Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
1 พงศาวดาร 24-25

การแบ่งหน้าที่ของปุโรหิต

24 วงศ์วานของอาโรนแบ่งตามหมู่เหล่าได้ดังนี้

บุตรของอาโรน ได้แก่ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ แต่นาดับกับอาบีฮูเสียชีวิตก่อนบิดาโดยไม่มีบุตรชาย เอเลอาซาร์กับอิธามาร์จึงทำหน้าที่ปุโรหิต ดาวิดทรงแยกวงศ์วานของอาโรนเป็นกลุ่มๆ เพื่อแบ่งหน้าที่ปฏิบัติงานโดยมีศาโดกวงศ์วานของเอเลอาซาร์และอาหิเมเลควงศ์วานของอิธามาร์คอยช่วยเหลือพระองค์ วงศ์วานของเอเลอาซาร์แยกเป็นสิบหกกลุ่ม และอิธามาร์แยกเป็นแปดกลุ่ม ตามจำนวนหัวหน้าครอบครัวเพราะในกลุ่มวงศ์วานของเอเลอาซาร์มีผู้นำมากกว่า การแบ่งงานใช้วิธีทอดสลากเพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียง จะได้มีเจ้าหน้าที่ประจำสถานนมัสการ และเจ้าหน้าที่ของพระเจ้าจากวงศ์วานทั้งของเอเลอาซาร์และของอิธามาร์

อาลักษณ์เชไมอาห์บุตรของเนธันเอลชาวเลวีบันทึกรายชื่อของพวกเขาต่อหน้ากษัตริย์ และต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ได้แก่ ปุโรหิตศาโดก อาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์ และหัวหน้าครอบครัวของปุโรหิตและของคนเลวี ทอดสลากมอบหมายงานให้กลุ่มหนึ่งจากสายเอเลอาซาร์ แล้วอีกกลุ่มหนึ่งจากสายอิธามาร์สลับกันไป

สลากแรกสุดได้แก่ เยโฮยาริบ

ที่สองคือเยดายาห์

ที่สามคือฮาริม

ที่สี่คือเสโอริม

ที่ห้าคือมัลคิยาห์

ที่หกคือมิยามิน

10 ที่เจ็ดคือฮักโขส

ที่แปดคืออาบียาห์

11 ที่เก้าคือเยชูอา

ที่สิบคือเชคานิยาห์

12 ที่สิบเอ็ดคือเอลียาชีบ

ที่สิบสองคือยาคิม

13 ที่สิบสามคือหุปปาห์

ที่สิบสี่คือเยเชเบอับ

14 ที่สิบห้าคือบิลกาห์

ที่สิบหกคืออิมเมอร์

15 ที่สิบเจ็ดคือเฮซีร์

ที่สิบแปดคือฮัปปิสเซส

16 ที่สิบเก้าคือเปธาหิยาห์

ที่ยี่สิบคือเยเฮสเคล

17 ที่ยี่สิบเอ็ดคือยาคีน

ที่ยี่สิบสองคือกามูล

18 ที่ยี่สิบสามคือเดไลยาห์

และที่ยี่สิบสี่คือมาอาซิยาห์

19 นี่คือลำดับปฏิบัติงานเมื่อพวกเขาเข้าสู่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ตามกฎเกณฑ์ที่อาโรนบรรพบุรุษวางไว้ ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงบัญชาอาโรน

วงศ์วานอื่นๆ ของเลวี

20 สำหรับวงศ์วานอื่นๆ ของเลวีมีดังนี้

จากบุตรของอัมรามคือชูบาเอล

จากบุตรของชูบาเอลคือเยเดยาห์

21 ส่วนเรหับยาห์ จากบุตรของเขาคือ

อิสชีอาห์ผู้เป็นหัวหน้า

22 จากสายอิสฮาร์คือเชโลโมท

จากบุตรเชโลโมทคือยาหาท

23 บุตรของเฮโบรนได้แก่

เยรียาห์ผู้เป็นหัวหน้า[a] คนที่สองคืออามาริยาห์ คนที่สามคือยาฮาซีเอล และคนที่สี่คือเยคาเมอัม

24 บุตรของอุสซีเอลคือมีคาห์

จากบุตรของมีคาห์คือชามีร์

25 น้องของมีคาห์คืออิสชีอาห์ จากบุตรของอิสชีอาห์คือเศคาริยาห์

26 บุตรของเมรารีคือมาห์ลีกับมูชี

บุตรของยาอาซียาห์คือเบโน

27 เชื้อสายเมรารี ได้แก่

จากยาอาซียาห์คือ เบโน โชฮัม

ศักเกอร์ และอิบรี

28 จากมาห์ลีคือเอเลอาซาร์ซึ่งไม่มีบุตร

29 จากคีชคือ เยราห์เมเอลบุตรของคีช

30 บุตรของมูชีได้แก่ มาห์ลี เอเดอร์ และเยรีโมท

คนเหล่านี้คือชนเลวีตามครอบครัวของพวกเขา 31 พวกเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ต่างๆ โดยการทอดสลากเช่นเดียวกับวงศ์วานของอาโรน ไม่มีการจำแนกวัยหรือระดับรุ่น การแบ่งหน้าที่โดยการทอดสลากนี้กระทำต่อหน้ากษัตริย์ดาวิดและต่อหน้าศาโดก อาหิเมเลค กับบรรดาหัวหน้าครอบครัวของปุโรหิตและของชนเลวี

นักร้อง

25 ดาวิดและบรรดาแม่ทัพนายกองได้แยกบางคนจากกลุ่มบุตรของอาสาฟ เฮมาน และเยดูธูน มาทำหน้าที่เผยพระวจนะคลอด้วยเสียงพิณใหญ่ พิณเขาคู่ และฉาบ รายชื่อต่อไปนี้คือผู้ที่ทำหน้าที่ดังกล่าว

จากบุตรของอาสาฟ ได้แก่

ศักเกอร์ โยเซฟ เนธานิยาห์ และอาสาเรลาห์ บุตรเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของอาสาฟ ซึ่งอาสาฟเผยพระวจนะภายใต้การดูแลของกษัตริย์

จากบุตรของเยดูธูน ได้แก่

เกดาลิยาห์ เศรี เยชายาห์ ชิเมอี[b] ฮาชาบิยาห์และมัททีธิยาห์ รวมทั้งหมดหกคน อยู่ภายใต้การนำของเยดูธูนบิดาของพวกเขา ซึ่งเผยพระวจนะโดยบรรเลงพิณขอบพระคุณและสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

จากบุตรของเฮมาน ได้แก่

บุคคียาห์ มัททานิยาห์ อุสซีเอล ชูบาเอล เยรีโมท ฮานานิยาห์ ฮานานี เอลียาธาห์ กิดดาลที และโรมัมทีเอเซอร์ โยชเบคาชาห์ มัลโลธี โฮธีร์ และมาหะซิโอท ทั้งหมดนี้คือบุตรของเฮมานผู้ทำนายของกษัตริย์ พระเจ้าประทานบุตรเหล่านี้ให้แก่เขาตามพระสัญญาเพื่อยกย่องเชิดชูพระองค์ พระเจ้าประทานให้เฮมานมีบุตรชายสิบสี่คนและบุตรสาวสามคน

คนเหล่านี้มีหน้าที่ตีฉาบ บรรเลงพิณใหญ่และพิณเขาคู่เพื่อปรนนิบัติในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า ภายใต้การควบคุมวงโดยบิดาของเขา ทั้งอาสาฟ เยดูธูน และเฮมานขึ้นตรงต่อกษัตริย์ เขาทั้งสามและญาติพี่น้องได้รับการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญในด้านดนตรีเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า รวมทั้งสิ้น 288 คน ต่างได้รับมอบหมายในหน้าที่ตามการทอดสลากอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ ไม่คำนึงว่าเป็นครูหรือศิษย์

สลากแรกเป็นของอาสาฟ ตกแก่โยเซฟ กับบุตรและญาติพี่น้องของเขา
และญาติพี่น้องของเขา[c]รวม 12[d] คน
สลากที่สองเป็นของเกดาลิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
10 สลากที่สามเป็นของศักเกอร์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
11 สลากที่สี่เป็นของอิสรี[e]
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
12 สลากที่ห้าเป็นของเนธานิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
13 สลากที่หกเป็นของบุคคิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
14 สลากที่เจ็ดเป็นของเยสาเรลาห์[f]
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
15 สลากที่แปดเป็นของเยชายาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
16 สลากที่เก้าเป็นของมัททานิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
17 สลากที่สิบเป็นของชิเมอี
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
18 สลากที่สิบเอ็ดเป็นของอาซาเรล[g]
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
19 สลากที่สิบสองเป็นของฮาชาบิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
20 สลากที่สิบสามเป็นของชูบาเอล
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
21 สลากที่สิบสี่เป็นของมัททีธิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
22 สลากที่สิบห้าเป็นของเยรีโมท
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
23 สลากที่สิบหกเป็นของฮานานิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
24 สลากที่สิบเจ็ดเป็นของโยชเบคาชาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
25 สลากที่สิบแปดเป็นของฮานานี
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
26 สลากที่สิบเก้าเป็นของมัลโลธี
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
27 สลากที่ยี่สิบเป็นของเอลียาธาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
28 สลากที่ยี่สิบเอ็ดเป็นของโฮธีร์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
29 สลากที่ยี่สิบสองเป็นของกิดดาลที
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
30 สลากที่ยี่สิบสามเป็นของมาหะซิโอท
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
31 สลากที่ยี่สิบสี่เป็นของโรมัมทีเอเซอร์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม12 คน
1 เปโตร 5

ผู้อาวุโสและผู้อ่อนอาวุโส

ถึงผู้อาวุโส[a]ทั้งหลายในหมู่พวกท่าน ข้าพเจ้าขอร้องท่านในฐานะที่เป็นเพื่อนผู้อาวุโส เป็นพยานคนหนึ่งในเรื่องการทนทุกข์ของพระคริสต์ และเป็นผู้หนึ่งที่จะร่วมในพระเกียรติสิริซึ่งจะทรงสำแดงนั้นว่า จงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของท่าน พวกท่านรับใช้ในฐานะผู้ปกครองดูแล ไม่ใช่เพราะท่านต้องทำแต่เพราะท่านเต็มใจทำตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านเป็น ไม่ใช่โลภเงินทองแต่กระตือรือร้นที่จะรับใช้ ไม่ใช่วางอำนาจเหนือบรรดาผู้ที่ทรงมอบหมายแก่ท่าน แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น และเมื่อหัวหน้าของผู้เลี้ยงทั้งปวงทรงปรากฏท่านทั้งหลายจะได้รับมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีซึ่งไม่มีวันเสื่อมสลาย

ในทำนองเดียวกันท่านผู้อ่อนอาวุโส จงยอมเชื่อฟังบรรดาผู้ที่อาวุโสกว่า อันที่จริงให้ท่านทุกคนถ่อมใจต่อกันและกัน เพราะว่า

“พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง
แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ”[b]

เพราะฉะนั้นพวกท่านจงถ่อมใจลงภายใต้พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงยกท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันควร จงละความกังวลทั้งสิ้นของท่านไว้กับพระองค์เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่าน

จงรู้จักบังคับตนเองและตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะมารผู้เป็นศัตรูของท่านวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คำราม เที่ยวหาเหยื่อเพื่อขย้ำกิน จงต่อต้านมาร ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ ด้วยรู้ว่าพี่น้องทั่วโลกกำลังเผชิญความทุกข์ยากแบบเดียวกัน

10 และหลังจากพวกท่านทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่ง พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งปวงผู้ทรงเรียกท่านมาสู่พระเกียรติสิรินิรันดร์ของพระองค์ในพระคริสต์ พระองค์เองจะทรงให้พวกท่านกลับคืนสู่สภาพดีและให้ท่านเข้มแข็ง มั่นคง และแน่วแน่ 11 ขอเดชานุภาพมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน

คำลงท้าย

12 ข้าพเจ้าเขียนมาถึงท่านสั้นๆ ด้วยความช่วยเหลือของสิลาส[c] ผู้ซึ่งข้าพเจ้าถือว่าเป็นพี่น้องที่สัตย์ซื่อ ข้าพเจ้าเขียนมาให้กำลังใจท่านและเป็นพยานว่าทั้งหมดนี้คือพระคุณที่แท้จริงของพระเจ้า จงยืนหยัดมั่นคงในพระคุณนี้

13 คริสตจักรที่เมืองบาบิโลนผู้ได้รับการเลือกสรรด้วยกันกับท่านฝากความคิดถึงมายังท่าน และมาระโกบุตรของข้าพเจ้าก็ฝากความคิดถึงมายังท่านด้วย 14 จงทักทายกันด้วยจุมพิตแห่งความรัก

ขอสันติสุขมีแด่พวกท่านทุกคนผู้อยู่ในพระคริสต์

มีคาห์ 3

ตำหนิผู้นำและผู้เผยพระวจนะ

แล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า

“บรรดาผู้นำของยาโคบ จงฟังเถิด
ท่านผู้ที่ปกครองพงศ์พันธุ์อิสราเอล
ท่านควรจะรู้จักความยุติธรรมไม่ใช่หรือ?
ท่านซึ่งชังความดีและรักความชั่ว
ผู้ถลกหนังประชากรของเรา
และฉีกเนื้อจากกระดูกของพวกเขา
ผู้กินเนื้อพี่น้องร่วมชาติของเรา
เลาะหนังของเขาออก
และหักกระดูกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ผู้ห้ำหั่นพวกเขาเหมือนหั่นเนื้อใส่กระทะ
เหมือนหั่นเนื้อใส่หม้อ”

แล้วพวกเขาจะร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า
แต่พระองค์จะไม่ทรงตอบ
ครั้งนั้นพระองค์จะทรงซ่อนพระพักตร์จากพวกเขา
เพราะความชั่วที่พวกเขาได้ทำ

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า

“สำหรับบรรดาผู้เผยพระวจนะ
ผู้ซึ่งนำประชากรของเราหลงเตลิดไป
หากใครเลี้ยงดูพวกเขา
พวกเขาก็จะประกาศว่า ‘จงมีสันติสุขเถิด’
ใครไม่เลี้ยงดูพวกเขา
พวกเขาก็เตรียมจะทำศึกด้วย
ฉะนั้นค่ำคืนจะมาถึงเจ้า เจ้าจะไม่เห็นนิมิตใดๆ
ความมืดมาถึงเจ้า ไม่มีการทำนายทายทักใดๆ
ดวงอาทิตย์จะลับไปสำหรับบรรดาผู้เผยพระวจนะ
และกลางวันจะมืดไปสำหรับพวกเขา
ผู้ทำนายจะอับอาย
และหมอดูจะขายหน้า
ทุกคนจะเอามือปิดหน้าของตน
เพราะไม่มีคำตอบจากพระเจ้า”
แต่ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจ
ด้วยพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และด้วยความยุติธรรมกับกำลัง
เพื่อประกาศให้ยาโคบทราบถึงการล่วงละเมิดของเขา
และให้อิสราเอลทราบถึงบาปของตน

บรรดาผู้นำของพงศ์พันธุ์ยาโคบ จงฟังเถิด
ท่านผู้ที่ปกครองพงศ์พันธุ์อิสราเอล
ผู้ชิงชังความยุติธรรม
และบิดเบือนความถูกต้อง
10 ผู้สร้างศิโยนขึ้นจากการฆ่าคน
สร้างเยรูซาเล็มขึ้นจากความชั่วร้าย
11 ผู้นำของดินแดนนี้ตัดสินความโดยเห็นแก่สินบน
ปุโรหิตสั่งสอนโดยเห็นแก่รางวัล
และผู้เผยพระวจนะพยากรณ์เพื่อเงิน
ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังอ้างว่าพึ่งพิงองค์พระผู้เป็นเจ้าและกล่าวว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางเราไม่ใช่หรือ?
จะไม่มีภัยพิบัติใดมาถึงเราเลย”
12 ฉะนั้นเพราะพวกเจ้า
ศิโยนจะถูกไถเหมือนนา
เยรูซาเล็มจะกลายเป็นซากปรักหักพัง
ภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของพระวิหารจะกลายเป็นป่ารก

ลูกา 12

คำเตือนและคำให้กำลังใจ(A)

12 ขณะนั้นเมื่อประชาชนหลายพันคนมาชุมนุมเบียดเสียดกันอยู่ พระเยซูทรงเริ่มตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “จงระวัง เชื้อของพวกฟาริสี คือความหน้าซื่อใจคด ไม่มีสิ่งใดที่ถูกปิดบังไว้จะไม่ได้รับการเปิดเผย หรือที่ซ่อนไว้ซึ่งจะไม่ถูกทำให้ประจักษ์แจ้ง สิ่งที่ท่านกล่าวในที่มืดจะได้ยินในที่แจ้ง และสิ่งที่ท่านกระซิบใส่หูในห้องชั้นในจะถูกป่าวประกาศจากหลังคาบ้าน

“เพื่อนเอ๋ย เราบอกท่านว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แล้วหลังจากนั้นก็ทำอะไรไม่ได้อีก แต่เราจะบอกให้ว่าท่านควรกลัวผู้ใด จงเกรงกลัวพระองค์ผู้ทรงมีฤทธิ์อำนาจที่จะโยนท่านลงนรกหลังจากได้ฆ่ากายของท่านแล้ว ใช่ เราบอกท่านว่าจงเกรงกลัวพระองค์ นกกระจาบขายกันห้าตัวสองบาท[a] ไม่ใช่หรือ? ถึงกระนั้นก็ไม่มีสักตัวที่พระเจ้าทรงลืม อันที่จริงผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านก็ทรงนับทั้งหมดไว้แล้ว อย่ากลัวเลย ท่านมีค่ายิ่งกว่านกกระจาบหลายตัว

“เราบอกท่านว่าผู้ใดยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ บุตรมนุษย์จะยอมรับผู้นั้นต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าเช่นกัน แต่ผู้ที่ไม่ยอมรับเราต่อหน้ามนุษย์ ก็จะไม่ได้รับการยอมรับต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้า 10 และทุกคนที่กล่าวร้ายบุตรมนุษย์ จะทรงอภัยให้ แต่ผู้ใดหมิ่นประมาทพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะไม่ทรงอภัยให้

11 “เมื่อท่านถูกนำตัวไปไต่สวนในธรรมศาลาและถูกนำตัวไปอยู่ต่อหน้าผู้ปกครองและผู้ทรงอำนาจ อย่าวิตกกังวลว่าท่านจะแก้ต่างให้กับตนเองอย่างไรหรือจะพูดอะไร 12 เพราะในเวลานั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงสอนท่านว่าท่านควรพูดอะไร”

คำอุปมาเรื่องเศรษฐีโง่

13 คนหนึ่งในฝูงชนทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์เจ้าข้า ช่วยบอกพี่ชายของข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกแก่ข้าพเจ้าด้วย”

14 พระเยซูตรัสตอบว่า “พ่อหนุ่มเอ๋ย ใครตั้งเราให้เป็นตุลาการหรือเป็นผู้แบ่งสมบัติให้เจ้า?” 15 แล้วพระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงระวังให้ดี! จงระวังตนจากความโลภทุกชนิด ชีวิตคนเราไม่ได้อยู่ที่การมีทรัพย์สิ่งของเหลือเฟือ”

16 และพระองค์ตรัสคำอุปมานี้แก่พวกเขาว่า “ที่ดินของเศรษฐีคนหนึ่งให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ 17 เขาคิดในใจว่า ‘เราจะทำอย่างไรดี? เราไม่มีที่ที่จะเก็บพืชผล’

18 “แล้วเขากล่าวว่า ‘เราจะทำอย่างนี้ คือรื้อยุ้งฉางของเรา แล้วสร้างให้ใหญ่ขึ้นจะได้เอาไว้เก็บพืชผลและข้าวของทุกอย่าง 19 จากนั้นเราก็จะบอกตัวเองว่า “เจ้ามีของดีมากมายเก็บไว้พอสำหรับหลายปี ใช้ชีวิตให้สบาย กินดื่ม และรื่นเริงเถิด” ’

20 “แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘เจ้าคนโง่! คืนนี้ชีวิตของเจ้าจะถูกเรียกคืนจากเจ้า แล้วใครเล่าจะเป็นผู้ที่ได้รับสิ่งที่เจ้าเตรียมไว้สำหรับตัวเอง?’

21 “ผู้ใดสะสมสิ่งของไว้สำหรับตนแต่ไม่ได้มั่งมีต่อหน้าพระเจ้าก็เป็นเช่นนี้”

อย่าวิตกกังวล(B)

22 แล้วพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “เพราะฉะนั้นเราบอกท่านว่า อย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับชีวิตของท่านว่าจะเอาอะไรกิน หรือพะวงเกี่ยวกับร่างกายของท่านว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม 23 ชีวิตมีค่ายิ่งกว่าอาหาร และร่างกายมีค่ายิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่ม 24 จงพิจารณาดูนกกา มันไม่ได้หว่าน ไม่ได้เกี่ยว ไม่มีที่เก็บของ ไม่มียุ้งฉาง กระนั้นพระเจ้าก็ทรงเลี้ยงดูนกกาเหล่านี้ และท่านก็มีค่ายิ่งกว่านกมากนัก! 25 ใครบ้างในพวกท่านที่กังวลแล้วต่ออายุตัวเองให้ยืนยาวออกไปอีกสักชั่วโมงหนึ่งได้?[b] 26 ในเมื่อเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ท่านยังทำไม่ได้ แล้วท่านจะกังวลเรื่องอื่นๆ ไปทำไม?

27 “จงพิจารณาว่าดอกไม้เติบโตขึ้นอย่างไร มันไม่ได้ลงแรงหรือปั่นด้าย กระนั้นเราบอกท่านว่า แม้แต่กษัตริย์โซโลมอน เมื่อทรงบริบูรณ์ด้วยความโอ่อ่าตระการ ยังไม่ได้ทรงเครื่องงามสง่าเท่าดอกไม้เหล่านี้สักดอกหนึ่ง 28 ในเมื่อพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าในท้องทุ่งถึงเพียงนี้ หญ้าซึ่งอยู่ที่นี่วันนี้และพรุ่งนี้ก็จะถูกโยนลงในไฟ โอ ท่านผู้มีความเชื่อน้อย! พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ? 29 และอย่าใจจดใจจ่อว่าท่านจะเอาอะไรกินเอาอะไรดื่ม อย่ากังวลไปเลย 30 เพราะคนไม่มีพระเจ้าทั่วโลกต่างขวนขวายหาสิ่งเหล่านี้ และพระบิดาของท่านทรงทราบว่าท่านจำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้ 31 แต่จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้า แล้วพระองค์จะประทานสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้แก่ท่านด้วย

32 “แกะฝูงน้อยเอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงพอพระทัยที่จะประทานอาณาจักรนั้นแก่ท่าน 33 จงขายทรัพย์สินของท่านและบริจาคแก่คนยากไร้ จงจัดเตรียมถุงเงินที่ไม่มีวันฉีกขาดไว้ให้ตนเอง คือทรัพย์สมบัติในสวรรค์ซึ่งไม่รู้จักหมดสิ้น ในที่ซึ่งไม่มีขโมยมาเฉียดใกล้ และไม่มีมอดแมลงมาทำลาย 34 เพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย

จงเฝ้าระวังอยู่(C)

35 “จงแต่งกายให้พร้อมที่จะรับใช้ และดูแลให้บรรดาตะเกียงของท่านส่องสว่างอยู่ 36 เหมือนคนงานผู้คอยรับนายของตนซึ่งจะกลับจากงานเลี้ยงฉลองพิธีแต่งงาน เพื่อเมื่อนายกลับมาเคาะประตู เขาจะเปิดประตูรับนายได้ทันที 37 เป็นการดีสำหรับคนรับใช้เหล่านั้นที่นายกลับมาแล้วพบว่าพวกเขาเฝ้าคอยอยู่ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า นายจะแต่งกายของตนให้พร้อมที่จะรับใช้ และให้คนรับใช้เหล่านั้นนั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะ แล้วนายจะมาคอยปรนนิบัติ 38 เป็นการดีสำหรับคนรับใช้เหล่านั้นที่นายพบว่าพวกเขาพร้อมอยู่ แม้ว่านายจะมาตอนสองยามหรือสามยามของคืนนั้น 39 แต่จงเข้าใจข้อนี้ คือหากเจ้าของบ้านล่วงรู้ว่าขโมยจะมาเวลาไหน เขาย่อมไม่ปล่อยให้ใครบุกเข้ามาในบ้านได้ 40 พวกท่านก็ต้องเตรียมพร้อมไว้เช่นกัน เพราะบุตรมนุษย์จะมาในยามที่ท่านไม่คาดคิด”

41 เปโตรทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ตรัสคำอุปมานี้กับพวกข้าพระองค์หรือกับทุกคน?”

42 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ใครเป็นคนต้นเรือนที่สัตย์ซื่อและฉลาด ซึ่งนายตั้งให้ดูแลคนรับใช้เพื่อคอยแจกจ่ายอาหารให้พวกเขาตามเวลา? 43 เป็นการดีสำหรับคนรับใช้ผู้นั้นเมื่อนายกลับมาพบว่าเขาทำตามหน้าที่ 44 เราบอกความจริงแก่ท่านว่า นายจะตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งปวงของนาย 45 แต่ถ้าเขาคิดในใจว่า ‘อีกนานกว่านายของเราจะกลับมา’ เขาจึงเริ่มทุบตีเพื่อนคนรับใช้ชายหญิงและกินดื่มเมามาย 46 นายของคนรับใช้ผู้นั้นจะกลับมาในวันที่เขาไม่คาดคิด และในเวลาที่เขาไม่รู้ตัว นายจะสับเขาเป็นชิ้นๆ และส่งเขาไปอยู่ในที่ของคนที่ไม่เชื่อ

47 “คนรับใช้ที่รู้ใจนายแล้วไม่เตรียมพร้อมและทำตามความประสงค์ของนายจะถูกเฆี่ยนอย่างหนัก 48 ส่วนคนที่ไม่รู้และทำสิ่งที่ควรแก่การลงโทษย่อมจะถูกเฆี่ยนน้อย ทุกคนที่ได้รับมากจะถูกเรียกร้องมาก และคนที่ได้รับมอบหมายไว้มากจะถูกเรียกร้องมากยิ่งกว่า

ไม่ใช่สันติสุขแต่เป็นการแบ่งแยก(D)

49 “เรามาเพื่อนำไฟมาสู่โลก และเราปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้ไฟนั้นจุดขึ้นแล้ว! 50 แต่เราจะต้องผ่านบัพติศมาอย่างหนึ่ง และเราเป็นทุกข์ยิ่งนักจนกว่าบัพติศมานั้นจะสำเร็จครบถ้วน! 51 ท่านคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาสู่โลกหรือ? เปล่าเลย เราขอบอกว่าเรานำการแบ่งแยกมาต่างหาก 52 นับแต่นี้ไป ในครอบครัวหนึ่ง ห้าคนจะแตกแยกกัน สามต่อสองหรือสองต่อสาม 53 พวกเขาจะแตกแยกกัน พ่อจะแตกแยกกับลูกชาย และลูกชายจะแตกแยกกับพ่อ แม่จะแตกแยกกับลูกสาว และลูกสาวจะแตกแยกกับแม่ แม่สามีจะแตกแยกกับลูกสะใภ้ และลูกสะใภ้จะแตกแยกกับแม่สามี”

เข้าใจยุคสมัย

54 พระองค์ตรัสกับฝูงชนว่า “เมื่อท่านเห็นเมฆลอยขึ้นทางทิศตะวันตก ท่านก็บอกทันทีว่า ‘ฝนจะตก’ และฝนก็ตก 55 และเมื่อลมใต้พัดมา ท่านบอกว่า ‘อากาศจะร้อน’ และก็เป็นเช่นนั้น 56 เจ้าพวกหน้าซื่อใจคด! เจ้ารู้ว่าลักษณะของดินฟ้าอากาศหมายความว่าอย่างไร? แล้วทำไมเจ้าไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหมายความว่าอย่างไร?

57 “เหตุใดท่านจึงไม่ตัดสินเองว่าอะไรถูกต้อง? 58 ขณะท่านกับคู่ความไปพบผู้พิพากษา จงขวนขวายหาทางตกลงกับเขาให้ได้ระหว่างทาง มิฉะนั้น เขาจะลากท่านไปพบผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบตัวท่านแก่เจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่จะจับท่านเข้าคุก 59 เราบอกท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้จนกว่าจะใช้หนี้ครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์[c]

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.