Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
กันดารวิถี 19

การชำระมลทิน

19 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “ต่อไปนี้เป็นข้อกำหนดตามกฎบัญญัติที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาไว้ว่า จงบอกชาวอิสราเอลให้นำลูกโคตัวเมียสีแดงปราศจากตำหนิมาตัวหนึ่ง อย่าให้มีจุดด่าง และเป็นตัวที่ยังไม่เคยเทียมแอกมาก่อน เจ้าจงให้ลูกโคแก่เอเลอาซาร์ปุโรหิต เขาจะเอามันไปที่นอกค่ายแล้วฆ่าต่อหน้าเขา เอเลอาซาร์ปุโรหิตจะจุ่มนิ้วในเลือด และประพรมทางด้านหน้ากระโจมที่นัดหมาย 7 ครั้ง และลูกโคจะถูกเผาให้เห็น โดยจะต้องเผาทั้งหนัง เนื้อ เลือด รวมทั้งไส้ด้วย ปุโรหิตจะเอาไม้ซีดาร์ ไม้หุสบ และด้ายสีแดงสดโยนเข้าไปในไฟที่เผาลูกโค แล้วปุโรหิตจะซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ หลังจากนั้นก็จะเข้ามาในค่ายและจะมีมลทินจนถึงเย็น คนที่เผาลูกโคจะซักเสื้อผ้าของเขาในน้ำ และมีมลทินจนถึงเย็น คนที่สะอาดจะเก็บขี้เถ้าลูกโค และใส่ไว้ในที่สะอาดที่นอกค่าย เก็บไว้สำหรับชาวอิสราเอลทั้งมวลเพื่อใช้กับน้ำในพิธีชำระตัว เป็นการชำระบาป 10 และคนที่เก็บขี้เถ้าของลูกโคจะซักเสื้อผ้า และเขาจะมีมลทินจนถึงเย็น จงถือเป็นกฎเกณฑ์ของชาวอิสราเอลและชาวต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเขาตลอดไป

11 ผู้ใดแตะต้องซากศพจะมีมลทิน 7 วัน 12 เขาจะต้องใช้น้ำชำระตัวในวันที่สามและวันที่เจ็ด แล้วจึงจะถือว่าเขาสะอาด แต่ถ้าเขาไม่ชำระตัวในวันที่สามและวันที่เจ็ด เขาก็จะไม่สะอาด 13 ใครแตะต้องซากศพ คือร่างของคนตายแล้ว โดยไม่ชำระตัว เขาก็ทำให้ที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้าเป็นมลทิน ผู้นั้นจะถูกตัดขาดจากอิสราเอล เพราะน้ำที่ใช้ในพิธีชำระไม่ได้รดที่ตัวเขา เขาจึงมีมลทิน และมลทินจะยังคงติดตัวเขาอยู่

14 ต่อไปนี้เป็นกฎบัญญัติในยามที่มีคนตายในกระโจม ทุกคนที่เข้าไปในกระโจม รวมทั้งทุกคนที่อยู่ในกระโจมจะมีมลทิน 7 วัน 15 ภาชนะที่เปิดทิ้งไว้ ไม่มีฝาปิดก็เป็นมลทินเช่นกัน 16 ใครก็ตามอยู่ในทุ่งกว้างไปแตะต้องคนตายโดยถูกดาบฟัน หรือแตะต้องซากศพ หรือกระดูกคน หรือหลุมศพ จะมีมลทิน 7 วัน 17 ให้พวกเขาเอาขี้เถ้าที่ได้จากของถวายเผาด้วยไฟในการชำระบาป โดยเขาต้องเทน้ำที่ไหลใส่ภาชนะ 18 แล้วคนที่สะอาดใช้กิ่งหุสบจุ่มน้ำนั้นประพรมที่กระโจม ที่เครื่องใช้ทุกชิ้น และบนตัวคนที่อยู่ที่นั่น และคนที่แตะต้องกระดูกหรือคนถูกฆ่าตาย คนตายแล้วหรือหลุมศพ 19 คนที่สะอาดจะประพรมคนที่มีมลทินในวันที่สามและวันที่เจ็ด ดังนั้นในวันที่เจ็ดเขาจะต้องชำระกายให้สะอาด ซักเสื้อผ้า และอาบน้ำ พอตกเย็นจึงจะถือว่าเขาสะอาดแล้ว

20 ส่วนคนที่มีมลทินและไม่ชำระตัวเองให้สะอาดจะถูกตัดขาดจากท่ามกลางมวลชน เพราะเขาทำให้ที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้าเป็นมลทิน ในเมื่อน้ำในพิธีชำระยังไม่ได้รดถูกตัวเขา เขาจึงมีมลทิน 21 และให้ถือเป็นกฎเกณฑ์ชั่วกาลนานสำหรับพวกเขา ผู้ประพรมน้ำในพิธีชำระตัวจะซักเสื้อผ้าของตน และผู้ที่แตะต้องน้ำในพิธีชำระตัวจะมีมลทินจนถึงเย็น 22 และสิ่งใดที่คนมีมลทินแตะต้องก็จะมีมลทิน และผู้ใดแตะต้องสิ่งนั้นจะมีมลทินไปด้วยจนถึงเย็น”

สดุดี 56-57

คำอธิษฐานแสดงความไว้วางใจในพระเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองนกพิราบบนต้นเทเรบินธ์ มิคทามของดาวิด เมื่อชาวฟีลิสเตียจับกุมตัวท่านที่เมืองกัท[a]

โอ พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้า
    เพราะมีคนโจมตีข้าพเจ้า
    ศัตรูข่มเหงข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
ฝ่ายตรงข้ามโจมตีข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
    ฝูงชนต่อสู้ข้าพเจ้าด้วยความทะนง
เวลาข้าพเจ้ากลัว
    ข้าพเจ้าจะวางใจในพระองค์
ข้าพเจ้าสรรเสริญคำกล่าวของพระเจ้า
    ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์โดยไม่หวั่นกลัว
    มนุษย์เป็นเพียงเนื้อหนังจะทำอะไรต่อข้าพเจ้าได้หรือ

ตลอดวันเวลาพวกเขาบิดเบือนคำพูดของข้าพเจ้า
    พวกเขาวางกลอุบายที่ล้วนแต่ชั่วร้ายเพื่อปองร้ายข้าพเจ้า
เขาวางแผนและดักซุ่ม
    เขาเฝ้าดูข้าพเจ้าทุกฝีก้าว
    ในขณะที่รออยู่ก็หวังว่าจะเอาชีวิตข้าพเจ้าไป
โอ พระเจ้า ลงโทษพวกเขาไปตามความชั่วร้ายของเขาเถิด
    ทำให้คนพวกนั้นพ่ายแพ้ด้วยความกริ้วของพระองค์เถิด

ที่พระองค์นับจำนวนครั้งของการร้องไห้ฟูมฟายของข้าพเจ้าได้
    เก็บและวัดตวงน้ำตาของข้าพเจ้าไว้นั้น
    ไม่ได้ระบุไว้ในบันทึกของพระองค์หรือ
แล้วพวกศัตรูจะหันกลับไปในวันที่ข้าพเจ้าร้องเรียกถึง
    แล้วข้าพเจ้าจะทราบว่าพระเจ้าเป็นฝ่ายข้าพเจ้า
10 ข้าพเจ้าสรรเสริญพระเจ้าสำหรับคำกล่าวของพระองค์
    ข้าพเจ้าสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าสำหรับคำกล่าวของพระองค์
11 ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์โดยไม่หวั่นกลัว
    มนุษย์จะทำอะไรต่อข้าพเจ้าได้หรือ

12 โอ พระเจ้า ข้าพเจ้าจะถวายสิ่งที่ข้าพเจ้าได้สัญญาไว้กับพระองค์
    ข้าพเจ้าจะมอบของถวายแห่งการขอบคุณแด่พระองค์
13 เพราะว่าพระองค์ช่วยจิตวิญญาณข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความตาย
    และเท้าข้าพเจ้าให้พ้นจากการหกล้ม
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ดำเนินต่อหน้าพระเจ้า
    ในความสว่างของชีวิต

คำอธิษฐานขอความช่วยเหลือ

ถึงหัวหน้าวงดนตรีตามทำนอง “อย่าทำลาย” มิคทามของดาวิด ในครั้งที่ท่านหนีซาอูลเข้าไปในถ้ำ[b]

โปรดเมตตาข้าพเจ้า โอ พระเจ้า เมตตาข้าพเจ้าเถิด
    เพราะจิตวิญญาณของข้าพเจ้าพึ่งพิงในพระองค์
ข้าพเจ้าจะพึ่งพิงภายใต้ร่มเงาปีกของพระองค์
    จนกระทั่งพายุแห่งความพินาศผ่านพ้นไป
ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระเจ้าผู้สูงสุด
    ร้องถึงพระเจ้าผู้จัดหาทุกสิ่งให้ข้าพเจ้าตามจุดประสงค์ของพระองค์
พระองค์จะส่งความช่วยเหลือจากสวรรค์ให้ข้าพเจ้ารอดพ้น
    พระองค์จะทำให้พวกที่ข่มเหงข้าพเจ้าอับอาย เซล่าห์
พระเจ้าจะส่งความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์

ข้าพเจ้าอยู่ท่ามกลางกลุ่มสิงโต
    ที่เขมือบบรรดาบุตรของมนุษย์อย่างตะกละตะกราม
ฟันของพวกมันเป็นเหมือนหอกและลูกธนู
    และลิ้นของพวกมันเป็นเช่นดาบคม

โอ พระเจ้า ขอพระองค์เป็นที่ยกย่องเหนือเบื้องฟ้าสวรรค์เถิด
    ขอพระบารมีของพระองค์แผ่ปกไปทั่วแผ่นดินโลก

พวกเขาวางตาข่ายไว้ดักจับข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าสิ้นหวัง
เขาขุดหลุมตรงทางที่ข้าพเจ้าไป
    แต่แล้วพวกเขาก็ตกลงไปเอง เซล่าห์
ใจข้าพเจ้ามั่นคง โอ พระเจ้า
    ใจข้าพเจ้ามั่นคง
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและร้องสรรเสริญพระองค์
ตื่นเถิด โอ จิตวิญญาณเอ๋ย
    พิณสิบสายและพิณเล็ก จงตื่นเถิด
    ข้าพเจ้าจะปลุกอโณทัย
โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ท่ามกลางบรรดาชนชาติ
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางประชาชาติทั้งปวง
10 ด้วยว่า ความรักอันมั่นคงของพระองค์ยิ่งใหญ่กว้างไกลถึงแดนฟ้าสวรรค์
    ความสัตย์จริงของพระองค์ไปถึงหมู่เมฆ

11 โอ พระเจ้า ขอพระองค์เป็นที่ยกย่องเหนือเบื้องฟ้าสวรรค์เถิด
    ขอพระบารมีของพระองค์แผ่ปกไปทั่วแผ่นดินโลก[c]

อิสยาห์ 8:1-9:7

อัสซีเรียบุกรุก

และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ “จงเอาแผ่นไม้ขนาดใหญ่มา และเขียนลงเป็นคำสามัญว่า ‘เป็นของมาเฮร์ชาลาลหัชบัส’[a] และเราจะใช้พยานที่เชื่อถือได้คือ อุรียาห์ปุโรหิต และเศคาริยาห์บุตรของเยเบเรคียาห์ เพื่อยืนยันให้เรา”

และข้าพเจ้าไปหาผู้เผยคำกล่าวหญิง ผู้ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ “จงตั้งชื่อเขาว่า มาเฮร์ชาลาลหัชบัส เพราะว่าก่อนที่เด็กน้อยจะรู้จักร้องคำว่า ‘พ่อของฉัน’ หรือ ‘แม่ของฉัน’ ความมั่งมีของดามัสกัสและสิ่งที่ริบได้จากสะมาเรีย ก็จะถูกขนไปให้กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย”

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าอีกว่า “เป็นเพราะประชาชนกลุ่มนี้ไม่ยอมรับสายน้ำของชิโลอาห์ที่ไหลเอื่อยๆ แต่กลับไปยินดีกับเรซีนและบุตรชายของเรมาลิยาห์ ฉะนั้น ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ากำลังนำกระแสน้ำของแม่น้ำยูเฟรติสขึ้นมาปะทะ ซึ่งมีพลังและจำนวนมหาศาล นั่นคือกษัตริย์แห่งอัสซีเรียผู้เปี่ยมด้วยบารมี ระดับน้ำจะสูงขึ้นท่วมช่องแคบ และไหลท่วมริมฝั่งน้ำทั้งหมด และน้ำจะไหลเข้าไปในยูดาห์ มันจะไหลท่วมและเลยต่อไป จะสูงจนถึงคอ และปีกที่กางแผ่ออกจะคลุมความกว้างของแผ่นดินของเจ้า โอ อิมมานูเอล”

บรรดาชนชาติเอ๋ย จงตะโกนร้องเสียงดังลั่น และถูกโจมตีจนพ่ายแพ้
    แผ่นดินทั้งปวงที่อยู่ห่างไกล จงเงี่ยหูของท่าน
จงเตรียมอาวุธของท่าน และถูกโจมตีจนพ่ายแพ้
    จงเตรียมอาวุธของท่าน และถูกโจมตีจนพ่ายแพ้
10 จงร่วมกันวางแผน แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    จงสั่งการ แต่จะไม่ได้ผล
    เพราะพระเจ้าสถิตกับเรา

พระผู้เป็นเจ้าเตือนอิสยาห์

11 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้า พร้อมด้วยมืออันมั่นคงซึ่งสถิตกับข้าพเจ้า และเตือนข้าพเจ้าไม่ให้เดินในวิถีทางของชนชาตินี้ว่า 12 “สิ่งที่ชนชาตินี้พูดกันว่าเป็นแผนการร้าย เจ้าก็อย่าเชื่อว่าเป็นแผนการร้าย อย่ากลัวสิ่งที่พวกเขากลัว และอย่าหวาดหวั่น 13 แต่เจ้าจงให้เกียรติพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาว่าพระองค์บริสุทธิ์ จงเกรงกลัวพระองค์ และจงครั่นคร้ามในพระองค์ 14 และพระองค์จะเป็นที่พำนักและศิลาก้อนหนึ่งที่ทำให้คนล้มลง และเป็นหินที่ทำให้พงศ์พันธุ์ทั้งสองของอิสราเอลสะดุด เป็นกับดักและบ่วงแร้วสำหรับบรรดาผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็ม 15 และหลายคนจะสะดุดบนหินนั้น พวกเขาจะล้มและย่อยยับ พวกเขาจะติดบ่วงแร้ว และถูกจับตัวไป”

16 จงเก็บคำพยาน และผนึกกฎบัญญัติไว้ในหมู่ผู้ติดตามของข้าพเจ้า 17 ข้าพเจ้าจะรอคอยพระผู้เป็นเจ้า พระองค์กำลังซ่อนหน้าไปจากพงศ์พันธุ์ยาโคบ และข้าพเจ้าจะมีความหวังในพระองค์[b] 18 ดูเถิด ข้าพเจ้ากับบรรดาบุตรที่พระผู้เป็นเจ้าได้ให้แก่ข้าพเจ้าเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นและเป็นสัญลักษณ์ในอิสราเอล ซึ่งมาจากพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้พำนักอยู่บนภูเขาศิโยน 19 และเมื่อพวกเขาพูดกับพวกท่านว่า “จงปรึกษาคนทรงและพ่อมดหมอผีที่พูดกระซิบและพึมพำ” ประชาชนควรจะปรึกษาพระเจ้าของพวกเขาเองมิใช่หรือ ทำไมจึงจะปรึกษาหารือคนตายเพื่อคนที่มีชีวิต 20 ในเรื่องกฎบัญญัติและเรื่องคำพยาน ถ้าพวกเขาไม่พูดด้วยคำเช่นนี้ ก็เป็นเพราะว่า พวกเขาไม่มีแสงแห่งรุ่งอรุณ 21 พวกเขาจะผ่านไปในแผ่นดิน เป็นทุกข์และหิวโหย และเมื่อพวกเขาหิว ความเดือดดาลก็จะพลุ่งขึ้น ขณะที่แหงนหน้าขึ้นพวกเขาก็จะแช่งกษัตริย์และพระเจ้าของพวกเขา 22 และพวกเขาจะมองดูบนแผ่นดินโลก ดูเถิด ความทุกข์และความมืด ความเจ็บปวดรวดร้าวอันมืดมน และพวกเขาจะถูกผลักไปสู่ความมืดมิด

ทารกผู้หนึ่งมาบังเกิดเพื่อพวกเรา

แต่จะไม่มีความมืดมนสำหรับผู้ที่อยู่ในความเจ็บปวดรวดร้าว ในอดีตพระองค์ทำให้เขตแดนของเผ่าเศบูลุนและเขตแดนของเผ่านัฟทาลีเป็นที่ดูหมิ่น แต่ต่อมาภายหลัง พระองค์ให้กาลิลีของบรรดาประชาชาติได้รับเกียรติ โดยเส้นทางทะเล ดินแดนโพ้นแม่น้ำจอร์แดน

ชนชาติที่ดำเนินชีวิตในความมืด
    ได้เห็นความสว่างอันยิ่งใหญ่
ผู้ที่อยู่อาศัยในดินแดนของความมืดมน
    ได้รับความสว่างที่ส่องมาถึงแล้ว
พระองค์ทวีจำนวนคนให้แก่ประชาชาตินั้น
    พระองค์เพิ่มความยินดีให้
และพวกเขาก็ยินดี ณ เบื้องหน้าพระองค์
    เป็นความยินดีอย่างที่มีในฤดูเก็บเกี่ยว
    ยินดีอย่างที่พวกเขาดีใจเมื่อแบ่งปันสิ่งที่ริบมา
ทั้งแอกที่เป็นภาระของเขา
    ไม้เท้าที่เขาแบกบนบ่า
    และไม้ตะบองของผู้บีบบังคับเขา
พระองค์ได้ทำให้สิ่งเหล่านั้นยับเยินไป
    เหมือนวันที่พวกมีเดียนพ่ายแพ้
รองเท้าของนักรบทุกคู่ที่ย่ำในสงคราม
    และเครื่องแต่งกายทุกชิ้นที่แปดเปื้อนเลือด
    จะถูกเผาดั่งเชื้อเพลิง
ด้วยว่า ทารกมาบังเกิดเพื่อพวกเรา
    คือบุตรชายที่ประทานให้แก่พวกเรา
และท่านจะเป็นผู้แบกภาระปกครอง
    และท่านจะได้รับพระนามว่า
ที่ปรึกษาผู้ล้ำเลิศ พระเจ้าผู้มีอานุภาพ
    พระบิดาแห่งนิรันดร์กาล ราชาแห่งสันติสุข
การปกครองและสันติสุขของท่านเพิ่มพูน
    อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ท่านจะครองบัลลังก์ของดาวิด และอาณาจักรของท่าน
    เพื่อสถาปนาและเชิดชูอาณาจักร
ด้วยความเป็นธรรมและความชอบธรรม
    นับจากบัดนี้ไปจนชั่วนิรันดร์กาล
ความรักอันแรงกล้าของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากระทำการนี้

ยากอบ 2

ระวังอย่าลำเอียง

พี่น้องของข้าพเจ้าเอ๋ย เพราะท่านเป็นผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้กอปรด้วยพระสง่าราศี ท่านก็อย่าเป็นคนลำเอียง ถ้ามีชายคนหนึ่งเข้ามาในที่ประชุมของท่าน แต่งกายดีและสวมแหวนทอง และมีคนจนสวมเสื้อสกปรกเข้ามาด้วย และท่านเอาใจใส่คนที่สวมเสื้อผ้าดีโดยพูดว่า “เชิญท่านนั่งที่ดีๆ ที่นี่เถิด” และท่านพูดกับคนจนว่า “แกไปยืนที่โน่น ไม่ก็นั่งลงแทบเท้าของเรา” พวกท่านไม่ได้แบ่งชั้นวรรณะในหมู่ท่านเอง และกลายเป็นผู้ตัดสินความด้วยใจชั่วหรือ พี่น้องที่รักของข้าพเจ้าเอ๋ย จงฟังเถิด พระเจ้าไม่ได้เลือกคนจนของโลกให้เป็นคนมั่งมีในความเชื่อ และเป็นผู้รับมรดกของอาณาจักร ซึ่งพระองค์สัญญาไว้กับบรรดาคนที่รักพระองค์หรือ แต่ท่านได้หลู่เกียรติคนจน ไม่ใช่คนมั่งมีหรอกหรือ ที่กดหัวท่าน และลากตัวท่านไปขึ้นศาล ไม่ใช่พวกเขาหรอกหรือ ที่พูดหมิ่นประมาทชื่ออันประเสริฐ ซึ่งเป็นชื่อที่ผู้คนใช้เรียกท่าน

ถ้าท่านปฏิบัติตามกฎบัญญัติแห่งอาณาจักรโดยแท้จริงตามที่พระคัมภีร์ระบุว่า “จงรักเพื่อนบ้านของเจ้าให้เหมือนรักตนเอง”[a]แล้ว ท่านก็ประพฤติดีอยู่ แต่ถ้าพวกท่านลำเอียง ท่านก็ทำบาป และถูกตัดสินโดยกฎบัญญัติว่าท่านละเมิดกฎ 10 เพราะใครก็ตามที่รักษากฎบัญญัติทั้งหมดแต่พลั้งผิดเพียงข้อเดียว ก็นับว่าเขาผิดต่อกฎบัญญัติทั้งหมด 11 เพราะองค์ที่กล่าวว่า “อย่าผิดประเวณี”[b] ก็กล่าวด้วยว่า “อย่าฆ่าคน”[c] ถ้าท่านไม่ผิดประเวณีแต่ฆ่าคน ท่านก็กลายเป็นคนละเมิดกฎแล้ว 12 จงพูดและประพฤติให้เหมือนกับคนที่จะถูกตัดสินโดยกฎบัญญัติที่นำไปสู่อิสรภาพ 13 เพราะว่าพระเจ้าจะไม่เมตตาในการพิพากษาคนที่ไม่มีความเมตตา ความเมตตาย่อมมีชัยชนะเหนือการพิพากษา

ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำ

14 พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์อะไรถ้ามีคนพูดว่า เขามีความเชื่อ แต่ไม่มีการกระทำแสดงให้เห็น ความเชื่อนั้นช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ 15 ถ้าพี่น้องคนใดไม่มีเสื้อผ้านุ่งห่มและอาหารประจำวัน 16 คนหนึ่งในพวกท่านพูดกับเขาว่า “ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดีกับท่าน จงระวังอย่าปล่อยให้หนาวและหิวเลย” โดยที่ท่านก็ยังไม่ให้สิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายของเขา แล้วจะมีประโยชน์อะไร 17 ฉะนั้น ความเชื่อก็เช่นเดียวกัน ถ้าปราศจากการกระทำควบคู่กันไปก็ไร้ชีวิต

18 แต่บางคนจะพูดว่า “ท่านมีความเชื่อ ข้าพเจ้ามีการกระทำ” จงแสดงความเชื่อของท่านที่ปราศจากการกระทำให้ข้าพเจ้าเห็น แล้วข้าพเจ้าจะแสดงความเชื่อของข้าพเจ้าให้ท่านเห็น โดยสิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ 19 ท่านเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียว ดีแล้ว แม้แต่พวกมารก็เชื่อเช่นนั้น และกลัวจนตัวสั่น 20 คนโง่เขลาเอ๋ย ท่านอยากจะเห็นข้อพิสูจน์ไหมว่า ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำนั้นไร้ประโยชน์ 21 พระเจ้านับว่าอับราฮัมบิดาของเรามีความชอบธรรมโดยการกระทำมิใช่หรือ เมื่อท่านถวายอิสอัคผู้เป็นบุตรบนแท่นบูชา 22 ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า ความเชื่อของอับราฮัมควบคู่ไปกับการกระทำของท่าน และความเชื่อนั้นบริบูรณ์ได้โดยการกระทำ 23 และเป็นไปตามที่พระคัมภีร์ระบุว่า “อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และพระองค์จึงนับว่าท่านเป็นผู้มีความชอบธรรม”[d] และพระเจ้าได้เรียกท่านว่า เป็นสหายของพระองค์ 24 ท่านทั้งหลายเห็นว่าคนพ้นผิดได้โดยการกระทำของเขา มิใช่ใช้เพียงความเชื่อเท่านั้น 25 ในวิธีเดียวกันคือแม้ราหับหญิงแพศยา พระเจ้าก็นับว่านางเป็นผู้มีความชอบธรรมโดยการกระทำด้วยมิใช่หรือ เมื่อนางต้อนรับบรรดาผู้สอดแนมแล้ว นางช่วยให้เขาหนีออกไปทางอื่นเสีย 26 ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณไร้ชีวิตเช่นไร ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำก็ไร้ชีวิตเช่นนั้น

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation