Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 22

อาหับและผู้เผยคำกล่าวจอมปลอม

22 ไม่มีการสู้รบระหว่างอารัมและอิสราเอลเป็นเวลา 3 ปี แต่ในปีที่สาม เยโฮชาฟัทกษัตริย์แห่งยูดาห์ลงมาเยี่ยมเยียนกษัตริย์แห่งอิสราเอล กษัตริย์แห่งอิสราเอลบอกบรรดาเจ้าหน้าที่ว่า “พวกท่านทราบไหมว่า ราโมทกิเลอาดเป็นของเรา และเราก็นิ่งเงียบไว้ และไม่ได้เอามาจากมือของกษัตริย์แห่งอารัม” และท่านถามเยโฮชาฟัทว่า “ท่านจะไปสู้รบที่ราโมทกิเลอาดด้วยกันกับเราไหม” เยโฮชาฟัทตอบกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “เราพร้อมจะไปอย่างแน่นอน ทหารของเราก็เป็นเหมือนทหารของท่าน ม้าของเราก็เป็นเหมือนม้าของท่าน”

และเยโฮชาฟัทพูดกับกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “ขอให้ท่านถามพระผู้เป็นเจ้าก่อน” กษัตริย์แห่งอิสราเอลจึงเรียกประชุมบรรดาผู้เผยคำกล่าวประมาณ 400 คน และถามว่า “เราควรจะไปโจมตีราโมทกิเลอาด หรือว่าเราควรจะยั้งไว้ก่อน” เขาทั้งหลายตอบว่า “ขึ้นไปเถิด เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าจะมอบเมืองนั้นไว้ในมือของกษัตริย์” แต่เยโฮชาฟัทถามว่า “ที่นี่ไม่มีผู้เผยคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าที่พวกเราจะถามได้อีกหรือ” กษัตริย์แห่งอิสราเอลพูดกับเยโฮชาฟัทว่า “ยังมีอีกคนที่พวกเราจะถามพระผู้เป็นเจ้าผ่านเขาได้ มิคายาห์บุตรของอิมลาห์ แต่เราเกลียดชังเขา เพราะเขาไม่เคยเผยความเกี่ยวกับเราในเรื่องดี มีแต่เรื่องร้าย” และเยโฮชาฟัทพูดว่า “ขอท่านอย่าพูดเช่นนั้นเลย” แล้วกษัตริย์แห่งอิสราเอลก็เรียกขันทีคนหนึ่งมา และสั่งว่า “พามิคายาห์บุตรของอิมลาห์มาโดยด่วน” 10 กษัตริย์แห่งอิสราเอลและเยโฮชาฟัทกษัตริย์แห่งยูดาห์ก็กำลังนั่งบนบัลลังก์ ทรงเครื่องด้วยเสื้อคลุมของกษัตริย์ อยู่ที่ลานนวดข้าว ที่ทางเข้าของประตูเมืองสะมาเรีย และบรรดาผู้เผยคำกล่าวก็กำลังเผยความต่อหน้าท่านทั้งสอง 11 เศเดคียาห์บุตรเค-นาอะนาห์ ได้ทำเขาสัตว์ด้วยเหล็กกล้าคู่หนึ่ง เขาพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘เจ้าจะโจมตีชาวอารัมจนกระทั่งพวกเขาพินาศไปด้วยเขาสัตว์นี้’” 12 และบรรดาผู้เผยคำกล่าวเห็นด้วย และพูดว่า “จงขึ้นไปโจมตีราโมทกิเลอาด และท่านจะชนะ พระผู้เป็นเจ้าจะมอบเมืองนั้นไว้ในมือของกษัตริย์”

มิคายาห์กล่าวคัดค้านอาหับ

13 ผู้ถือสาสน์เป็นคนที่ไปเรียกมิคายาห์ให้มา และบอกเขาว่า “ดูเถิด บรรดาผู้เผยคำกล่าวพูดกันเป็นเสียงเดียวถึงเรื่องของกษัตริย์ในทางที่ดีงาม” 14 แต่มิคายาห์พูดว่า “ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด พระผู้เป็นเจ้าบอกข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าก็จะพูดไปตามนั้น” 15 เมื่อเขามาเข้าเฝ้ากษัตริย์ กษัตริย์กล่าวกับเขาว่า “มิคายาห์ พวกเราควรจะไปโจมตีราโมทกิเลอาด หรือว่าเราควรจะยั้งไว้ก่อน” เขาตอบกษัตริย์ว่า “ขึ้นไปเถิด และท่านจะชนะ พระผู้เป็นเจ้าจะมอบเมืองนั้นไว้ในมือของกษัตริย์” 16 แต่กษัตริย์กล่าวกับเขาว่า “เราควรจะให้ท่านสาบานกี่ครั้งว่า ท่านพูดแต่ความจริงกับเราในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า 17 มิคายาห์จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นทหารอิสราเอลทั้งปวงกระจัดกระจายอยู่บนภูเขา ประหนึ่งฝูงแกะที่ปราศจากผู้เลี้ยงดู และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘คนเหล่านี้ขาดเจ้านาย ปล่อยให้ทุกคนกลับบ้านไปด้วยความปลอดภัยเถิด’” 18 และกษัตริย์แห่งอิสราเอลกล่าวกับเยโฮชาฟัทว่า “เราบอกท่านแล้วมิใช่หรือว่า เขาจะไม่ประกาศสิ่งดีใดๆ ที่พระเจ้าเปิดเผยให้ทราบ มีแต่เรื่องร้าย” 19 มิคายาห์กล่าวว่า “ฉะนั้นจงฟังคำของพระผู้เป็นเจ้าเถิด ข้าพเจ้าเห็นพระผู้เป็นเจ้าสถิตบนบัลลังก์ของพระองค์ และบรรดาชาวสวรรค์กำลังยืนอยู่ข้างพระองค์ ทั้งที่เบื้องขวาและเบื้องซ้าย 20 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘ใครจะหลอกล่ออาหับให้ไปยังราโมทกิเลอาด เขาจะได้จบชีวิตลงที่นั่น’ ทูตสวรรค์องค์หนึ่งพูดอย่างหนึ่ง และทูตสวรรค์อีกองค์ก็พูดอีกอย่าง 21 ครั้นแล้ว วิญญาณดวงหนึ่งก็มายืน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าจะไปหลอกล่ออาหับเอง’ 22 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับวิญญาณว่า ‘ด้วยวิธีไหน’ วิญญาณตอบว่า ‘ข้าพเจ้าจะไปทำให้บรรดาผู้เผยคำกล่าวของอาหับพูดเท็จ’ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘เจ้าจะไปหลอกล่อเขาได้สำเร็จ ไปทำตามนั้นเถิด’ 23 ดังนั้น ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าได้ทำให้บรรดาผู้เผยคำกล่าวของท่านพูดเท็จ เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าบอกล่วงหน้าว่าสิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้นกับท่าน”

24 แล้วเศเดคียาห์บุตรของเค-นาอะนาห์เข้ามาใกล้ และตบหน้ามิคายาห์ และพูดว่า “พระวิญญาณพระผู้เป็นเจ้าจากเราไป และไปพูดกับเจ้าได้อย่างไร” 25 มิคายาห์พูดว่า “ดูเถิด ท่านจะเห็นในวันนั้น เวลาที่ท่านเข้าไปซ่อนตัวในห้องชั้นใน” 26 กษัตริย์แห่งอิสราเอลกล่าวว่า “จงจับตัวมิคายาห์ไว้ และพาตัวกลับไปให้อาโมน ผู้ว่าราชการเมือง และโยอาชบุตรของกษัตริย์ 27 และบอกว่า ‘กษัตริย์กล่าวดังนี้ “จำคุกชายคนนี้เสีย และประทังชีวิตเขาด้วยขนมปังและน้ำเท่านั้น จนกว่าเราจะมาอย่างปลอดภัย”’” 28 และมิคายาห์พูดว่า “ถ้าท่านกลับมาอย่างปลอดภัย พระผู้เป็นเจ้าก็ไม่ได้กล่าวผ่านข้าพเจ้า” และพูดต่ออีกว่า “ขอให้ท่านทุกคนฟังไว้เถิด”

อาหับถูกฆ่าในสนามรบ

29 ดังนั้น กษัตริย์แห่งอิสราเอลและเยโฮชาฟัทกษัตริย์แห่งยูดาห์ก็ไปโจมตีเมืองราโมทกิเลอาด 30 กษัตริย์แห่งอิสราเอลกล่าวกับเยโฮชาฟัทว่า “เราจะปลอมตัวเข้าไปในสนามรบ ส่วนท่านก็สวมเสื้อคลุมของกษัตริย์ไป” ดังนั้นกษัตริย์แห่งอิสราเอลจึงปลอมตัวเข้าไปในสนามรบ 31 ฝ่ายกษัตริย์แห่งอารัมได้สั่งผู้บัญชาการรถศึก 32 คนว่า “ไม่ต้องต่อสู้กับผู้ใดเลย นอกจากกษัตริย์แห่งอิสราเอลเท่านั้น” 32 เมื่อบรรดาผู้บัญชาการรถศึกเห็นเยโฮชาฟัท ก็พูดว่า “นั่นต้องเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลแน่” และพวกเขาจึงหันไปโจมตีท่าน และเยโฮชาฟัทก็ส่งเสียงร้อง 33 ครั้นผู้บัญชาการรถศึกทราบว่า ท่านไม่ใช่กษัตริย์แห่งอิสราเอล จึงได้ถอยกลับ และหยุดตามไล่ฆ่าท่าน 34 แต่ชายผู้หนึ่งสุ่มยิงธนูออกไป ลูกธนูเจาะระหว่างเกราะป้องกันตัวกับเกราะหุ้มหน้าอกกษัตริย์แห่งอิสราเอล ดังนั้นท่านสั่งสารถีของท่านว่า “หันกลับไป พาเราออกจากสนามรบ เพราะเราบาดเจ็บ” 35 การสู้รบในวันนั้นก็ดำเนินต่อไป และกษัตริย์ถูกพยุงตัวขึ้นในรถศึกโดยหันหน้าไปทางชาวอารัม พอตกเย็นท่านก็เสียชีวิต เลือดจากบาดแผลไหลลงบนพื้นรถศึก 36 ประมาณเวลาตะวันตกดินก็มีเสียงร้องไปทั่วกองทัพว่า “ให้ต่างคนต่างกลับไปเมืองของตน และให้ต่างคนต่างกลับไปประเทศของตน”

37 ดังนั้นกษัตริย์สิ้นชีวิต และถูกนำร่างไปที่สะมาเรีย และศพถูกบรรจุไว้ในสะมาเรีย 38 เขาล้างรถศึกที่ข้างสระน้ำในสะมาเรีย มีพวกสุนัขมาเลียเลือดของท่าน พวกหญิงโสเภณีก็อาบน้ำในสระนั้น ซึ่งเป็นไปตามคำของพระผู้เป็นเจ้าที่ได้กล่าวไว้ 39 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของอาหับ และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ และวังที่ท่านสร้างซึ่งตกแต่งด้วยงาช้าง และทุกเมืองที่ท่านสร้าง ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ 40 อาหับจึงสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน และอาหัสยาห์บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน

เยโฮชาฟัทครองราชย์ในยูดาห์

41 เยโฮชาฟัทบุตรของอาสาเริ่มเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ในปีที่สี่ของอาหับกษัตริย์แห่งอิสราเอล 42 เยโฮชาฟัทเริ่มเป็นกษัตริย์เมื่อมีอายุ 35 ปี และครองราชย์ในเยรูซาเล็ม 25 ปี มารดาของท่านชื่ออาซูบาห์บุตรหญิงของชิลฮิ 43 ท่านดำเนินชีวิตตามแบบอย่างอาสาบิดาของท่าน ท่านไม่ได้หันเหไปจากนั้น กระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า แต่สถานบูชาบนภูเขาสูงยังไม่ถูกกำจัดไป และประชาชนยังมอบเครื่องสักการะและเผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนภูเขาสูง 44 เยโฮชาฟัทยอมสงบศึกกับกษัตริย์แห่งอิสราเอลด้วย

45 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเยโฮชาฟัท และความสำเร็จด้านยุทธการที่แสดงให้เห็นว่าท่านสู้รบอย่างไร ก็มีเขียนไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ 46 และท่านกำจัดพวกโสเภณีชายประจำวิหารที่หลงเหลืออยู่ตั้งแต่สมัยของอาสาบิดาของท่าน ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน

47 ในแผ่นดินเอโดมไม่มีกษัตริย์ มีเพียงผู้สำเร็จราชการทำหน้าที่แทน 48 เยโฮชาฟัทต่อกองเรือเดินทะเลของเมืองทาร์ชิชหลายลำ เพื่อไปบรรทุกทองคำจากโอฟีร์ แต่ไปไม่ถึง เพราะเรือแตกที่เอซีโอนเกเบอร์ 49 แล้วอาหัสยาห์บุตรของอาหับพูดกับเยโฮชาฟัทว่า “ให้คนของเราออกเรือไปกับคนของท่านเถิด” แต่เยโฮชาฟัทปฏิเสธ 50 เยโฮชาฟัทสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิดบรรพบุรุษของท่าน และเยโฮรัมบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน

อาหัสยาห์ครองราชย์ในอิสราเอล

51 อาหัสยาห์บุตรของอาหับเริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรีย ในปีที่สิบเจ็ดของเยโฮชาฟัทกษัตริย์แห่งยูดาห์ ท่านครองราชย์ได้ 2 ปีในอิสราเอล 52 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และดำเนินชีวิตตามแบบอย่างบิดาของท่าน ตามอย่างมารดาของท่าน และตามอย่างเยโรโบอัมบุตรเนบัทผู้เป็นเหตุให้อิสราเอลกระทำบาป 53 ท่านบูชาและนมัสการเทพเจ้าบาอัล ซึ่งเป็นการยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ในทุกวิถีทางที่บิดาของท่านได้ทำ

1 เธสะโลนิกา 5

พี่น้องทั้งหลาย ส่วนเรื่องวันเวลา เราไม่จำเป็นต้องเขียนบอกท่าน เพราะท่านเองก็ทราบดีว่าวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมาประดุจขโมยที่มาในเวลากลางคืน ขณะที่คนพูดกันว่า “มีความสงบและความมั่นคงปลอดภัยแล้ว” เวลานั้นแหละความพินาศจะมาถึงตัวเขาทันที ดั่งความเจ็บปวดที่เกิดกับหญิงมีครรภ์ และเขาเหล่านั้นจะไม่สามารถหนีพ้นไปได้ แต่พี่น้องทั้งหลาย ท่านไม่ได้อยู่ในความมืด วันนั้นจึงไม่ควรทำให้ท่านประหลาดใจเหมือนกับเวลาที่ขโมยมา พวกท่านทุกคนเป็นบรรดาบุตรของความสว่างและกลางวัน เราไม่ได้เป็นของความมืดและกลางคืน ดังนั้น เราอย่าได้นอนหลับเหมือนคนอื่นๆ เลย แต่จงตื่นตัวไว้ และควบคุมตนเองให้ได้ คนที่นอนหลับก็นอนเวลากลางคืน และพวกที่เมาเหล้าก็เมาเวลากลางคืน แต่ในเมื่อพวกเราเป็นของกลางวันแล้ว จงควบคุมตนเองไว้โดยสวมเกราะป้องกันอกด้วยความเชื่อและความรัก และสวมหมวกเหล็กอันเป็นเสมือนความหวังแห่งความรอดพ้น ด้วยว่า พระเจ้าไม่ได้กำหนดให้เรารับทุกข์จากการลงโทษ แต่ให้เราได้รับความรอดพ้นโดยผ่านพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 10 พระองค์สิ้นชีวิตเพื่อเรา ไม่ว่าเราจะตายหรือเป็น เราก็จะได้อยู่ด้วยกันกับพระองค์ 11 ฉะนั้นจงให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเสริมสร้างกันและกันอย่างที่ท่านกำลังปฏิบัติกันอยู่แล้ว

คำลงท้าย

12 พี่น้องทั้งหลาย บัดนี้พวกเราขอให้ท่านนับถือบรรดาผู้ที่ลงแรงทำงานด้วยความขยันขันแข็งในหมู่ท่าน อีกทั้งนำท่านในด้านงานของพระผู้เป็นเจ้าและตักเตือนท่าน 13 จงยกย่องเขาเหล่านั้นอย่างสูงด้วยความรักเพราะงานของเขา จงอยู่ด้วยความสงบสุขในหมู่พวกท่าน 14 เราขอให้ท่านพี่น้องตักเตือนพวกที่เกียจคร้าน ให้กำลังใจคนที่หวาดกลัวง่าย ช่วยเหลือคนที่อ่อนแอ มีความอดทนต่อทุกคน 15 จงระวัง อย่าให้ใครทำชั่วตอบแทนการกระทำที่ชั่ว แต่จงมุ่งหมายกระทำดีต่อกันและกันเสมอไป และต่อคนทั้งปวงด้วย 16 จงมีความยินดีอยู่เสมอ 17 จงอธิษฐานอย่างไม่หยุดยั้ง 18 สิ่งที่พระเจ้าประสงค์ในชีวิตของท่านในพระเยซูคริสต์คือ การกล่าวขอบคุณพระองค์ในทุกกรณี 19 อย่ารั้งพระวิญญาณบริสุทธิ์ไว้ 20 อย่าดูหมิ่นการเผยคำกล่าวของพระเจ้า 21 จงพิสูจน์ทุกสิ่ง ยึดถือสิ่งที่ดีไว้ให้ได้ 22 จงหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่ชั่วทุกประการ

23 ขอให้พระเจ้าแห่งสันติสุขชำระท่านให้บริสุทธิ์โดยบริบูรณ์ และขอให้พระองค์รักษาทุกส่วนของชีวิตคือ วิญญาณ จิตใจ และร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียนในเวลาที่พระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามา 24 พระองค์ผู้ที่เรียกท่านเป็นผู้รักษาคำมั่นสัญญา และพระองค์จะช่วยกระทำสิ่งนั้นให้แก่ท่าน

25 พี่น้องทั้งหลาย จงอธิษฐานเพื่อเราด้วย

26 ช่วยฝากความคิดถึงมายังพี่น้องทั้งหลายด้วยการจูบแก้ม[a]อันบริสุทธิ์

27 ข้าพเจ้าขอสั่งพวกท่านต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าให้ท่านอ่านจดหมายฉบับนี้ให้พี่น้องทุกคนฟัง

28 ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราจงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด

ดาเนียล 4

เนบูคัดเนสซาร์สรรเสริญพระเจ้า

สาสน์จากกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ถึงทุกชนชาติ ทุกประชาชาติ และทุกภาษา ผู้อาศัยอยู่ทั่วโลก สันติสุขจงเพิ่มพูนแก่ท่าน เราเห็นว่าสมควรอย่างยิ่งที่เราจะแจ้งแก่ท่าน ถึงสิ่งอัศจรรย์และสิ่งมหัศจรรย์ที่พระเจ้าผู้สูงสุดได้แสดงให้เราเห็นแล้ว

สิ่งอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่
    สิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์กอปรด้วยอานุภาพยิ่งนัก
อาณาจักรของพระองค์เป็นอาณาจักรที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์กาล
    การปกครองของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุคน

เนบูคัดเนสซาร์ฝันครั้งที่สอง

เราคือเนบูคัดเนสซาร์ ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดีกับเราในเรือนของเรา และมั่งคั่งในวังของเรา เราฝันถึงสิ่งที่ทำให้เรากลัว ขณะที่เรานอนอยู่ ภาพที่เห็นและภาพนิมิตต่างๆ ที่เรานึกคิดทำให้เราตกใจมาก ดังนั้น เราจึงออกกฤษฎีกาว่า ผู้เรืองปัญญาทุกคนของบาบิโลนจะต้องมาเข้าเฝ้าเรา และให้พวกเขาแก้ฝันให้เรา และบรรดาผู้เล่นวิทยาคม ผู้เสกคาถา โหราจารย์ และผู้ทำนายก็มา และเราบอกเรื่องที่เราฝันให้พวกเขาฟัง แต่พวกเขาไม่สามารถแก้ฝันให้เราได้ ในที่สุด ดาเนียลมาเข้าเฝ้าเรา เขามีอีกชื่อหนึ่งว่า เบลเทชัสซาร์ ตามชื่อเทพเจ้าของเรา และวิญญาณของบรรดาเทพเจ้าผู้บริสุทธิ์อยู่กับเขา เราเล่าเรื่องที่เราฝันให้เขาฟังว่า “โอ เบลเทชัสซาร์ หัวหน้าของพวกที่เล่นวิทยาคม เพราะเรารู้ว่าวิญญาณของบรรดาเทพเจ้าผู้บริสุทธิ์อยู่กับเจ้า และไม่มีสิ่งลึกลับใดยากเกินไปสำหรับเจ้า นี่คือสิ่งที่เราฝันเห็น จงแก้ฝันให้เรา 10 ภาพนิมิตต่างๆ ที่อยู่ในความนึกคิดของเราขณะที่เรานอนอยู่ก็คือ ดูเถิด เราเห็นต้นไม้ใหญ่มากต้นหนึ่งที่ท่ามกลางแผ่นดินโลก 11 ต้นไม้โตขึ้นและแข็งแกร่ง ยอดต้นไม้งอกสูงขึ้นถึงฟ้าสวรรค์ จนทั่วทั้งโลกมองเห็นได้ 12 ต้นไม้นั้นมีใบสดสวย และออกผลดกมากพอที่จะเป็นอาหารสำหรับทุกคนได้ สัตว์ป่าในทุ่งหาที่ร่มจากต้นไม้เป็นที่พักพิง และนกในอากาศก็อาศัยอยู่ตามกิ่งไม้ สิ่งมีชีวิตทุกชนิดได้อาหารจากต้นไม้ต้นนี้

13 ภาพนิมิตที่เราเห็นอยู่ในความนึกคิดของเราขณะที่เรานอนอยู่ ดูเถิด มีผู้ส่งข่าวผู้บริสุทธิ์ผู้หนึ่งลงมาจากฟ้าสวรรค์ 14 ท่านประกาศเสียงดังว่า ‘จงโค่นต้นไม้ลงและตัดกิ่งไม้ รูดใบและขว้างผลไม้ให้กระจายออกไป ให้สัตว์ป่าเตลิดหนีไปจากใต้ร่มไม้ และให้นกออกไปจากกิ่งไม้ 15 แต่จงปล่อยให้ตอกับรากไม้อยู่ในดิน และมัดด้วยแผ่นเหล็กและทองสัมฤทธิ์ ปล่อยไว้บนพื้นดินที่เป็นทุ่งหญ้า ให้เขาเปียกชุ่มด้วยน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ และให้เขาอยู่กับบรรดาสัตว์ป่าในทุ่งหญ้าของแผ่นดินโลก 16 ให้จิตใจของเขาเปลี่ยนจากจิตใจมนุษย์เป็นจิตใจของสัตว์ป่า จนกว่าเวลาจะผ่านพ้นเขาไป 7 ระยะ 17 ผู้ส่งข่าวประกาศคำตัดสินโทษ บรรดาผู้บริสุทธิ์แถลงคำตัดสิน เพื่อบรรดาผู้มีชีวิตอยู่จะทราบว่าองค์ผู้สูงสุดเป็นผู้ปกครองเหนืออาณาจักรของมนุษย์ ซึ่งพระองค์จะมอบให้แก่ผู้ที่พระองค์ประสงค์ย่อมได้ และแต่งตั้งผู้ที่ถ่อมตัวที่สุดในหมู่มนุษย์ให้ปกครอง’ 18 เราผู้เป็นกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ฝันเห็น บัดนี้ เบลเทชัสซาร์จงบอกเราว่า ความหมายคืออะไร ไม่มีผู้ปรึกษาของเราคนใดที่สามารถแก้ฝันให้เราได้ แต่เจ้าสามารถแก้ฝันได้ เพราะวิญญาณของบรรดาเทพเจ้าผู้บริสุทธิ์อยู่กับเจ้า”

ดาเนียลแก้ฝันครั้งที่สอง

19 ครั้นแล้ว ดาเนียลที่มีอีกชื่อว่า เบลเทชัสซาร์ ก็ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ และสิ่งที่ท่านกำลังคิดอยู่ทำให้ท่านตกใจกลัว กษัตริย์กล่าวว่า “เบลเทชัสซาร์ อย่าให้ฝันหรือการแก้ฝันทำให้เจ้าตกใจกลัวเลย” เบลเทชัสซาร์ตอบว่า “ท่านผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้า ขอให้เรื่องที่ท่านฝันจงเกิดแก่ผู้ที่เกลียดชังท่าน และความหมายก็เป็นของพวกศัตรูของท่าน 20 ต้นไม้ที่ท่านเห็น ซึ่งโตขึ้นและแข็งแรง ยอดของต้นไม้งอกสูงขึ้นถึงฟ้าสวรรค์ จนคนทั่วทั้งโลกมองเห็นได้ 21 ต้นไม้นั้นมีใบสดสวย และออกผลดกมากพอที่จะเป็นอาหารสำหรับทุกคนได้ สัตว์ป่าในทุ่งหาที่ร่มจากต้นไม้เป็นที่พักพิง และนกในอากาศก็อาศัยอยู่ตามกิ่งไม้ 22 โอ กษัตริย์ ท่านคือผู้ที่ใหญ่โตและเข้มแข็ง ท่านยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้น ไปจนถึงฟ้าสวรรค์ และการปกครองของท่านแผ่ไกลไปทั่วแหล่งหล้า 23 กษัตริย์เห็นผู้ประกาศ คือผู้บริสุทธิ์ผู้หนึ่งกำลังลงมาจากฟ้าสวรรค์และพูดว่า ‘จงโค่นต้นไม้ลงและกำจัดทิ้งเสีย แต่จงให้ตอซึ่งยังมีรากไม้ติดอยู่ฝังอยู่กับพื้นดินที่เป็นทุ่งหญ้า และมัดด้วยแผ่นเหล็กและทองสัมฤทธิ์ ให้เขาเปียกชุ่มด้วยน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ และให้เขามีชีวิตอยู่อย่างบรรดาสัตว์ป่าในทุ่งหญ้า จนกว่าเวลาจะผ่านพ้นเขาไป 7 ระยะ’ 24 โอ กษัตริย์ การตีความหมายก็คือ องค์ผู้สูงสุดได้ออกคำสั่งว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับกษัตริย์ผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้า 25 ท่านจะถูกขับไล่ไปจากผู้คน และท่านจะอาศัยอยู่กับบรรดาสัตว์ป่าในทุ่ง ท่านจะต้องรับประทานหญ้าอย่างโค และจะเปียกชุ่มด้วยน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ เวลาจะผ่านพ้นท่านไป 7 ระยะ จนกว่าท่านจะตระหนักว่าพระเจ้าผู้สูงสุดปกครองอาณาจักรของมนุษย์ และมอบให้แก่ผู้ที่พระองค์ประสงค์ 26 สำหรับคำสั่งที่ให้ตอซึ่งยังมีรากไม้ติดอยู่ หมายความว่า อาณาจักรของท่านจะกลับคืนมาเป็นของท่านอีก เมื่อท่านยอมรับว่าพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ปกครอง 27 ฉะนั้น โอ กษัตริย์ ขอท่านรับคำแนะนำของข้าพเจ้าเถิด โปรดละจากการทำบาปด้วยการปฏิบัติในความชอบธรรม โปรดทิ้งจากความชั่วด้วยการแสดงความเมตตาแก่ผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหง เผื่อว่าความสำเร็จของท่านอาจจะยาวนานขึ้น”

เรื่องที่เนบูคัดเนสซาร์ฝันเป็นจริง

28 สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ 29 เวลาผ่านไป 12 เดือนเต็ม ขณะที่ท่านกำลังเดินอยู่บนดาดฟ้าของราชวังในบาบิโลน 30 กษัตริย์กล่าวว่า “บาบิโลนช่างยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้ และเราสร้างขึ้นมาเองด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ให้เป็นราชวัง และเพื่อเป็นบารมีแห่งความยิ่งใหญ่ของเรา” 31 กษัตริย์ยังพูดไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงจากฟ้าสวรรค์กล่าวกับท่านว่า “โอ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เราขอบอกเจ้าว่า สิทธิอำนาจของเจ้าไม่อยู่กับเจ้าแล้ว 32 เจ้าจะถูกขับไล่ไปจากผู้คน และเจ้าจะอาศัยอยู่กับบรรดาสัตว์ป่าในทุ่ง และเจ้าจะต้องกินหญ้าอย่างโค เวลาจะผ่านพ้นเจ้าไป 7 ระยะ จนกว่าเจ้าจะตระหนักว่าพระเจ้าผู้สูงสุดปกครองอาณาจักรของมนุษย์ และมอบให้แก่ผู้ที่พระองค์ประสงค์” 33 ในทันใดนั้น เนบูคัดเนสซาร์ก็ตกอยู่ในสภาพดังกล่าว ท่านถูกขับไล่ไปจากผู้คน และรับประทานหญ้าอย่างโค และร่างกายของท่านเปียกชุ่มด้วยน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ จนผมยาวปานขนนกอินทรี และเล็บยาวเหมือนอุ้งเท้านก

สิ่งที่เนบูคัดเนสซาร์ได้รับกลับคืน

34 “เมื่อเวลาผ่านไปตามที่กำหนดแล้ว เราคือเนบูคัดเนสซาร์แหงนหน้าขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ และความมีสติยั้งคิดของเราก็กลับคืนมา เราจึงสรรเสริญองค์ผู้สูงสุด และถวายพระเกียรติและพระบารมีแด่พระองค์ผู้ดำรงชีวิตชั่วนิรันดร์กาล

การปกครองของพระองค์เป็นการปกครองที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์กาล
    และอาณาจักรของพระองค์คงอยู่ทุกชั่วอายุคน
35 ผู้อยู่อาศัยทั้งปวงบนแผ่นดินโลกไม่สามารถกระทำสิ่งใดต่อพระองค์ได้
    พระองค์ทำตามความประสงค์ของพระองค์ในหมู่ชาวสวรรค์
    และผู้อยู่อาศัยทั้งปวงบนแผ่นดินโลก
และไม่มีผู้ใดที่สามารถห้ามพระองค์ได้
    หรือจะถามพระองค์ว่า ‘พระองค์กำลังทำอะไรอยู่’

36 ในขณะเดียวกัน ความมีสติยั้งคิดของเราก็กลับคืนมา ความยิ่งใหญ่ และความรุ่งเรืองกลับคืนมาเพื่อบารมีของอาณาจักรของเรา บรรดาที่ปรึกษาและขุนนางของเราต้อนรับเรา เราได้รับอาณาจักรกลับคืนพร้อมด้วยเกียรติที่เพิ่มพูนสูงส่งยิ่งกว่าเดิม 37 มาบัดนี้ เราคือเนบูคัดเนสซาร์ ขอสรรเสริญ เชิดชู และยกย่องกษัตริย์แห่งฟ้าสวรรค์ เพราะทุกสิ่งที่พระองค์กระทำถูกต้อง และวิถีทางของพระองค์เป็นธรรม และพระองค์สามารถทำให้บรรดาผู้ที่ดำเนินชีวิตในความหยิ่งยโสต้องถ่อมตัวลง”

สดุดี 108-109

เพลงสรรเสริญพระเจ้าผู้ทำให้เรามีชัยเหนือศัตรู

บทเพลง เพลงสดุดีของดาวิด

ใจข้าพเจ้ามั่นคง โอ พระเจ้า
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและร้องสรรเสริญด้วยชีวิตจิตใจ
โอ พิณสิบสายและพิณเล็ก จงตื่นเถิด
    ข้าพเจ้าจะปลุกอโณทัย
โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ท่ามกลางบรรดาชนชาติ
    และข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางประชาชาติทั้งปวง
ด้วยว่า ความรักอันมั่นคงของพระองค์ยิ่งใหญ่กว้างไกลถึงแดนฟ้าสวรรค์
    ความสัตย์จริงของพระองค์สูงเทียมเมฆ

โอ พระเจ้า ขอพระองค์เป็นที่ยกย่องเหนือเบื้องฟ้าสวรรค์เถิด
    ขอพระบารมีของพระองค์แผ่ปกไปทั่วแผ่นดินโลก[a]
โปรดให้เราได้ชัยชนะด้วยมือขวาของพระองค์ และตอบคำอธิษฐานของพวกเรา
    เพื่อว่าบรรดาผู้เป็นที่รักของพระองค์จะได้รับความรอดพ้น

พระเจ้าได้กล่าวในสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์ว่า
    “ด้วยชัยชนะเราจะแบ่งเมืองเชเคม
    และแบ่งหุบเขาสุคคท
กิเลอาดเป็นของเรา และมนัสเสห์เป็นของเรา
    เอฟราอิมเป็นหมวกเหล็กของเรา
    ยูดาห์เป็นคทาของเรา
โมอับเป็นอ่างชำระล้างของเรา
    และเราจะเหวี่ยงรองเท้าของเราลงบนเอโดม
    เรากู่ร้องด้วยความมีชัยต่อฟีลิสเตีย”

10 ใครจะพาข้าพเจ้าไปยังเมืองที่แข็งแกร่ง
    ใครจะนำข้าพเจ้าไปยังเอโดม
11 โอ พระเจ้า ไม่ใช่พระองค์หรอกหรือที่ไม่ยอมรับพวกเรา
    และไม่ออกไปกับกองทัพของพวกเราอีกแล้ว
12 โปรดช่วยพวกเราต่อต้านข้าศึก
    เพราะความช่วยเหลือจากพวกมนุษย์นั้นไร้ประโยชน์
13 พวกเรามีพระเจ้าอยู่ด้วย เราจะมีชัยชนะ
    พระองค์จะทำให้พวกศัตรูทลายราบเป็นหน้ากลอง

ขอให้พระเจ้าตัดสินด้วยความยุติธรรม

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

โอ พระเจ้าเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าสรรเสริญ
    ขออย่าได้เมินเฉย
เพราะคนชั่วและคนหลอกลวงเปิดปากว่าร้ายข้าพเจ้า
    ลิ้นของพวกเขาใส่ร้ายข้าพเจ้า
พวกเขากล่าวด้วยความเกลียดชังรอบข้างข้าพเจ้า
    และโจมตีข้าพเจ้าโดยไร้สาเหตุ
พวกเขาตอบแทนความรักของข้าพเจ้าด้วยการกล่าวหาข้าพเจ้า
    แต่ข้าพเจ้าก็ยังคงอธิษฐาน
พวกเขาตอบความดีของข้าพเจ้าด้วยความเลว
    และตอบแทนความรักของข้าพเจ้าด้วยความเกลียดชัง

ให้คนชั่วคนหนึ่งมาคัดค้านเขา
    ให้ผู้กล่าวหาผู้หนึ่งยืนอยู่เบื้องขวา
เวลาเขาถูกไต่สวน ก็ให้เขาถูกตัดสินเป็นฝ่ายผิด
    แม้คำอธิษฐานของเขาก็ยังนับว่าเป็นบาป
ขอให้เขาอายุสั้น
    ขอให้ผู้อื่นมาเป็นผู้นำแทนในตำแหน่งของเขา[b]
ขอให้พวกลูกๆ ของเขากำพร้าพ่อ
    และให้ภรรยาของเขาเป็นม่าย
10 ขอให้พวกลูกๆ ของเขาเป็นขอทานที่ต้องซัดเซพเนจรไป
    ขอให้พวกเขาถูกขับไล่ออกจากที่อยู่อันเสื่อมโทรม
11 ขอให้เจ้าหนี้ยึดทุกสิ่งที่เขามี
    ขอให้คนแปลกหน้ายึดเอาผลที่ได้จากแรงงานของเขาไป
12 ขออย่าให้มีผู้ใดหยิบยื่นความกรุณาให้แก่เขา
    หรืออย่ามีใครได้สงสารพวกลูกกำพร้าของเขาเลย
13 ขอให้ผู้สืบเชื้อสายของเขาจงวอดวาย
    ชื่อสกุลของเขาถูกลบออกในชั่วอายุต่อไป
14 ขอให้ความชั่วของบรรพบุรุษของเขาตรึงในความทรงจำของพระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่เลือนลาง
    และไม่ยกโทษบาปของมารดาของเขา
15 ขอให้บาปทั้งปวงเป็นที่ประจักษ์แก่พระผู้เป็นเจ้าเสมอไป
    ขอให้พระองค์ลบพวกเขาออกไปจากความทรงจำบนแผ่นดินโลก

16 เพราะเขาไม่เคยคิดถึงความกรุณา
    รังแต่จะกดขี่ข่มเหงผู้ขัดสน คนยากไร้
    และผู้มีใจท้อแท้ จนพวกเขาเหล่านั้นต้องถึงแก่ความตาย
17 เพราะเขาชอบสาปแช่ง
    ก็ขอให้เขาถูกแช่งเสียเอง
เขาไม่ชอบอวยพรให้ใคร
    ก็ขอให้พรห่างหายไปจากตัวเขา
18 เขาแช่งคนจนติดเป็นนิสัย
    ขอให้การแช่งซึมเข้าตัวเขาเหมือนน้ำ
    และซึมเข้ากระดูกเหมือนน้ำมัน
19 ขอให้เป็นเหมือนเสื้อผ้าที่เขานุ่งห่มรัดแน่น
    เหมือนเข็มขัดที่คาดตัวเขาไว้อยู่เสมอ
20 ขอให้พระผู้เป็นเจ้าลงโทษพวกผู้กล่าวหาข้าพเจ้าเช่นนี้
    พวกที่พูดว่าร้ายข้าพเจ้านั่นแหละ

21 โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
    ขอพระองค์กระทำตอบโต้เพื่อข้าพเจ้า เพื่อพระนามของพระองค์
    ช่วยข้าพเจ้าให้รอดปลอดภัยเถิด เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ประเสริฐยิ่งนัก
22 ด้วยว่า ข้าพเจ้าขัดสนและยากไร้
    ข้าพเจ้าเจ็บปวดรวดร้าวอยู่ในทรวงอก
23 ข้าพเจ้าเป็นดั่งเงาที่พร่าเลือนในยามสายัณห์
    ถูกสลัดออกดั่งตัวตั๊กแตน
24 เข่าของข้าพเจ้าอ่อนยวบเพราะขาดอาหาร
    ร่างกายข้าพเจ้าซูบลงเหลือแต่กระดูก
25 ข้าพเจ้ากลายเป็นที่ดูหมิ่นของพวกเขา
    เวลาที่เห็นข้าพเจ้า เขาก็พากันส่ายหัว

26 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าโปรดช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
    ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น ตามความรักอันมั่นคงของพระองค์
27 เพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่า นี่คือฝีมือของพระองค์
    และข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เองเป็นผู้กระทำ
28 ถึงพวกเขาแช่งสาป แต่พระองค์ก็อวยพร
    ให้พวกที่โจมตีข้าพเจ้าต้องอับอาย
    ขอให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้ยินดี
29 ขอให้กลุ่มผู้กล่าวหาข้าพเจ้าต้องสวมใส่ด้วยความเหยียดหยาม
    และคลุมตัวด้วยความอับอาย

30 ข้าพเจ้าจะเอ่ยปากกล่าวขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าหลายๆ ครั้ง
    ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางที่ประชุมใหญ่
31 เพราะพระองค์ยืนอยู่เบื้องขวาเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้
    เพื่อช่วยเขาให้พ้นจากพวกที่กล่าวโทษเขาให้ถึงแก่ความตาย

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation