Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 11-12

อาธาลิยาห์ครองราชย์ในยูดาห์

11 เมื่ออาธาลิยาห์มารดาของอาหัสยาห์เห็นว่าบุตรของนางสิ้นชีวิตแล้ว นางก็เริ่มตามฆ่าบรรดาเชื้อพระวงศ์ทุกคน แต่เยโฮเช-บาบุตรหญิงของกษัตริย์เยโฮรัม น้องสาวของอาหัสยาห์ ได้ลักพาโยอาชบุตรชายของอาหัสยาห์ออกมา เพื่อไม่ให้ถูกฆ่าไปพร้อมกับบุตรคนอื่นๆ ของกษัตริย์ นางซ่อนโยอาชกับพี่เลี้ยงไว้ในห้องนอน ให้พ้นจากอาธาลิยาห์ที่ต้องการจะเอาชีวิตท่าน โยอาชอยู่กับนางเป็นเวลา 6 ปี โดยถูกซ่อนอยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ในขณะที่อาธาลิยาห์ปกครองแผ่นดิน

โยอาชครองราชย์ในยูดาห์

แต่ในปีที่เจ็ด เยโฮยาดาให้ไปนำบรรดาผู้บัญชากองร้อยของชาวเคเรท และทหารคุ้มกัน เพื่อมาพบท่านที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และท่านทำสนธิสัญญากับพวกเขา และให้สาบานในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และให้พวกเขาได้พบกับราชบุตร และท่านสั่งพวกเขาว่า “สิ่งที่ท่านควรปฏิบัติก็คือ ให้หนึ่งในสามของพวกท่านมาเริ่มเข้าเวรในวันสะบาโต พวกท่านกลุ่มนี้จะคุ้มกันวังของกษัตริย์ อีกหนึ่งในสามของพวกท่านจะประจำอยู่ที่ประตูสูร์ และอีกหนึ่งในสามจะคุ้มกันอยู่ที่ทางเข้าประตูเมืองเป็นแรงหนุนให้กับทหารคุ้มกัน พวกท่านจะต้องคุ้มกันวัง พวกท่าน 2 กลุ่มที่ไม่เข้าเวรในวันสะบาโต จะต้องคุ้มกันพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อความปลอดภัยของกษัตริย์ พวกท่านต้องประจำการอยู่รอบข้างกษัตริย์ แต่ละคนถืออาวุธไว้พร้อม และใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ตัวท่าน จะต้องถูกฆ่า พวกท่านจงอยู่ใกล้ชิดกษัตริย์ ไม่ว่าท่านจะไปที่ใดก็ตาม”

บรรดาผู้บัญชากองร้อยปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เยโฮยาดาปุโรหิตสั่ง และแต่ละกลุ่มก็ได้นำคนของตนมาหาเยโฮยาดาปุโรหิต ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่จะออกเวรหรือที่จะเข้าเวรในวันสะบาโต 10 ปุโรหิตมอบหอกและโล่ที่เป็นของกษัตริย์ดาวิด ซึ่งเก็บไว้ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าให้แก่บรรดาผู้บัญชากองร้อย 11 พวกทหารคุ้มกันแต่ละคนถืออาวุธไว้พร้อม ตั้งแต่ด้านใต้จรดด้านเหนือของพระตำหนัก รอบแท่นบูชาและพระตำหนัก เพื่อความปลอดภัยของกษัตริย์ 12 แล้วปุโรหิตก็นำบุตรของกษัตริย์ออกมา สวมมงกุฎ และมอบพันธสัญญาให้แก่ท่าน และพวกเขาประกาศให้ท่านเป็นกษัตริย์ และเจิมท่าน แล้วพวกเขาก็ปรบมือและกล่าวว่า “ขอกษัตริย์มีอายุยืนนาน”

13 เมื่ออาธาลิยาห์ได้ยินเสียงทหารคุ้มกันและประชาชน นางจึงออกไปหาประชาชนที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 14 เมื่อนางมองดู ก็เห็นกษัตริย์ยืนอยู่ที่ข้างเสาพระตำหนักตามธรรมเนียม บรรดาผู้บัญชากองร้อยและผู้เป่าแตรยาว[a]ยืนอยู่ข้างๆ และประชาชนทั้งปวงของแผ่นดินกำลังร่าเริงและเป่าแตรยาว อาธาลิยาห์ก็ฉีกเสื้อของตน และร้องว่า “กบฏ กบฏ” 15 เยโฮยาดาปุโรหิตสั่งบรรดาผู้บัญชากองร้อยที่ควบคุมกำลังกองทัพว่า “นำนางออกมาระหว่างแถวทหาร และผู้ใดที่ตามนางไป ก็ฆ่าเสียด้วยคมดาบ” เพราะปุโรหิตพูดว่า “อย่าฆ่านางในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 16 ดังนั้นพวกเขาจึงจับกุมนาง และนางออกไปทางสำหรับม้าผ่าน ที่ประตูทางเข้าวังของกษัตริย์ และนางก็ถูกประหารชีวิต

17 เยโฮยาดาทำพันธสัญญาระหว่างพระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ และประชาชนว่า ให้พวกเขาเป็นชนชาติของพระผู้เป็นเจ้า และสัญญาระหว่างกษัตริย์กับประชาชน 18 ครั้นแล้ว ทุกคนในแผ่นดินก็เข้าไปทลายวิหารเทพเจ้าบาอัลลง พวกเขาทุบแท่นบูชาและเทวรูปบาอัลจนแตกเป็นชิ้นๆ และฆ่ามัทธานปุโรหิตของเทพเจ้าบาอัลที่หน้าแท่นบูชา แล้วเยโฮยาดาปุโรหิตก็กำหนดให้มียามเฝ้าพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 19 ท่านให้บรรดาผู้บัญชากองร้อย ชาวเคเรท ทหารคุ้มกัน และประชาชนทั้งปวงของแผ่นดิน ร่วมกันเชิญกษัตริย์ลงมาจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เดินเข้าทางประตูทหารคุ้มกัน ไปยังวังของกษัตริย์ และนั่งบนบัลลังก์ 20 ดังนั้นประชาชนทั้งปวงของแผ่นดินต่างยินดี และบ้านเมืองนั้นก็สงบสุขหลังจากที่อาธาลิยาห์ถูกดาบสังหารที่วังของกษัตริย์

โยอาชครองราชย์ในยูดาห์

21 โยอาชมีอายุ 7 ปี เมื่อท่านเริ่มเป็นกษัตริย์

12 ในปีที่เจ็ดของเยฮู โยอาชก็เริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 40 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อศิบียาห์แห่งเบเออร์เช-บา โยอาชกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ตลอดทั้งชีวิตของท่าน เพราะเยโฮยาดาปุโรหิตสั่งสอนท่าน แต่สถานบูชาบนภูเขาสูงยังไม่ถูกกำจัดไป และประชาชนยังมอบเครื่องสักการะและเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนภูเขาสูง

โยอาชปฏิสังขรณ์พระตำหนัก

โยอาชบอกบรรดาปุโรหิตว่า “เงินถวายสำหรับเครื่องใช้ที่บริสุทธิ์ที่มอบให้พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหมด เงินภาษีพระตำหนักที่เก็บได้จากทุกคน[b] เงินจากการตีราคาของแต่ละคน[c] และเงินที่ถวายด้วยใจสมัคร จงให้ปุโรหิตใช้เงินที่มาจากผู้อุทิศ เพื่อซ่อมแซมพระตำหนักเท่าที่เห็นสมควรว่าจำเป็นต้องซ่อม” แต่เมื่อถึงปีที่ยี่สิบสามของกษัตริย์โยอาช บรรดาปุโรหิตก็ไม่ได้ซ่อมแซมพระตำหนักเลย ฉะนั้นโยอาชจึงเรียกเยโฮยาดาปุโรหิตและปุโรหิตอื่นๆ มาและสั่งว่า “ทำไมพวกท่านจึงไม่ซ่อมแซมพระตำหนัก ฉะนั้นไม่ต้องรับเงินจากผู้อุทิศอีก แต่จงเอาไปใช้ในการซ่อมพระตำหนัก” ดังนั้น บรรดาปุโรหิตจึงเห็นด้วยที่พวกเขาไม่ควรรับเงินจากประชาชนอีก และพวกเขาจะไม่เป็นฝ่ายจัดการเรื่องการซ่อมแซมพระตำหนัก

และเยโฮยาดาปุโรหิตเอาหีบใบหนึ่งมาเจาะรูที่ฝา และตั้งหีบไว้ที่ข้างแท่นบูชา ทางด้านขวาของผู้ที่เข้าพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และบรรดาปุโรหิตที่มีหน้าที่เฝ้าพระตำหนักตรงทางเข้า ก็เป็นผู้เก็บเงินทั้งหมดที่นำเข้ามาให้พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 10 เมื่อใดที่พวกเขาเห็นว่าในหีบมีเงินมาก เลขาของกษัตริย์และหัวหน้ามหาปุโรหิตก็จะมาเก็บและนับเงินที่ได้ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 11 และจะมอบเงินที่ชั่งแล้วให้แก่บรรดาหัวหน้าคุมงานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และจ่ายค่าแรงให้แก่ช่างไม้และช่างก่อสร้างที่ซ่อมแซมพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 12 และจ่ายค่าแรงให้แก่ช่างก่ออิฐ และช่างสกัดหิน รวมทั้งค่าซื้อไม้และหินที่แต่งแล้วที่ใช้ซ่อมแซมพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 13 แต่เงินที่อุทิศให้พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้นำไปใช้ในการหล่ออ่างเงิน กรรไกรตัดไส้ดวงประทีป ถ้วย แตรยาว ภาชนะเงินหรือทองคำใดๆ 14 เพราะเป็นค่าใช้จ่ายให้แก่พวกช่างที่ซ่อมแซมพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 15 และไม่มีการถามไถ่เรื่องบัญชีจากผู้คุมงานที่จ่ายพวกช่าง เพราะพวกเขาสุจริตในเรื่องนั้น 16 ส่วนเงินจากของถวายเพื่อไถ่โทษ และเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาปนั้น ไม่ได้นำมาใช้ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพราะเป็นส่วนของปุโรหิต

17 ในครั้งนั้นฮาซาเอลกษัตริย์แห่งอารัมได้โจมตีเมืองกัท และยึดเมืองได้ แต่เมื่อฮาซาเอลตัดสินใจไปโจมตีเมืองเยรูซาเล็ม 18 โยอาชกษัตริย์แห่งยูดาห์นำของถวายบริสุทธิ์ทุกชิ้นที่บรรพบุรุษของท่าน คือเยโฮชาฟัท เยโฮรัม และอาหัสยาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ถวาย รวมกับของถวายบริสุทธิ์ของท่าน และทองคำที่พบในคลังพระตำหนักและวัง และส่งไปเป็นของกำนัลแก่ฮาซาเอลกษัตริย์แห่งอารัม ดังนั้นฮาซาเอลจึงถอยทัพไปจากเยรูซาเล็ม

โยอาชสิ้นชีวิต

19 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของโยอาช และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ 20 บรรดาข้าราชการของท่านคบคิดทำร้ายและสังหารโยอาชในบ้านที่มิลโล ทางที่ลงไปยังสิลลา 21 ข้าราชการที่สังหารท่าน คือโยซาคาร์บุตรชิเมอัท และเยโฮซาบาดบุตรโชเมอร์ โยอาชจึงได้สิ้นชีวิต และพวกเขาบรรจุศพไว้กับบรรพบุรุษของท่านในเมืองของดาวิด และอามาซิยาห์บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน

2 ทิโมธี 2

ฉะนั้น บุตรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้มแข็งโดยพระคุณที่เรามีในพระเยซูคริสต์เถิด จงเอาคำสั่งสอนที่ท่านได้ยินข้าพเจ้าประกาศต่อหน้าพยานหลายคนไปส่งต่อให้กับคนที่ไว้วางใจได้ เขาจะได้เอาไปสอนคนอื่นต่อไปด้วย จงร่วมกันอดทนต่อความยากลำบากกับพวกเราดั่งทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์ ไม่มีผู้ใดที่รับใช้เป็นทหาร แล้วจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของพลเรือน ในเมื่อเป้าหมายของเขาคือ การทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ ในทำนองเดียวกันคือ นักกีฬาจะไม่ได้รับมงกุฎของผู้มีชัย นอกจากว่าเขาจะแข่งตามกติกา ชาวนาชาวสวนที่ทำงานหนักควรเป็นคนแรกที่รับส่วนแบ่งจากพืชผล จงคิดทบทวนสิ่งที่ข้าพเจ้าพูดอยู่นี้ เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยให้ท่านเข้าใจทุกสิ่ง

จงจดจำไว้ด้วยว่าพระเยซูคริสต์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย สืบเชื้อสายมาจากดาวิด นี่คือข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศ ข้าพเจ้าจึงทนทุกข์ทรมานอยู่นี้ แม้กระทั่งถูกล่ามโซ่เสมือนเป็นคนร้าย แต่คำกล่าวของพระเจ้าไม่ถูกล่ามไว้ 10 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงอดทนต่อทุกสิ่งเพื่อคนที่พระเจ้าได้เลือกไว้ พวกเขาจะได้รับความรอดพ้นซึ่งมาจากพระเยซูคริสต์ พร้อมกับพระบารมีอันเป็นนิรันดร์ 11 ข้อความนี้เป็นที่ไว้ใจได้คือ

ถ้าเราตายกับพระองค์
    เราก็จะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย
12 ถ้าเราสู้ทน
    เราก็จะครองราชย์กับพระองค์ด้วย
ถ้าเราไม่ยอมรับพระองค์
    พระองค์ก็จะไม่ยอมรับเราเช่นกัน
13 ถ้าเราขาดความภักดี
    พระองค์ก็จะยังรักษาคำมั่นสัญญา

เพราะพระองค์จะปฏิเสธความเป็นพระองค์เองไม่ได้

คนงานที่พระเจ้าเห็นดีด้วย

14 จงเตือนพวกเขาถึงสิ่งเหล่านี้ กำชับเขาต่อหน้าพระเจ้าด้วยว่า อย่าวิวาทกันเรื่องคำพูด เพราะไม่มีคุณค่าเลย หากแต่จะทำลายคนที่ฟังเท่านั้น 15 จงปฏิบัติตนให้ดีที่สุดเพื่อพระเจ้าจะได้เห็นด้วยกับท่าน จงเป็นคนงานที่ไม่ต้องอับอาย และสอนคำกล่าวแห่งความจริงอย่างถูกต้อง 16 จงเลี่ยงจากการพูดที่ไร้คุณธรรม เพราะคนที่ยิ่งพูดก็จะยิ่งกลายเป็นคนไร้คุณธรรมมากขึ้น 17 การพูดของเขาจะแพร่ออกไปดังแผลเนื้อร้าย คนพวกนี้ได้แก่ฮีเมเนอัส และฟีเลทัส 18 ที่ได้ละทิ้งความจริงไป เขาพูดว่าการฟื้นคืนชีวิตนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว และเขาได้ทำลายความเชื่อของคนบางคน 19 แต่รากฐานอันมั่นคงของพระเจ้ายังคงยืนหยัด และประทับด้วยคำจารึกไว้ว่า “พระผู้เป็นเจ้ารู้จักผู้ที่เป็นคนของพระองค์”[a] และ “ทุกคนที่รับว่าตนเองเชื่อในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าต้องละจากความชั่วร้าย”

20 ในบ้านหลังใหญ่มีภาชนะทั้งที่เป็นทองและเงิน แต่ก็มีที่เป็นไม้และดินด้วย บางชิ้นมีไว้สำหรับโอกาสต่างๆ อันมีเกียรติ และบ้างก็มีไว้สำหรับโอกาสทั่วๆ ไป 21 ทุกคนที่ชำระตัวจากสิ่งเหล่านี้ได้ก็จะเป็นภาชนะสำหรับโอกาสอันมีเกียรติ บริสุทธิ์ และเป็นประโยชน์แก่เจ้าบ้านและพร้อมสำหรับการงานที่ดีทุกอย่าง

22 จงหนีให้พ้นจากกิเลสของความเป็นหนุ่ม และมุ่งมั่นในความชอบธรรม ความเชื่อ ความรักและสันติสุข เช่นเดียวกับบรรดาคนที่ร้องเรียกพระนามของพระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์ 23 อย่าเกี่ยวข้องกับสิ่งโง่เขลาและการวิวาทที่ไร้สาระ เพราะท่านทราบว่าจะเป็นเหตุให้เกิดการวิวาท 24 และผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าต้องไม่วิวาทกัน แต่ต้องมีใจกรุณาต่อทุกคน สามารถสอนผู้อื่นได้ และอดกลั้นต่อคนประพฤติผิด 25 ตักเตือนฝ่ายตรงข้ามด้วยความอ่อนโยน เผื่อว่าพระเจ้าอาจจะโปรดช่วยให้เขากลับใจเพื่อให้เขาทราบความจริง 26 เขาจะได้มีสติ และพ้นจากบ่วงของพญามารซึ่งได้ครอบงำให้ทำตามความประสงค์ของมัน

โฮเชยา 3-4

โฮเชยาได้รับภรรยากลับคืน

และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงไปแสดงความรักต่อภรรยาของเจ้าอีก แม้จะมีชายอื่นที่รักนางอยู่แล้ว และนางผิดประเวณี จงรักนางอย่างที่พระผู้เป็นเจ้ารักพงศ์พันธุ์อิสราเอล แม้ว่าพวกเขาหันไปเชื่อบรรดาเทพเจ้าและติดใจขนมลูกเกด”[a] ข้าพเจ้าจึงได้ซื้อตัวนางเป็นค่าของเงินหนัก 15 เชเขล และข้าวบาร์เลย์ 1 โฮเมอร์ และ 1 เลเทค[b] และข้าพเจ้าพูดกับนางดังนี้ว่า “เจ้าจะต้องอยู่กับเราหลายวัน เจ้าจะไม่ทำตัวเป็นหญิงแพศยาหรือเป็นของชายอื่น และเราจะทำอย่างนั้นต่อเจ้าด้วย” เพราะพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะใช้ชีวิตโดยปราศจากกษัตริย์หรือผู้นำเป็นเวลานาน ปราศจากเครื่องสักการะหรือเสาหิน ปราศจากชุดคลุมของปุโรหิตหรือรูปเคารพ หลังจากนั้น พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะกลับมาและแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา และดาวิดกษัตริย์ของพวกเขา[c] และพวกเขาจะตัวสั่นเทาเมื่อมาหาพระผู้เป็นเจ้า และมารับพระพรจากพระองค์ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวโทษอิสราเอล

โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย
    จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระผู้เป็นเจ้ามีคำกล่าวโทษ
    ต่อบรรดาผู้อยู่อาศัยของแผ่นดิน
“เพราะไม่มีความสัตย์จริงหรือความรักอันมั่นคง
    และไม่มีความรู้เรื่องพระเจ้าในแผ่นดิน
มีการสาปแช่ง พูดเท็จ ฆ่า
    ลักขโมย และผิดประเวณี
พวกเขาฝ่าฝืนทุกกรณี
    และมีการนองเลือดอย่างไม่หยุดหย่อน[d]
เพราะเหตุนี้ แผ่นดินจึงร้องคร่ำครวญ
    และทุกคนที่อยู่อาศัยในแผ่นดินก็เศร้าสลด
นอกจากนั้นบรรดาสัตว์ในไร่นา
    นกในอากาศ
    และแม้แต่ปลาในทะเลก็ยังถูกพรากไป

ถึงกระนั้น ก็อย่าให้ผู้ใดฟ้องร้อง
    และอย่าให้ผู้ใดกล่าวหา
โอ ปุโรหิตเอ๋ย เพราะเรามีเรื่อง
    ที่จะฟ้องร้องเจ้า
เจ้าจะสะดุดทั้งวันและคืน
    และผู้เผยคำกล่าวก็จะสะดุดไปกับเจ้าด้วย
    และเราจะกำจัดแม่ของเจ้า
ชนชาติของเราถูกทำลายล้าง
    เพราะขาดความรู้
เพราะเจ้าได้ปฏิเสธความรู้
    เราจึงปฏิเสธที่จะให้เจ้าเป็นปุโรหิตของเรา
และในเมื่อเจ้าได้ละเลยกฎบัญญัติของพระเจ้าของเจ้า
    เราจะละเลยพงศ์พันธุ์ของเจ้าเช่นกัน

ยิ่งบรรดาปุโรหิตเพิ่มจำนวนมากขึ้น
    พวกเขายิ่งกระทำบาปต่อเรา
    เราจะเปลี่ยนเกียรติของพวกเขาให้กลายเป็นความอับอาย
พวกเขามีกินก็เพราะเครื่องสักการะลบล้างบาปของชนชาติของเรา
    และต้องการให้ประชาชนกระทำบาป
ฉะนั้น สิ่งที่จะเกิดแก่ประชาชน ก็จะเกิดแก่ปุโรหิตคือ
    เราจะลงโทษทั้งสองพวกตามวิถีทางของเขา
    และจะสนองตอบการกระทำของเขา
10 พวกเขาจะรับประทาน แต่จะไม่อิ่ม
    พวกเขาจะทำตัวเป็นหญิงแพศยา แต่จะไม่เพิ่มจำนวนคนขึ้น
เพราะพวกเขาไม่เอาใจใส่ต่อพระผู้เป็นเจ้า
11 และจำนนให้กับความแพศยา เหล้าองุ่นใหม่และเก่า
    ซึ่งปล้นความเข้าใจไปจากชนชาติของเรา
12 ชนชาติของเราปรึกษากับท่อนไม้
    และพวกเขาใช้ไม้เท้าเพื่อหาคำตอบ
เพราะวิญญาณของความแพศยาได้นำพวกเขาให้หลงผิด
    พวกเขาจึงได้ละไปจากพระเจ้าของพวกเขา และกระทำตนเป็นแพศยา
13 พวกเขามอบเครื่องสักการะบนยอดเขา
    และเผาของถวายบนเนินเขา
ที่ใต้ต้นโอ๊ก ต้นพ๊อพลาร์ และต้นเทเรบินธ์
    เพราะต้นไม้เหล่านั้นเป็นที่ร่มรื่น
บรรดาลูกสาวของพวกเจ้าจึงได้กระทำตนเป็นแพศยา
    และบรรดาเจ้าสาวของพวกเจ้าประพฤติผิดประเวณี
14 เราจะไม่ลงโทษบรรดาลูกสาวของพวกเจ้า
    เมื่อพวกเขากระทำตนเป็นแพศยา
และไม่ลงโทษบรรดาเจ้าสาวของพวกเจ้า
    เมื่อพวกเขาประพฤติผิดประเวณี
เพราะบรรดาผู้ชายเองยังไปกับบรรดาหญิงแพศยา
    และมอบเครื่องสักการะร่วมกับหญิงแพศยาประจำวิหาร
    และคนที่ขาดความหยั่งรู้ก็จะพินาศ

15 โอ อิสราเอลเอ๋ย แม้ว่าเจ้ากระทำตนเป็นแพศยา
    ก็อย่าปล่อยให้ยูดาห์มีความผิด
อย่าเข้าไปในกิลกาล
    หรือขึ้นไปยังเบธอาเวน
และอย่าสาบานดังนี้ว่า
    ‘ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด’
16 อิสราเอลหัวรั้นเหมือนลูกโคตัวเมีย
    ฉะนั้นแล้ว พระผู้เป็นเจ้ายังจะให้พวกเขาเล็มหญ้า
    อยู่ในทุ่งหญ้าเหมือนลูกแกะได้อย่างไร

17 เอฟราอิมมีความสัมพันธ์กับรูปเคารพ
    ก็ช่างเขา
18 แม้เวลาเครื่องดื่มของพวกเขาจะหมดแล้ว
    พวกเขาก็ยังจะกระทำตนเป็นแพศยาต่อไป
    บรรดาผู้นำของพวกเขารักวิถีทางที่น่าอับอาย
19 ลมพายุจะหอบอุ้มพวกเขาไว้ใต้ปีกของมัน
    และพวกเขาจะอับอายเพราะแท่นบูชาของพวกเขา

สดุดี 119:121-144

ע ใอยิน

121 ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามความเป็นธรรมและถูกต้อง
    อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าไว้กับพวกศัตรูของข้าพเจ้าเลย
122 ขอให้พระองค์รับรองว่า ผู้รับใช้ของพระองค์จะปลอดภัย
    อย่าให้พวกที่ยโสบีบบังคับข้าพเจ้า
123 ข้าพเจ้ารอคอยความรอดพ้น
    และคำสัญญาอันชอบธรรมของพระองค์จนดวงตาพร่าพราย
124 โปรดกระทำต่อผู้รับใช้ของพระองค์ตามความรักอันมั่นคงของพระองค์
    และโปรดสอนกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพเจ้าด้วย
125 ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ โปรดให้ข้าพเจ้าได้หยั่งรู้
    ให้ได้ทราบคำสั่งของพระองค์
126 ได้เวลาแล้วที่พระผู้เป็นเจ้าจะดำเนินการ
    เนื่องจากมีคนฝ่าฝืนกฎบัญญัติของพระองค์
127 ฉะนั้น ข้าพเจ้ารักพระบัญญัติของพระองค์ยิ่งกว่าทองคำ
    ยิ่งกว่าทองนพคุณ
128 ฉะนั้น ข้าพเจ้าก้าวไปในทางอันควรโดยข้อบังคับของพระองค์ทุกข้อ
    ข้าพเจ้าเกลียดชังทุกวิถีทางที่จอมปลอม

פ เผ

129 คำสั่งของพระองค์ช่างล้ำเลิศ
    ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงปฏิบัติตาม
130 ขณะที่คำกล่าวของพระองค์ถูกเผยออกให้คนทราบ ความสว่างก็เกิดขึ้นกับเขา
    และแม้แต่คนเขลาก็เข้าใจได้
131 ข้าพเจ้ากระหายในพระบัญญัติของพระองค์ยิ่งนัก
    จนถึงกับปากอ้ากระหืดกระหอบ
132 โปรดหันมาทางข้าพเจ้า และเมตตาข้าพเจ้า
    อย่างที่พระองค์กระทำต่อบรรดาผู้ที่รักพระนามของพระองค์
133 ให้ข้าพเจ้าก้าวไปอย่างมั่นคงตามคำสัญญาของพระองค์
    และอย่าปล่อยให้อำนาจแห่งความชั่วใดๆ คุมข้าพเจ้าไว้
134 ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการบีบบังคับของมนุษย์
    ข้าพเจ้าจะได้ปฏิบัติตามข้อบังคับของพระองค์
135 โปรดหันหน้ามาทางผู้รับใช้ด้วยแสงอันรุ่งโรจน์ของพระองค์
    และโปรดสอนกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพเจ้าเถิด
136 น้ำตาไหลพรั่งพรูจากดวงตาของข้าพเจ้า
    เพราะผู้คนไม่ปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระองค์

ץ ธซาเด

137 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์มีความชอบธรรม
    และการตัดสินของพระองค์ก็ยุติธรรม
138 คำสั่งของพระองค์ที่ได้บัญชาไว้ล้วนมีความชอบธรรม
    และความสัตย์จริงโดยบริบูรณ์
139 ความปรารถนาอันแรงกล้าท่วมท้นใจข้าพเจ้า
    เพราะศัตรูของข้าพเจ้าลืมคำกล่าวของพระองค์
140 คำพูดของพระองค์บริสุทธิ์ยิ่งนัก
    และผู้รับใช้ของพระองค์รักคำสัญญานั้น
141 แม้ข้าพเจ้าถูกดูหมิ่นและไม่มีความสำคัญใดๆ
    แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ลืมข้อบังคับของพระองค์
142 ความชอบธรรมของพระองค์จะคงอยู่ตลอดกาล
    และกฎบัญญัติของพระองค์เป็นความจริง
143 ความลำบากและความทุกข์โหมกระหน่ำข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้ายินดีในพระบัญญัติของพระองค์
144 คำสั่งของพระองค์มีความชอบธรรมตลอดกาล
    โปรดให้ข้าพเจ้าได้หยั่งรู้เพื่อมีชีวิตคงอยู่ได้

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation