วและทำให้พินาศไป
    จากใต้ฟ้าสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า

สดุดี 34

คำสรรเสริญเมื่อพ้นจากภัยอันตราย

ของดาวิด ในครั้งที่ท่านแสร้งเสียสติต่อหน้าอาบีเมเลคเพื่อจะได้ถูกขับไล่ และดาวิดก็จากไป[a]

ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าอยู่เป็นนิตย์
    คำสรรเสริญจะติดอยู่ที่ปากข้าพเจ้าเรื่อยไป
ชีวิตข้าพเจ้าโอ้อวดเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า
    ให้ผู้มีความทุกข์ทรมานรับฟังและดีใจเถิด
มาสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้ากับข้าพเจ้าเถิด
    และเรามายกย่องพระนามของพระองค์ด้วยกันเถิด

ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ก็ตอบข้าพเจ้า
    และช่วยให้พ้นจากความกลัวทั้งปวง
จงวางใจในพระองค์และชื่นชมยินดี
    เพื่อว่าใบหน้าของท่านจะไม่มีวันต้องอับอาย
คนทุกข์ยากคนนี้ส่งเสียงร้อง และพระผู้เป็นเจ้าได้ยิน
    และช่วยเขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งปวง
ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าคอยปกป้องบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์
    และช่วยให้พ้นภัย

จงลิ้มรสและจะได้รู้เองว่าพระผู้เป็นเจ้าประเสริฐยิ่ง
    คนที่พึ่งพิงในพระองค์จะเป็นสุข
บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยว่าคนที่เกรงกลัวพระองค์จะไม่ต้องการสิ่งอื่นใดอีก
10 สิงโตหนุ่มต้องทนทุกข์จากความอยากและความหิว
    แต่คนที่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้าจะไม่อัตคัดสิ่งดี
11 มาเถิดลูกๆ จงฟัง
    เราจะสอนเจ้าให้รู้จักความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
12 มีใครบ้างที่ยินดีกับชีวิต
    และใคร่จะพบกับสิ่งดีงามในชีวิตอันยาวนาน
13 จงบังคับลิ้นไม่ให้กล่าวคำชั่วช้า
    และไม่ให้ปากของเจ้ากล่าวสิ่งลวงหลอก
14 จงหลีกเลี่ยงการทำความชั่วเพื่อทำความดี
    จงใฝ่หาสันติสุขและมุ่งมั่นเพื่อจะได้มาซึ่งสันติสุขนั้น

15 ตาของพระผู้เป็นเจ้าเฝ้ามองคนที่มีความชอบธรรม
    และพระองค์ฟังเสียงร้องของเขา
16 พระผู้เป็นเจ้าขัดขวางบรรดาผู้กระทำความชั่ว
    และลบความทรงจำที่เกี่ยวกับพวกเขาไปเสียจากโลก

17 เวลาผู้มีความชอบธรรมร้องขอความช่วยเหลือ
    พระผู้เป็นเจ้าย่อมสดับและช่วยพวกเราให้พ้นจากความยากลำบากทั้งปวง
18 พระผู้เป็นเจ้าอยู่ใกล้ชิดกับคนชอกช้ำใจ
    และช่วยคนสิ้นหวังให้พ้นทุกข์

19 ผู้มีความชอบธรรมพบทุกข์ทรมานหลายประการ
    แต่พระผู้เป็นเจ้าช่วยเขาให้พ้นจากสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด
20 พระองค์ปกป้องกระดูกทุกชิ้น
    โดยกระดูกจะไม่หักสักชิ้นเดียว

21 ความทุกข์ทำให้ชีวิตคนชั่วดับลง
    และพวกที่เกลียดชังผู้มีความชอบธรรมจะถูกกล่าวโทษ
22 พระผู้เป็นเจ้าไถ่ชีวิตบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
    คนใดที่พึ่งพิงในพระองค์จะไม่ถูกกล่าวโทษ

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation