M’Cheyne Bible Reading Plan
อัญเชิญหีบพันธสัญญากลับมา(A)
13 ดาวิดทรงหารือกับแม่ทัพนายกองทั้งปวง 2 แล้วตรัสกับชุมชนอิสราเอลทั้งปวงว่า “หากท่านทั้งหลายเห็นดีและเป็นพระประสงค์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ให้เราส่งข่าวไปยังพี่น้องของเราทั่วแดนอิสราเอลทั้งใกล้หรือไกล รวมทั้งบรรดาปุโรหิตและคนเลวีในเมืองและในทุ่งหญ้าของพวกเขาให้มาร่วมกับเรา 3 ให้เราอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าของเรากลับคืนมา เพราะในรัชกาลกษัตริย์ซาอูล เราได้ละเลยหีบนั้น[a]” 4 ชุมนุมประชากรทั้งหมดล้วนเห็นพ้องต้องกัน เพราะพวกเขาเห็นว่าเป็นสิ่งถูกต้อง
5 ดาวิดจึงทรงชุมนุมพลอิสราเอลทั่วแดน ตั้งแต่แม่น้ำชิโหร์ในอียิปต์จนจดเมืองเลโบฮามัท[b] เพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาจากคีริยาทเยอาริม 6 ดาวิดและชนอิสราเอลทั้งปวงจึงไปยังบาอาลาห์แห่งยูดาห์ (คีริยาทเยอาริม) เพื่ออัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าพระยาห์เวห์ซึ่งประทับระหว่างเครูบ อันเป็นหีบพันธสัญญาที่เรียกตามพระนาม
7 พวกเขาอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าจากบ้านของอาบีนาดับขึ้นบนเกวียนเล่มใหม่ โดยมีอุสซาห์และอาหิโยเป็นผู้นำทางมา 8 ดาวิดกับประชากรอิสราเอลทั้งปวงเฉลิมฉลองอย่างเต็มที่ต่อหน้าพระเจ้า มีการขับร้องและบรรเลงดนตรีด้วยพิณเขาคู่ พิณใหญ่ รำมะนา ฉาบ และแตร
9 เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวของคิโดน วัวสะดุดเสียหลัก อุสซาห์ยื่นมือออกรับหีบพันธสัญญา 10 พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่ออุสซาห์ พระองค์ทรงประหารเขาที่ยื่นมือออกแตะต้องหีบพันธสัญญา เขาจึงสิ้นชีวิตลงต่อหน้าพระเจ้า
11 ดาวิดไม่พอพระทัยเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอุสซาห์ สถานที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า เปเรศอุสซาห์[c]ตั้งแต่นั้นมา
12 ในวันนั้นดาวิดเกรงกลัวพระเจ้าและตรัสว่า “เราจะนำหีบพันธสัญญาของพระเจ้ากลับไปกับเราได้อย่างไร?” 13 ในที่สุดดาวิดก็ไม่ได้อัญเชิญหีบพันธสัญญาไปยังเมืองดาวิด แต่นำไปไว้ที่บ้านของโอเบดเอโดมชาวกัท 14 หีบพันธสัญญาคงอยู่กับครอบครัวของโอเบดเอโดมตลอดสามเดือน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรครัวเรือนและกิจการงานทุกอย่างของเขา
ครอบครัวของดาวิด(B)
14 กษัตริย์ฮีรามแห่งเมืองไทระส่งทูตมาเข้าเฝ้าดาวิด พร้อมกับช่างสกัดหินและช่างไม้ และส่งซุงไม้สนซีดาร์มาเพื่อช่วยสร้างพระราชวังของดาวิด 2 ดาวิดทรงตระหนักว่าที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสถาปนาดาวิดเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล และทรงเชิดชูอาณาจักรของดาวิดอย่างมาก ก็เพื่อเห็นแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์
3 ที่กรุงเยรูซาเล็มดาวิดทรงมีมเหสีอื่นๆ อีกและมีโอรสธิดามากมาย 4 โอรสซึ่งประสูติที่นั่นได้แก่ ชัมมุวา โชบับ นาธัน โซโลมอน 5 อิบฮาร์ เอลีชูอา เอลเปเลท 6 โนกาห์ เนเฟก ยาเฟีย 7 เอลีชามา เบเอลยาดา[d] และเอลีเฟเลท
ดาวิดพิชิตชาวฟีลิสเตีย(C)
8 เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ข่าวว่าดาวิดได้รับการเจิมตั้งเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ก็ระดมพลทั้งหมดมาตามหาดาวิด ดาวิดทรงทราบเรื่องจึงออกไปรับมือ 9 เมื่อชาวฟีลิสเตียมาถึงและได้บุกเข้าปล้นหุบเขาเรฟาอิม 10 ดาวิดจึงทูลถามพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ควรออกไปโจมตีพวกฟีลิสเตียหรือไม่? พระองค์จะทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของข้าพระองค์หรือไม่?”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ไปเถิด เราจะมอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า”
11 ดาวิดกับพวกจึงบุกเข้าโจมตีทัพฟีลิสเตียที่บาอัลเปราซิมและมีชัยชนะ ดาวิดตรัสว่า “พระเจ้าทรงถาโถมเข้าใส่ศัตรูของข้าพเจ้าดั่งสายน้ำเชี่ยวด้วยมือของข้าพเจ้า” ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า บาอัลเปราซิม[e] 12 ชาวฟีลิสเตียทิ้งรูปเคารพของตนไว้ และดาวิดสั่งให้เผาทิ้ง
13 ต่อมาชาวฟีลิสเตียมาปล้นหุบเขาแห่งนั้นอีก 14 ดาวิดจึงทูลถามพระเจ้าอีกและพระเจ้าตรัสตอบว่า “อย่าบุกโจมตีทางด้านหน้า แต่จงโอบล้อมแล้วรุกเข้าโจมตีทางด้านหน้าของหมู่ต้นยางสน 15 เมื่อเจ้าได้ยินเสียงคล้ายเสียงย่ำเท้าบนยอดต้นยางสน จงบุกเข้าโจมตี เพราะเป็นสัญญาณว่าพระเจ้าได้เสด็จไปล่วงหน้าเพื่อเล่นงานกองทัพฟีลิสเตียแล้ว” 16 ดังนั้นดาวิดก็ทำตามที่พระเจ้าตรัสสั่ง และทำลายล้างทัพฟีลิสเตียตลอดทางตั้งแต่เมืองกิเบโอนจนถึงเมืองเกเซอร์
17 ชื่อเสียงของดาวิดจึงเลื่องลือไปทั่วทุกแดน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ชนชาติทั้งปวงยำเกรงดาวิด
1 จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้ายากอบผู้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าและขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า
ถึงชนสิบสองเผ่าซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในชาติต่างๆ
การทดสอบและการทดลอง
2 พี่น้องทั้งหลายเมื่อใดที่ท่านเผชิญความทุกข์ยากนานาประการ จงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ 3 เพราะท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้นทำให้เกิดความอดทนบากบั่น 4 จงอดทนบากบั่นให้ถึงที่สุดเพื่อท่านจะเติบโตเต็มที่และสมบูรณ์เพียบพร้อมและไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย 5 ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา จงทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานด้วยพระทัยกว้างขวางแก่คนทั้งปวงโดยไม่ตำหนิ แล้วผู้นั้นจะได้รับ 6 แต่เมื่อเขาทูลขอ เขาต้องเชื่อและไม่สงสัยเลย เพราะผู้ใดที่สงสัยก็เป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งซัดไปซัดมาตามแรงลม 7 ผู้นั้นอย่าคิดว่าเขาจะได้รับสิ่งใดจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย 8 เขาเป็นคนสองใจเอาแน่อะไรไม่ได้
9 พี่น้องที่ต่ำต้อยควรภูมิใจในฐานะอันสูงส่งของตน 10 แต่ผู้ที่ร่ำรวยควรภูมิใจในฐานะอันต่ำต้อยของตนเพราะเขาจะต้องสูญสิ้นไปเหมือนดอกหญ้า 11 เพราะเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ความร้อนก็แผดเผาต้นหญ้าให้เหี่ยวแห้งไป ดอกหญ้าก็ร่วงโรย สูญสิ้นความงาม เช่นเดียวกันคนร่ำรวยก็จะเสื่อมสูญไปแม้ขณะดำเนินกิจการของตน
12 ความสุขมีแก่ผู้ที่อดทนบากบั่นเมื่อถูกทดลอง เพราะเมื่อเขายืนหยัดผ่านการทดสอบก็จะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับผู้ที่รักพระองค์
13 ขณะถูกทดลองให้ทำบาป อย่าให้ใครพูดว่า “พระเจ้าทรงทดลองข้าพเจ้า” เพราะความชั่วไม่อาจล่อลวงพระเจ้าให้ทำบาปและพระองค์ก็ไม่ทรงล่อลวงผู้ใดเลย 14 ทว่าแต่ละคนถูกทดลองเมื่อตัณหาชั่วของตนเองชักจูงไปให้ติดกับ 15 หลังจากมีตัณหาแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปโตเต็มที่ก็ก่อให้เกิดความตาย
16 พี่น้องที่รัก อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านเลย 17 ของประทานทุกอย่างที่ดีและล้ำเลิศล้วนมาจากเบื้องบน จากพระบิดาแห่งดวงสว่างทั้งหลายในฟ้าสวรรค์ ผู้ไม่ได้ทรงผันแปรเหมือนเงาที่แปรเปลี่ยน 18 พระองค์ทรงเลือกที่จะให้เราบังเกิดผ่านทางข่าวประเสริฐ[a] เพื่อเราจะได้เป็นเหมือนผลแรกอันดีเลิศของสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง
จงฟังและทำตาม
19 พี่น้องที่รักพึงทราบข้อนี้คือ ทุกคนควรไวในการฟัง ช้าในการพูด และช้าในการโกรธ 20 เพราะความโกรธของมนุษย์ไม่ได้ก่อให้เกิดชีวิตอันชอบธรรมที่พระเจ้าทรงประสงค์ 21 เหตุฉะนั้นจงขจัดสารพัดความโสมมทางศีลธรรมและความชั่วอันดาษดื่น และถ่อมใจน้อมรับพระวจนะที่ได้ปลูกฝังไว้ในท่านซึ่งสามารถช่วยท่านให้รอดได้
22 อย่าเพียงแต่ฟังพระวจนะซึ่งเป็นการหลอกตัวเอง แต่จงปฏิบัติตามพระวจนะนั้น 23 ผู้ใดที่ฟังพระวจนะแต่ไม่ได้ทำตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ส่องกระจกมองหน้าตัวเอง 24 หลังจากส่องดูแล้วก็ไปและทันใดนั้นก็ลืมว่าหน้าตาตนเองเป็นอย่างไร 25 ส่วนผู้ที่พินิจดูบทบัญญัติอันสมบูรณ์ซึ่งให้เสรีภาพและทำสิ่งนี้ต่อไปโดยไม่ลืมสิ่งที่เขาได้ยิน แต่ปฏิบัติตาม เขาก็จะได้รับพรในสิ่งที่ตนทำ
26 ถ้าผู้ใดคิดว่าตนเองเคร่งศาสนาแต่ไม่ควบคุมลิ้นของตนให้ดีก็หลอกตัวเอง ศาสนาของเขาก็ไร้ค่า 27 ศาสนาที่พระเจ้าพระบิดาของเรายอมรับว่าบริสุทธิ์และไร้ตำหนิคือ การดูแลลูกกำพร้าและหญิงม่ายที่ทุกข์ร้อนและการรักษาตนเองให้พ้นจากมลทินฝ่ายโลก
กระจาดผลไม้สุก
8 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นผลไม้สุกกระจาดหนึ่ง 2 พระองค์ตรัสถามว่า “อาโมส เจ้าเห็นอะไร?”
ข้าพเจ้าทูลว่า “ผลไม้สุกงอมกระจาดหนึ่งพระเจ้าข้า”
แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “วันเวลาสุกงอมแล้วสำหรับอิสราเอลประชากรของเรา เราจะไม่ละเว้นพวกเขาอีกต่อไป”
3 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า “ในวันนั้นบทเพลงต่างๆ ในพระวิหารจะเปลี่ยนเป็นเสียงร่ำไห้[a] ซากศพจะเกลื่อนกลาดอยู่ทุกแห่ง! และมีแต่ความเงียบสงัด!”
4 ฟังเถิดเจ้าผู้เหยียบย่ำคนขัดสน
และกำจัดคนยากไร้ในดินแดน
5 เจ้ากล่าวว่า
“เมื่อใดหนอจะหมดวันขึ้นหนึ่งค่ำ
เราจะได้ขายข้าวเสียที
เมื่อใดหนอจะหมดวันสะบาโต
เราจะได้ขายข้าวสาลีเสียที?”
เจ้าโกงด้วยการทำให้ตาชั่งหย่อน
โก่งราคา
และโกงตาชั่ง
6 เจ้าซื้อคนยากไร้ด้วยเงิน
แลกคนขัดสนด้วยรองเท้าคู่เดียว
และขายข้าวสาลีปนข้าวเลว
7 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิญาณโดยอ้างองค์ศักดิ์สิริแห่งยาโคบว่า “เราจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เขาทำแม้แต่อย่างเดียว
8 “ด้วยเหตุนี้แผ่นดินจะไม่สั่นสะท้าน
และผู้คนในนั้นจะไม่ไว้ทุกข์หรือ?
ทั่วทั้งแผ่นดินจะเอ่อท้นขึ้นเหมือนแม่น้ำไนล์
ถูกกวนให้เกิดความปั่นป่วน
แล้วก็จมลงเหมือนแม่น้ำอียิปต์”
9 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า
“ในวันนั้น เราจะทำให้ดวงอาทิตย์ตกตอนเที่ยงวัน
และโลกมืดมิดทั้งๆ ที่ยังกลางวันแสกๆ
10 เราจะเปลี่ยนเทศกาลทางศาสนาของเจ้าให้เป็นการไว้ทุกข์
และการร้องเพลงทั้งปวงของเจ้าให้เป็นการร่ำไห้
เราจะทำให้พวกเจ้าทุกคนสวมเสื้อผ้ากระสอบ
และโกนผม
เราจะทำให้ช่วงเวลานั้นเป็นเหมือนช่วงไว้ทุกข์ให้ลูกโทน
และให้วาระสุดท้ายเป็นดั่งวันอันขมขื่น”
11 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่า “วันเวลานั้นจะมาถึง
เมื่อเราจะให้เกิดการกันดารอาหารทั่วแผ่นดิน
ไม่ใช่หิวหาอาหารหรือกระหายหาน้ำ
แต่หิวกระหายอยากฟังพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
12 ผู้คนจะซมซานจากทะเลนี้ไปทะเลนั้น
และระเหเร่ร่อนจากเหนือไปตะวันออก
เสาะแสวงหาพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
แต่พวกเขาจะไม่พบ
13 “ในวันนั้น
ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเตรียมทาง(A)
3 ในปีที่สิบห้าแห่งรัชกาลทิเบริอัสซีซาร์ ขณะนั้นปอนทิอัสปีลาตเป็นผู้ว่าการแคว้นยูเดีย เฮโรดครองแคว้นกาลิลี ส่วนฟีลิปน้องชายของเฮโรดครองแคว้นอิทูเรียและตราโคนิติส ลีซาเนียสครองแคว้นอาบีเลน 2 ในสมัยที่อันนาสกับคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิต พระวจนะของพระเจ้าก็ได้มาถึงยอห์นบุตรเศคาริยาห์ในถิ่นกันดาร 3 เขาไปทั่วแถบลุ่มแม่น้ำจอร์แดน ประกาศบัพติศมาแห่งการกลับใจใหม่เพื่อรับการอภัยบาป 4 ดังที่เขียนไว้ในหนังสือของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า
“เสียงของผู้หนึ่งร้องในถิ่นกันดารว่า
‘จงเตรียมทางสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า
จงทำทางสำหรับพระองค์ให้ตรงไป
5 หุบเขาทุกแห่งจะถูกถมให้เต็ม
ภูเขาและเนินเขาทุกแห่งจะถูกทำให้ต่ำลง
ทางคดเคี้ยวจะกลายเป็นทางตรง
ทางขรุขระจะกลับราบเรียบ
6 และมวลมนุษยชาติจะเห็นความรอดของพระเจ้า’ ”[a]
7 ยอห์นกล่าวกับฝูงชนที่มารับบัพติศมาจากเขาว่า “เจ้าชาติงูร้าย! ใครตักเตือนพวกเจ้าให้หนีจากพระพิโรธที่จะมาถึง? 8 จงเกิดผลให้สมกับที่กลับใจใหม่และอย่านึกว่า ‘พวกเรามีอับราฮัมเป็นบรรพบุรุษ’ เพราะเราบอกท่านว่าพระเจ้าทรงสามารถทำให้ลูกหลานของอับราฮัมเกิดจากก้อนหินเหล่านี้ได้ 9 ขวานนั้นอยู่ที่โคนต้นไม้แล้วและทุกต้นที่ไม่ให้ผลดีจะถูกโค่นและโยนลงในไฟ”
10 ประชาชนถามว่า “ถ้าเช่นนั้นเราควรทำอย่างไร?”
11 ยอห์นตอบว่า “ผู้ที่มีเสื้อสองตัวจงแบ่งให้ผู้ที่ไม่มีและคนที่มีอาหารก็ควรแบ่งปันเช่นกัน”
12 คนเก็บภาษีมาขอรับบัพติศมาด้วย พวกเขาถามว่า “ท่านอาจารย์ เราควรทำอย่างไร?”
13 เขาตอบว่า “อย่าเก็บภาษีเกินพิกัด”
14 แล้วพวกทหารก็มาถามด้วยว่า “และเราควรทำอย่างไร?”
เขาตอบว่า “อย่าข่มขู่เอาเงินและอย่าใส่ร้ายใคร จงพอใจกับค่าจ้างของตน”
15 ประชาชนกำลังใจจดใจจ่อรอคอยและทุกคนล้วนสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ยอห์นจะเป็นพระคริสต์[b] 16 ยอห์นตอบพวกเขาทั้งหมดว่า “เราให้ท่านรับบัพติศมาด้วย[c]น้ำ แต่ผู้หนึ่งซึ่งทรงฤทธิ์อำนาจยิ่งกว่าเราจะเสด็จมาซึ่งเราไม่คู่ควรแม้แต่จะแก้สายฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้ท่านรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ 17 พระองค์ทรงถือพลั่วพร้อมอยู่ในพระหัตถ์เพื่อจะทรงเก็บกวาดลานนวดข้าวและเพื่อจะรวบรวมข้าวไว้ในยุ้งฉางของพระองค์ แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟอันไม่รู้ดับ” 18 ยอห์นได้แนะนำตักเตือนประชาชนอีกหลายประการและประกาศข่าวประเสริฐแก่พวกเขา
19 แต่เมื่อยอห์นตำหนิเฮโรดผู้ครองแคว้นเรื่องนางเฮโรเดียสภรรยาของน้องชายเฮโรดและสารพัดการชั่วอื่นๆ ที่เฮโรดได้ทำ 20 เฮโรดก็ทำชั่วหนักขึ้นโดยจับยอห์นขังคุก
พระเยซูทรงรับบัพติศมาและลำดับวงศ์ตระกูลของพระองค์(B)
21 เมื่อคนทั้งหลายกำลังรับบัพติศมาอยู่ พระเยซูก็ทรงรับบัพติศมาด้วย ขณะที่พระองค์ทรงอธิษฐาน ท้องฟ้าก็เปิดออก 22 และพระวิญญาณบริสุทธิ์ในรูปลักษณ์เหมือนนกพิราบเสด็จลงมาประทับเหนือพระองค์และมีพระสุรเสียงจากฟ้าสวรรค์ว่า “เจ้าคือลูกของเรา ผู้ที่เรารัก เราพอใจเจ้ายิ่งนัก”
23 พระเยซูทรงเริ่มพระราชกิจเมื่อมีพระชนมายุราวสามสิบพรรษา เป็นที่เข้าใจกันว่าพระองค์ทรงเป็นบุตรของโยเซฟ
ผู้เป็นบุตรของเฮลี 24 ผู้เป็นบุตรของมัทธัต
ผู้เป็นบุตรของเลวี ผู้เป็นบุตรของเมลคี
ผู้เป็นบุตรของยันนาย ผู้เป็นบุตรของโยเซฟ
25 ผู้เป็นบุตรของมัทธาธีอัส ผู้เป็นบุตรของอาโมส
ผู้เป็นบุตรของนาฮูม ผู้เป็นบุตรของเอสลี
ผู้เป็นบุตรของนักกาย 26 ผู้เป็นบุตรของมาอาท
ผู้เป็นบุตรของมัทธาธีอัส ผู้เป็นบุตรของเสเมอิน
ผู้เป็นบุตรของโยเสค ผู้เป็นบุตรของโยดา
27 ผู้เป็นบุตรของโยอานัน ผู้เป็นบุตรของเรซา
ผู้เป็นบุตรของเศรุบบาเบล ผู้เป็นบุตรของ เชอัลทิเอล
ผู้เป็นบุตรของเนรี 28 ผู้เป็นบุตรของเมลคี
ผู้เป็นบุตรของอัดดี ผู้เป็นบุตรของโคสัม
ผู้เป็นบุตรของเอลมาดัม ผู้เป็นบุตรของเอร์
29 ผู้เป็นบุตรของโยชูวา ผู้เป็นบุตรของเอลีเยเซอร์
ผู้เป็นบุตรของโยริม ผู้เป็นบุตรของมัทธัต
ผู้เป็นบุตรของเลวี 30 ผู้เป็นบุตรของสิเมโอน
ผู้เป็นบุตรของยูดาห์ ผู้เป็นบุตรของโยเซฟ
ผู้เป็นบุตรของโยนาม ผู้เป็นบุตรของเอลียาคิม
31 ผู้เป็นบุตรของเมเลอา ผู้เป็นบุตรของเมนนา
ผู้เป็นบุตรของมัทตะธา ผู้เป็นบุตรของนาธัน
ผู้เป็นบุตรของดาวิด 32 ผู้เป็นบุตรของเจสซี
ผู้เป็นบุตรของโอเบด ผู้เป็นบุตรของโบอาส
ผู้เป็นบุตรของสัลโมน[d]ผู้เป็นบุตรของนาโชน
33 ผู้เป็นบุตรของอัมมีนาดับ ผู้เป็นบุตรของราม[e]
ผู้เป็นบุตรของเฮสโรน ผู้เป็นบุตรของเปเรศ
ผู้เป็นบุตรของยูดาห์ 34 ผู้เป็นบุตรของยาโคบ
ผู้เป็นบุตรของอิสอัค ผู้เป็นบุตรของอับราฮัม
ผู้เป็นบุตรของเทราห์ ผู้เป็นบุตรของนาโฮร์
35 ผู้เป็นบุตรของเสรุก ผู้เป็นบุตรของเรอู
ผู้เป็นบุตรของเปเลก ผู้เป็นบุตรของเอเบอร์
ผู้เป็นบุตรของเชลาห์ 36 ผู้เป็นบุตรของไคนาน
ผู้เป็นบุตรของอารฟาซัด ผู้เป็นบุตรของเชม
ผู้เป็นบุตรของโนอาห์ ผู้เป็นบุตรของลาเมค
37 ผู้เป็นบุตรของเมธูเสลาห์ ผู้เป็นบุตรของเอโนค
ผู้เป็นบุตรของยาเรด ผู้เป็นบุตรของมาหะลาเลล
ผู้เป็นบุตรของเคนาน 38 ผู้เป็นบุตรของเอโนช
ผู้เป็นบุตรของเสท ผู้เป็นบุตรของอาดัม
ผู้เป็นบุตรของพระเจ้า
Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.