Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 ซามูเอล 17

ดาวิดกับโกลิอัท

17 ชาวฟีลิสเตียได้รวบรวมกองทหารเพื่อทำสงคราม และประชุมกันที่โสโคห์ซึ่งอยู่ในเขตยูดาห์ ตั้งค่ายอยู่ระหว่างโสโคห์และอาเซคาห์ที่เอเฟสดัมมิม ซาอูลและบรรดาชายชาวอิสราเอลประชุมกัน และตั้งค่ายอยู่ในหุบเขาเอลาห์ และยืนแถวในแนวรบกับชาวฟีลิสเตีย ชาวฟีลิสเตียยืนอยู่ทางฟากหนึ่งของภูเขา และชาวอิสราเอลยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง มีหุบเขากั้นระหว่าง 2 ฝ่าย ผู้ต่อสู้ตัวเอกแห่งเมืองกัทคนหนึ่งสูง 6 ศอก ชื่อโกลิอัท ออกมาจากค่ายของชาวฟีลิสเตีย เขามีหมวกทองสัมฤทธิ์สวมศีรษะ สวมเสื้อเกราะป้องกันตัว เสื้อเป็นทองสัมฤทธิ์หนัก 5,000 เชเขล[a] และมีเกราะทองสัมฤทธิ์ป้องกันขา และมีหอกซัดทองสัมฤทธิ์ผูกไว้บนหลังของเขา ด้ามแหลนของเขาเหมือนไม้กระพั่นของคนทอผ้า ปลายแหลนเป็นเหล็กหนัก 600 เชเขล และคนแบกโล่เดินล่วงหน้าเขาไป โกลิอัทยืนตะโกนบอกชาวอิสราเอลที่ยืนแถวในแนวรบว่า “ทำไมพวกเจ้าออกมายืนแถวเตรียมรบเล่า ข้าไม่ใช่ชาวฟีลิสเตียหรือ และเจ้าเป็นคนรับใช้ของซาอูลมิใช่หรือ จงเลือกชายคนใดคนหนึ่งออกมา ให้เขาลงมาหาข้า ถ้าเขาสามารถสู้และฆ่าข้าได้ พวกเราก็จะเป็นคนรับใช้ของพวกเจ้า แต่ถ้าข้าสู้ชนะและฆ่าเขาตาย พวกเจ้าก็จะเป็นคนรับใช้ของพวกเรา และรับใช้พวกเรา” 10 ชาวฟีลิสเตียคนนั้นพูดว่า “วันนี้เราขอท้าแนวรบของอิสราเอล ส่งชายคนใดคนหนึ่งให้ออกมาสู้กับเราตัวต่อตัว” 11 ครั้นซาอูลและชาวอิสราเอลได้ยินชาวฟีลิสเตียพูดเช่นนั้น ก็ตกใจและหวาดกลัวมาก

12 ดาวิดเป็นบุตรคนหนึ่งของเจสซีชาวเอฟราธาห์แห่งเบธเลเฮมในยูดาห์ เจสซีมีบุตร 8 คน และในช่วงเวลาของซาอูล เจสซีก็ชราและมีอายุมากแล้ว 13 บุตร 3 คนแรกของเจสซีได้ติดตามซาอูลไปสู้รบบ้างแล้ว บุตรทั้งสามที่ได้ไปสู้รบชื่อ เอลีอับบุตรหัวปี อาบีนาดับคนถัดไป และชัมมาห์คนที่สาม 14 ดาวิดเป็นคนสุดท้อง 3 คนแรกติดตามซาอูลไป 15 แต่ดาวิดไปๆ มาๆ ระหว่างซาอูลและกลับไปเลี้ยงดูฝูงแกะของบิดาที่เบธเลเฮม 16 ชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้ออกมาท้าทายอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งเช้าทั้งเย็นเป็นเวลา 40 วัน

17 เจสซีพูดกับดาวิดบุตรของตนว่า “เจ้าเอาข้าวคั่ว 1 เอฟาห์[b] กับขนมปัง 10 ก้อนไป เอาไปให้พี่ๆ ของเจ้าที่ค่ายโดยเร็ว 18 เอาเนยแข็ง 10 ก้อนไปให้ผู้บังคับกองพันด้วย ไปดูซิว่าพวกพี่ชายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง และเอาอะไรจากพวกเขากลับมาพิสูจน์ให้เห็นด้วย”

19 ขณะนั้นซาอูล พวกพี่ชายของดาวิด และชายอิสราเอลคนอื่นๆ กำลังสู้รบกับพวกชาวฟีลิสเตียในหุบเขาเอลาห์ 20 ดาวิดลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ ปล่อยให้คนเฝ้าแกะดูแลฝูงแกะ และหอบของที่เจสซีสั่งให้เอาไป เขาเดินทางถึงค่ายขณะที่กองทัพกำลังออกไปเผชิญหน้ากันด้วยเสียงโห่ร้องของสนามรบ 21 ชาวอิสราเอลและชาวฟีลิสเตียยืนแถวในแนวรบ กองทัพปะทะกับกองทัพ 22 ดาวิดจึงให้ของที่หอบมาไว้กับคนดูแลสัมภาระ และวิ่งไปยังกองรบที่ยืนแถวอยู่ และไปทักทายพวกพี่ๆ 23 ขณะที่เขากำลังพูดกับพวกพี่ๆ ดูเถิด ผู้ต่อสู้ตัวเอกชื่อโกลิอัทชาวฟีลิสเตียแห่งเมืองกัท ก็ก้าวออกมาจากแนวรบของพวกฟีลิสเตีย และพูดเหมือนกับที่เคยพูดมาแล้ว และดาวิดได้ยินเขาพูด

24 เมื่อชายชาวอิสราเอลทุกคนเห็นโกลิอัท พวกเขาก็ถอยหนีไปด้วยความกลัวยิ่งนัก 25 ชายชาวอิสราเอลจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าเคยเห็นคนที่ขึ้นมาแล้วหรือยัง เขาขึ้นมาเพื่อท้าทายอิสราเอลอย่างแน่นอน กษัตริย์ของเราจะมอบรางวัลอย่างมั่งคั่งให้แก่คนที่ฆ่าเขาได้ และจะมอบบุตรสาวของท่านให้ด้วย อีกทั้งครอบครัวของเขาจะมีอิสระทุกอย่างในประเทศอิสราเอล” 26 ดาวิดพูดกับบรรดาชายที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ว่า “จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ฆ่าชาวฟีลิสเตียคนนี้ และช่วยอิสราเอลให้พ้นจากคำดูหมิ่นได้ ชาวฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตผู้นี้เป็นใคร เขาจึงท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ดำรงชีวิต” 27 และประชาชนก็ตอบเหมือนกันว่า “คนที่ฆ่าเขาตายจะได้รับสิ่งดังกล่าวนั้นแหละ”

28 ฝ่ายเอลีอับพี่ชายคนหัวปีของเขาได้ยินดาวิดพูดกับพวกผู้ชาย เอลีอับจึงโกรธดาวิดมาก และถามว่า “เจ้าลงมาทำไม และเจ้าปล่อยแกะไม่กี่ตัวไว้กับใครในถิ่นทุรกันดาร ข้ารู้ความหยิ่งผยองของเจ้า และเจ้าคิดในสิ่งชั่วร้าย เป็นเพราะเจ้าอยากลงมาดูการสู้รบนั่นเอง” 29 ดาวิดจึงตอบว่า “เราไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่พูดไม่กี่คำเท่านั้น” 30 แล้วเขาก็หันไปทางคนอื่น และพูดเหมือนเดิมอีก และประชาชนก็ตอบเขาเหมือนเดิมอีกเช่นกัน

31 เมื่อคนได้ยินสิ่งที่ดาวิดพูด เขาก็ไปพูดให้ซาอูลฟัง ท่านจึงให้คนไปตามตัวมา 32 ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “อย่าให้ใครใจเสียเพราะชายคนนั้น ผู้รับใช้ของท่านจะไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นเอง” 33 ซาอูลพูดกับดาวิดว่า “เจ้าไม่สามารถไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้นได้หรอก เพราะเจ้ายังมีอายุน้อยอยู่ แต่เขาเป็นนักรบมาตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว” 34 แต่ดาวิดพูดกับซาอูลว่า “ผู้รับใช้ของท่านเคยเฝ้าดูฝูงแกะให้พ่อ และเมื่อใดที่มีสิงโตหรือหมีมาตะครุบลูกแกะไปจากฝูง 35 ข้าพเจ้าก็ไล่ตามไปสู้ และช่วยลูกแกะรอดจากปากสิงโต แต่ถ้ามันกระโจนใส่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็คว้าขนที่คอ และทุบตีมันจนตาย 36 ผู้รับใช้ของท่านได้ต่อสู้ชนะสิงโตและหมีมาแล้ว และชาวฟีลิสเตียที่ไม่ได้เข้าสุหนัตผู้นี้ก็จะเป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้น เพราะเขาท้ากองทัพของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่” 37 และดาวิดพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากอุ้งเท้าสิงโตและหมี ก็จะช่วยข้าพเจ้าให้รอดจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตียผู้นี้” ซาอูลจึงพูดกับดาวิดว่า “ไปเถิด และขอให้พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเจ้า”

38 ครั้นแล้วซาอูลก็ให้ดาวิดสวมชุดออกศึกของท่าน ท่านสวมหมวกทองสัมฤทธิ์บนศีรษะ และให้สวมเสื้อเกราะป้องกันตัวให้เขา 39 ดาวิดสะพายดาบของท่านทับชุดออกศึก แล้วพยายามเดินไป แต่เดินไม่ได้ เพราะไม่เคยสวมมาก่อน ดาวิดจึงพูดกับซาอูลว่า “ข้าพเจ้าสวมชุดแบบนี้ไปต่อสู้ไม่ได้หรอก เพราะไม่เคยใช้” ดาวิดจึงปลดออก 40 แล้วเขาก็ถือไม้เท้าของเขา และเลือกก้อนหิน 5 ก้อนจากธารน้ำ เก็บใส่ถุงที่คนเลี้ยงแกะใช้กัน มือถือสลิง[c] แล้วเขาก็เดินไปหาชาวฟีลิสเตียผู้นั้น

41 ชาวฟีลิสเตียเดินหน้าเข้าหาดาวิด พร้อมกับมีคนถือโล่เดินนำหน้าเขา 42 เมื่อชาวฟีลิสเตียมองเห็นดาวิดก็ดูถูกเขา เพราะเป็นเพียงเด็ก ผิวออกแดงๆ และรูปงาม 43 ชาวฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “ข้าเป็นหมาหรือไง เจ้าจึงถือไม้มาด้วย” และชาวฟีลิสเตียผู้นั้นก็แช่งด่าดาวิดในนามเทพเจ้าของเขา 44 ชาวฟีลิสเตียพูดกับดาวิดว่า “มาหาข้าสิ ข้าจะได้เอาเนื้อเจ้าให้นกในอากาศกับสัตว์ป่าในทุ่งกิน” 45 แล้วดาวิดพูดกับชาวฟีลิสเตียว่า “ท่านมีดาบ แหลน และหอกซัดมาหาเรา แต่เรามาหาท่านด้วยพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของกองทัพของอิสราเอลที่ท่านท้าทาย 46 วันนี้พระผู้เป็นเจ้าจะมอบท่านไว้ในมือของเรา และเราจะปราบท่าน และตัดหัวท่าน และเราจะเอาศพทหารของชาวฟีลิสเตียให้นกในอากาศกับสัตว์ป่าในโลกกิน เพื่อทั่วทั้งโลกจะได้รู้ว่ามีพระเจ้าในอิสราเอล 47 และทุกคนที่อยู่ที่นี่จะได้รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ช่วยให้รอดด้วยดาบและแหลน เพราะการสู้รบเป็นของพระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะมอบท่านไว้ในมือของพวกเรา”

48 เมื่อชาวฟีลิสเตียผู้นั้นก้าวเข้าไปหาดาวิดใกล้ยิ่งขึ้น ดาวิดจึงรีบวิ่งสู่สนามรบเพื่อปะทะกับชาวฟีลิสเตียผู้นั้น 49 ดาวิดหยิบก้อนหินที่อยู่ในถุงออกมาก้อนหนึ่ง และเหวี่ยงถูกหน้าผากของชาวฟีลิสเตีย หินก้อนนั้นฝังเข้าไปในหน้าผาก และเขาก็ทรุดตัวลงบนพื้นดิน

50 ดังนั้นดาวิดชนะชาวฟีลิสเตียด้วยสลิงและก้อนหินก้อนเดียว ปราบชาวฟีลิสเตียและฆ่าเขาได้ ดาวิดไม่มีแม้แต่ดาบติดตัว 51 ดาวิดวิ่งไปและก้มดูชาวฟีลิสเตียคนนั้น ควักดาบออกจากฝัก ฆ่าเขาให้ตายและตัดหัวด้วย เมื่อชาวฟีลิสเตียทั้งปวงเห็นว่าผู้ต่อสู้ตัวเอกของพวกเขาตายเสียแล้ว จึงพากันหนีเตลิดไป 52 ฝ่ายชาวอิสราเอลและยูดาห์ก็วิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงโห่ร้องไล่ตามชาวฟีลิสเตียไปจนถึงเมืองกัทและประตูเมืองเอโครน ชาวฟีลิสเตียที่บาดเจ็บจึงล้มลงตามทางตั้งแต่ชาอาราอิม ไปจนถึงเมืองกัทและเอโครน 53 ชาวอิสราเอลไล่ล่าชาวฟีลิสเตียไปแล้วก็กลับมา เพื่อริบข้าวของไปจากค่าย 54 ฝ่ายดาวิดก็เอาหัวของชาวฟีลิสเตียคนนั้นไปที่เมืองเยรูซาเล็ม และเก็บเสื้อเกราะของโกลิอัทไว้ในกระโจมของตน

55 ทันทีที่ซาอูลเห็นดาวิดออกไปต่อสู้กับชาวฟีลิสเตียคนนั้น ท่านถามอับเนอร์ผู้บังคับกองพันทหารว่า “อับเนอร์ เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นบุตรของใคร” อับเนอร์ตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพเจ้าพูดตามตรงว่า ข้าพเจ้าไม่ทราบ” 56 และกษัตริย์กล่าวว่า “ไปไถ่ถามดูสิว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นบุตรของใคร” 57 ขณะที่ดาวิดกลับมาจากการฆ่าฟันชาวฟีลิสเตีย อับเนอร์ก็พาไปหาซาอูลพร้อมกับหัวของชาวฟีลิสเตียยังอยู่ในมือ 58 ซาอูลจึงกล่าวกับเขาว่า “เจ้าหนุ่มน้อย เจ้าเป็นบุตรของใคร” ดาวิดตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นบุตรของเจสซีชาวเบธเลเฮมผู้รับใช้ของท่าน”

โรม 15

15 พวกเราซึ่งมีความเชื่ออันมั่นคง ควรจะมีความอดทนต่อผู้ที่อ่อนแอกว่า และไม่ประพฤติตามความพอใจของตนเอง เราทุกคนจงกระทำให้เพื่อนบ้านพอใจเพื่อประโยชน์ของเขา เพื่อเสริมสร้างความเชื่อของเขา เพราะแม้แต่พระคริสต์ ก็ไม่ได้กระทำสิ่งใดตามความพอใจของพระองค์เอง ตามที่มีบันทึกไว้ว่า “การสบประมาทของพวกที่กระทำต่อพระองค์ เป็นการสบประมาทข้าพเจ้า”[a] เพราะว่าสิ่งใดก็ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ ก็เขียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา เพื่อเราจะได้มีความหวัง เมื่อเรามีมานะอดทนและมีกำลังใจได้โดยพระคัมภีร์ ขอพระเจ้าผู้ให้ความมานะอดทนและให้กำลังใจ โปรดให้ท่านมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์ แล้วท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นเสียงเดียวกัน ฉะนั้นจงยอมรับซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับที่พระคริสต์ได้รับท่าน ผู้คนจะได้สรรเสริญพระเจ้า

ข้าพเจ้ากล่าวว่า พระคริสต์ได้มารับใช้พวกที่เข้าสุหนัต เพื่อให้เห็นว่าพระเจ้ามีความสัตย์จริง เพื่อแสดงการรักษาคำมั่นสัญญาของพระองค์ ที่ได้ให้ไว้กับบรรดาบรรพบุรุษ เพื่อว่าพวกคนนอกจะได้สรรเสริญพระเจ้า เพราะความเมตตาของพระองค์ ตามที่มีบันทึกไว้ว่า

“ฉะนั้นข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางคนนอก
    และร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์”[b]

10 และกล่าวอีกว่า

“บรรดาคนนอก จงชื่นชมยินดีกับชนชาติของพระองค์เถิด”[c]

11 และกล่าวอีกว่า

“บรรดาคนนอกทุกชาติจงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    และให้ชนชาติทั้งปวงสรรเสริญพระองค์เถิด”[d]

12 และอิสยาห์กล่าวอีกว่า

“รากแห่งเจสซี[e]จะงอกขึ้น
    คือผู้ที่ขึ้นมาปกครองบรรดาคนนอก
    และบรรดาคนนอกจะมีความหวังในพระองค์”[f]

13 ขอพระเจ้าแห่งความหวัง โปรดให้ท่านบริบูรณ์ด้วยความยินดีและสันติสุขเมื่อท่านเชื่อในพระองค์ ท่านจะได้เปี่ยมล้นด้วยความหวังโดยอานุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์

เปาโลเขียนถึงพี่น้องเพื่อเตือนสติ

14 พี่น้องเอ๋ย เกี่ยวกับเรื่องของท่าน ข้าพเจ้าเองเชื่อว่าท่านบริบูรณ์ด้วยความดีและความรอบรู้ และสามารถเตือนสติกันและกันได้ 15 ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านอย่างตรงไปตรงมา เพื่อเตือนท่านอีกในบางเรื่อง ก็เพราะพระคุณที่พระเจ้าได้ให้แก่ข้าพเจ้า 16 เพื่อเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์สำหรับบรรดาคนนอก รับใช้ในหน้าที่ปุโรหิตฝ่ายข่าวประเสริฐของพระเจ้า เพื่อว่าบรรดาคนนอกซึ่งถูกชำระให้บริสุทธิ์แล้วโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะได้เป็นเครื่องบูชาที่พระเจ้ายอมรับ 17 ฉะนั้นในพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าจึงมีเหตุผลที่จะภาคภูมิใจกับการงานที่ข้าพเจ้าปฏิบัติเพื่อพระเจ้า 18 ข้าพเจ้าจะไม่กล้าพูดถึงสิ่งใด นอกจากสิ่งที่พระคริสต์ได้ทำให้สัมฤทธิผลโดยผ่านข้าพเจ้า คือการที่ข้าพเจ้านำให้บรรดาคนนอกเข้ามาเชื่อฟังพระเจ้า ด้วยคำพูดและการกระทำของข้าพเจ้า 19 โดยอานุภาพแห่งปรากฏการณ์อัศจรรย์และสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ และโดยอานุภาพแห่งพระวิญญาณ ดังนั้นข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์อย่างครบถ้วน ตั้งแต่เมืองเยรูซาเล็มเรื่อยไปจนถึงแคว้นอิลลีริคุม 20 ข้าพเจ้าปรารถนาอย่างยิ่งอยู่เสมอ ที่จะประกาศข่าวประเสริฐในที่ซึ่งพระคริสต์ยังไม่เป็นที่รู้จัก เพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้ไม่สร้างบนฐานรากของคนอื่น 21 แต่ตามที่มีบันทึกไว้ว่า

“บรรดาคนที่ไม่เคยได้รับรู้เกี่ยวกับพระองค์ ก็จะได้เห็น
    และคนที่ไม่เคยได้ฟัง ก็จะได้เข้าใจ”[g]

เปาโลตั้งใจจะไปเมืองโรม

22 นี่คือเหตุที่รั้งข้าพเจ้าไว้บ่อยครั้งเพื่อไม่ให้มาหาท่าน 23 แต่บัดนี้ไม่มีที่ใดอีกแล้วสำหรับข้าพเจ้าในแว่นแคว้นเหล่านี้ และในเมื่อข้าพเจ้ามีความปรารถนาที่จะมาหาท่านนานนับหลายปีแล้ว 24 เวลาที่ข้าพเจ้าไปประเทศสเปน ข้าพเจ้าหวังว่าจะพบกับท่านระหว่างการเดินทาง และเยี่ยมเยียนท่านด้วยความบันเทิงใจสักพักหนึ่งก่อน และข้าพเจ้าหวังว่าหลังจากนั้นแล้ว ท่านจะช่วยจัดส่งให้ข้าพเจ้าเดินทางต่อไป 25 แต่ในเวลานี้ ข้าพเจ้าจะไปยังเมืองเยรูซาเล็มเพื่อรับใช้บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 26 เพราะคริสตจักรในแคว้นมาซิโดเนีย และแคว้นอาคายา ยินดีบริจาคให้แก่ผู้ยากไร้ในบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าที่เมืองเยรูซาเล็ม 27 พวกเขาพอใจที่จะทำเช่นนั้น และรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณกับพวกเขาเหล่านั้นด้วย เพราะถ้าบรรดาคนนอกได้รับพระพรฝ่ายวิญญาณของชาวยิวแล้ว พวกเขาควรรับใช้ตอบสนองชาวยิวด้วยการแบ่งปันสิ่งของ 28 เมื่อข้าพเจ้าปฏิบัติงานนี้เสร็จสิ้น และมอบเงินที่รับบริจาคมาให้แก่พวกเขาแล้ว ข้าพเจ้าจะแวะไปพบท่านระหว่างทางที่จะไปประเทศสเปน 29 และข้าพเจ้าทราบว่าเวลาข้าพเจ้ามาหาท่าน ข้าพเจ้าจะมาพร้อมด้วยพระพรอันบริบูรณ์ของพระคริสต์

30 พี่น้องทั้งหลาย โดยพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และโดยความรักของพระวิญญาณ ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านช่วยกันอธิษฐาน ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าต่อพระเจ้าเพื่อข้าพเจ้าด้วย 31 เพื่อว่าพวกคนที่ไม่เชื่อที่อยู่ในแคว้นยูเดียจะได้ไม่ทำร้ายข้าพเจ้า และการรับใช้ของข้าพเจ้าในเมืองเยรูซาเล็มจะเป็นที่ยอมรับในบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 32 ข้าพเจ้าจะได้มาหาท่านด้วยความยินดียิ่ง ตามความประสงค์ของพระเจ้า และได้รับความสดชื่นแจ่มใสเมื่ออยู่กับท่าน 33 ขอพระเจ้าแห่งสันติสุขจงสถิตกับท่านทั้งหลายเถิด อาเมน

เพลงคร่ำครวญ 2

เยรูซาเล็มพินาศ

พระผู้เป็นเจ้าคลุมธิดาแห่งศิโยน
    ด้วยเมฆหมอกแห่งความกริ้วของพระองค์
พระองค์เหวี่ยงความรุ่งเรืองของอิสราเอล
    จากฟ้าสวรรค์ลงสู่แผ่นดินโลก
พระองค์ไม่ระลึกถึงที่วางเท้าของพระองค์
    ในวันที่พระองค์กริ้ว

พระผู้เป็นเจ้าได้ทำลายที่อยู่อาศัย
    ของยาโคบ[a]อย่างไม่ปรานี
พระองค์พังป้อมปราการอันแข็งแกร่ง
    ของธิดาแห่งยูดาห์เป็นการลงโทษ
พระองค์ทำให้อาณาจักรและบรรดาผู้ปกครองแผ่นดิน
    ล้มลงจมกองธุลีอย่างไร้เกียรติ

พระองค์ทำให้อิสราเอลอ่อนกำลังลง
    ด้วยความกริ้วอันร้อนแรง
พระองค์ไม่ช่วยเหลือพวกเขาอีก
    ในเวลาที่ปะทะกับศัตรู
พระองค์โกรธมากดั่งเปลวไฟที่ลุกในยาโคบ
    ซึ่งเผาผลาญทุกสิ่งโดยรอบ

พระองค์โก่งคันธนูประดุจศัตรู
    มือขวาของพระองค์เล็งประดุจปรปักษ์
พระองค์ได้สังหารทุกคนที่พวกเรารัก
ความกริ้วของพระองค์ได้พลุ่งขึ้นดั่งเปลวไฟ
    ในกระโจมของธิดาแห่งศิโยน

พระผู้เป็นเจ้าเป็นประดุจศัตรู
    พระองค์ได้ทำให้อิสราเอลพินาศ
พระองค์ได้ทลายวังทั้งหลาย
    และป้อมปราการอันแข็งแกร่งลง
พระองค์ทำให้มีการร้องรำพันและร้องคร่ำครวญมากยิ่งขึ้น
    ในเขตแดนของธิดาแห่งยูดาห์

พระองค์ได้พังที่พำนักของพระองค์เหมือนกระทำกับสวน
    พังสถานที่นัดพบของพระองค์
พระผู้เป็นเจ้าได้ทำให้ศิโยนไม่ระลึกถึงเทศกาลที่กำหนดไว้และวันสะบาโต
    พระองค์โกรธมหันต์จึงได้ทำให้เกียรติของกษัตริย์และบรรดาปุโรหิตเสื่อมลง

พระผู้เป็นเจ้าไม่ยอมรับแท่นบูชาของพระองค์
    และทอดทิ้งที่พำนักของพระองค์
พระองค์ปล่อยให้ศัตรู
    ทลายกำแพงเมืองของนางลง
พวกเขาตะโกนร้องในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
    ประหนึ่งวันฉลองเทศกาล

พระผู้เป็นเจ้าตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า
    จะทลายกำแพงเมืองของธิดาแห่งศิโยน
พระองค์ใช้เชือกเป็นมาตรฐานในการวัด
    และไม่ยั้งมือที่จะทำลาย
พระองค์ทำให้ที่คุ้มกันและกำแพงเมืองร้องร่ำรำพัน
    และทรุดโทรมไปด้วยกัน

ประตูเมืองของนางทรุดลงที่พื้นดิน
    พระองค์ได้หักและพังดาลประตูลง
กษัตริย์และบรรดาผู้สูงศักดิ์ลี้ภัยไปอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
    ไม่มีกฎบัญญัติอีกต่อไป
บรรดาผู้เผยคำกล่าวไม่ได้รับภาพนิมิต
    จากพระผู้เป็นเจ้าอีกต่อไป

10 บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของธิดาแห่งศิโยน
    นั่งนิ่งเงียบบนพื้นดิน
และได้ปาฝุ่นผงลงบนหัวของตน
    และสวมผ้ากระสอบ
บรรดาพรหมจาริณีแห่งเยรูซาเล็ม
    ก็ได้ก้มหัวลงกับพื้นดิน

11 ตาของข้าพเจ้าพร่าพรายจากการร้องไห้
    จิตวิญญาณของข้าพเจ้าว้าวุ่น
ข้าพเจ้าใจแทบขาดด้วยความเศร้า
    ก็เพราะธิดาแห่งชนชาติของข้าพเจ้าถูกสังหาร
ทารกและเด็กหมดเรี่ยวแรง
    อยู่ในที่สาธารณะ

12 เด็กเหล่านั้นร้องถามบรรดาแม่ๆ ของพวกเขาว่า
    “ไหนล่ะ อาหารและน้ำ”
เมื่อพวกเขาหมดเรี่ยวแรงเหมือนกับคนบาดเจ็บในที่สาธารณะ
เมื่อชีวิตของพวกเขาแทบจะสลาย
    ในอ้อมอกแม่

13 ข้าพเจ้าจะเป็นพยานพูดอะไรให้ท่านได้
    ข้าพเจ้าจะเปรียบท่านกับอะไร
    โอ ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม
มีอะไรที่ข้าพเจ้าจะเห็นด้วยกับท่าน
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้ปลอบประโลมท่าน
    โอ ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน
แผลของท่านลึกเทียบเท่าท้องทะเล
    ใครจะรักษาท่านให้หายได้

14 บรรดาผู้เผยคำกล่าวบอกพวกท่านถึงภาพนิมิต
    ซึ่งเท็จและลวงหลอก
พวกเขาไม่ได้บอกท่านว่า ท่านกระทำบาป
    เพื่อท่านจะได้หลุดพ้นจากการเป็นเชลย
แต่พวกเขากลับพูดถึงภาพนิมิต
    ซึ่งเท็จและทำให้ท่านหลงผิด

15 ทุกคนที่เดินผ่านมาก็ตบมือใส่ท่าน
พวกเขาเหน็บแนมและส่ายหัว
    ให้กับธิดาแห่งเยรูซาเล็ม
“นี่หรือ เมืองที่เรียกว่า
    ดีเพียบพร้อมและงามตระการ
    เป็นที่ยินดีไปทั่วแผ่นดินโลก”

16 ศัตรูทุกคนของท่านพูดล้อเลียนท่าน
พวกเขาเหน็บแนมและเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่
    และพูดว่า “พวกเรากลืนนางได้แล้ว
เออ พวกเรารอคอยวันนี้มานานแล้ว
    เรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อจะได้เห็นอย่างนี้นี่เอง”

17 พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งที่พระองค์มุ่งหมาย
    พระองค์ได้ทำให้เกิดขึ้นตามคำกล่าวของพระองค์
ซึ่งพระองค์บัญชาไว้นานมาแล้ว
    พระองค์ได้ทำให้ท่านหายนะอย่างไม่ปรานี
พระองค์ทำให้ท่านเป็นที่สะใจของพวกศัตรู
    พระองค์ได้ให้พละกำลังของเหล่าปรปักษ์แข็งแกร่ง

18 ใจของพวกเขาร้องต่อพระผู้เป็นเจ้า
    โอ กำแพงเมืองของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
ให้น้ำตาไหลพรากอย่างกระแสน้ำ
    ตลอดวันและคืนเถิด
ท่านไม่ต้องพัก
    ไม่ต้องหยุดร้อง

19 จงลุกขึ้น ร่ำไห้ในยามค่ำ
    ตลอดทุกยาม
จงเปิดใจของท่าน
    ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
ยกมือของท่านอธิษฐานต่อพระองค์
    เพื่อชีวิตของลูกๆ ของท่าน
ซึ่งหมดเรี่ยวแรงเพราะความหิว
    อยู่ตามถนนหนทาง

20 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเหลียวดูและมองดู
    พระองค์เคยกระทำเช่นนี้ต่อใครบ้าง
บรรดาผู้หญิงควรจะกินลูกในไส้ของตน
    ที่เคยเลี้ยงดูมาอย่างนั้นหรือ
ปุโรหิตและผู้เผยคำกล่าวควรจะถูกฆ่า
    ในที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้าหรือ

21 ทั้งเด็กและคนชรา
    นอนตายบนถนน
บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาว
    ถูกดาบฆ่าตาย
พระองค์ได้สังหารพวกเขาในวันที่พระองค์กริ้ว
    พระองค์ประหารพวกเขาอย่างไร้ความปรานี

22 พระองค์เรียกศัตรูของข้าพเจ้ามาจากทุกแห่งหน
    อย่างกับว่าพระองค์เรียกให้มาในวันฉลอง
ไม่มีใครหนีรอดหรือคงชีวิตอยู่ได้
    ในวันแห่งความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้า
พวกศัตรูของข้าพเจ้าได้ทำให้
    บรรดาผู้ที่ข้าพเจ้าดูแลและอุ้มชูพินาศ

สดุดี 33

ร้องเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่

พวกท่านผู้มีความชอบธรรม จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
    สมควรแล้วที่ผู้มีความชอบธรรมจะสรรเสริญพระองค์
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าด้วยพิณเล็ก
    บรรเลงเพลงถวายแด่พระองค์ด้วยพิณสิบสาย
ร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระองค์
    เล่นดนตรีด้วยความชำนาญและเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี

ด้วยว่า คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามีความชอบธรรม
    และสิ่งทั้งปวงที่พระองค์กระทำเป็นไปตามความสัตย์จริงของพระองค์
พระองค์รักความชอบธรรมและความเป็นธรรม
    ในโลกนี้เราจะพบความรักอันมั่นคงของพระผู้เป็นเจ้ามากมาย

ด้วยคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าฟ้าสวรรค์ได้ถูกสร้างขึ้น
    และหมู่ดาวทั้งหลายมีขึ้นได้ก็ด้วยคำพูดจากปากของพระองค์
พระองค์กักน้ำทะเลไว้ดั่งอยู่ในอ่างเก็บน้ำ
    พระองค์กักน้ำจากทะเลลึกเอาไว้ในเขื่อน
ให้ทั้งโลกเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
    ให้หมู่ชนผู้อาศัยบนโลกตกตะลึงในพระองค์
ด้วยว่าเมื่อใดพระองค์กล่าว สิ่งนั้นก็เกิดขึ้น
    เมื่อพระองค์บัญชา สิ่งนั้นก็ถูกสร้างขึ้น

10 พระผู้เป็นเจ้าไม่ปล่อยให้บรรดาประชาชาติประสบความสำเร็จตามที่พวกเขาตัดสินใจ
    พระองค์ทำให้บรรดาชนชาติรู้สึกกระวนกระวายกับแผนที่ตนวางไว้
11 แผนของพระผู้เป็นเจ้ายืนยงตลอดกาล
    ใจพระองค์คิดแน่วแน่ทุกกาลสมัย

12 ประชาชาติเป็นสุขได้เมื่อมีพระเจ้าเป็นพระผู้เป็นเจ้า
    และเมื่อพระองค์ได้เลือกชนชาติให้เป็นผู้สืบมรดกของพระองค์
13 พระผู้เป็นเจ้ามองลงมาจากสวรรค์
    พระองค์จะเห็นบรรดาบุตรของมนุษย์ทั้งปวง
14 พระองค์มองจากบัลลังก์
    พระองค์มองตรงมายังทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลก
15 พระองค์ให้แต่ละคนมีความนึกคิด
    และพระองค์สังเกตเห็นทุกสิ่งที่เขากระทำ

16 กองทัพใหญ่ไม่สามารถช่วยกษัตริย์ให้มีชีวิตรอดพ้น
    พละกำลังมหาศาลไม่อาจช่วยนักรบให้รอดพ้นได้
17 ความคาดหวังที่จะได้ชัยชนะด้วยม้าศึกเป็นความหวังอันไร้ประโยชน์
    และพละกำลังมหาศาลของมันก็ไม่อาจช่วยให้รอดพ้นได้
18 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูบรรดาผู้เกรงกลัวในพระองค์
    และเหล่าผู้หวังในความรักอันมั่นคงของพระองค์
19 เพื่อช่วยจิตวิญญาณของพวกเขาให้พ้นจากภัยที่ถึงแก่ชีวิต
    อีกทั้งให้เขามีชีวิตคงอยู่ได้ในยามอดอยาก

20 จิตวิญญาณของเรารอคอยพระผู้เป็นเจ้า
    พระองค์เป็นผู้ช่วยและเป็นดั่งโล่ของเรา
21 ใจของเรายินดีในพระองค์
    เพราะเราวางใจในพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
22 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้พวกเราได้รับความรักอันมั่นคงของพระองค์
    ดั่งที่เรามีความหวังในพระองค์เถิด

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation