M’Cheyne Bible Reading Plan
เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป
4 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 2 “จงบอกชาวอิสราเอลว่า ‘ถ้าผู้ใดกระทำบาปโดยไม่มีเจตนา และกระทำสิ่งใดที่เป็นการห้าม และที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไม่ให้ทำ 3 ถ้าปุโรหิตผู้ได้รับการเจิมแล้วกระทำบาป ผลที่จะกระทบคือความผิดที่ประชาชนได้รับ ฉะนั้นจงให้เขาถวายโคหนุ่มที่ไม่มีตำหนิจากฝูงแด่พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป 4 เขาต้องนำโคตัวนั้นมาไว้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย ให้เขาวางมือบนหัวโค และฆ่ามัน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 5 ให้ปุโรหิตที่ได้รับการเจิมแล้วนำเลือดโคเข้าไปในกระโจมที่นัดหมาย 6 ปุโรหิตจะจุ่มนิ้วในเลือดและประพรมที่หน้าม่านกั้น[a]ของสถานที่บริสุทธิ์ 7 ครั้ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 7 และปุโรหิตจะป้ายเลือดที่เชิงงอนทั้งสี่ของแท่นเผาเครื่องหอม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในกระโจมที่นัดหมาย ให้เขาเทเลือดโคที่เหลือลงที่ฐานแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายซึ่งอยู่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย 8 ให้เขาเอาไขมันทั้งหมดจากโคหนุ่มนั้นที่เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป ไขมันหุ้มเครื่องในและติดกับเครื่องใน 9 ไตมีไขมันติดทั้งสองข้างซึ่งอยู่ใกล้เอว และตับชิ้นยาวซึ่งเขาจะตัดมาพร้อมกับไต 10 เหมือนกับไขมันที่ตัดมาจากโคที่ใช้เป็นเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย 11 ส่วนหนังและเนื้อโคหนุ่ม หัวและขา เครื่องในและไส้ 12 คือทุกส่วนที่เหลือจากโคทั้งตัว ให้เขาเอามันออกไปนอกค่ายยังที่สะอาดของพิธีกรรม ซึ่งเป็นที่สำหรับทิ้งขี้เถ้า แล้วเผาที่กองไฟ ทิ้งขี้เถ้าไว้ที่ไหนก็เผาตรงนั้น
13 ถ้ามวลชนชาวอิสราเอลทั้งกลุ่มกระทำบาปโดยไม่มีเจตนา แม้ว่าที่ประชุมไม่ทราบเรื่องว่าเขากระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไม่ให้ทำ และนับว่ามีความผิด 14 เมื่อพวกเขารู้ตัวว่ากระทำบาป ที่ประชุมจะต้องถวายโคหนุ่มเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปโดยนำมาหน้ากระโจมที่นัดหมาย 15 และบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของมวลชนจะวางมือของเขาบนหัวโคตัวนั้น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และโคจะถูกฆ่า ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 16 แล้วปุโรหิตที่ได้รับการเจิมแล้วจะนำเลือดโคมายังกระโจมที่นัดหมาย 17 ปุโรหิตจะจุ่มนิ้วในเลือดและประพรมที่หน้าม่านกั้น 7 ครั้ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 18 ปุโรหิตจะป้ายเลือดที่เชิงงอนของแท่น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในกระโจมที่นัดหมาย ให้เขาเทเลือดโคที่เหลือลงที่ฐานแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายซึ่งอยู่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย 19 ให้เขาเอาไขมันทั้งหมดจากโคหนุ่มนั้นไปเผาบนแท่นบูชา 20 ให้เขากระทำกับโคตัวนี้เช่นเดียวกับที่เขากระทำกับโคที่เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้พวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้รับการยกโทษ 21 และให้เขาเอาโคออกไปเผาที่นอกค่าย เหมือนกับที่เขาเผาโคตัวก่อน เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปสำหรับมวลชน
22 เมื่อผู้นำกระทำบาปโดยไม่มีเจตนาในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขาบัญชาไม่ให้ทำ และนับว่ามีความผิด 23 เมื่อเขารู้ตัวว่าตนกระทำบาป เขาจะต้องนำแพะตัวผู้ไม่มีตำหนิเป็นของถวาย 24 ให้เขาวางมือบนหัวแพะและฆ่าสัตว์ในที่เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป 25 แล้วปุโรหิตจะใช้นิ้วจุ่มเลือดจากเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป ป้ายที่เชิงงอนของแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย และเทเลือดที่เหลือลงที่ฐานแท่นที่ใช้เผาสัตว์ 26 ให้เขาเผาไขมันทั้งหมดที่แท่น เหมือนกับเผาไขมันสำหรับเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม ดังนั้นปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้ผู้นำคนนั้น เพื่อเขาจะได้รับการยกโทษ
27 ถ้าบุคคลทั่วๆ ไปกระทำบาปโดยไม่มีเจตนาในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไม่ให้ทำ ก็นับว่ามีความผิด 28 เมื่อเขารู้ตัวว่าตนกระทำบาป เขาจะต้องนำแพะตัวเมียที่ไม่มีตำหนิมาถวาย เพื่อบาปที่เขากระทำ 29 ให้เขาวางมือบนหัวสัตว์ที่เป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และฆ่าสัตว์ในที่เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย 30 และปุโรหิตจะใช้นิ้วจุ่มเลือด และป้ายที่เชิงงอนของแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย เลือดที่เหลือก็เทลงที่ฐานแท่น 31 ให้เขาตัดไขมันสัตว์ทั้งหมดออกเหมือนกับไขมันสำหรับเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และปุโรหิตจะเผาไขมันที่แท่นให้ส่งกลิ่นหอมเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปให้เขา เพื่อเขาจะได้รับการยกโทษ
32 ถ้าเขานำลูกแกะมาถวายเป็นเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป จะต้องเป็นแกะตัวเมียไม่มีตำหนิ 33 และวางมือบนหัวสัตว์สำหรับเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และฆ่าสัตว์ในที่เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย 34 แล้วปุโรหิตจะใช้นิ้วจุ่มเลือดจากเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป ป้ายที่เชิงงอนของแท่นบูชาที่ใช้เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย และเทเลือดที่เหลือลงที่ฐานแท่น 35 ให้เขาตัดไขมันสัตว์ทั้งหมดออกเหมือนกับไขมันแกะสำหรับเครื่องสักการะที่เป็นของถวายเพื่อสามัคคีธรรม และปุโรหิตจะเผาไขมันที่แท่นโดยวางบนของถวายด้วยไฟแด่พระผู้เป็นเจ้า และปุโรหิตจะทำพิธีชดใช้บาปที่เขากระทำ เพื่อเขาจะได้รับการยกโทษ
ภาค 1
บทที่ 1-41
สองทางที่แตกต่าง
1 คนมีความสุขคือ
คนที่ไม่กระทำตามคำแนะนำของหมู่คนชั่ว
ไม่ยืนอยู่ในที่ของคนบาป
และไม่นั่งอยู่ในที่ของคนช่างเย้ยหยัน
2 แต่ความยินดีของเขาอยู่ที่กฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า
และเขาใคร่ครวญถึงกฎบัญญัติของพระองค์ตลอดทั้งวันและคืน
3 เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ใกล้แหล่งน้ำ
ซึ่งให้ผลตามฤดูกาล
ใบไม่เหี่ยวเฉา
และทุกสิ่งที่เขาทำก็บังเกิดผลดียิ่ง
4 ส่วนคนชั่วร้ายไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะพวกเขาเป็นเหมือนเปลือกข้าว
ที่ถูกลมพัดปลิวไป
5 ฉะนั้น พวกคนชั่วร้ายจะไม่อาจทนต่อวันพิพากษาได้
และพวกคนบาปจะอยู่ในที่ประชุมของผู้มีความชอบธรรมไม่ได้เช่นกัน
6 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าทราบทางของผู้มีความชอบธรรม
ส่วนทางของคนชั่วร้ายจะพินาศ
องค์ที่พระเจ้าเจิมเป็นผู้ครองที่แท้จริง
1 ทำไมบรรดาประชาชาติจึงมีความเคียดแค้น
และบรรดาชนชาติวางแผนอันไร้ประโยชน์
2 บรรดากษัตริย์ในโลกพร้อมที่จะต่อสู้
และชนชั้นระดับปกครองมาร่วมกันต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า
และต่อต้านองค์ผู้ได้รับการเจิมไว้แล้วของพระองค์[a]
โดยกล่าวว่า
3 “เรามาทำให้โซ่ขาดสะบั้นลง
และเหวี่ยงตรวนให้หลุดพ้นจากพวกเราเถิด”
4 องค์ผู้พำนักอยู่ในสวรรค์หัวเราะ
พระผู้เป็นเจ้าเย้ยหยันพวกเขา
5 ครั้นแล้วพระองค์จะกล่าวด้วยความกริ้ว
และทำให้พวกเขาสะพรึงกลัวต่อการลงโทษของพระองค์ว่า
6 “เราได้แต่งตั้งกษัตริย์ของเราไว้
ที่ศิโยน[b]ซึ่งเป็นภูเขาอันบริสุทธิ์ของเรา”
7 ข้าพเจ้าจะประกาศกฎเกณฑ์ของพระผู้เป็นเจ้า
พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเป็นบุตรของเรา
วันนี้เราประกาศว่า เราเป็นบิดาของเจ้า[c]
8 จงขอจากเรา
และเราจะมอบบรรดาประชาชาติให้แก่เจ้าเป็นมรดก
และทุกมุมโลกจะเป็นของเจ้า
9 เจ้าจะทำลายพวกเขาด้วยคทาเหล็ก
และเขาจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนกับภาชนะดินเผา”
10 มาบัดนี้ กษัตริย์ทั้งหลาย จงฉลาดเถิด
ชนชั้นระดับปกครองของโลกจงรับคำเตือนเถิด
11 จงรับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วยความเกรงกลัว
และน้อมใจชื่นชมยินดีในพระองค์
12 จงจูบแสดงความนอบน้อมต่อพระบุตร มิฉะนั้น พระองค์จะกริ้ว
และเจ้าจะตายเสียกลางถนน
เพราะว่าความกริ้วของพระองค์ผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว
คนมีความสุขคือทุกคนที่แสวงหาพระองค์เป็นที่พึ่ง
19 คนยากไร้ที่ดำเนินชีวิตด้วยสัจจะ
ดีกว่าคนโง่ที่ชอบบิดเบือนคำพูด
2 ความปรารถนาอันแรงกล้าที่ปราศจากความรู้เป็นสิ่งไม่ดี
และคนที่ก้าวไปด้วยความรีบร้อนก็ย่อมผิดพลาดได้
3 ความโง่ของมนุษย์ทำลายวิถีทางของตนเอง
และใจของเขาเกรี้ยวกราดต่อพระผู้เป็นเจ้า
4 ความร่ำรวยทำให้มีเพื่อนฝูงมากขึ้น
แต่คนยากไร้ถูกเพื่อนทอดทิ้ง
5 พยานเท็จจะต้องได้รับโทษ
และคนขี้ปดจะหนีไปไม่พ้น
6 มีคนมากมายที่ชอบประจบสอพลอผู้มียศศักดิ์
และทุกคนเป็นเพื่อนของคนที่ให้ของกำนัล
7 คนยากจนมีพี่น้องที่รังเกียจเขา
แล้วเพื่อนฝูงจะไม่อยู่ห่างจากเขายิ่งกว่านั้นหรือ
แม้จะพยายามตามไปพูดกับพวกเขา
แต่ทุกคนต่างก็หายหน้ากันไปหมด
8 ผู้ที่ได้สติปัญญามา เป็นผู้รักจิตวิญญาณของตน
ผู้ที่รักษาความหยั่งรู้ไว้จะประสบกับสิ่งดีงาม
9 พยานเท็จจะต้องได้รับโทษ
และคนขี้ปดจะพินาศ
10 ความหรูหราไม่เหมาะสมกับคนไร้ปัญญา
ทาสผู้รับใช้ก็ยิ่งไม่เหมาะสมที่จะปกครองบรรดาเจ้าชาย
11 ความเข้าใจดีของมนุษย์ทำให้เขาโกรธยาก
เมื่อเขาให้อภัยการกระทำผิด นั่นเป็นความดีเด่นของเขา
12 ความเกรี้ยวกราดของกษัตริย์เป็นเหมือนเสียงคำรามของสิงโต
แต่ความโปรดปรานของกษัตริย์เป็นเหมือนน้ำค้างบนใบหญ้า
13 ลูกที่โง่เขลาเป็นความพินาศของบิดา
และภรรยาช่างทะเลาะเบาะแว้งเป็นเสมือนฝนตกพรำๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
14 บ้านและความมั่งมีเป็นมรดกที่ตกทอดจากบิดา
แต่ภรรยาที่ชาญฉลาดมาจากพระผู้เป็นเจ้า
15 ความเกียจคร้านฝังอยู่ในคนที่หลับสนิท
และคนเกียจคร้านต้องทนทุกข์จากความหิว
16 ผู้ที่รักษาคำสั่งสอนรักษาจิตวิญญาณของตน
แต่ผู้ที่ปราศจากความระมัดระวังในวิถีทางของตนจะวอดวาย
17 ผู้ที่มีความกรุณาต่อผู้ยากไร้นับว่าให้พระผู้เป็นเจ้าขอยืม
และพระองค์จะให้รางวัลเพื่อตอบแทนสิ่งที่เขากระทำ
18 จงสอนให้ลูกของเจ้ามีระเบียบวินัย ขณะที่ยังมีความหวัง
แต่อย่าถึงกับให้เขาต้องเสียชีวิต
19 คนอารมณ์ร้ายจะต้องได้รับการสนองตอบ
หากว่าเจ้าช่วยเขาให้รอดตัวจากความผิด เจ้าก็จะต้องช่วยเขาร่ำไป
20 จงฟังคำแนะนำและยอมรับคำสั่งสอน
และในที่สุดเจ้าจะได้มาซึ่งสติปัญญา
21 คนมักมีแผนการมากมายไว้ในใจ
แต่แผนจะลุล่วงได้หรือไม่ก็แล้วแต่ความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
22 สิ่งที่มนุษย์ปรารถนาคือความสัตย์จริง
และการเป็นคนยากไร้ก็ยังดีกว่าเป็นคนมดเท็จ
23 ความเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้านำไปสู่ชีวิต
เขาจะนอนหลับด้วยความสบายใจ
ไม่มีภัยใดๆ มารบกวน
24 คนขี้เกียจแช่มือไว้ในจานของตน
แม้แต่จะยกมือป้อนตัวเองยังไม่ยอมทำ
25 จงเฆี่ยนตีคนช่างเย้ยหยัน เพื่อคนเขลาจะเรียนรู้ให้ฉลาดขึ้นได้
ตักเตือนว่ากล่าวคนหยั่งรู้ และเขาจะได้มาซึ่งความรู้
26 ผู้แสดงความก้าวร้าวต่อบิดา และขับไล่มารดาของตน
เป็นลูกที่ก่อให้เกิดความอับอาย และนำมาซึ่งความอัปยศอดสู
27 ลูกเอ๋ย ถ้าเจ้าเลิกฟังคำสั่งสอน
เจ้าก็จะหลงหายไปจากคำกล่าวอันกอปรด้วยความรู้
28 พยานผู้ไร้ค่าเย้ยหยันความเป็นธรรม
และปากของบรรดาคนชั่วร้ายรับแต่สิ่งเลวร้าย
29 การกล่าวโทษมีไว้พร้อมแล้วสำหรับบรรดาผู้เย้ยหยัน
และการเฆี่ยนตีมีไว้สำหรับหลังของคนโง่
2 ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่า ข้าพเจ้าตรากตรำมากเพียงไรเพื่อท่าน และเพื่อพวกที่อยู่ในเมืองเลาดีเซีย และทุกคนที่ยังไม่เคยเห็นหน้าข้าพเจ้า 2 ข้าพเจ้ามีจุดประสงค์ที่จะให้พวกเขาได้รับกำลังใจและผูกพันกันด้วยความรัก เพื่อเขาจะได้แน่ใจได้อย่างที่สุดว่า เขาเข้าใจจริงๆ เพื่อจะได้ทราบถึงความลึกลับซับซ้อนของพระเจ้า คือพระคริสต์ 3 คลังแห่งพระปัญญาและความรู้ทั้งสิ้นถูกซ่อนไว้ในพระองค์ 4 ข้าพเจ้าบอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อไม่ให้ใครหลอกลวงท่านได้ด้วยคำโต้เถียงที่ดูน่าเชื่อถือ 5 แม้ตัวข้าพเจ้าไม่อยู่กับท่าน แต่ใจของข้าพเจ้าอยู่ด้วย และยินดีที่เห็นพวกท่านมีระเบียบวินัย และมีความเชื่อที่มั่นคงในพระคริสต์
เป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ ด้วยชีวิตในพระคริสต์
6 ฉะนั้น ในเมื่อท่านได้รับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตในพระองค์ต่อไปเถิด 7 ฝังรากฐาน และมีชีวิตที่สร้างขึ้นจากพระองค์ ให้ความเชื่อเข้มแข็งขึ้นตามที่ได้รับการสอนมา และท่วมท้นด้วยการขอบคุณพระเจ้า
8 จงระวัง อย่าให้ใครทำให้ท่านตกเป็นทาสด้วยปรัชญาที่ลวงหลอกและไร้ค่า ตามประเพณีนิยมของมนุษย์ และการบังคับของอำนาจแห่งวัตถุท้องฟ้า แทนที่จะดำเนินตามพระคริสต์ 9 ด้วยว่า ความเป็นพระเจ้าโดยบริบูรณ์ดำรงอยู่ในพระคริสต์ในรูปลักษณ์ที่เป็นร่างกายมนุษย์ 10 และท่านมีชีวิตที่บริบูรณ์ในพระองค์ และพระองค์เป็นประมุขเหนือการปกครองและสิทธิอำนาจทั้งปวง 11 และการที่ท่านอยู่ในพระองค์ ท่านก็ได้รับพิธีเข้าสุหนัตที่ไม่ได้กระทำด้วยมือมนุษย์ แต่ด้วยการกระทำโดยพระคริสต์ คือหลุดพ้นจากกิเลสฝ่ายเนื้อหนัง[a] 12 ถูกฝังด้วยกันกับพระองค์ในบัพติศมา และท่านได้รับการฟื้นคืนชีวิตขึ้นด้วยกับพระองค์ โดยมีความเชื่อตามพลังอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผู้สำแดงให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตายแล้ว 13 และเมื่อก่อน ท่านก็เหมือนกับว่าได้ตายไปแล้ว เนื่องจากการล่วงละเมิดและไม่ได้เข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนัง แต่พระเจ้าให้ท่าน[b]ได้มีชีวิตด้วยกันกับพระคริสต์ โดยยกโทษการล่วงละเมิดทุกอย่างของเรา 14 ด้วยการลบล้างข้อกล่าวหาที่บันทึกไว้ใต้กฎข้อบังคับซึ่งต่อต้านและขัดขวางเรา พระองค์รับเอาข้อกล่าวหาที่บันทึกไว้ไปเสีย โดยตรึงไว้ที่ไม้กางเขน 15 พระองค์ปลดอำนาจของบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองและผู้มีสิทธิอำนาจทั้งหลาย พระองค์ได้แสดงให้เห็นโดยทั่วกันว่า พระองค์มีชัยชนะเหนือพวกเขาด้วยไม้กางเขน
16 ฉะนั้น อย่าให้ผู้ใดวิจารณ์ท่านเรื่องอาหารหรือเครื่องดื่ม หรือในการฉลองเทศกาลทางศาสนา หรือฉลองเวลาข้างขึ้น หรือวันสะบาโต 17 สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของสิ่งที่จะมาภายหลัง แต่แก่นแท้คือพระคริสต์ 18 อย่าให้คนที่ชื่นชมกับการเสแสร้งถ่อมตนและกราบไหว้ทูตสวรรค์เป็นผู้ตัดสิทธิ์ท่าน คนประเภทนี้บรรยายความถึงสิ่งที่เขาได้เห็น และเป็นคนหยิ่งผยองโดยไร้เหตุผลตามความคิดที่เป็นแบบมนุษย์ 19 และไม่ได้ยึดมั่นในพระคริสต์ผู้เปรียบเสมือนศีรษะของร่างกาย และทั่วทั้งกายที่อยู่ในการควบคุมของพระคริสต์ได้รับการหล่อเลี้ยงและเชื่อมโยงติดต่อกันได้โดยข้อต่อกับเส้นเอ็น และเติบโตขึ้นตามที่พระเจ้าโปรด
20 ถ้าท่านได้ตายจากการบังคับของอำนาจแห่งวัตถุท้องฟ้าด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว ทำไมท่านจึงยอมอยู่ใต้อำนาจกฎต่างๆ ของมัน ราวกับว่าท่านยังใช้ชีวิตทางโลกอีก 21 เช่น “อย่าหยิบ อย่าชิม อย่าแตะต้อง” 22 สิ่งเหล่านี้เมื่อปฏิบัติตามจะนำไปสู่ความตาย เพราะมีรากฐานมาจากคำสั่งและการสอนของมนุษย์ 23 สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนว่าเกิดจากสติปัญญา อย่างเช่น ท่าทีเคร่งนมัสการ การเสแสร้งว่าถ่อมตน และการทรมานตนเอง แต่มันไม่มีพลังที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากการหลงระเริงฝ่ายเนื้อหนังเลย
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation