Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 ซามูเอล 2

คำอธิษฐานของฮันนาห์

ฮันนาห์ได้กล่าวอธิษฐานว่า

“จิตใจข้าพเจ้ายินดีในพระผู้เป็นเจ้า
    ข้าพเจ้ามีพละกำลังขึ้นได้ด้วยพระผู้เป็นเจ้า
ปากข้าพเจ้าหัวเราะเยาะศัตรูข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้ายินดีในชัยชนะ

ไม่มีผู้ใดบริสุทธิ์เหมือนพระผู้เป็นเจ้า
    ไม่มีผู้ใดนอกจากพระองค์
    ไม่มีศิลาใดที่เป็นเหมือนพระเจ้าของเรา

อย่าพูดเย่อหยิ่งอีกต่อไป
    อย่าให้ความยโสโอหังหลุดจากปากของท่าน
เพราะพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความรอบรู้
    และพระองค์ชั่งดูการกระทำ
คันธนูของนักรบหักสะบั้น
    แต่บรรดาผู้ขาดกำลังได้รับพละกำลัง
บรรดาคนที่เคยกินอิ่ม บัดนี้ไปรับจ้างเพื่อปากท้อง
    แต่บรรดาคนที่เคยหิว บัดนี้หายหิวแล้ว
คนเป็นหมันได้ให้กำเนิดบุตร 7 คน
    แต่นางที่มีบุตรมากก็ถูกทอดทิ้ง

พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ให้ความตายและให้ชีวิต
    พระองค์ทำให้ลงไปสู่แดนคนตายและชุบชีวิตขึ้น
พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ทำให้คนจนและทำให้คนมั่งมี
    พระองค์ทำให้คนหนึ่งถ่อมลง และให้อีกคนได้รับการยกย่อง
พระองค์หยิบยกคนสิ้นไร้ไม้ตอกขึ้นจากผงธุลี
    และหยิบยกคนยากไร้ขึ้นจากกองขี้เถ้า
ให้พวกเขานั่งในตำแหน่งเทียบเทียมกับบรรดาเจ้าขุนมูลนาย
    และได้รับที่นั่งของคนมีเกียรติ

ด้วยว่าฐานรากของแผ่นดินโลกเป็นของพระผู้เป็นเจ้า
    และพระองค์ตั้งโลกไว้บนฐานนั้น
พระองค์จะคุ้มกันเท้าของบรรดาผู้ภักดี
    แต่คนชั่วร้ายจะถูกตัดขาดในที่มืด

ด้วยว่า คนจะชนะได้ด้วยพละกำลังของตนก็หาไม่
10     ศัตรูของพระผู้เป็นเจ้าจะพินาศย่อยยับ
พระองค์จะส่งเสียงฟ้าคำรนเข้าใส่พวกเขา
    พระผู้เป็นเจ้าจะพิพากษาทั่วแหล่งหล้า

พระองค์จะให้พละกำลังแก่กษัตริย์ของพระองค์
    และเพิ่มอำนาจให้แก่ผู้ได้รับการเจิมทวีขึ้น”[a]

บุตรชายผู้ชั่วร้ายทั้งสองของเอลี

11 แล้วเอลคานาห์กลับไปบ้านที่รามาห์ ในขณะที่เด็กคนนั้นอยู่รับใช้พระผู้เป็นเจ้า ในการดูแลของเอลีปุโรหิต

12 ฝ่ายบุตรทั้งสองของเอลีเป็นคนเลวร้าย เขาไม่เคารพนับถือพระผู้เป็นเจ้า 13 และไม่ทำตามหน้าที่ของปุโรหิตที่ควรมีต่อประชาชน เมื่อมีคนถวายเครื่องสักการะ ผู้รับใช้ของปุโรหิตจะถือส้อมสามง่ามมา ในขณะที่เนื้อกำลังต้มอยู่ 14 เขาก็จะเอาส้อมจิ้มในถาด หรือหม้อต้มน้ำ หรือกาน้ำใหญ่ หรือหม้อ และเนื้อส่วนไหนที่ส้อมจิ้มขึ้นมาได้ ปุโรหิตก็จะเก็บไว้เอง นี่คือสิ่งที่พวกเขาปฏิบัติที่ชิโลห์กับชาวอิสราเอลทั้งปวงที่มาที่นั่น 15 และยิ่งกว่านั้น ก่อนที่จะเผาไขมัน ผู้รับใช้ของปุโรหิตจะมาพูดกับคนที่ถวายเครื่องสักการะว่า “จงให้เนื้อแก่ปุโรหิตไปย่าง เพราะท่านจะไม่รับเนื้อต้มจากเจ้า ท่านต้องการแต่เนื้อดิบเท่านั้น” 16 และถ้าคนนั้นพูดกับเขาว่า “ให้พวกเขาเผาไขมันก่อน และจากนั้นท่านจะเอาอะไรก็ได้” เขาจะพูดว่า “ไม่ได้ เจ้าต้องให้เดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น ฉันก็จะต้องใช้กำลังบังคับ” 17 เป็นเพราะอย่างนั้น บาปของพวกชายหนุ่มจึงมหันต์นักในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เพราะพวกเขาดูหมิ่นของถวายของพระผู้เป็นเจ้า

18 ซามูเอลรับใช้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า แม้จะเป็นเด็กก็สวมชุดคลุมผ้าป่าน 19 มารดาของเขาเคยเย็บเสื้อคลุมขนาดเล็ก โดยนำไปให้ทุกปี เวลาที่นางขึ้นไปกับสามีเพื่อถวายเครื่องสักการะประจำปี 20 แล้วเอลีก็จะอวยพรเอลคานาห์และภรรยาของเขา กล่าวว่า “ขอให้พระผู้เป็นเจ้าให้ท่านมีลูกที่เกิดจากหญิงคนนี้อีก เพื่อทดแทนคนที่นางอธิษฐานขอและได้มอบให้แด่พระผู้เป็นเจ้า” และพวกเขาก็กลับบ้านไป

21 แล้วพระผู้เป็นเจ้ามาเยี่ยมฮันนาห์ นางตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย 3 คนและบุตรหญิง 2 คน ฝ่ายเด็กน้อยซามูเอลก็เติบใหญ่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า

เอลีห้ามบุตรทั้งสองของตน

22 ขณะนั้นเอลีชรามาก เขาได้ยินถึงทุกเรื่องที่บุตรทั้งสองของเขาปฏิบัติต่อชาวอิสราเอล และซ้ำยังได้หลับนอนกับพวกผู้หญิงรับใช้ที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย 23 เขาพูดกับบุตรทั้งสองว่า “ทำไมเจ้าจึงทำเช่นนี้ ฉันได้ยินถึงเรื่องชั่วร้ายที่เจ้าทำต่อคนเหล่านี้ 24 ไม่เลย บุตรเอ๋ย เรื่องที่ฉันได้ยินไม่ใช่เป็นเรื่องดี ซึ่งคนของพระผู้เป็นเจ้าเล่าต่อๆ กันไปทั่ว 25 ถ้าหากว่าคนใดคนหนึ่งกระทำบาปต่ออีกคนหนึ่ง พระเจ้าจะไกล่เกลี่ยให้เขา แต่ถ้าหากว่าใครกระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า ใครจะอ้อนวอนให้เขาได้” แต่บุตรทั้งสองไม่ยอมฟังบิดาของเขา เพราะพระผู้เป็นเจ้าตั้งใจประหารเขาให้ตาย

26 ฝ่ายชายหนุ่มซามูเอลก็เติบโตและเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้าและบุคคลทั่วไปด้วย

พระผู้เป็นเจ้าปฏิเสธครอบครัวของเอลี

27 คนของพระเจ้าผู้หนึ่งไปหาเอลีและพูดกับเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนี้ว่า ‘เราปรากฏแก่ครอบครัวของบรรพบุรุษของเจ้าอย่างแท้จริง เวลาพวกเขาอยู่ในประเทศอียิปต์ ภายใต้บังคับของฟาโรห์แล้วมิใช่หรือ 28 เราได้เลือกพวกเขาออกจากเผ่าทั้งปวงของอิสราเอล เพื่อเป็นปุโรหิตของเรา เพื่อขึ้นไปยังแท่นบูชาของเรา เพื่อเผาเครื่องหอม เพื่อสวมชุดคลุม ณ เบื้องหน้าเรามิใช่หรือ เราได้ให้ของถวายด้วยไฟทั้งหมดของเราที่มาจากชาวอิสราเอล แก่ครอบครัวของบรรพบุรุษของเจ้า 29 แล้วทำไมเจ้าจึงไม่เคารพเครื่องสักการะและของถวายของเราที่เราบัญชา และเจ้าให้เกียรติบุตรของเจ้าเหนือเรา ในการเลือกส่วนดีที่สุดจากของถวายของชาวอิสราเอลของเราทุกครั้ง จนพวกเจ้าเองอ้วนพี’ 30 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลประกาศว่า ‘เราสัญญาไว้ว่าพงศ์พันธุ์ของเจ้า และพงศ์พันธุ์ของบรรพบุรุษของเจ้าจะอยู่รับใช้ ณ เบื้องหน้าเราไปตลอดกาล’ แต่บัดนี้พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘ลืมเสียเถิด เพราะว่าเราจะให้เกียรติแก่คนที่เทิดเกียรติเรา ส่วนคนที่ดูหมิ่นเราก็จะไม่เป็นที่นับถือ 31 ดูเถิด จะถึงวันที่เราจะตัดกำลังของเจ้าและของพงศ์พันธุ์ของบรรพบุรุษของเจ้า และไม่มีผู้ใดในพงศ์พันธุ์ของเจ้าจะมีชีวิตอยู่นานจนแก่เฒ่า 32 และเจ้าจะเป็นทุกข์เมื่อเห็นความรุ่งเรืองที่เราจะให้แก่อิสราเอล และจะไม่มีคนแก่คนเฒ่าในพงศ์พันธุ์ของเจ้าไปตลอดกาล 33 มีเพียงคนเดียวในหมู่เจ้าที่เราจะไม่ตัดขาดจากแท่นบูชาของเรา และเราจะไว้ชีวิตเขา เพื่อให้เขาร้องไห้จนตาบวมเพราะความเศร้าโศก และผู้สืบเชื้อสายในพงศ์พันธุ์ของเจ้าทั้งหมดจะตายในวัยฉกรรจ์ 34 และสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโฮฟนีและฟีเนหัสบุตรทั้งสองของเจ้า จะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้า คือทั้งสองจะตายในวันเดียวกัน 35 และเราจะกำหนดปุโรหิตผู้ภักดีคนหนึ่งของเรา เขาจะปฏิบัติตามสิ่งที่อยู่ในใจและในความคิดของเรา เราจะสร้างพงศ์พันธุ์ที่มั่นคงให้แก่เขา และเขาจะรับใช้ผู้ที่ได้รับการเจิมของเราไปตลอดกาล[b] 36 และทุกคนที่อยู่ในพงศ์พันธุ์ของเจ้าจะมาก้มกราบเขาเพื่อเงินเหรียญหนึ่งหรือขนมปังก้อนเดียว และจะพูดว่า “โปรดให้ข้าพเจ้าได้รับหน้าที่ของตำแหน่งปุโรหิตด้วยเถิด เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีอาหารรับประทาน”’”

โรม 2

พระเจ้ากล่าวโทษ

ฉะนั้น มนุษย์เอ๋ย พวกท่านทุกคนที่กล่าวโทษ ท่านจึงไม่มีข้อแก้ตัว เพราะเมื่อท่านกล่าวโทษผู้อื่น ก็นับว่าท่านตำหนิติเตียนตนเอง เพราะท่านผู้กล่าวโทษนั้นก็ประพฤติเช่นเดียวกัน และเราทราบว่า สมควรแล้วที่คำพิพากษาของพระเจ้าจะตกอยู่กับคนที่ประพฤติเช่นนั้น มนุษย์เอ๋ย เมื่อท่านกล่าวโทษคนที่ประพฤติสิ่งเหล่านี้ และท่านเองก็ประพฤติเหมือนกัน แล้วท่านจะหนีพ้นจากการกล่าวโทษของพระเจ้าหรือ หรือท่านประมาทว่า พระองค์มีความกรุณา ความอดกลั้น และความอดทนยิ่ง โดยหารู้ไม่ว่า ความกรุณาของพระเจ้านั้นมีเพื่อนำพาท่านสู่การกลับใจ แต่เป็นเพราะความดื้อด้านและการไม่กลับใจของท่านต่างหาก ท่านจึงสะสมการลงโทษบาปให้แก่ตนเองในวันลงโทษของพระเจ้า คือเวลาที่การกล่าวโทษอันชอบธรรมของพระองค์จะปรากฏ

พระองค์จะตอบสนองแต่ละคนตามการกระทำของเขา พระองค์จะให้ชีวิตอันเป็นนิรันดร์แก่คนที่พากเพียรทำความดี แสวงหาพระบารมี พระเกียรติและความเป็นอมตะ ส่วนบรรดาผู้หาผลประโยชน์ใส่ตัวและไม่เชื่อฟังความจริง แต่เชื่อฟังความชั่ว ก็จะประสบกับการลงโทษและความโกรธกริ้ว ความทุกข์ยากลำบาก และความเจ็บปวดรวดร้าวจะเกิดขึ้นแก่ทุกคนที่กระทำความชั่ว แก่ชาวยิวก่อน แล้วก็แก่ชาวกรีกด้วย 10 แต่บารมี เกียรติ และสันติสุขจะมีแก่ทุกคนที่กระทำความดี แก่ชาวยิวก่อน แล้วก็แก่ชาวกรีกด้วย 11 ด้วยเหตุว่า พระเจ้าไม่ลำเอียง

12 ทุกคนที่ทำบาปโดยไม่มีกฎบัญญัติ[a]จะพินาศโดยไม่มีกฎบัญญัติ และทุกคนที่ได้ทำบาปโดยอยู่ภายใต้กฎบัญญัติ จะถูกกล่าวโทษโดยกฎบัญญัติ 13 ด้วยว่าผู้ที่ได้ยินกฎบัญญัติ หาใช่เป็นผู้มีความชอบธรรมในสายตาของพระเจ้าไม่ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามกฎบัญญัติต่างหากที่นับว่าเป็นผู้มีความชอบธรรม 14 ด้วยว่าเวลาบรรดาคนนอกผู้ไม่มีกฎบัญญัติ แต่ปฏิบัติตามกฎโดยสัญชาตญาณ เขาก็เป็นกฎบัญญัติให้ตัวเอง ถึงแม้พวกเขาไม่มีกฎบัญญัติก็ตาม 15 ในเมื่อเขาแสดงให้เห็นว่า สิ่งที่กฎบัญญัติเรียกร้องได้จารึกอยู่ในจิตใจของเขาแล้ว มโนธรรมของเขาก็เป็นพยาน และความนึกคิดต่างๆ ของเขาก็จะกล่าวหาเขา หรือไม่ก็ช่วยป้องกันเขาไว้ 16 วันนั้นจะเกิดขึ้น คือเวลาที่พระเจ้าจะตัดสินโทษความลับต่างๆ ของคนทั้งหลาย โดยผ่านพระเยซูคริสต์ตามข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศไว้

ชาวยิวและกฎบัญญัติ

17 แต่ถ้าท่านเรียกตนเองว่าเป็นชาวยิว ถ้าท่านพึ่งกฎบัญญัติและโอ้อวดว่าผูกพันกับพระเจ้า 18 ทราบความประสงค์ของพระองค์ และเห็นชอบในสิ่งที่ดีเลิศ เพราะท่านเรียนรู้จากกฎบัญญัติ 19 ถ้าท่านมั่นใจว่าท่านเองเป็นผู้จูงคนตาบอด เป็นแสงสว่างสำหรับบรรดาผู้ที่อยู่ในความมืด 20 เป็นผู้สอนคนโง่ เป็นครูสอนเด็ก เพราะในกฎบัญญัติท่านมีทั้งความรู้และความจริงอย่างบริบูรณ์ 21 ฉะนั้นเมื่อท่านเองสอนผู้อื่น แล้วท่านไม่สอนตนเองหรือ ท่านเองประกาศสอนไม่ให้ขโมย แล้วท่านขโมยหรือเปล่า 22 ท่านเองพูดว่า ไม่ควรมีผู้ใดประพฤติผิดประเวณี แล้วท่านผิดประเวณีหรือเปล่า ท่านชิงชังรูปเคารพนัก แล้วท่านเองปล้นวิหารหรือเปล่า 23 ท่านเองโอ้อวดเรื่องกฎบัญญัติ แล้วท่านหลู่เกียรติพระเจ้าด้วยการละเมิดกฎบัญญัติหรือเปล่า 24 ตามที่มีบันทึกไว้ว่า “พระนามของพระเจ้าถูกหมิ่นประมาทในหมู่คนนอกก็เพราะท่าน”[b]

25 การเข้าสุหนัตมีคุณค่า หากว่าท่านปฏิบัติตามกฎบัญญัติ แต่ถ้าท่านละเมิดกฎ ก็เหมือนกับว่าท่านไม่ได้เข้าสุหนัต 26 ฉะนั้นถ้าคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตรักษาข้อบังคับของกฎบัญญัติ แล้วการไม่ได้เข้าสุหนัตของเขาจะไม่ถือว่าเขาได้เข้าสุหนัตแล้วหรือ 27 และคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตฝ่ายกาย แต่รักษากฎบัญญัติจะกล่าวโทษท่านผู้ละเมิดกฎบัญญัติ แม้ท่านจะมีกฎบัญญัติที่เขียนไว้และเข้าสุหนัตแล้วก็ตาม 28 คนที่เป็นชาวยิวเพียงภายนอกไม่ใช่ชาวยิวแท้ การเข้าสุหนัตฝ่ายกายเพียงภายนอกก็ไม่ใช่การเข้าสุหนัตแท้เช่นกัน 29 แต่คนที่เป็นชาวยิวภายในเป็นชาวยิวแท้ และการเข้าสุหนัตที่แท้จริงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในจิตใจโดยพระวิญญาณ ไม่ใช่โดยกฎบัญญัติที่เขียนไว้ และเขาไม่ได้รับการสรรเสริญจากผู้คน แต่ได้รับจากพระเจ้า

เยเรมีย์ 40

เยเรมีย์อยู่ต่อในยูดาห์

40 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ หลังจากที่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันได้ปล่อยท่านไปจากรามาห์ เขาเห็นว่าเยเรมีย์ถูกล่ามโซ่ในหมู่เชลยที่มาจากเยรูซาเล็มและยูดาห์ ซึ่งกำลังถูกคุมตัวไปเป็นเชลยที่บาบิโลน ผู้บัญชาการทหารคุ้มกันพาเยเรมีย์มา และพูดดังนี้ว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านลั่นวาจาถึงความพินาศของที่แห่งนี้ พระผู้เป็นเจ้าได้ทำให้ความพินาศเกิดขึ้นและกระทำตามที่พระองค์กล่าวไว้ เพราะพวกท่านเองทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า และไม่เชื่อฟังพระองค์ เรื่องจึงได้เกิดขึ้นกับพวกท่าน ดูเถิด วันนี้เราปลดโซ่จากมือท่าน และปล่อยท่านให้เป็นอิสระ ถ้าท่านเห็นว่าเป็นการดีที่จะไปยังบาบิโลนกับเรา ท่านก็มากับเรา และเราจะดูแลท่านเป็นอย่างดี แต่ถ้าท่านเห็นว่าเป็นการกระทำผิดที่จะไปยังบาบิโลนกับเรา ท่านก็อย่ามา ท่านก็เห็นแล้วว่าแผ่นดินทั้งหมดอยู่ตรงหน้าท่าน ท่านไปที่ไหนก็ได้ตามที่ท่านเห็นว่าดีและเหมาะควร” ในเมื่อเยเรมีย์ยังอยู่ที่นั่น เขาพูดต่ออีกว่า “ท่านกลับไปหาเก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามผู้เป็นบุตรของชาฟาน ผู้ที่กษัตริย์แห่งบาบิโลนแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการของเมืองต่างๆ ในยูดาห์ และท่านไปอาศัยอยู่กับเขาท่ามกลางประชาชน หรือไม่ก็ไปยังที่ที่ท่านต้องการ” ดังนั้นผู้บัญชาการทหารคุ้มกันจึงให้อาหารแก่เยเรมีย์ติดตัวไป พร้อมกับให้ของขวัญและปล่อยท่านไป ครั้นแล้ว เยเรมีย์จึงไปหาเก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามที่มิสปาห์ และอาศัยอยู่กับเขาท่ามกลางประชาชนที่เหลืออยู่ในแผ่นดิน

เมื่อบรรดาผู้บัญชาการและเหล่าทหารที่ประจำอยู่ในทุ่งโล่งทราบว่า กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้แต่งตั้งเก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามให้เป็นผู้ว่าราชการของแผ่นดิน และได้ให้เขาปกครองคนที่ยากจนที่สุดในแผ่นดินทุกเพศทุกวัย ซึ่งไม่ถูกจับไปเป็นเชลยที่บาบิโลน พวกเขาจึงพากันไปหาเก-ดาลิยาห์ที่มิสปาห์ อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ โยฮานานบุตรคาเรอัค เสไรยาห์บุตรทันหุเมท บรรดาบุตรของเอฟายชาวเนโทฟาห์ เยซานิยาห์บุตรตระกูลมาอาคาห์ และเหล่าทหารของพวกเขา เก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามผู้เป็นบุตรของชาฟานสาบานต่อชายเหล่านั้นและเหล่าทหารว่า “อย่ากลัวที่จะรับใช้ชาวเคลเดีย จงอาศัยอยู่ในแผ่นดิน และรับใช้กษัตริย์แห่งบาบิโลน แล้วทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดีกับท่าน 10 สำหรับเราแล้ว เราจะอาศัยอยู่ที่มิสปาห์ เพื่อเป็นผู้แทนของพวกท่านให้กับชาวเคลเดียที่จะมาหาเรา ส่วนพวกท่านจงสะสมเหล้าองุ่น ผลไม้ฤดูร้อน และน้ำมัน และเก็บไว้ในภาชนะ และอาศัยอยู่ในเมืองที่พวกท่านยึดไป” 11 ในขณะเดียวกัน ชาวยูดาห์ทั้งปวงที่อยู่ในโมอับและท่ามกลางชาวอัมโมน ในเอโดม และในอาณาเขตอื่นๆ ทราบว่ากษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ให้ผู้คนจำนวนหนึ่งมีชีวิตเหลืออยู่ในยูดาห์ อีกทั้งแต่งตั้งเก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามผู้เป็นบุตรของชาฟานให้เป็นผู้ว่าราชการปกครองพวกเขา 12 และชาวยูดาห์ทั้งปวงออกไปจากทุกที่ซึ่งพวกเขาถูกขับไล่ให้ไปอยู่ แล้วก็กลับมายังยูดาห์ ไปหาเก-ดาลิยาห์ที่มิสปาห์ พวกเขาเก็บสะสมเหล้าองุ่นและผลไม้ฤดูร้อนได้มากมาย

13 โยฮานานบุตรคาเรอัคและบรรดาผู้บัญชาการที่อยู่ในทุ่งโล่งมาหาเก-ดาลิยาห์ที่มิสปาห์ 14 และพูดกับเขาว่า “ท่านทราบไหมว่า บาอาลิสกษัตริย์ของชาวอัมโมนได้ให้อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์มาฆ่าท่าน” แต่เก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามไม่เชื่อพวกเขา 15 โยฮานานบุตรคาเรอัคจึงพูดกับเก-ดาลิยาห์เป็นการลับที่มิสปาห์ดังนี้ว่า “โปรดให้เราไปฆ่าอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ และจะไม่มีใครทราบเรื่องนี้ ทำไมท่านจึงจะยอมให้เขาฆ่าท่าน ซึ่งจะทำให้ชาวยิวทั้งปวงที่อยู่รอบตัวท่านกระเจิดกระเจิงไป และผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยูดาห์จะพลอยวอดวายไปด้วย” 16 แต่เก-ดาลิยาห์บุตรอาหิคามพูดกับโยฮานานบุตรคาเรอัคว่า “ท่านอย่าทำอย่างนั้นเลย เพราะสิ่งที่ท่านกำลังพูดเกี่ยวกับอิชมาเอลนั้นไม่เป็นความจริง”

สดุดี 15-16

ใครบ้างจะอยู่ในที่บริสุทธิ์ของพระเจ้าได้

เพลงสดุดีของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า ใครบ้างจะอยู่ในกระโจมที่พำนักของพระองค์ได้
    ใครบ้างจะอาศัยอยู่บนภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระองค์ได้

คนที่ดำเนินชีวิตโดยปราศจากข้อตำหนิใดๆ
    เป็นคนที่ประพฤติด้วยความชอบธรรม
    และพูดความจริงด้วยความจริงใจ
เป็นคนไม่ใช้ลิ้นกล่าวว่าร้าย
    หรือกระทำสิ่งชั่วร้ายต่อเพื่อนของตน
    และไม่ติเตียนเพื่อนบ้าน
เป็นผู้เหยียดหยามคนชั่ว
    แต่ให้เกียรติคนที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
    รักษาคำสาบานแม้จะเจ็บปวด
ให้คนยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย
    ไม่รับสินบนต่อต้านผู้ไร้ความผิด

คนที่กระทำตามนี้จะมั่นคงเสมอ

อธิษฐานและวางใจในพระเจ้า

มิคทาม[a]ของดาวิด

โอ พระเจ้า ช่วยปกป้องข้าพเจ้าด้วย
    เพราะพระองค์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า
    นอกเหนือจากพระองค์แล้ว ข้าพเจ้าไม่มีอะไรที่นับว่าดีอีกเลย”
สำหรับบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก
    ข้าพเจ้าชื่นชมในตัวพวกเขาผู้เป็นเลิศ
ส่วนพวกที่ติดตามเทพเจ้าก็มีแต่ความเศร้ามากขึ้น
    ข้าพเจ้าจะไม่เทเครื่องบูชาซึ่งเป็นโลหิตของเขา
    หรือแม้แต่ชื่อเทพเจ้าก็จะไม่หลุดจากริมฝีปากของข้าพเจ้า

พระผู้เป็นเจ้าเป็นทุกสิ่งของข้าพเจ้า
    พระองค์ให้พระพรแก่ข้าพเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
    และทำให้ข้าพเจ้ามั่นคง
เส้นแบ่งเขตแดนที่ตกเป็นของข้าพเจ้าเป็นที่น่าพอใจมาก
    ข้าพเจ้าได้รับมรดกอันดีเลิศด้วย
ข้าพเจ้าสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าผู้ให้คำแนะนำแก่ข้าพเจ้า
    แม้ในยามค่ำคืนก็ช่วยดลใจข้าพเจ้า
ข้าพเจ้านึกถึงพระผู้เป็นเจ้าเป็นที่ตั้งเสมอ
    ด้วยว่าพระองค์อยู่ทางขวามือของข้าพเจ้า
    จึงไม่มีผู้ใดทำให้ข้าพเจ้าหวั่นไหวได้

ฉะนั้น ใจของข้าพเจ้าแสนจะโสมนัส และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าจึงชื่นชมยินดี
    ร่างกายของข้าพเจ้าก็จะอยู่ได้อย่างปลอดภัย
10 เพราะพระองค์จะไม่ละทิ้งข้าพเจ้าไว้ในแดนคนตาย
    และจะไม่ปล่อยให้องค์ผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป[b]
11 พระองค์ได้ให้ข้าพเจ้าทราบถึงวิถีทางแห่งชีวิต
    และจะโปรดให้ข้าพเจ้าปิติอย่างมากล้น ณ เบื้องหน้าพระองค์[c]
    และยินดีชั่วนิรันดร์กาล ณ เบื้องขวาของพระองค์

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation