Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 19

เอลียาห์หนีเยเซเบล

19 อาหับบอกเยเซเบลทุกอย่างที่เอลียาห์ได้กระทำ และบอกด้วยว่าท่านได้ใช้ดาบสังหารบรรดาผู้เผยคำกล่าวอย่างไร เยเซเบลจึงให้ผู้ส่งข่าวคนหนึ่งไปหาเอลียาห์ว่า “ฉะนั้น พรุ่งนี้และเวลานี้ขอให้บรรดาเทพเจ้ากระทำต่อฉันยิ่งกว่านั้น ถ้าฉันไม่กำจัดชีวิตของท่านเหมือนที่ท่านกระทำต่อบรรดาผู้เผยคำกล่าวของบาอัล” แล้วท่านก็กลัว และรีบหนีไปเพื่อความปลอดภัยของชีวิตท่าน จนมาถึงเบเออร์เช-บา ซึ่งอยู่ในอาณาเขตยูดาห์ โดยทิ้งให้คนรับใช้อยู่ต่อที่นั่น

ส่วนท่านก็เดินทางต่อไปเป็นระยะ 1 วัน เข้าไปในถิ่นทุรกันดาร และไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ซาก[a] ท่านไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป และรำพึงรำพันว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า พอกันที เวลานี้โปรดรับเอาชีวิตข้าพเจ้าไปเถิด เพราะข้าพเจ้าไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพเจ้า” แล้วท่านก็นอนหลับที่ใต้ต้นไม้ซาก ดูเถิด ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาสัมผัสตัวท่าน และพูดว่า “ลุกขึ้นและรับประทานเถิด” และท่านก็เปิดตา ดูเถิด ที่ศีรษะท่านมีขนมชิ้นหนึ่งปิ้งร้อนๆ อยู่บนก้อนหิน กับน้ำโถหนึ่ง ท่านจึงรับประทานและดื่มน้ำ แล้วก็นอนลงอีก ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้ามาหาอีกเป็นครั้งที่สอง สัมผัสตัวท่าน และพูดว่า “ลุกขึ้นรับประทานเถิด เพราะว่าการเดินทางจะลำบากมากสำหรับท่าน” ท่านจึงลุกขึ้นรับประทานและดื่มน้ำ อาหารนั้นช่วยให้ท่านมีกำลังและเดินทางเป็นเวลา 40 วัน 40 คืน[b] ไปยังโฮเรบภูเขาของพระเจ้า

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเอลียาห์

เอลียาห์มาถึงถ้ำและค้างแรมในนั้น และดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า “เอลียาห์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่” 10 ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้ารับใช้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธาอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ชาวอิสราเอลได้ทอดทิ้งพันธสัญญาของพระองค์ ทำลายแท่นบูชาของพระองค์ และฆ่าฟันบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระองค์ เหลือแต่ข้าพเจ้าเพียงคนเดียว และพวกเขาก็ได้ตามหาข้าพเจ้า เพื่อจะเอาชีวิตของข้าพเจ้าไปเสีย” 11 พระองค์กล่าวว่า “จงออกไป ไปยืนบนภูเขา เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า” และดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าผ่านไป ลมอันแรงกล้าได้แยกภูเขาให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า แต่พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สถิตในลม และภายหลังลม ก็เกิดแผ่นดินไหว แต่พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สถิตในแผ่นดินไหว 12 ภายหลังแผ่นดินไหว ก็เกิดไฟ แต่พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้สถิตในไฟ และภายหลังไฟ ก็เกิดเสียงแผ่วเบา 13 เมื่อเอลียาห์ได้ยินเสียง ท่านก็ใช้เสื้อคลุมของท่านปิดหน้า และออกไปยืนที่ปากถ้ำ และดูเถิด มีเสียงกล่าวกับท่านว่า “เอลียาห์ เจ้ามาทำอะไรที่นี่” 14 ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้ารับใช้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธาอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ชาวอิสราเอลได้ทอดทิ้งพันธสัญญาของพระองค์ ทำลายแท่นบูชาของพระองค์ และฆ่าฟันบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระองค์ เหลือแต่ข้าพเจ้าเพียงคนเดียว และพวกเขาก็ได้ตามหาข้าพเจ้า เพื่อจะเอาชีวิตของข้าพเจ้าไปเสีย” 15 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า “ไปเถิด จงกลับไปยังถิ่นทุรกันดารดามัสกัส และเมื่อเจ้าไปถึงแล้ว เจ้าจงเจิมฮาซาเอลให้เป็นกษัตริย์ปกครองอารัม 16 และจงเจิมเยฮูบุตรของนิมชีให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล จงเจิมเอลีชาบุตรของชาฟัทแห่งเมืองอาเบลเมโฮลาห์ ให้เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าแทนเจ้า 17 และผู้ที่หนีรอดจากดาบของฮาซาเอล ก็จงให้เยฮูฆ่าเสีย และผู้ที่หนีรอดจากดาบของเยฮูก็จงให้เอลีชาฆ่าเสีย 18 แต่เราจะยังไว้ชีวิต 7,000 คนในอิสราเอลที่ไม่ได้ก้มกราบเทพเจ้าบาอัล และทุกปากที่ไม่ได้จูบเทวรูปบาอัล”

พระเจ้าเรียกเอลีชา

19 ดังนั้น เอลียาห์จึงออกไปจากที่นั่น และพบกับเอลีชาบุตรของชาฟัท ผู้กำลังไถนาอยู่ มีโคทั้งหมด 12 คู่ที่เทียมแอกเดินอยู่ข้างหน้า เอลีชาอยู่กับโคคู่ท้ายสุด เอลียาห์เดินเคียงข้างผ่านไปพร้อมกับสวมเสื้อคลุมของท่านให้แก่เอลีชา 20 เอลีชาก็ทิ้งโคไว้ และวิ่งตามเอลียาห์ไป และบอกว่า “ให้ข้าพเจ้าจูบลาพ่อแม่ก่อน แล้วข้าพเจ้าจะตามท่านไป” “ไปเถิด และกลับมาอีก เราไม่ได้ฝืนใจท่าน” 21 เอลีชาจึงกลับไปปลดโคออกจากแอก ฆ่าโคทั้งคู่ ใช้แอกเป็นเชื้อเพลิง และต้มเนื้อโคแจกจ่ายให้แก่คนที่นั่นรับประทาน แล้วเอลีชาลุกขึ้นติดตามเอลียาห์เพื่อไปเป็นผู้ช่วยท่าน

1 เธสะโลนิกา 2

เปาโลรับใช้ที่เธสะโลนิกา

พี่น้องเอ๋ย ท่านเองก็ทราบว่า การที่พวกเรามาหาท่านไม่ได้ไร้ประโยชน์ แต่หลังจากที่พวกเราได้รับทุกข์ทรมานและการสบประมาทที่เมืองฟีลิปปีแล้ว ตามที่ท่านทราบคือ พระเจ้าให้พวกเรามีความกล้าในการพูดกับท่านเรื่องข่าวประเสริฐของพระเจ้า ทั้งๆ ที่มีการต่อต้านมาก ด้วยว่า สิ่งที่พวกเราบอกเล่าให้ท่านเชื่อ ไม่ได้เกิดจากการโกหก หรือการจูงใจที่ไม่บริสุทธิ์ หรือเป็นเพราะเราพยายามจะใช้เล่ห์กลกับท่าน แต่พระเจ้าเห็นดีกับพวกเราแล้วที่ไว้ใจเราในเรื่องข่าวประเสริฐ และเราก็ประกาศ ไม่ใช่เพื่อให้เป็นที่พอใจของมนุษย์ แต่ให้เป็นที่พอใจของพระเจ้าผู้ทดสอบจิตใจของเรา ท่านก็ทราบว่า พวกเราไม่เคยพูดยกยอท่าน หรือแสร้งทำราวกับว่าจะปกปิดความโลภ พระเจ้าเป็นพยานของเราได้ พวกเราไม่ได้แสวงหาการเยินยอจากมนุษย์ ไม่ว่าจากท่านหรือจากใครอื่นอีก ในฐานะที่พวกเราเป็นอัครทูตของพระคริสต์ เราจะร้องขอจากท่านก็ได้ แต่พวกเรามีใจอ่อนโยนในหมู่ท่าน เช่นเดียวกับมารดาที่เลี้ยงดูบุตรของตน พวกเรารักท่านมากจึงมีความยินดียิ่งนักในการแบ่งปันทั้งข่าวประเสริฐของพระเจ้า รวมถึงชีวิตของเราด้วย เพราะท่านทั้งหลายเป็นที่รักยิ่งของเราแล้ว

พี่น้องทั้งหลาย ท่านคงจำได้ถึงการทำงานอย่างตรากตรำของเราและด้วยความยากลำบาก ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้กับผู้ใดในหมู่ท่าน ขณะที่พวกเราประกาศข่าวประเสริฐจากพระเจ้าให้ท่านฟัง 10 ท่านทั้งหลายเป็นพยานฝ่ายเรา และพระเจ้าก็เป็นพยานด้วยว่า พวกเราประพฤติต่อท่านที่เชื่อในพระเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์ ด้วยความชอบธรรม และปราศจากข้อตำหนิใดๆ 11 ท่านก็ทราบว่า พวกเราปฏิบัติต่อท่านทุกคนเช่นบิดากระทำต่อบุตรของตน 12 คือให้กำลังใจ ปลอบโยนและสนับสนุน เพื่อท่านจะได้ดำเนินชีวิตให้สมกับที่พระเจ้าเรียกท่านเข้าสู่อาณาจักรและพระบารมีของพระองค์

13 ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงขอบคุณพระเจ้าเสมอว่า เวลาท่านได้รับคำประกาศของพระเจ้าจากพวกเรา ท่านไม่ได้รับไว้อย่างที่เป็นคำกล่าวของมนุษย์ แต่รับไว้ตามความเป็นจริงคือ เป็นคำกล่าวของพระเจ้า ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในตัวของท่านที่เชื่อ 14 พี่น้องทั้งหลาย ท่านปฏิบัติตามคริสตจักรทั้งปวงของพระเจ้าในแคว้นยูเดียซึ่งอยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะว่าท่านทนทุกข์ทรมานจากชนชาติของท่านเอง เช่นเดียวกับที่คริสตจักรเหล่านั้นทนทุกข์จากชาวยิว 15 ชาวยิวนั้นได้ฆ่าทั้งพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าและบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า แล้วได้ขับไล่พวกเรา เขาเหล่านั้นไม่เป็นที่พอใจของพระเจ้า อีกทั้งเป็นปฏิปักษ์ต่อคนทั้งปวงด้วย 16 เขาห้ามพวกเราไม่ให้พูดเรื่องที่จะทำให้บรรดาคนนอก[a]ได้รับชีวิตรอดพ้น ผลก็คือพวกเขาสะสมบาปไว้จนท่วมตัว และในที่สุดการลงโทษจากพระเจ้าก็ได้ลงมาสู่พวกเขา

ทิโมธีนำข่าวดีมาบอก

17 พี่น้องทั้งหลาย แต่เมื่อครั้งที่เราถูกพรากจากท่านเพียงกายไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่ได้พรากทางใจ พวกเรายิ่งอยากจะเห็นหน้าท่านเหลือเกิน 18 ด้วยว่า พวกเราต้องการจะมาหาท่าน ยิ่งตัวข้าพเจ้าเองเปาโล ก็ได้พยายามครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ซาตาน[b]ขัดขวางไว้ 19 แล้วอะไรคือความหวัง ความยินดี หรือมงกุฎแห่งความมีชัยของเราที่เราจะภูมิใจ ไม่ใช่ท่านหรอกหรือที่อยู่เบื้องหน้าพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเวลาพระองค์มาปรากฏ 20 ด้วยว่า ท่านคือความภูมิใจและความยินดีของพวกเรา

ดาเนียล 1

ดาเนียลถูกนำไปยังบาบิโลน

ในปีที่สามของเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ เนบูคัดเนสซาร์[a]กษัตริย์แห่งบาบิโลนมายังเยรูซาเล็ม และใช้กำลังล้อมเมืองไว้ พระผู้เป็นเจ้ามอบเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ไว้ในมือของท่าน ท่านได้ริบเครื่องใช้ของพระตำหนักของพระเจ้า นำไปไว้ในตำหนักของเทพเจ้าของท่านในดินแดนชินาร์ และเก็บเครื่องใช้เหล่านั้นในกองคลังของเทพเจ้าของท่าน แล้วกษัตริย์ก็บัญชาอัชเปนัสหัวหน้าขันที ให้คัดเลือกชาวอิสราเอลบางคนจากราชวงศ์และจากครอบครัวตระกูลสูงศักดิ์ เป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนและรูปงาม พร้อมด้วยสติปัญญาและความรู้ สามารถเรียนรู้เร็ว เหมาะที่จะรับใช้ในราชวัง และให้พวกเขาเรียนการเขียนและพูดภาษาของชาวเคลเดีย[b] กษัตริย์ให้คนจัดอาหารส่วนหนึ่งของกษัตริย์ และเหล้าองุ่นที่ท่านดื่ม แก่คนเหล่านั้นเป็นประจำทุกวันด้วย พวกเขาจะต้องได้รับการศึกษาเป็นเวลา 3 ปี หลังจากนั้นก็ให้มาเข้าเฝ้า ในบรรดาชายเหล่านั้นมี ดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล อาซาริยาห์จากเผ่ายูดาห์ หัวหน้าขันทีตั้งชื่อพวกเขาใหม่ตามนี้คือ เบลเทชัสซาร์แทนชื่อดาเนียล ชัดรัคแทนชื่อฮานันยาห์ เมชาคแทนชื่อมิชาเอล อาเบดเนโกแทนชื่ออาซาริยาห์

ความภักดีของดาเนียล

ดาเนียลได้ตั้งใจไว้แน่วแน่ว่า จะไม่ทำให้ตนมีมลทินจากอาหารหรือเหล้าองุ่นของกษัตริย์ ท่านจึงขอร้องหัวหน้าขันทีที่จะไม่ทำให้ท่านแปดเปื้อนด้วยมลทินเรื่องอาหาร และพระเจ้าทำให้ดาเนียลเป็นที่โปรดปรานของหัวหน้าขันที 10 หัวหน้าขันทีพูดกับดาเนียลว่า “เราเกรงกลัวเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ กษัตริย์ได้สั่งให้จัดอาหารและเครื่องดื่มสำหรับท่าน ถ้าหากกษัตริย์เห็นว่า พวกท่านมีสุขภาพทรุดโทรมกว่าชายหนุ่มคนอื่นที่มีอายุคราวเดียวกัน ก็อาจจะทำให้ศีรษะของเราหลุดจากบ่าก็เป็นได้” 11 ดาเนียลตอบผู้ควบคุมที่หัวหน้าขันทีได้สั่งมาให้ดูแลดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ 12 ว่า “โปรดทดสอบพวกเรา 10 วันเถิด ให้ผักและน้ำแก่พวกเรา 13 จากนั้นท่านจะได้สังเกตดูสุขภาพของพวกเราและเปรียบกับสุขภาพของชายหนุ่มที่รับประทานอาหารของกษัตริย์ แล้วท่านค่อยตัดสินใจอีกทีตามที่ท่านเห็น” 14 เขาก็ตกลงและทดสอบพวกเขา 10 วัน 15 หลังจาก 10 วัน สุขภาพของพวกเขาทั้งดีและแข็งแรงกว่าชายหนุ่มทุกคนที่รับประทานอาหารของกษัตริย์ 16 ดังนั้นผู้ควบคุมจึงเอาอาหารและเครื่องดื่มของกษัตริย์ไป และให้ผักแก่พวกเขาแทน

17 พระเจ้ามอบความรู้และความสามารถในการหยั่งรู้เรื่องการอ่านเขียนและสติปัญญาให้แก่ชายหนุ่มทั้งสี่ และดาเนียลมีความเข้าใจในภาพนิมิตและความฝัน 18 เมื่อครบกำหนด 3 ปี กษัตริย์บัญชาให้นำบรรดาชายหนุ่มมา หัวหน้าขันทีจึงพาพวกเขามาเข้าเฝ้าเนบูคัดเนสซาร์ 19 กษัตริย์พูดกับทุกคน และปรากฏว่า ไม่มีใครสักคนที่เป็นเหมือนดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ ดังนั้นทั้ง 4 คนจึงอยู่รับใช้กษัตริย์ 20 ทุกเรื่องที่กษัตริย์ปรึกษาพวกเขาซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้สติปัญญาและความเข้าใจนั้น กษัตริย์พบว่า พวกเขาเก่งกว่าผู้ที่เล่นวิทยาคมและผู้เสกคาถา ซึ่งอยู่ทั่วไปในอาณาจักรของท่านถึงสิบเท่า 21 ดาเนียลอยู่ที่ราชวังจนถึงปีแรกของกษัตริย์ไซรัส

สดุดี 105

พระเจ้าและชนชาติของพระองค์

จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ร้องเรียกพระนามของพระองค์
    ให้สิ่งที่พระองค์กระทำเป็นที่รู้จักในบรรดาชนชาติ
จงร้องเพลงถวายแด่พระองค์ จงร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระองค์
    จงประกาศการกระทำอันมหัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์
สรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ด้วยความภาคภูมิ
    ให้บรรดาผู้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้ามีใจยินดีเถิด
จงแสวงหาพระผู้เป็นเจ้าและพละกำลังของพระองค์
    จงเข้าเฝ้าพระองค์เสมอ
จงระลึกถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้กระทำ
    สิ่งอัศจรรย์และการพิพากษาลงโทษที่พระองค์กล่าว
โอ บรรดาผู้สืบเชื้อสายของอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์
    บรรดาบุตรของยาโคบ คนที่พระองค์เลือก
พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเรา
    การพิพากษาลงโทษของพระองค์มีอยู่ทั่วทั้งแผ่นดินโลก
พระองค์ระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ตลอดกาล
    ระลึกถึงคำบัญชาของพระองค์นานนับพันชั่วอายุคน
พันธสัญญาซึ่งพระองค์ทำไว้กับอับราฮัม
    และสัญญาที่พระองค์ได้ปฏิญาณไว้กับอิสอัค
10 ซึ่งพระองค์ยืนยันว่าเป็นกฎเกณฑ์แก่ยาโคบ
    เป็นพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์แก่อิสราเอล
11 โดยกล่าวว่า “เราจะยกดินแดนคานาอันให้แก่เจ้า
    เป็นส่วนแบ่งที่เจ้าจะได้รับเป็นมรดก”

12 ในเวลาที่พวกเขามีจำนวนน้อย
    เป็นกลุ่มเล็กๆ และอาศัยอยู่ที่นั่นเพียงชั่วคราว
13 ระหกระเหินจากประชาชาติหนึ่งไปยังอีกประชาชาติหนึ่ง
    และจากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกชนชาติหนึ่ง
14 พระองค์ไม่ยอมให้ใครมาบีบบังคับพวกเขา
    พระองค์เตือนบรรดากษัตริย์เพื่อเห็นแก่พวกเขา
15 โดยกล่าวว่า “อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมไว้
    อย่าทำร้ายบรรดาผู้เผยคำกล่าวของเรา”

16 แล้วพระองค์บันดาลให้เกิดทุพภิกขภัยขึ้นในแผ่นดิน
    ผลผลิตที่เป็นอาหารเสียหายหมด
17 แต่พระองค์ใช้ชายผู้หนึ่งไปล่วงหน้าพวกเขา
    คือโยเซฟผู้ถูกขายไปเป็นทาส
18 มีตรวนเหล็กล่ามอยู่ที่เท้า
    ปลอกเหล็กสวมอยู่ที่คอ
19 จนกระทั่งสิ่งที่ท่านพยากรณ์ไว้ได้บังเกิดขึ้นจริง
    คำของพระผู้เป็นเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นว่าท่านถูกต้อง
20 กษัตริย์ให้พาตัวท่านมา และปลดปล่อยตัวไป
    ผู้ปกครองของบรรดาชนชาติได้ปล่อยให้ท่านเป็นอิสระ
21 กษัตริย์แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้ควบคุมวัง
    และปกครองสมบัติพัสถานทั้งหลาย
22 ท่านบัญชาพวกเจ้าหน้าที่ได้ตามใจชอบ
    และสอนบรรดาผู้อาวุโสให้ใช้สติปัญญา[a]

23 ครั้นแล้วอิสราเอลก็มาถึงประเทศอียิปต์
    ยาโคบตั้งถิ่นฐานในดินแดนของฮาม
24 แล้วพระผู้เป็นเจ้าทำให้ชนชาติของพระองค์เพิ่มพูนจำนวนลูกหลานมากขึ้น
    และมีมากเกินกว่าพวกศัตรูของเขา
25 พระองค์ทำให้จิตใจของชาวอียิปต์เกลียดชังชนชาติของพระองค์
    และปฏิบัติต่อผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเล่ห์อุบาย
26 พระองค์ให้โมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ไป
    และอาโรนผู้ที่พระองค์ได้เลือกไว้
27 ทั้งสองท่านได้แสดงสิ่งอัศจรรย์ของพระเจ้าท่ามกลางพวกเขา
    และสิ่งมหัศจรรย์ในดินแดนของฮาม
28 พระองค์ให้มีความมืดและทำให้ดินแดนมืดมิด
    แต่พวกเขาขัดคำสั่งของพระองค์
29 พระองค์ทำให้น้ำที่มีอยู่ของพวกเขากลายเป็นเลือด
    อันเป็นเหตุให้ปลาตาย
30 แผ่นดินของพวกเขาเต็มไปด้วยกบ
    แม้ในห้องพักของเชื้อพระวงศ์
31 เพียงพระองค์กล่าว แมลงเป็นฝูงๆ ก็พากันบินมา
    และตัวริ้นแพร่ขยายไปทั่วอาณาเขตของเขาทั้งปวง
32 พระองค์ทำให้ลูกเห็บตกแทนฝน
    และสายฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่วแผ่นดินของเขา
33 พระองค์ทำลายเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของพวกเขา
    และโค่นต้นไม้ในอาณาเขตของเขาลง
34 เพียงพระองค์กล่าว ฝูงตั๊กแตนก็พากันมา
    มีตั๊กแตนเล็กมากมายจนนับไม่ถ้วน
35 พวกมันกัดกินพืชทั้งหมดในแผ่นดินของเขา
    และกินผลที่ได้จากการเพาะปลูกจนเกลี้ยง
36 พระองค์ผลาญชีวิตลูกหัวปีทุกคนบนแผ่นดิน
    ผลแรกแห่งพละกำลังทั้งปวงของพวกเขา

37 ครั้นแล้วพระองค์ก็นำอิสราเอลไปพร้อมกับเงินและทองคำ
    ไม่มีสักคนในเผ่าของพระองค์ที่ถูกกีดขวาง
38 อียิปต์ดีใจเมื่ออิสราเอลไปจากพวกเขา
    เพราะอิสราเอลทำให้พวกเขาพรั่นพรึง

39 พระองค์คลี่ก้อนเมฆออกเป็นร่มเงา
    แสงจากเพลิงเป็นแสงสว่างในยามค่ำ
40 พวกเขาเรียกร้อง และพระองค์ก็ให้นกกระทา
    และให้รับประทานอาหารที่ตกลงจากฟ้าจนอิ่มหนำ
41 พระองค์แยกหิน แล้วน้ำก็พวยพุ่งออกมา
    ไหลไปรวมเป็นแม่น้ำในที่กันดาร
42 เพราะพระองค์ระลึกถึงคำสัญญาอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    และระลึกถึงอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์[b]

43 พระองค์จึงพาชนชาติของพระองค์ไปโดยที่พวกเขารื่นเริงเบิกบาน
    และบรรดาผู้ที่พระองค์เลือกไว้ไปกับเสียงร้องด้วยความยินดี
44 และพระองค์มอบแผ่นดินของประชาชาติให้กับอิสราเอล
    และพวกเขาได้ไร่นาจากบรรดาชนชาติมาเป็นของตน
45 เพื่อชนชาติของพระองค์จะได้รักษากฎเกณฑ์ของพระองค์
    และปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระองค์

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า[c]

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation