Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
เลวีนิติ 2-3

เครื่องธัญบูชา

“ ‘ผู้ที่จะถวายเครื่องธัญบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจงนำแป้งละเอียดมา เทน้ำมันลงบนแป้ง และโรยเครื่องหอม แล้วนำมามอบแก่บรรดาปุโรหิตบุตรของอาโรน ปุโรหิตจะกอบแป้งละเอียดมากำมือหนึ่งและน้ำมันพร้อมกับเครื่องหอมทั้งสิ้น และเผาเครื่องบูชานี้เป็นส่วนอนุสรณ์บนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย ธัญบูชาส่วนที่เหลือยกให้อาโรนกับบุตรชาย เป็นส่วนบริสุทธิ์ที่สุดของเครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

“ ‘หากจะนำขนมอบมาเป็นธัญบูชาจะต้องทำจากแป้งละเอียดเคล้าน้ำมันไม่ใส่เชื้อ หรือใช้ขนมปังแผ่นบางไม่ใส่เชื้อทาน้ำมัน หากจะถวายขนมปังที่ปิ้งบนกระทะ จงทำจากแป้งละเอียดเคล้าน้ำมันไม่ใส่เชื้อ บิเป็นชิ้นเล็กๆ รินน้ำมันราดเป็นเครื่องธัญบูชาอย่างหนึ่ง หากจะถวายขนมที่ทอดในกระทะก็ทำจากแป้งละเอียดเคล้าน้ำมันเช่นเดียวกัน จงนำธัญบูชาที่ทำจากสิ่งเหล่านี้มาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้านำมามอบให้ปุโรหิตซึ่งเขาจะนำมาที่แท่นบูชา ปุโรหิตจะนำส่วนอนุสรณ์จากธัญบูชานี้มาเผาบนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย 10 ธัญบูชาส่วนที่เหลือยกให้อาโรนกับบรรดาบุตรชาย เป็นส่วนบริสุทธิ์ที่สุดของเครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

11 “ ‘อย่าใส่เชื้อในเครื่องธัญบูชาที่เจ้านำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะเจ้าจะต้องไม่เผาเชื้อหรือน้ำผึ้งในเครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 12 เจ้าอาจจะถวายขนมปังใส่เชื้อและน้ำผึ้งเป็นเครื่องถวายบูชาผลแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ไม่ใช่นำมาเผาถวายบนแท่นบูชาเป็นกลิ่นที่พอพระทัย 13 จงใส่เกลือในเครื่องธัญบูชาทุกอย่าง อย่าให้เกลือแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าขาดจากธัญบูชา จงใส่เกลือในเครื่องบูชาทุกอย่าง

14 “ ‘หากเจ้าถวายธัญบูชาเป็นผลแรก จงเด็ดเมล็ดจากรวงซึ่งเกี่ยวมาใหม่ๆ นำมาบดและย่างไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 15 ใส่น้ำมันและเครื่องหอมในนั้น นี่คือเครื่องธัญบูชา 16 ปุโรหิตจะเผาส่วนอนุสรณ์ของเมล็ดพืชบดและน้ำมันพร้อมกับเครื่องหอมทั้งหมด เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

เครื่องสันติบูชา

“ ‘ถ้าผู้ใดจะถวายเครื่องสันติบูชา และเขาถวายสัตว์จากฝูงวัวไม่ว่าตัวผู้หรือตัวเมีย เขาจะต้องนำสัตว์ที่ไม่มีตำหนิมาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ให้เขาวางมือบนหัวของสัตว์ที่จะถวาย แล้วฆ่ามันที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ เหล่าปุโรหิตซึ่งเป็นบุตรชายของอาโรนจะพรมเลือดวัวนั้นรอบแท่นบูชา เขาจะนำส่วนหนึ่งจากเครื่องสันติบูชามาเผาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าคือไขมันที่หุ้มหรือติดกับเครื่องใน ไตทั้งสองลูกกับไขมันที่ติดอยู่ใกล้บั้นเอว และพังผืดหุ้มตับซึ่งเอาออกมาพร้อมไต จากนั้นบรรดาบุตรของอาโรนจะเผาสิ่งเหล่านี้บนเครื่องเผาบูชาซึ่งอยู่บนฟืนที่ติดไฟบนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

“ ‘หากเขาจะถวายแกะหรือแพะเป็นเครื่องสันติบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าใช้ได้ทั้งตัวผู้และตัวเมียซึ่งไม่มีตำหนิ หากใช้ลูกแกะ จงนำมาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ให้เขาวางมือบนหัวของมันและฆ่ามันหน้าเต็นท์นัดพบ และบรรดาบุตรของอาโรนจะพรมเลือดของมันรอบแท่นบูชา เขาจะนำส่วนหนึ่งจากเครื่องสันติบูชามาเผาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าคือไขมัน ไขมันส่วนหางซึ่งตัดชิดกระดูกสันหลัง ไขมันทั้งหมดที่หุ้มหรือติดเครื่องใน 10 ไตทั้งสองลูกกับไขมันบนไตใกล้บั้นเอว และพังผืดหุ้มตับซึ่งนำออกมาพร้อมกับไต 11 ปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

12 “ ‘หากเขานำแพะมาถวาย ให้นำมาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า 13 ให้เขาวางมือบนหัวแพะและฆ่ามันที่ด้านหน้าเต็นท์นัดพบ จากนั้นบุตรของอาโรนจะพรมเลือดแพะรอบแท่นบูชา 14 เขาจะนำส่วนหนึ่งจากเครื่องถวายนำมาถวายบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าคือไขมันทั้งหมดที่หุ้มหรือติดกับเครื่องใน 15 ไตทั้งสองลูกกับไขมันบนไตใกล้บั้นเอว และพังผืดของตับซึ่งเอาออกมาพร้อมไต 16 ปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย ไขมันทั้งหมดเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า

17 “ ‘อย่ากินไขมันหรือเลือดเลย นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุไม่ว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ที่ใด’ ”

ยอห์น 21

พระเยซูกับการจับปลาอย่างอัศจรรย์

21 ต่อมาพระเยซูทรงปรากฏแก่เหล่าสาวกของพระองค์อีกครั้งที่ทะเลทิเบเรียส[a] เหตุการณ์เป็นไปดังนี้คือ ซีโมนเปโตร โธมัส

(ที่เรียกกันว่า ดิไดมัส[b]) นาธานาเอลจากหมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี บุตรชายทั้งสองของเศเบดีและสาวกอีกสองคนอยู่ด้วยกัน ซีโมนเปโตรบอกพวกเขาว่า “เราจะออกไปจับปลา” พวกนั้นพูดว่า “เราจะไปด้วย” พวกเขาจึงออกไปและลงเรือแต่ทั้งคืนไม่ได้อะไรเลย

พอรุ่งเช้าพระเยซูทรงยืนอยู่ที่ฝั่งแต่เหล่าสาวกไม่รู้ว่าเป็นพระเยซู

พระเยซูทรงตะโกนถามว่า “เพื่อนเอ๋ย ไม่มีปลาเลยหรือ?”

พวกเขาทูลว่า “ไม่มี”

พระองค์ตรัสว่า “ทอดอวนลงที่ด้านขวาของเรือเถิด พวกท่านจะได้ปลาบ้าง” เมื่อพวกเขาทอดอวนลงก็ได้ปลามากมายจนลากอวนไม่ขึ้น

แล้วสาวกคนที่พระเยซูทรงรักจึงพูดกับเปโตร ว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า!” ทันทีที่ซีโมนเปโตรได้ยินว่าเขาพูดว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” เปโตรก็คว้าเสื้อตัวนอกมาสวม (เพราะตอนแรกถอดไว้) แล้วกระโดดลงน้ำ สาวกคนอื่นๆ นั่งเรือตามมาพร้อมทั้งลากอวนที่มีปลาติดเต็มมาด้วยเพราะพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากฝั่งคือประมาณ 200 ศอก[c]เท่านั้น พอพวกเขาขึ้นฝั่งก็เห็นถ่านติดไฟมีปลาปิ้งอยู่ข้างบนและมีขนมปัง

10 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เอาปลาที่ท่านเพิ่งจับได้มาบ้าง”

11 ซีโมนเปโตรปีนขึ้นเรือแล้วลากอวนมาที่ฝั่ง มีปลาใหญ่เต็มอวนนับได้ 153 ตัว แม้มีปลามากมายขนาดนั้นอวนก็ไม่ขาด 12 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “มากินอาหารเช้ากันเถิด” ไม่มีสาวกคนไหนกล้าทูลถามว่า “ท่านเป็นใคร?” พวกเขารู้อยู่แล้วว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า 13 พระเยซูเสด็จมาหยิบขนมปังและยื่นให้พวกเขา พระองค์ทรงหยิบปลาและทำอย่างเดียวกัน 14 นี่เป็นครั้งที่สามที่พระเยซูทรงปรากฏแก่เหล่าสาวกของพระองค์หลังจากพระเจ้าทรงให้พระองค์คืนพระชนม์แล้ว

พระเยซูทรงให้เปโตรกลับมารับใช้ดังเดิม

15 เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเรายิ่งกว่าสิ่งเหล่านี้จริงๆ หรือ?”

เขาทูลว่า “ใช่พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์”

พระเยซูตรัสว่า “จงเลี้ยงลูกแกะของเรา”

16 พระเยซูตรัสอีกครั้งหนึ่งว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราจริงๆ หรือ?”

เขาทูลว่า “ใช่พระเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์”

พระเยซูตรัสว่า “จงดูแลลูกแกะของเรา”

17 พระองค์ตรัสกับเขาเป็นครั้งที่สามว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเราหรือ?”

เปโตรรู้สึกเสียใจ เพราะพระเยซูทรงถามเขาเป็นครั้งที่สามว่า “ท่านรักเราหรือ?” เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงทราบทุกอย่าง พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์”

พระเยซูตรัสว่า “จงเลี้ยงแกะของเรา 18 เราบอกความจริงแก่ท่านว่า เมื่อท่านยังหนุ่มท่านแต่งตัวของท่านเองและไปไหนๆ ตามที่ท่านต้องการ แต่เมื่อท่านแก่แล้วท่านจะเหยียดมือออกมีคนอื่นมาแต่งตัวให้และนำท่านไปยังที่ซึ่งท่านไม่ต้องการไป” 19 พระเยซูตรัสเช่นนี้เพื่อบ่งบอกว่าเปโตรจะถวายพระเกียรติสิริแด่พระเจ้าด้วยการตายอย่างไร แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด!”

20 เปโตรหันมาเห็นสาวกที่พระเยซูทรงรักกำลังตามมา (นี่เป็นสาวกคนเดียวกับที่เอนกายพิงพระเยซูในระหว่างอาหารค่ำมื้อนั้นและทูลถามว่า “พระองค์เจ้าข้า ใครคือผู้ที่จะทรยศพระองค์?”) 21 เมื่อเปโตรเห็นเขาก็ทูลถามว่า “พระองค์เจ้าข้า แล้วคนนี้เล่า?”

22 พระเยซูตรัสตอบว่า “ถ้าเราต้องการให้เขามีชีวิตอยู่จนเรากลับมา จะเกี่ยวอะไรกับท่าน? ท่านต้องตามเรามา” 23 เพราะเหตุนี้จึงมีคำร่ำลือไปในหมู่พวกพี่น้องว่าสาวกคนนั้นจะไม่ตาย ที่จริงพระเยซูไม่ได้ตรัสว่าเขาจะไม่ตาย พระองค์เพียงแต่ตรัสว่า “ถ้าเราต้องการให้เขามีชีวิตอยู่จนเรากลับมา จะเกี่ยวอะไรกับท่าน?”

24 สาวกคนนี้แหละที่เป็นพยานถึงเหตุการณ์เหล่านี้และบันทึกไว้ เราทราบว่าคำพยานของเขานั้นจริง

25 พระเยซูได้ทรงกระทำสิ่งอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง ถ้าจะเขียนไว้ทั้งหมดข้าพเจ้าคิดว่าแม้โลกทั้งโลกก็ไม่มีที่พอสำหรับหนังสือที่จะเขียนขึ้นนั้น

สุภาษิต 18

18 คนไม่เอาเพื่อนทำตามอำเภอใจ
ต่อต้านหลักปฏิบัติที่ดีทุกอย่าง

คนโง่ไม่ชอบฟังคำชี้แนะ
แต่ชอบคุยฟุ้งเรื่องของตน

การดูหมิ่นมากับความชั่ว[a]
และความอัปยศมากับความอับอาย

ถ้อยคำของคนเราเป็นเหมือนน้ำลึก
น้ำพุแห่งปัญญาเป็นสายน้ำเชี่ยวกราก

การเข้าข้างคนชั่วเป็นเรื่องไม่ดี
และการไม่ให้ความยุติธรรมแก่ผู้บริสุทธิ์ก็ไม่ดีเช่นกัน

ริมฝีปากของคนโง่ก่อให้เกิดการวิวาท
ปากของเขาเชิญชวนการโบยตี

ปากของคนโง่ทำให้ตนเองพินาศ
ริมฝีปากของเขาเป็นกับดักชีวิตของตน

ถ้อยคำซุบซิบนินทาเหมือนอาหารโอชะ
เข้าไปยังส่วนลึกที่สุดของคนเรา

คนอู้งาน
เป็นพี่น้องกับความพินาศ

10 พระนามพระยาห์เวห์เป็นป้อมปราการมั่นคง
คนชอบธรรมวิ่งไปหลบอย่างปลอดภัย

11 ทรัพย์สมบัติของคนรวยเป็นเมืองป้อมปราการของเขา
เขาคิดว่ามันเป็นกำแพงสูงที่ไม่มีใครข้ามได้

12 ใจของคนย่อมหยิ่งผยองก่อนที่เขาจะล้มลง
แต่ความถ่อมใจนำหน้าเกียรติยศ

13 คนที่ตอบก่อนฟัง
ก็โง่เขลาและขายหน้า

14 กำลังใจทำให้ยืนหยัดได้แม้ในยามเจ็บป่วย
แต่เมื่อใจแหลกสลายใครจะทนได้

15 ใจของคนฉลาดขวนขวายหาความรู้
และหูของปราชญ์เสาะหามัน

16 ของกำนัลเปิดช่องทางแก่ผู้ให้
มันนำเขามาอยู่ต่อหน้าคนใหญ่คนโต

17 ผู้ที่ให้การก่อนดูเหมือนเป็นฝ่ายถูก
จนกระทั่งอีกฝ่ายเข้ามาสอบทานเขา

18 การจับฉลากยุติข้อโต้แย้ง
และแยกคู่พิพาทออกจากกัน

19 การไกล่เกลี่ยพี่น้องที่บาดหมางกันยากยิ่งกว่าการยึดเมืองป้อมปราการ
ความขัดแย้งของพวกเขาจะขวางกั้นเจ้าเหมือนดาลที่ปิดประตูป้อมไว้

20 คนเราอิ่มท้องด้วยผลจากปาก
คนเราอิ่มด้วยผลิตผลจากริมฝีปาก

21 ลิ้นมีอำนาจชี้เป็นชี้ตาย
คนที่รักการพูดจะได้กินผลของมัน

22 ผู้ที่พบภรรยาก็พบของดี
และได้รับความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

23 คนยากจนวอนขอความเมตตา
แต่คนมั่งมีตอบอย่างหยาบคาย

24 ผู้ที่มีเพื่อนกินจะถึงหายนะ
แต่ก็มีเพื่อนสนิทที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าพี่น้อง

โคโลสี 1

จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้ากับทิโมธีน้องของเรา

ถึงประชากรของพระเจ้าที่เมืองโคโลสีผู้เป็นพี่น้องที่สัตย์ซื่อในพระคริสต์

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา[a] มีแก่ท่านทั้งหลาย

ขอบพระคุณและทูลขอ

เราขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราเสมอเมื่ออธิษฐานเผื่อท่าน เพราะเราได้ยินถึงความเชื่อของท่านในพระเยซูคริสต์และความรักที่ท่านมีต่อประชากรทั้งปวงของพระเจ้า คือความเชื่อและความรักอันเกิดจากความหวังซึ่งสะสมไว้สำหรับท่านในสวรรค์ และซึ่งท่านได้ยินมาแล้วในถ้อยคำแห่งความจริงคือข่าวประเสริฐ ซึ่งมาถึงท่าน ข่าวประเสริฐนี้กำลังเกิดผลและเจริญขึ้นทั่วโลก เหมือนที่กำลังเป็นอยู่ท่ามกลางพวกท่านตั้งแต่วันที่ท่านได้ยินข่าวประเสริฐและเข้าใจพระคุณของพระเจ้าตามความจริงทั้งสิ้นที่อยู่ในข่าวประเสริฐนี้ ท่านได้เรียนรู้ข่าวประเสริฐจากเอปาฟรัสเพื่อนร่วมรับใช้ที่รักของเรา ผู้ปรนนิบัติพระคริสต์อย่างสัตย์ซื่อเพื่อพวกเรา[b] และเขายังเล่าถึงความรักของท่านในพระวิญญาณให้เราฟัง

ด้วยเหตุนี้นับตั้งแต่วันที่เราได้ยินเรื่องราวของพวกท่าน เราก็อธิษฐานเผื่อท่านตลอดมาไม่เคยหยุด ขอพระเจ้าทรงให้ท่านเปี่ยมด้วยความรู้ถึงพระประสงค์ของพระองค์โดยทางสติปัญญาและความเข้าใจฝ่ายจิตวิญญาณทั้งปวง 10 เพื่อท่านจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสมกับที่เป็นคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า และจะได้เป็นที่พอพระทัยในทุกด้าน คือ เกิดผลในการดีทุกอย่าง รู้จักพระเจ้าดียิ่งขึ้น 11 ได้รับการเสริมสร้างให้เข้มแข็งขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจทั้งมวลตามฤทธานุภาพอันทรงเกียรติสิริของพระองค์ เพื่อท่านจะทรหดอดทนอย่างยิ่งและมีความชื่นชมยินดี 12 ในการขอบพระคุณพระบิดาผู้ทรงทำให้พวกท่าน[c]เหมาะสมที่จะมีส่วนในกรรมสิทธิ์ของประชากรของพระเจ้าในอาณาจักรแห่งความสว่าง 13 เพราะพระองค์ได้ทรงช่วยเราให้พ้นจากอาณาจักรของความมืด และทรงนำเราเข้ามาสู่อาณาจักรของพระบุตรที่รักของพระองค์ 14 ในพระบุตรนี้เราได้รับการไถ่บาป[d] คือการอภัยโทษบาปของเรา

พระคริสต์ผู้สูงสุด

15 พระบุตรทรงเป็นพระฉายของพระเจ้าผู้ที่เราไม่อาจมองเห็นได้ เป็นบุตรหัวปีเหนือสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง 16 เพราะโดยพระองค์ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นทั้งในฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่มองเห็นได้และไม่อาจมองเห็นได้ ไม่ว่าบรรดาเทพผู้ครองบัลลังก์ หรือเทพผู้ทรงเดชานุภาพ หรือเทพผู้ครอง หรือเทพผู้ทรงอำนาจ ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์ 17 ทรงดำรงอยู่ก่อนทุกสิ่งและในพระองค์ทุกสิ่งประสานเข้าด้วยกัน 18 พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกายคือคริสตจักร ทรงเป็นจุดเริ่มต้น เป็นบุตรหัวปีที่เป็นขึ้นจากตาย เพื่อพระองค์จะทรงเป็นผู้สูงสุดในทุกสิ่ง 19 เพราะว่าพระเจ้าพอพระทัยที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นของพระองค์อยู่ในพระบุตร 20 และให้ทุกสิ่งทั้งบนแผ่นดินโลกและในสวรรค์กลับคืนดีกับพระองค์ผ่านทางพระบุตร สันติภาพนี้มีขึ้นโดยพระโลหิต

ของพระบุตรซึ่งหลั่งรินที่กางเขน

21 ครั้งหนึ่งพวกท่านเคยแยกขาดจากพระเจ้าและเป็นศัตรูกับพระองค์อยู่ในใจเพราะ[e]พฤติการณ์ชั่วของท่าน 22 แต่บัดนี้ทรงให้ท่านคืนดีกับพระองค์โดยการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์[f] เพื่อถวายท่านให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากตำหนิ และพ้นจากข้อกล่าวหาต่อหน้าพระองค์ 23 ทั้งนี้ท่านเองต้องดำเนินต่อไปในความเชื่อของท่าน ตั้งมั่นและหนักแน่นมั่นคง ไม่คลอนแคลนจากความหวังซึ่งมีอยู่ในข่าวประเสริฐ นี่คือข่าวประเสริฐที่ท่านได้ยินและได้ประกาศแก่ทุกชีวิตใต้ฟ้าสวรรค์ และข้าพเจ้าเปาโลเป็นผู้รับใช้ของข่าวประเสริฐนี้

เปาโลบากบั่นเพื่อคริสตจักร

24 บัดนี้ข้าพเจ้าทั้งชื่นชมยินดีในสิ่งที่ได้ทนทุกข์เพื่อพวกท่าน และข้าพเจ้ากำลังเติมการทนทุกข์ของพระคริสต์ที่ยังขาดอยู่ให้เต็มในร่างกายข้าพเจ้า เพื่อเห็นแก่พระกายของพระองค์คือคริสตจักร 25 ข้าพเจ้ามาเป็นผู้รับใช้ของคริสตจักรตามภารกิจที่พระเจ้าได้ทรงมอบหมายให้ข้าพเจ้าทำในหมู่พวกท่านคือการให้พระวจนะของพระเจ้าประจักษ์แจ้งอย่างสมบูรณ์ 26 พระวจนะนี้คือข้อล้ำลึกซึ่งถูกปิดบังไว้ตลอดหลายยุคหลายชั่วอายุ แต่บัดนี้ทรงสำแดงแก่ประชากรของพระเจ้า 27 สำหรับพวกเขา พระเจ้าได้ทรงประสงค์ที่จะสำแดงความมั่งคั่งอันทรงเกียรติสิริของข้อล้ำลึกนี้ในหมู่คนต่างชาติ คือพระคริสต์สถิตในท่านทั้งหลายซึ่งเป็นความหวังแห่งเกียรติสิริ

28 เราประกาศพระองค์ เราตักเตือนสั่งสอนทุกคนด้วยสติปัญญาทั้งสิ้นเพื่อจะถวายทุกคนให้เป็นผู้ที่ดีพร้อมในพระคริสต์ 29 เพื่อจุดหมายนี้ข้าพเจ้าจึงบากบั่นฝ่าฟันด้วยเรี่ยวแรงกำลังทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งกำลังทำกิจอย่างเข้มแข็งในข้าพเจ้า

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.