M’Cheyne Bible Reading Plan
ซาอูลได้รับเลือกให้เป็นกษัตริย์
9 มีชายชาวเบนยามินมั่งมีคนหนึ่งชื่อ คีชบุตรของอาบีเอล ผู้เป็นบุตรของเศโรร์ บุตรเบโครัท ผู้เป็นบุตรของอะฟีอัคจากเผ่าเบนยามิน 2 เขามีบุตรคนหนึ่งชื่อ ซาอูล เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ไม่มีชาวอิสราเอลคนใดสูงเกินระดับบ่าของเขา
3 อยู่มาครั้งหนึ่ง ลาของคีชผู้เป็นบิดาของซาอูลหายไป คีชจึงพูดกับซาอูลบุตรของตนว่า “เอาคนรับใช้คนหนึ่งไปกับเจ้า ตามหาลาที่หายไป” 4 เขาจึงเดินทางผ่านไปทางแถบภูเขาแห่งเอฟราอิม และผ่านไปในบริเวณใกล้กับชาลิชาห์ แต่ก็หาไม่พบ เขาจึงเดินทางต่อไป และเข้าไปในอาณาเขตชาอาลิม แต่ลาก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น จากนั้นก็ได้ผ่านพรมแดนของเบนยามิน แต่ก็ยังไม่พบลา
5 เมื่อทั้งสองไปถึงอาณาเขตศูฟ ซาอูลพูดกับผู้รับใช้ที่ไปด้วยว่า “เรากลับไปบ้านกันเถิด มิฉะนั้น บิดาจะเลิกคิดเรื่องลา และจะเริ่มกังวลเรื่องเรา” 6 แต่ผู้รับใช้ตอบว่า “ดูเถิด ในเมืองนี้มีคนของพระเจ้าคนหนึ่ง ท่านเป็นที่นับถือมาก และทุกสิ่งเกิดขึ้นตามที่ท่านพูด เราไปที่นั่นกันเถิด บางทีท่านอาจจะบอกเราได้ว่าควรจะไปทางไหน” 7 ซาอูลพูดกับผู้รับใช้ว่า “ถ้าเราไป เราจะมอบอะไรให้ท่าน อาหารในย่ามก็หมดแล้ว เราไม่มีของกำนัลไปให้คนของพระเจ้า เรามีอะไรบ้าง” 8 ผู้รับใช้ตอบอีกว่า “ดูนี่ ข้าพเจ้ามีเสี้ยวเงินเชเขล[a] ข้าพเจ้าจะมอบให้คนของพระเจ้า ท่านจะได้บอกว่าเราควรไปทางไหน” 9 (ในอิสราเอลสมัยของซาอูล ถ้ามีคนไปถามพระเจ้า เขามักจะพูดว่า “มาเถิด เราไปหาผู้รู้กันเถิด” เพราะ “ผู้รู้” เป็นคำที่เคยใช้เรียกผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าที่เราใช้ในเวลานี้) 10 ซาอูลพูดกับผู้รับใช้ว่า “ดีเลย มาเถิด เราไปกันเถิด” ดังนั้นเขาทั้งสองจึงออกเดินทางไปยังเมืองที่คนของพระเจ้าอยู่
11 ขณะที่เขาขึ้นเนินเขาไปทางเมืองนั้น ก็พบพวกหญิงสาวกำลังออกมาตักน้ำ จึงถามว่า “ผู้รู้อยู่ที่นี่หรือเปล่า” 12 พวกเธอตอบว่า “ท่านอยู่ที่นี่ ท่านอยู่ข้างหน้าโน้น รีบไปเถิด ท่านเพิ่งมาถึงเมืองเราวันนี้ เพราะประชาชนมีเครื่องสักการะจะถวายที่สถานบูชาบนภูเขาสูง 13 ทันทีที่ท่านเข้าเมือง ท่านจะพบผู้ทำนายก่อนที่ท่านจะขึ้นไปสถานบูชาบนภูเขาสูงเพื่อรับประทาน ประชาชนจะไม่เริ่มรับประทาน จนกว่าท่านจะมา เพราะท่านต้องกล่าวขอบคุณพระเจ้าก่อน แล้วพวกที่ได้รับเชิญก็จะรับประทานกัน ขึ้นไปตอนนี้เถิด ท่านน่าจะพบท่านประมาณเวลานี้” 14 เขาทั้งสองขึ้นไปยังเมืองนั้น และขณะที่กำลังเข้าไป ซามูเอลอยู่ที่นั่น ท่านกำลังเดินตรงมาทางเดียวกันพอดี และจะขึ้นไปสถานบูชาบนภูเขาสูง
15 ในวันก่อนวันที่ซาอูลจะมา พระผู้เป็นเจ้าได้เผยให้ซามูเอลทราบว่า 16 “ในวันพรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ เราจะให้ชายผู้หนึ่งจากดินแดนของเบนยามินมาพบเจ้า จงเจิมเขาให้เป็นผู้นำอิสราเอลชนชาติของเรา เขาจะช่วยชนชาติของเราให้พ้นจากมือของชาวฟีลิสเตีย เราเห็นว่าชนชาติของเราเป็นทุกข์ เพราะเราได้ยินเสียงร้องของพวกเขา” 17 เมื่อซามูเอลแลเห็นซาอูล พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า “ชายผู้นี้เป็นคนที่เราบอกเจ้า เขาจะปกครองชนชาติของเรา” 18 ซาอูลเข้าไปใกล้ซามูเอลที่ทางประตูและถามว่า “ท่านจะกรุณาบอกข้าพเจ้าได้ไหมว่า บ้านของผู้รู้อยู่ที่ไหน” 19 ซามูเอลตอบว่า “เราเป็นผู้รู้ ท่านจงขึ้นไปล่วงหน้าเรา ไปสถานบูชาบนภูเขาสูง เพราะว่าวันนี้ท่านจะต้องรับประทานกับเรา และพอรุ่งเช้า เราก็จะให้ท่านไป และจะบอกท่านว่า ท่านมีความในใจอะไร 20 ไม่ต้องห่วงเรื่องลาที่หายไปเมื่อ 3 วันก่อน เพราะมีคนพบมันแล้ว สิ่งเดียวที่อิสราเอลต้องการนั้น คือใครเล่า ถ้าไม่ใช่ท่านและครอบครัวของบิดาของท่าน” 21 ซาอูลตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวเบนยามินมิใช่หรือ มาจากเผ่าเล็กที่สุดของอิสราเอล และตระกูลของข้าพเจ้าก็สำคัญน้อยที่สุดในบรรดาทุกเผ่าของเบนยามินมิใช่หรือ ทำไมท่านจึงพูดกับข้าพเจ้าเช่นนั้น”
22 ครั้นแล้วซามูเอลก็พาซาอูลและผู้รับใช้เข้าไปในห้องโถง และให้ท่านนั่งที่หัวโต๊ะของผู้ได้รับเชิญประมาณ 30 คน 23 ซามูเอลพูดกับพ่อครัวว่า “ไปเอาเนื้อที่เราให้เจ้ามา ชิ้นที่เราบอกให้เจ้าแยกเก็บไว้” 24 ดังนั้นพ่อครัวจึงไปหยิบเนื้อท่อนขาพร้อมกับขาอ่อน มาวางไว้ที่ข้างหน้าซาอูล ซามูเอลพูดว่า “นี่เป็นสิ่งที่เก็บไว้ให้ท่าน จงรับประทาน เพราะเขาเก็บไว้ให้ท่านสำหรับโอกาสนี้ ท่านจะได้รับประทานกับแขกรับเชิญ”
วันนั้นซาอูลจึงรับประทานกับซามูเอล 25 เมื่อเขาทั้งหลายลงมาจากสถานบูชาบนภูเขาสูง และเข้าไปในเมือง ซามูเอลพูดกับซาอูลบนดาดฟ้า 26 เขาทั้งสองลุกขึ้นเมื่อฟ้าสาง ซามูเอลเรียกซาอูลที่อยู่บนดาดฟ้าว่า “เตรียมตัวให้พร้อม แล้วเราจะส่งให้ท่านออกเดินทางไป” เมื่อซาอูลพร้อมแล้ว เขากับซามูเอลก็ออกไปนอกบ้านพร้อมกัน
27 ขณะที่กำลังเดินไปถึงชานเมือง ซามูเอลพูดกับซาอูลว่า “บอกให้ผู้รับใช้ล่วงหน้าเราไปก่อน” ผู้รับใช้ก็ทำตามนั้น “แต่ท่านจงอยู่ที่นี่สักพักก่อน เราจะได้บอกให้ท่านทราบถึงสิ่งที่พระเจ้ากล่าวไว้”
ตายจากกฎบัญญัติ
7 พี่น้องเอ๋ย ท่านไม่ทราบหรือว่า กฎบัญญัติมีอำนาจเหนือมนุษย์ตราบเท่าที่เขามีชีวิตอยู่เท่านั้น (ทั้งนี้ข้าพเจ้าพูดกับบรรดาคนที่รู้กฎบัญญัติ) 2 ตัวอย่างเช่น ตามกฎ หญิงที่แต่งงานแล้วจะมีข้อผูกมัดอยู่กับสามีของนางตราบเท่าที่สามียังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าสามีตาย นางก็พ้นจากกฎนั้น 3 ดังนั้นถ้าสามีของนางยังมีชีวิตอยู่ แล้วนางไปร่วมชีวิตกับชายอื่น นางก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ผิดประเวณี แต่ถ้าสามีของนางตาย นางก็พ้นจากกฎนั้น นางก็จะไม่เป็นผู้ผิดประเวณี แม้ว่าจะร่วมชีวิตกับชายอื่น
4 เช่นเดียวกัน พี่น้องเอ๋ย ท่านได้ตายจากกฎบัญญัติแล้ว โดยการตายของพระคริสต์ ท่านจะได้เป็นคนขององค์ผู้ได้ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย เพื่อเราจะได้เกิดผลเพื่อพระเจ้า 5 ด้วยว่าแต่ก่อนเราดำเนินชีวิตตามฝ่ายเนื้อหนัง[a] กฎบัญญัติปลุกตัณหาชั่วที่อยู่ในตัวของเราให้ตื่นขึ้น เราจึงเกิดผลซึ่งนำไปสู่ความตาย 6 แต่บัดนี้เราพ้นจากกฎบัญญัติ เราได้ตายจากกฎบัญญัติที่เคยพันธนาการเราไว้ เพื่อเราจะได้รับใช้ในวิถีทางใหม่แห่งพระวิญญาณ ไม่ใช่ทางเก่าแห่งกฎบัญญัติที่เขียนบันทึกไว้
กฎบัญญัติและบาป
7 แล้วเราจะว่าอย่างไร กฎบัญญัติเป็นบาปหรือ ไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น แต่ตรงกันข้าม ถ้าปราศจากกฎบัญญัติแล้ว ข้าพเจ้าก็จะไม่มีวันรู้จักบาป ด้วยว่าถ้ากฎบัญญัติไม่ได้เขียนไว้ว่า “อย่าโลภ”[b] ข้าพเจ้าก็จะไม่รู้ว่าความโลภคืออะไร 8 แต่บาปหาโอกาสใช้พระบัญญัติเป็นเครื่องกระตุ้นความโลภสารพัดในตัวข้าพเจ้า ด้วยว่าถ้าไม่มีกฎบัญญัติ บาปก็คงสภาพราวกับไม่มีชีวิต 9 เมื่อก่อน ข้าพเจ้าเคยดำรงชีวิตอยู่ขณะที่ไม่มีกฎบัญญัติ แต่เมื่อมีพระบัญญัติขึ้น บาปก็กลับมีชีวิตขึ้น และข้าพเจ้าก็ตาย 10 ข้าพเจ้าพบว่าพระบัญญัตินั้นควรจะนำชีวิตมาให้ แต่กลับนำความตายมาสู่ข้าพเจ้า 11 ด้วยว่าบาปหาโอกาสหลอกลวงข้าพเจ้าโดยใช้พระบัญญัติ และบาปใช้พระบัญญัตินั้นเพื่อจะฆ่าข้าพเจ้า 12 ฉะนั้นกฎบัญญัตินั้นบริสุทธิ์ และพระบัญญัติก็บริสุทธิ์ ชอบธรรม และดีงาม
13 แล้วสิ่งที่ดีงามนั้นนำความตายมาสู่ข้าพเจ้าหรือ ไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น แต่เป็นเพราะบาป ซึ่งก่อให้เกิดความตายในตัวข้าพเจ้าด้วยการใช้สิ่งที่ดีงาม เพื่อทำให้เห็นว่าบาปนั้นเป็นบาปจริงอย่างไร และด้วยพระบัญญัติซึ่งทำให้เห็นว่าบาปชั่วร้ายยิ่งนัก 14 เราทราบว่ากฎบัญญัติเป็นฝ่ายวิญญาณ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นฝ่ายวิญญาณ ข้าพเจ้าถูกขายให้ตกเป็นทาสของบาป 15 ข้าพเจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพเจ้าทำอยู่ เพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการทำนั้น ข้าพเจ้าไม่ทำ แต่กลับทำสิ่งที่ข้าพเจ้าเกลียด 16 และถ้าข้าพเจ้าทำสิ่งที่ไม่ต้องการทำ เท่ากับข้าพเจ้าเห็นด้วยว่ากฎบัญญัตินั้นดีงาม 17 เท่าที่เป็นอยู่นี้ ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าเองที่ทำ แต่เป็นบาปที่อยู่ในตัวข้าพเจ้าเองเป็นผู้ทำ 18 ข้าพเจ้าทราบว่าฝ่ายเนื้อหนังในตัวข้าพเจ้าไม่มีอะไรดีเลย ด้วยว่าข้าพเจ้าต้องการทำความดี แต่ไม่สามารถทำได้ 19 ด้วยว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าทำไม่ใช่สิ่งดีอันเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการทำ แต่กลับทำสิ่งชั่วร้ายที่ไม่ต้องการทำเรื่อยไป 20 แต่ถ้าข้าพเจ้ากระทำสิ่งที่ไม่ต้องการทำ ก็ไม่ใช่ตัวข้าพเจ้าอีกแล้วที่กระทำ แต่เป็นบาปที่อยู่ในตัวข้าพเจ้าเป็นผู้ทำ
21 ดังนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าเป็นหลักคือ เมื่อต้องการกระทำความดี ความชั่วก็อยู่ด้วยกับข้าพเจ้า 22 ด้วยว่าส่วนลึกในใจของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ายินดีในกฎบัญญัติของพระเจ้า 23 แต่ข้าพเจ้าเห็นกฎอื่นในตัวข้าพเจ้า ซึ่งเป็นกฎที่ต่อต้านกับกฎบัญญัติที่ความคิดของข้าพเจ้าเห็นดีด้วย และทำให้ข้าพเจ้ามาเป็นเชลยของกฎแห่งบาปซึ่งอยู่ในตัวข้าพเจ้า 24 ข้าพเจ้าเป็นคนมีทุกข์อะไรเช่นนี้ ใครจะช่วยชีวิตข้าพเจ้าจากร่างกายแห่งความตายนี้ 25 ขอบคุณพระเจ้าโดยผ่านพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ฉะนั้นตามความคิดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทาสต่อกฎบัญญัติของพระเจ้า ส่วนฝ่ายเนื้อหนังนั้น ข้าพเจ้าเป็นทาสต่อกฎแห่งบาป
การตัดสินลงโทษอียิปต์
46 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ถึงเรื่องบรรดาประชาชาติว่า
2 เกี่ยวกับอียิปต์ ในเรื่องกองทัพของฟาโรห์เนโคกษัตริย์แห่งอียิปต์ ซึ่งถูกเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนตีพ่ายไป ที่คาร์เคมิชใกล้แม่น้ำยูเฟรติส ในปีที่สี่ของสมัยเยโฮยาคิมบุตรโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์[a]
3 “จงเตรียมโล่และดั้งให้พร้อม
เดินหน้าประชิดสงคราม
4 โอ ทหารม้าเอ๋ย จงผูกอานม้า
และขึ้นขี่
ยืนประจำที่ของพวกเจ้าพร้อมด้วยหมวกเหล็ก
จงขัดหอกให้มันขลับ
และสวมเกราะของเจ้า”
5 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“ทำไมเราจึงเห็น
พวกเขาตกใจและหันกลับ
นักรบของพวกเขาถูกตีพ่ายไป
และรีบหนีเตลิดไป
โดยไม่หันหลัง
ดูน่าตกใจรอบด้าน
6 แม้แต่พวกที่ฝีเท้าเร็วก็ยังหนีไม่พ้น
นักรบก็หนีไม่รอด
พวกเขาล้มลุกคลุกคลาน
อยู่ทางทิศเหนือข้างแม่น้ำยูเฟรติส
7 นี่คือใครที่ลุกขึ้นอย่างแม่น้ำไนล์
อย่างแม่น้ำที่เอ่อขึ้น
8 อียิปต์ลุกขึ้นอย่างแม่น้ำไนล์
อย่างแม่น้ำที่เอ่อขึ้น
เขาพูดว่า ‘เราจะลุกขึ้น เราจะท่วมทั้งโลก
เราจะทำลายเมืองต่างๆ และผู้อยู่อาศัยด้วย’
9 โอ ฝูงม้าเอ๋ย รุดหน้าเถิด
โอ สารถีเอ๋ย จงบุกเข้าไป
ให้นักรบเดินหน้าออกไป
พวกชาวคูชและชาวพูตผู้ถือดั้ง
พวกชาวลูดผู้ขมังธนู
10 วันนั้นเป็นวันที่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่จะมา
วันแห่งการแก้แค้นของพระองค์
เพื่อแก้แค้นปฏิปักษ์ของพระองค์
ดาบจะฟาดฟันจนกว่าจะพอใจ
จนกว่าจะหยุดกระหายเลือดของพวกเขา
เพราะพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่จะมอบเครื่องบูชาบนแผ่นดิน
ที่ทิศเหนือข้างแม่น้ำยูเฟรติส
11 โอ ธิดาพรหมจารีแห่งอียิปต์เอ๋ย
จงขึ้นไปหายาทาแผลที่กิเลอาด
เจ้าได้ใช้ยาหลายขนานอย่างไร้ประโยชน์
คือแผลเจ้าจะไม่หายขาด
12 บรรดาประชาชาติทราบว่าเจ้ารู้สึกละอายใจ
และทั้งโลกได้ยินเสียงร้องระทมของเจ้า
เพราะนักรบสะดุด
และต่างก็พากันหกล้ม”
13 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ถึงเรื่องเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนที่มาโจมตีแผ่นดินอียิปต์
14 “จงประกาศในอียิปต์ และประกาศในมิกดล
ประกาศในเมมฟิสและในทาปานเหสว่า
‘จงยืนเตรียมตัวให้พร้อม
เพราะสงครามจะทำลายทุกสิ่งรอบข้างเจ้า’
15 ทำไมพวกนักรบของเจ้าจึงก้มหน้าลง
พวกเขายืนไม่ได้
เพราะพระผู้เป็นเจ้าทำให้ล้มลง
16 พระองค์ทำให้หลายคนสะดุด
และพวกเขาก็ล้มลง
และพูดต่อกันและกันว่า ‘ลุกขึ้นเถิด พวกเรากลับไปหาชนชาติพวกเราเองเถิด
กลับไปยังถิ่นกำเนิดของพวกเรา
เพราะผู้กดขี่ข่มเหงจะฆ่าเรา’
17 เรียกฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ว่า
‘ผู้ที่ทำเสียงดังหนวกหู
ปล่อยเวลาให้ผ่านไป’”
18 กษัตริย์ผู้มีพระนามว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้
“ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด
มีผู้หนึ่งที่จะมา
เขาเป็นดั่งภูเขาทาโบร์ที่ตระหง่านท่ามกลางเทือกเขา
และเป็นดั่งภูเขาคาร์เมลที่ใกล้ฝั่งทะเล
19 โอ ผู้อยู่อาศัยของอียิปต์เอ๋ย
จงเตรียมข้าวของไปเป็นเชลยเถิด
เพราะเมมฟิสจะกลายเป็นที่รกร้าง
พังทลาย และไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่
20 อียิปต์เป็นเช่นโคสาวตัวงาม
แต่กำลังถูกแมลงจากทิศเหนือกัดต่อย
21 แม้แต่พวกทหารที่ถูกเกณฑ์ในประเทศ
ก็เป็นเหมือนลูกโคอ้วนพี
พวกเขาหันกลับและพากันหนีไปด้วย
พวกเขาไม่ยืนหยัดต่อสู้
เพราะวันแห่งความวิบัติของพวกเขาได้มาถึงแล้ว
เป็นเวลาที่พวกเขาถูกลงโทษ
22 อียิปต์ทำเสียงขู่ฟู่เหมือนงูที่กำลังเลื้อยหนีไป
เพราะพวกศัตรูใช้กำลังบุก
และใช้ขวานเข้าโจมตีอียิปต์
เหมือนกับขวานที่ใช้ตัดต้นไม้
23 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
พวกเขาจะตัดป่าไม้ของอียิปต์จนเตียน
แม้ว่าป่าจะหนาทึบก็ตาม
เพราะพวกเขามีจำนวนมากกว่าฝูงตั๊กแตน
มากจนนับไม่ถ้วน
24 ธิดาของอียิปต์จะละอายใจ
และอียิปต์จะถูกมอบไว้ในมือของชนชาติจากทิศเหนือ”
25 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ “ดูเถิด เรากำลังจะลงโทษอาโมนเทพเจ้าแห่งเธเบส และลงโทษฟาโรห์ บรรดาเทพเจ้าและกษัตริย์ของอียิปต์ และบรรดาผู้ที่ไว้วางใจในฟาโรห์ 26 เราจะมอบพวกเขาไว้ในมือของพวกที่ต้องการล่าชีวิต แม้แต่ในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนและพวกผู้นำของเขา ต่อมาหลังจากนั้นอียิปต์จะมีผู้คนอาศัยอยู่เหมือนกาลก่อนอีก” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
27 “โอ ยาโคบผู้รับใช้ของเรา แต่เจ้าไม่ต้องกลัว
โอ อิสราเอล เจ้าไม่ต้องตกใจ
เพราะว่าดูเถิด เราจะช่วยเจ้าให้รอดปลอดภัยจากแผ่นดินที่ห่างไกล
และช่วยเชื้อสายของเจ้าจากแผ่นดินที่ไปอยู่เป็นเชลย
ยาโคบจะกลับไปและมีสันติสุขและความมั่นคง
และไม่มีใครที่จะทำให้เขากลัว”
28 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า
“โอ ยาโคบผู้รับใช้ของเรา
เพราะเราอยู่กับเจ้า
เราได้ขับไล่เจ้าไปอยู่ท่ามกลางประชาชาติทั้งปวง
และเราจะทำลายพวกเขาให้สิ้นซาก
แต่เราจะไม่ทำลายเจ้าให้สิ้นซาก
เราจะลงโทษเจ้าอย่างยุติธรรม
เราจะไม่ปล่อยเจ้าไปโดยไม่ถูกลงโทษอย่างแน่นอน”
เอลี เอลี ลามาสะบักธานี
ถึงหัวหน้าวงดนตรี โน้ตเพลงกวาง ในยามย่ำรุ่ง เพลงสดุดีของดาวิด
1 พระเจ้าของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ทำไมพระองค์จึงทอดทิ้งข้าพเจ้า[a]
ทำไมพระองค์จึงอยู่ห่างไกลเกินที่จะช่วยข้าพเจ้า
ไม่ได้ยินแม้แต่คำคร่ำครวญของข้าพเจ้า
2 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องไห้ในเวลากลางวัน แต่พระองค์ไม่ตอบ
และในช่วงเวลากลางคืนข้าพเจ้าก็หาได้พักไม่
3 แต่พระองค์ยังคงความเป็นผู้บริสุทธิ์
เป็นที่สรรเสริญของอิสราเอล
4 บรรพบุรุษของเราไว้วางใจในพระองค์
ท่านเหล่านั้นไว้วางใจ และพระองค์ช่วยให้รอดพ้น
5 ท่านร้องถึงพระองค์ และได้รับความรอดพ้น
ท่านไว้วางใจในพระองค์ และไม่ได้รับความอับอาย
6 แต่ข้าพเจ้าเป็นหนอนตัวหนึ่งซึ่งไม่ใช่มนุษย์
ถูกผู้คนดูหมิ่นและรังเกียจ
7 ทุกคนที่เห็นข้าพเจ้าก็ล้อเลียน
พวกเขาเยาะเย้ยข้าพเจ้า พลางสั่นหัวกันไปมา[b] พูดว่า
8 “ปล่อยให้เป็นเรื่องของพระผู้เป็นเจ้าเถิด ให้พระองค์ช่วยเขาให้รอดพ้น
ปล่อยให้พระองค์ช่วยผู้ที่พระองค์ยินดี”
9 พระองค์เป็นผู้ที่นำข้าพเจ้าออกมาจากครรภ์
พระองค์ให้ความปลอดภัยแก่ข้าพเจ้าในอ้อมอกแม่
10 นับแต่เกิดมา ข้าพเจ้าถูกมอบให้กับพระองค์
พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้ามาโดยตลอด ตั้งแต่วันที่ออกจากครรภ์มารดา
11 อย่าอยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
เพราะว่าความลำบากอยู่ใกล้
และไม่มีใครคอยช่วย
12 มีศัตรูประดุจโคหนุ่มจำนวนมากล้อมอยู่รอบกายข้าพเจ้า
โคหนุ่มของบาชาน[c] พวกนี้มีกำลังมหาศาลตีวงเข้าล้อมข้าพเจ้า
13 พวกมันอ้าปากกว้างเข้าใส่ข้าพเจ้าประดุจสิงโตคำราม
และเขมือบอย่างตะกละตะกราม
14 เรี่ยวแรงข้าพเจ้าถูกสูบออกไปจนหมดสิ้น
และกระดูกทุกท่อนหลุดจากข้อต่อ
หัวใจข้าพเจ้าเป็นดั่งขี้ผึ้ง
ที่หลอมละลายอยู่ในทรวงอก
15 ปากคอข้าพเจ้าแห้งผากดั่งเศษกระเบื้องดินเผา
ลิ้นผนึกกับขากรรไกร
พระองค์วางตัวข้าพเจ้าลงบนผงธุลีแห่งความตาย
16 พวกสุนัขอยู่ล้อมรอบข้าพเจ้า
กลุ่มคนชั่วรายล้อมข้าพเจ้าไว้
พวกเขาตรึงมือและเท้าข้าพเจ้า
17 ข้าพเจ้านับจำนวนกระดูกของข้าพเจ้าได้ทุกท่อน
ผู้คนพินิจดูข้าพเจ้า และสมน้ำหน้า
18 พวกเขาแบ่งปันเสื้อตัวนอกของข้าพเจ้าในหมู่พวกเขา
แล้วเขาจับฉลากเอาเสื้อตัวในของข้าพเจ้าไป[d]
19 โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์อย่าออกห่างไปไกลเลย
ผู้ช่วยเหลือของข้าพเจ้า โปรดรีบมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
20 ช่วยชีวิตของข้าพเจ้าให้พ้นจากคมดาบ
ชีวิตอันมีค่าของข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือสุนัข
21 ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากปากสิงโตด้วยเถิด
พระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเขากระทิง
22 ข้าพเจ้าจะบอกเล่าถึงพระนามของพระองค์แก่เหล่าพี่น้องของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ในท่ามกลางที่ประชุม[e]
23 บรรดาท่านที่มีความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญพระองค์
ผู้สืบตระกูลของยาโคบทุกคน จงถวายเกียรติแด่พระองค์
ผู้สืบตระกูลของอิสราเอล จงยกย่องพระองค์
24 เพราะว่าพระองค์ไม่ได้ดูหมิ่นหรือชิงชังความทุกข์ของผู้ได้รับทุกข์ทรมาน
พระองค์ไม่ได้ซ่อนหน้าจากเขา
แต่ได้ยินในยามที่เขาร้องเรียกถึงพระองค์
25 คำสรรเสริญของข้าพเจ้าในที่ประชุมใหญ่มาจากพระองค์
ข้าพเจ้าจะทำตามคำสัญญาต่อหน้าบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์
26 คนยากไร้จะมีกินและอิ่มหนำ
บรรดาผู้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
ขอให้พวกท่านมีชีวิตที่สุขสบายอยู่เป็นนิจ
27 ทั่วแหล่งหล้าจะรำลึกได้
และหันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า
แล้วทุกครอบครัวของบรรดาประชาชาติ
จะก้มลงกราบพระองค์
28 ด้วยว่าการปกครองเป็นของพระผู้เป็นเจ้า
และพระองค์ปกครองบรรดาประชาชาติ
29 คนหยิ่งยโสในโลกจะรับประทานและก้มกราบ ณ เบื้องหน้าพระองค์
ทุกคนที่ต้องจบชีวิตกลายเป็นผงธุลีจะคุกเข่าลงต่อหน้าพระองค์
รวมถึงคนที่ไม่อาจรักษาชีวิตของตนไว้ได้
30 ผู้สืบตระกูลจะรับใช้พระองค์
ผู้คนจะพูดถึงพระผู้เป็นเจ้าในยุคต่อๆ ไป
31 พวกเขาจะมาและประกาศถึงความชอบธรรมของพระองค์
แก่ผู้คนที่จะเกิดมาภายหลังว่า
พระองค์ได้กระทำสิ่งเหล่านี้
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation