Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
1 พงศาวดาร 5-6

วงศ์วานของรูเบน

รูเบนบุตรชายหัวปีของอิสราเอล (เนื่องจากทำให้เตียงสมรสของบิดาเป็นมลทิน สิทธิบุตรหัวปีของเขาจึงตกอยู่แก่บุตรของโยเซฟผู้เป็นบุตรของอิสราเอล บันทึกลำดับวงศ์ตระกูลจึงไม่ได้เอ่ยถึงรูเบนในฐานะบุตรหัวปี โยเซฟได้รับสิทธิบุตรหัวปี แม้ว่ายูดาห์เป็นตระกูลที่เข้มแข็งที่สุดในหมู่พี่น้อง และมีเจ้านายองค์หนึ่งมาจากยูดาห์) บุตรของรูเบนผู้เป็นบุตรหัวปีของอิสราเอลได้แก่

ฮาโนค ปัลลู เฮสโรน และคารมี

วงศ์วานของโยเอล ได้แก่

บุตรชื่อเชไมอาห์ ซึ่งมีบุตรคือโกก ซึ่งมีบุตรคือชิเมอี ซึ่งมีบุตรคือมีคาห์ ซึ่งมีบุตรคือเรอายาห์ ซึ่งมีบุตรคือบาอัล

บุตรของบาอัลคือเบเอราห์ผู้นำคนหนึ่งของตระกูลรูเบน ซึ่งถูกจับไปเป็นเชลยของกษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์[a]แห่งอัสซีเรีย

ญาติของเขาตามตระกูลต่างๆ ที่บันทึกในลำดับวงศ์ตระกูล ได้แก่

เยอีเอลผู้เป็นหัวหน้า เศคาริยาห์ และเบลาผู้เป็นบุตรของอาซาส ผู้เป็นบุตรของเชมา ผู้เป็นบุตรของโยเอล พวกเขาตั้งถิ่นฐานจากเมืองอาโรเออร์จดเมืองเนโบและเมืองบาอัลเมโอน ทางตะวันออก พวกเขาครอบครองดินแดนไปจดเขตถิ่นกันดารซึ่งไปสู่แม่น้ำยูเฟรติส เพราะฝูงสัตว์ขยายเพิ่มขึ้นในดินแดนกิเลอาด

10 ในรัชกาลกษัตริย์ซาอูลพวกเขารบชนะชาวฮาการ์และครอบครองที่อยู่อาศัยของพวกเขาทั่วภูมิภาคตะวันออกทั้งหมดของกิเลอาด

วงศ์วานของกาด

11 ชนเผ่ากาดอาศัยถัดจากพวกเขาในดินแดนบาชานจนจดเมืองสาเลคาห์

12 โยเอลเป็นหัวหน้า รองลงมาคือชาฟาม จากนั้นคือยานัยกับชาฟัทในบาชาน

13 ญาติของเขาตามครอบครัวต่างๆ ได้แก่ มีคาเอล เมชุลลาม เชบา โยรัย ยาคาน ศิอา และเอเบอร์ รวมเจ็ดคน

14 คนเหล่านี้คือบุตรของอาบีฮายิล ผู้เป็นบุตรของหุรี ผู้เป็นบุตรของยาโรอาห์ ผู้เป็นบุตรของกิเลอาด ผู้เป็นบุตรของมิคาเอล ผู้เป็นบุตรของเยชิชัย ผู้เป็นบุตรของยาโด ผู้เป็นบุตรของบูส

15 อาหิบุตรของอับดีเอล ผู้เป็นบุตรของกูนี เป็นหัวหน้าครอบครัว

16 ชนเผ่ากาดอาศัยอยู่ในดินแดนกิเลอาด ในดินแดนบาชาน และหมู่บ้านโดยรอบ และตลอดไปจนสุดทุ่งหญ้าแห่งชาโรน

17 ทั้งหมดนี้ล้วนมีชื่ออยู่ในบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลในรัชกาลกษัตริย์โยธามแห่งยูดาห์และกษัตริย์เยโรโบอัมแห่งอิสราเอล

18 ชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่ามีกำลังพล 44,760 คนเพื่อออกรบ ทุกคนล้วนแข็งแรงแกล้วกล้า สามารถถือโล่ จับดาบ ใช้ธนู และผ่านการฝึกเพื่อสู้รบ 19 พวกเขาสู้รบกับชาวฮาการ์ ชาวเยทูร์ ชาวนาฟิช และชาวโนดับ 20 พระเจ้าทรงช่วยเหลือพวกเขาในการสู้รบ และพระองค์ทรงมอบชาวฮาการ์กับพันธมิตรทั้งปวงแก่พวกเขา เพราะพวกเขาร้องทูลพระองค์ขณะสู้รบ พระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเขาเนื่องจากพวกเขาวางใจในพระองค์ 21 พวกเขายึดฝูงสัตว์มาจากชาวฮาการ์ มีอูฐ 50,000 ตัว แกะ 250,000 ตัว ลา 2,000 ตัว และเชลย 100,000 คน 22 ศัตรูมากมายถูกฆ่าตายเพราะศึกครั้งนี้เป็นของพระเจ้า พวกเขาครอบครองดินแดนอยู่จนกระทั่งตกเป็นเชลย

วงศ์วานของมนัสเสห์ครึ่งเผ่า

23 เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าตั้งรกรากอยู่ทั่วแดนจากบาชานจดบาอัลเฮอร์โมน คือเสนีร์ (หรือภูเขาเฮอร์โมน) พวกเขามีจำนวนมาก

24 หัวหน้าครอบครัวของพวกเขาได้แก่ เอเฟอร์ อิชอี เอลีเอล อัสรีเอล เยเรมีย์ โฮดาวิยาห์ และยาดีเอล ล้วนแล้วแต่เป็นนักรบกล้าหาญ มีชื่อเสียง และเป็นผู้นำครอบครัว 25 แต่พวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของบรรพบุรุษ กลับปล่อยตัวปล่อยใจให้กับเทพเจ้าต่างๆ ของบรรดาชนชาติที่พระเจ้าได้ทรงทำลายล้างไปต่อหน้าพวกเขา 26 ฉะนั้นพระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงดลใจกษัตริย์ปูล (คือทิกลัทปิเลเสอร์)แห่งอัสซีเรียให้มาพิชิตและกวาดต้อนชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าไปเป็นเชลยอยู่ในแดนฮาลาห์ ฮาโบร์ ฮารา และแม่น้ำโกซานจวบจนทุกวันนี้

วงศ์วานของเลวี

บุตรของเลวี ได้แก่

เกอร์โชน โคฮาท และเมรารี

บุตรของโคฮาท ได้แก่

อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล

บุตรของอัมราม ได้แก่

อาโรน โมเสส และมิเรียม

บุตรของอาโรน ได้แก่

นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์

เอเลอาซาร์เป็นบิดาของฟีเนหัส

ฟีเนหัสเป็นบิดาของอาบีชูวา

อาบีชูวาเป็นบิดาของบุคคี

บุคคีเป็นบิดาของอุสซี

อุสซีเป็นบิดาของเศราหิยาห์

เศราหิยาห์เป็นบิดาของเมราโยท

เมราโยทเป็นบิดาของอามาริยาห์

อามาริยาห์เป็นบิดาของอาหิทูบ

อาหิทูบเป็นบิดาของศาโดก

ศาโดกเป็นบิดาของอาหิมาอัส

อาหิมาอัสเป็นบิดาของอาซาริยาห์

อาซาริยาห์เป็นบิดาของโยฮานัน

10 โยฮานันเป็นบิดาของอาซาริยาห์ (เขาเป็นปุโรหิตของพระวิหารที่โซโลมอนทรงสร้างขึ้นในกรุงเยรูซาเล็ม)

11 อาซาริยาห์เป็นบิดาของอามาริยาห์

อามาริยาห์เป็นบิดาของอาหิทูบ

12 อาหิทูบเป็นบิดาของศาโดก

ศาโดกเป็นบิดาของชัลลูม

13 ชัลลูมเป็นบิดาของฮิลคียาห์

ฮิลคียาห์เป็นบิดาของอาซาริยาห์

14 อาซาริยาห์เป็นบิดาของเสไรยาห์

และเสไรยาห์เป็นบิดาของเยโฮซาดัก

15 เยโฮซาดักถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ประชากรยูดาห์และเยรูซาเล็มตกเป็นเชลยของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์

16 บุตรของเลวี ได้แก่

เกอร์โชน[b] โคฮาท และเมรารี

17 รายชื่อบุตรของเกอร์โชน ได้แก่

ลิบนีกับชิเมอี

18 บุตรของโคฮาท ได้แก่

อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล

19 บุตรของเมรารี ได้แก่

มาห์ลีกับมูชี

ตระกูลต่างๆ ของเลวีลำดับตามต้นตระกูลมีดังนี้

20 วงศ์วานของเกอร์โชน ได้แก่

ลิบนีซึ่งมีบุตรคือยาหาท ซึ่งมีบุตรคือศิมมาห์ 21 ซึ่งมีบุตรคือโยอาห์ ซึ่งมีบุตรคืออิดโด ซึ่งมีบุตรคือเศราห์ ซึ่งมีบุตรคือเยอาเธรัย

22 วงศ์วานของโคฮาท ได้แก่

อัมมีนาดับ ซึ่งมีบุตรคือโคราห์

ซึ่งมีบุตรคืออัสสีร์ 23 ซึ่งมีบุตรคือเอลคานาห์

ซึ่งมีบุตรคือเอบียาสาฟ ซึ่งมีบุตรคืออัสสีร์

24 ซึ่งมีบุตรคือทาหัท ซึ่งมีบุตรคืออูรีเอล ซึ่งมีบุตรคืออุสซียาห์ ซึ่งมีบุตรคือชาอูล

25 วงศ์วานของเอลคานาห์ ได้แก่

อามาสัย อาหิโมท

26 ซึ่งมีบุตรคือเอลคานาห์[c]

ซึ่งมีบุตรคือโศฟัย ซึ่งมีบุตรคือนาหาท 27 ซึ่งมีบุตรคือเอลีอับ ซึ่งมีบุตรคือเยโรฮัม ซึ่งมีบุตรคือเอลคานาห์ ซึ่งมีบุตรคือซามูเอล[d]

28 บุตรของซามูเอล ได้แก่

โยเอล[e]ผู้เป็นบุตรหัวปี

กับอาบียาห์บุตรคนรอง

29 วงศ์วานของเมรารี ได้แก่

มาห์ลีซึ่งมีบุตรคือลิบนี ซึ่งมีบุตรคือชิเมอี ซึ่งมีบุตรคืออุสซาห์

30 ซึ่งมีบุตรคือชิเมอา ซึ่งมีบุตรคือฮักกียาห์ ซึ่งมีบุตรคืออาสายาห์

นักดนตรีประจำพระวิหาร

(ยชว.21:4-39)

31 ต่อไปนี้คือผู้ที่กษัตริย์ดาวิดทรงแต่งตั้งให้บรรเลงเพลงในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าหลังจากที่นำหีบพันธสัญญามาตั้งไว้ที่นั่นแล้ว 32 พวกเขาทำหน้าที่บรรเลงเพลงหน้าพลับพลา ซึ่งก็คือเต็นท์นัดพบ ตราบจนโซโลมอนสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็มเสร็จแล้ว พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ตามกฎระเบียบที่ตั้งไว้

33 คนเหล่านี้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่พร้อมกับบุตรทั้งหลายของตน ได้แก่

จากวงศ์โคฮาท คือ

เฮมานนักดนตรี

ซึ่งเป็นบุตรของโยเอล ซึ่งเป็นบุตรของซามูเอล

34 ซึ่งเป็นบุตรของเอลคานาห์ ซึ่งเป็นบุตรของเยโรฮัม

ซึ่งเป็นบุตรของเอลีเอล ซึ่งเป็นบุตรของโทอาห์

35 ซึ่งเป็นบุตรของศุฟ ซึ่งเป็นบุตรของเอลคานาห์

ซึ่งเป็นบุตรของมาฮาท ซึ่งเป็นบุตรของอามาสัย

36 ซึ่งเป็นบุตรของเอลคานาห์ ซึ่งเป็นบุตรของโยเอล

ซึ่งเป็นบุตรของอาซาริยาห์ ซึ่งเป็นบุตรของเศฟันยาห์

37 ซึ่งเป็นบุตรของทาหัท ซึ่งเป็นบุตรของอัสสีร์

ซึ่งเป็นบุตรของเอบียาสาฟ ซึ่งเป็นบุตรของโคราห์

38 ซึ่งเป็นบุตรของอิสฮาร์ ซึ่งเป็นบุตรของโคฮาท

ซึ่งเป็นบุตรของเลวี ซึ่งเป็นบุตรของอิสราเอล

39 ผู้ช่วยมือขวาของเฮมานคืออาสาฟ

ซึ่งเป็นบุตรของเบเรคิยาห์ ซึ่งเป็นบุตรของชิเมอา

40 ซึ่งเป็นบุตรของมีคาเอล ซึ่งเป็นบุตรของบาอาเสยาห์[f]

ซึ่งเป็นบุตรของมัลคิยาห์ 41 ซึ่งเป็นบุตรของเอทนี

ซึ่งเป็นบุตรของเศราห์ ซึ่งเป็นบุตรของอาดายาห์

42 ซึ่งเป็นบุตรเอธาน ซึ่งเป็นบุตรของศิมมาห์

ซึ่งเป็นบุตรของชิเมอี 43 ซึ่งเป็นบุตรของยาหาท

ซึ่งเป็นบุตรของเกอร์โชน ซึ่งเป็นบุตรของเลวี

44 ผู้ช่วยมือซ้ายของเขาคือเอธาน ตระกูลเมรารี

ซึ่งเป็นบุตรของคีชี ซึ่งเป็นบุตรของอับดี

ซึ่งเป็นบุตรของมัลลุค 45 ซึ่งเป็นบุตรของฮาชาบิยาห์

ซึ่งเป็นบุตรของอามาซิยาห์ ซึ่งเป็นบุตรของฮิลคียาห์

46 ซึ่งเป็นบุตรของอัมซี ซึ่งเป็นบุตรของบานี

ซึ่งเป็นบุตรของเชเมอร์ 47 ซึ่งเป็นบุตรของมาห์ลี

ซึ่งเป็นบุตรของมูชี ซึ่งเป็นบุตรของเมรารี

ซึ่งเป็นบุตรของเลวี

48 ส่วนพี่น้องตระกูลเลวีได้รับมอบหมายหน้าที่อื่นๆ ทั้งหมดในพลับพลาซึ่งเป็นพระนิเวศของพระเจ้า 49 แต่อาโรนและวงศ์วานเป็นผู้ถวายเครื่องบูชาต่างๆ และเครื่องหอมบนแท่นบูชารวมทั้งดูแลกิจธุระทั้งหมดที่เกี่ยวกับอภิสุทธิสถาน และการขออภัยโทษบาปสำหรับอิสราเอลให้ครบถ้วนทุกประการตามที่โมเสสผู้รับใช้พระเจ้าได้บัญชาไว้

50 วงศ์วานของอาโรน ได้แก่

เอเลอาซาร์ ซึ่งมีบุตรคือฟีเนหัส

ซึ่งมีบุตรคืออาบีชูวา 51 ซึ่งมีบุตรคือบุคคี

ซึ่งมีบุตรคืออุสซี ซึ่งมีบุตรคือเศราหิยาห์

52 ซึ่งมีบุตรคือเมราโยท ซึ่งมีบุตรคืออามาริยาห์

ซึ่งมีบุตรคืออาหิทูบ 53 ซึ่งมีบุตรคือศาโดก ซึ่งมีบุตรคืออาหิมาอัส

54 พื้นที่ซึ่งได้รับการแบ่งสรรให้เป็นเขตแดนสำหรับตั้งถิ่นฐานของพวกเขามีดังนี้ (สลากแรกสุดได้แก่ วงศ์วานของอาโรนในตระกูลโคฮาท)

55 พวกเขาได้รับเมืองเฮโบรนในยูดาห์และทุ่งหญ้าโดยรอบ 56 แต่ท้องทุ่งและหมู่บ้านของเมืองนั้นยกให้แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์

57 วงศ์วานของอาโรนจึงได้รับเฮโบรน (เมืองลี้ภัย) ลิบนาห์[g] ยาททีร์ เอชเทโมอา 58 ฮีเลน เดบีร์ 59 อาชัน ยุททาห์[h]และเบธเชเมชรวมทั้งทุ่งหญ้าโดยรอบ 60 และจากตระกูลเบนยามิน ได้รับกิเบโอน[i] เกบา อาเลเมท และอานาโธทรวมทุ่งหญ้า

เมืองเหล่านี้รวม 13 เมืองแบ่งสรรกันในหมู่ตระกูลโคฮาท

61 คนอื่นๆ ที่เหลือในวงศ์วานของโคฮาทได้รับการแบ่งสรร 10 เมืองจากตระกูลต่างๆ ของมนัสเสห์ครึ่งเผ่า

62 สำหรับวงศ์วานของเกอร์โชนตามแต่ละตระกูลได้รับ 13 เมืองในบาชานจากเผ่าอิสสาคาร์ อาเชอร์ นัฟทาลี และบางส่วนของเผ่ามนัสเสห์ที่อยู่ในบาชาน

63 วงศ์วานของเมรารีตามแต่ละตระกูลได้รับ 12 เมืองจากเผ่ารูเบน กาด และเศบูลุน

64 เป็นอันว่าชนอิสราเอลได้มอบเมืองต่างๆ พร้อมทุ่งหญ้าแก่ชนเลวี 65 พวกเขาแบ่งสรรเมืองดังกล่าวให้จากเผ่ายูดาห์ สิเมโอน และเบนยามิน

66 เผ่าเอฟราอิมมอบเมืองต่างๆ พร้อมทุ่งหญ้าโดยรอบให้แก่ตระกูลต่างๆ ของโคฮาท

67 พวกเขาได้รับเมืองเชเคม (เมืองลี้ภัย)[j] ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม เมืองเกเซอร์ 68 เมืองโยกเมอัม เมืองเบธโฮโรน 69 เมืองอัยยาโลน และเมืองกัทริมโมนพร้อมทุ่งหญ้า

70 เผ่ามนัสเสห์อีกครึ่งเผ่าได้มอบเมืองอาเนอร์และเมืองบิเลอัมพร้อมทั้งทุ่งหญ้าให้แก่ตระกูลอื่นๆ ที่เหลือของโคฮาท

71 เชื้อสายเกอร์โชนได้รับดังนี้

เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า

มอบเมืองโกลานในบาชานกับอัชทาโรท พร้อมทุ่งหญ้า

72 เผ่าอิสสาคาร์

มอบเมืองเคเดช เมืองดาเบรัท 73 เมืองราโมท และเมืองอาเนม พร้อมทุ่งหญ้า

74 เผ่าอาเชอร์

มอบเมืองมาชาล เมืองอับโดน 75 เมืองฮุกอก และเมืองเรโหบ พร้อมทุ่งหญ้า

76 และเผ่านัฟทาลี

มอบเมืองเคเดชในกาลิลี เมืองฮัมโมน และเมืองคีริยาธาอิม พร้อมทุ่งหญ้า

77 เชื้อสายเมรารี (ชนเลวีอื่นๆ ที่เหลือ)ได้รับดังนี้

เผ่าเศบูลุนมอบเมืองโยกเนอัม เมืองคารทาห์[k] เมืองริมโมโนกับเมืองทาโบร์ พร้อมทุ่งหญ้า

78 เผ่ารูเบนจากอีกฟากของแม่น้ำจอร์แดนฝั่งตะวันออกของเมืองเยรีโค

มอบเมืองเบเซอร์ในถิ่นกันดาร เมืองยาซาห์ 79 เมืองเคเดโมท และเมืองเมฟาอาท พร้อมทุ่งหญ้า

80 และเผ่ากาด

มอบเมืองราโมทในกิเลอาด เมืองมาหะนาอิม 81 เมืองเฮชโบนและเมืองยาเซอร์ พร้อมทุ่งหญ้า

ฮีบรู 10

พระคริสต์ทรงเป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวพอ

10 บทบัญญัติเป็นแต่เพียงเงาของสิ่งประเสริฐซึ่งจะมาถึง ไม่ใช่ของจริง เพราะเหตุนี้จึงไม่สามารถทำให้ผู้เข้าเฝ้านมัสการสมบูรณ์พร้อมด้วยเครื่องบูชาเดิมๆ ซึ่งถวายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกๆ ปีไม่มีสิ้นสุด เพราะถ้าทำเช่นนั้นได้ เขาจะไม่หยุดถวายเครื่องบูชาหรือ? เพราะผู้นมัสการจะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์เพียงครั้งเดียวเป็นพอ และจะไม่รู้สึกผิดกับบาปของเขาอีกต่อไป แต่เครื่องบูชาเหล่านั้นเป็นสิ่งเตือนให้สำนึกบาปทุกปี เพราะเลือดแพะเลือดวัวไม่สามารถลบล้างบาปให้สิ้นไป

ฉะนั้นเมื่อพระคริสต์ทรงเข้ามาในโลก พระองค์ตรัสว่า

“พระองค์ไม่ได้ทรงประสงค์เครื่องบูชาและของถวาย
แต่ทรงเตรียมกายหนึ่งไว้สำหรับข้าพระองค์
พระองค์ไม่ได้พอพระทัยเครื่องเผาบูชา
และเครื่องบูชาไถ่บาป
แล้วข้าพระองค์ทูลว่า ‘ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ ในหนังสือม้วนได้เขียนถึงข้าพระองค์ไว้
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์มาแล้วเพื่อทำตามพระประสงค์ของพระองค์’ ”[a]

พระองค์ตรัสเป็นประการแรกว่า “พระองค์ไม่ได้ทรงประสงค์เครื่องบูชาและของถวาย เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาไถ่บาป ทั้งพระองค์ไม่ได้ทรงพอพระทัยในสิ่งเหล่านั้น” (แม้บทบัญญัติกำหนดให้ทำเช่นนั้น) จากนั้นจึงตรัสว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ ข้าพระองค์มาแล้วเพื่อทำตามพระประสงค์ของพระองค์” พระองค์ทรงยกเลิกระบบแรกเพื่อตั้งระบบที่สอง 10 และโดยพระประสงค์นี้เราทั้งหลายจึงได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์เป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวเป็นพอ

11 วันแล้ววันเล่าที่ปุโรหิตทุกคนยืนปฏิบัติศาสนกิจ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาถวายเครื่องบูชาแบบเดียวกันซึ่งไม่สามารถลบล้างบาปให้สิ้นไปได้เลย 12 แต่เมื่อปุโรหิตองค์นี้ถวายเครื่องบูชาลบล้างบาปครั้งเดียวสำหรับตลอดไปแล้ว ก็ประทับลงที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า 13 นับแต่นั้นมาพระองค์ทรงรอคอยจนกว่าเหล่าศัตรูของพระองค์จะถูกทำให้เป็นแท่นวางพระบาทของพระองค์ 14 เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำให้บรรดาผู้ที่กำลังรับการทรงชำระให้บริสุทธิ์นั้นบรรลุความสมบูรณ์พร้อมเป็นนิตย์โดยการถวายบูชาครั้งเดียว

15 พระวิญญาณบริสุทธิ์ยังทรงยืนยันข้อนี้แก่เราด้วย พระองค์ตรัสเป็นประการแรกว่า

16 “นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับเขาทั้งหลายหลังจากสมัยนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น
คือเราจะใส่บทบัญญัติของเราในหัวใจของพวกเขา
และจะจารึกบทบัญญัตินั้นบนจิตใจของพวกเขา”[b]
17 “บาปและการอธรรมของพวกเขา
เราจะไม่จดจำอีกต่อไป”[c]

18 และเมื่อทรงอภัยบาปให้แล้วก็ไม่ต้องมีการถวายเครื่องบูชาสำหรับไถ่บาปอีกเลย

เรียกร้องให้บากบั่น

19 เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย ในเมื่อเรามั่นใจที่จะเข้าสู่อภิสุทธิสถานโดยพระโลหิตของพระเยซู 20 โดยหนทางใหม่อันมีชีวิตซึ่งเปิดให้เราผ่านม่านคือพระกายของพระองค์ 21 และในเมื่อเรามีองค์ปุโรหิตยิ่งใหญ่เหนือพระนิเวศของพระเจ้า 22 ก็ให้เราเข้าใกล้พระเจ้าด้วยใจจริงและมั่นใจอย่างเต็มที่ในความเชื่อ โดยที่จิตใจของเราได้รับการประพรมเพื่อชำระเราให้หมดจดจากจิตสำนึกที่ฟ้องร้องว่าตนผิด และกายของเราได้รับการชำระล้างด้วยน้ำบริสุทธิ์แล้ว 23 ให้เรายึดมั่นอย่างไม่คลอนแคลนในความหวังใจซึ่งเราประกาศรับไว้เพราะพระองค์ผู้ทรงสัญญานั้นทรงสัตย์ซื่อ 24 และให้เราพิจารณาดูว่าเราจะปลุกใจซึ่งกันและกันให้มุ่งสู่ความรักและการกระทำที่ดีได้อย่างไร 25 อย่าให้เราขาดการประชุมเหมือนที่บางคนทำเป็นประจำ แต่ให้เราให้กำลังใจกันมากยิ่งขึ้น และทำเช่นนั้นให้มากยิ่งขึ้นอีกเมื่อเห็นว่าวันนั้นใกล้เข้ามาทุกที

26 หลังจากรู้ความจริงแล้ว ถ้าเรายังขืนทำบาปโดยเจตนาต่อไปอีกก็จะไม่เหลือเครื่องบูชาลบบาปใดๆ 27 มีแต่รอคอยด้วยความหวาดกลัวถึงการพิพากษาและไฟร้อนแรงซึ่งจะเผาผลาญบรรดาศัตรูของพระเจ้า 28 คนใดฝ่าฝืนบทบัญญัติของโมเสส หากมีพยานสองหรือสามคนยังต้องตายโดยปราศจากความเมตตา 29 ท่านคิดว่าผู้ที่เหยียบย่ำพระบุตรของพระเจ้า ทำราวกับว่าพระโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งชำระเขาให้บริสุทธิ์นั้นไม่ศักดิ์สิทธิ์และลบหลู่พระวิญญาณแห่งพระคุณ สมควรจะรับโทษหนักมากกว่านั้นสักเพียงใด? 30 เพราะเรารู้จักพระองค์ผู้ตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเราเอง เราจะคืนสนอง”[d] และว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์”[e] 31 การตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่นั้นน่ากลัวนัก

32 จงระลึกถึงวันก่อนๆ หลังจากท่านได้รับความสว่าง เมื่อท่านยืนหยัดมั่นคงยามถูกต่อต้านอย่างหนักในท่ามกลางความทุกข์ยาก 33 บางครั้งท่านถูกประจานให้ได้อายและถูกข่มเหง บางทีท่านก็ยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ที่ถูกเขาทำเช่นนั้นด้วย 34 ท่านเห็นใจผู้ที่ถูกจองจำ และเมื่อถูกยึดทรัพย์สินท่านก็ยอมรับอย่างชื่นบาน เพราะท่านรู้ว่าท่านเองมีทรัพย์สมบัติถาวรซึ่งดียิ่งกว่านั้นอีก

35 ฉะนั้นอย่าทิ้งความมั่นใจของท่าน สิ่งนี้จะได้รับบำเหน็จอันยิ่งใหญ่ 36 ท่านทั้งหลายต้องอดทนบากบั่น เพื่อว่าเมื่อท่านได้ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าแล้ว ท่านจะได้รับสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ 37 เพราะ

“เพียงครู่เดียว
พระองค์ผู้กำลังเสด็จมาจะเสด็จมาและจะไม่ทรงล่าช้า
38 แต่ผู้ชอบธรรมของเรา[f]จะดำรงชีวิตโดยความเชื่อ
และหากเขาเสื่อมถอย
เราจะไม่พอใจเขา”[g]

39 ส่วนพวกเราไม่ใช่ผู้ที่เสื่อมถอยและถูกทำลาย แต่เป็นผู้ที่เชื่อและได้รับการช่วยให้รอด

อาโมส 4

อิสราเอลไม่ได้หันกลับมาหาพระเจ้า

ฟังเถิด บรรดาแม่วัวแห่งบาชานบนภูเขาสะมาเรีย
คือพวกผู้หญิงที่กดขี่คนยากไร้และเหยียบย่ำคนขัดสน
คนที่พูดกับสามีว่า “ช่วยเอาเครื่องดื่มมาให้หน่อย!”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงปฏิญาณโดยความบริสุทธิ์ของพระองค์ว่า
“เวลานั้นจะมาถึงอย่างแน่นอน
เมื่อเจ้าจะถูกลากไปด้วยขอเกี่ยว
พวกสุดท้ายจะถูกลากไปด้วยเบ็ด
เจ้าแต่ละคนจะตรงออกไป
ผ่านรอยแตกของกำแพง
และเจ้าจะถูกเหวี่ยงออกไปยังฮารโมน[a]
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
“จงไปยังเบธเอลและทำบาป
จงไปยังกิลกาลและทำบาปยิ่งขึ้นไปอีก
เอาเครื่องบูชาไปถวายทุกเช้า
เอาสิบลดไปถวายทุกสามปี[b]
เอาขนมปังใส่เชื้อมาเผาถวายเป็นเครื่องบูชาขอบพระคุณ
และโอ้อวดเครื่องบูชาตามความสมัครใจ
โอ้อวดเข้าไปเถิด อิสราเอลเอ๋ย
ในเมื่อเจ้ารักที่จะทำเช่นนั้น”
            พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น

“เราให้เจ้าท้องกิ่วไส้แห้ง[c]ในทุกๆ นคร
ไม่มีอาหารกินในทุกๆ เมือง
ถึงกระนั้นเจ้าก็ไม่ยอมกลับมาหาเรา”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“เรางดให้ฝนแก่เจ้าด้วย
สามเดือนก่อนถึงฤดูเก็บเกี่ยว
เราให้ฝนตกในเมืองหนึ่ง
แต่ไม่ให้ฝนตกในอีกเมืองหนึ่ง
นาหนึ่งมีฝน
อีกนาไม่มีและข้าวจะเหี่ยวเฉาไป
ผู้คนโซซัดโซเซจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อหาน้ำ
แต่ก็ได้ไม่พอดื่ม
ถึงกระนั้นเจ้าก็ไม่ยอมกลับมาหาเรา”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“หลายครั้งที่เราโจมตีไร่นาและสวนองุ่นของเจ้า
ให้พืชผลถูกทำลายและขึ้นรา
มีตั๊กแตนกัดกินต้นมะเดื่อและต้นมะกอกของเจ้า
ถึงกระนั้นเจ้าก็ไม่ยอมกลับมาหาเรา”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

10 “เราส่งภัยพิบัติต่างๆ มาท่ามกลางพวกเจ้า
เหมือนที่เราทำแก่อียิปต์
เราฆ่าหนุ่มฉกรรจ์ของเจ้าด้วยดาบ
ฆ่าพร้อมกับม้าที่เจ้ายึดมาได้
เราทำให้กลิ่นเหม็นที่ตลบไปทั้งค่ายโชยคลุ้งเข้าจมูกเจ้า
ถึงกระนั้นเจ้าก็ไม่ยอมกลับมาหาเรา”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

11 “เราคว่ำพวกเจ้าบางคนไป
เหมือนที่เรา[d]คว่ำโสโดมและโกโมราห์
เจ้าเหมือนดุ้นฟืนที่ถูกฉวยออกมาจากกองไฟ
ถึงกระนั้นเจ้าก็ไม่ยอมกลับมาหาเรา”
            องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

12 “ฉะนั้นอิสราเอลเอ๋ย เราจะทำกับเจ้าดังนี้
และเพราะเราจะทำกับเจ้าดังนี้
จงเตรียมตัวพบกับพระเจ้าของเจ้าเถิดอิสราเอลเอ๋ย”

13 พระองค์ผู้ทรงก่อร่างสร้างภูเขา
สร้างลม
และทรงสำแดงพระดำริแก่มนุษย์
พระองค์ผู้ทรงแปรเปลี่ยนรุ่งอรุณให้เป็นความมืดมิด
และทรงดำเนินอยู่บนเบื้องสูงของโลก
พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์

สดุดี 148-150

148 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[a]

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าจากฟ้าสวรรค์
จงสรรเสริญพระองค์ที่เบื้องบน
จงสรรเสริญพระองค์เถิด ทูตสวรรค์ทั้งปวง
จงสรรเสริญพระองค์ ชาวสวรรค์ทั้งสิ้น
จงสรรเสริญพระองค์เถิด ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์
จงสรรเสริญพระองค์ ดวงดาวระยิบระยับทั้งปวง
จงสรรเสริญพระองค์เถิด ฟ้าสวรรค์สูงสุด
และห้วงน้ำทั้งหลายเหนือฟากฟ้า

ให้สิ่งเหล่านั้นสรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์
เพราะพระองค์ทรงบัญชา สิ่งเหล่านั้นก็เกิดขึ้น
พระองค์ทรงกำหนดสิ่งเหล่านั้นให้อยู่ในที่
ของมันไว้ตลอดกาล
พระองค์ทรงมีประกาศิตซึ่งจะไม่มีวันล้มเลิก

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าจากแผ่นดินโลกเถิด
เจ้าสัตว์ทะเลมหึมาและห้วงน้ำลึกแห่งมหาสมุทรทั้งปวง
ฟ้าแลบและลูกเห็บ หิมะและเมฆ
ลมพายุที่กระทำตามพระบัญชา
บรรดาภูเขาและเนินเขา
ต้นหมากรากไม้และสนซีดาร์
10 สัตว์ป่าและฝูงสัตว์
สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยและนกทั้งหลาย
11 บรรดากษัตริย์ของโลกและชนชาติทั้งปวง
เจ้านายและผู้ครอบครองทุกคนในโลก
12 คนหนุ่มและคนสาว
คนแก่และเด็กๆ

13 ให้ทั้งหมดนี้สรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์
เพราะพระนามของพระองค์เท่านั้นสมควรแก่การเทิดทูน
ความโอ่อ่าตระการของพระองค์อยู่เหนือฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
14 พระองค์ทรงแต่งตั้งกษัตริย์[b]แก่ประชากรของพระองค์
กษัตริย์ผู้เป็นที่สรรเสริญของประชากรทั้งปวงของพระองค์
คือประชากรแห่งอิสราเอลผู้แนบชิดพระทัยพระองค์

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

149 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[c]

จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ในที่ชุมนุมของประชากร

ให้อิสราเอลปีติยินดีในพระผู้สร้างของตน
ให้ประชากรแห่งศิโยนชื่นชมในองค์กษัตริย์ของเขา
ให้พวกเขาสรรเสริญพระนามของพระองค์ด้วยการเต้นรำ
และบรรเลงเพลงถวายแด่พระองค์ด้วยพิณและรำมะนา
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปีติยินดีในประชากรของพระองค์
ทรงเชิดชูผู้ถ่อมใจด้วยชัยชนะ
ประชากรของพระองค์จงปีติยินดีในเกียรติยศนี้
และร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีขณะอยู่บนที่นอนของพวกเขา

ขอให้คำสรรเสริญพระเจ้าติดปากของพวกเขา
และดาบสองคมอยู่ในมือของพวกเขา
เพื่อแก้แค้นประชาชาติต่างๆ
เพื่อลงโทษชนชาติทั้งหลาย
เพื่อพันธนาการเหล่ากษัตริย์ของพวกเขาด้วยโซ่ตรวน
และพันธนาการเจ้านายทั้งหลายของพวกเขาด้วยโซ่เหล็ก
เพื่อจัดการกับพวกเขาตามคำตัดสินที่เขียนไว้
นี่คือศักดิ์ศรีของประชากรทั้งปวงของพระองค์

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

150 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า[d]

จงสรรเสริญพระเจ้าในสถานนมัสการของพระองค์
จงสรรเสริญพระองค์ในฟ้าสวรรค์อันเกรียงไกรของพระองค์
จงสรรเสริญพระเจ้าเนื่องด้วยพระราชกิจอันทรงเดชานุภาพ
จงสรรเสริญพระองค์เพราะความยิ่งใหญ่อันหาที่เปรียบมิได้
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตรดังก้อง
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณใหญ่และพิณเขาคู่
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยรำมะนาและการเต้นรำ
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสายและปี่
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉิ่งเสียงฉาบ
จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉิ่งฉาบอันกังวาน

ให้ทุกสิ่งที่มีลมหายใจ สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.