Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 18

เอลียาห์เผชิญหน้าอาหับ

18 หลายวันต่อมา พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านเอลียาห์ในปีที่สามว่า “จงไปแสดงตัวกับอาหับ และเราจะให้ฝนตกบนแผ่นดินโลก” เอลียาห์จึงไปแสดงตัวกับอาหับ ในเวลานั้น เกิดความอดอยากร้ายแรงมากในสะมาเรีย อาหับเรียกโอบาดีห์ซึ่งเป็นผู้ควบคุมครัวเรือนของท่าน (โอบาดีห์เป็นคนที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้ามาก เมื่อเยเซเบลสั่งสังหารบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า โอบาดีห์พาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าจำนวน 100 คนไปหลบซ่อนในถ้ำๆ ละ 50 คน และจัดหาขนมปังและน้ำให้) อาหับพูดกับโอบาดีห์ว่า “จงไปให้ทั่วแผ่นดิน สำรวจหาน้ำพุและหุบเขาทุกแห่ง เราอาจจะพบหญ้า จะได้ช่วยม้าและล่อให้มีชีวิตต่อไปได้ จะได้ไม่สูญเสียสัตว์บางส่วนไป” ดังนั้น ทั้งสองจึงแบ่งเส้นทางกันออกเสาะหา อาหับไปทางหนึ่งตามลำพัง และโอบาดีห์ไปอีกทางตามลำพัง

ขณะที่โอบาดีห์เดินทางไป ดูเถิด เอลียาห์พบกับเขา และโอบาดีห์จำท่านได้ จึงก้มตัวลงและพูดว่า “ท่านคือเอลียาห์ เจ้านายของข้าพเจ้าใช่ไหม” ท่านตอบว่า “เราเอง ท่านช่วยไปบอกเจ้านายของท่านว่า ‘ดูเถิด เอลียาห์อยู่ที่นี่’” เขาพูดว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรผิดหรือ ท่านจึงจะทำให้ข้าพเจ้าตกอยู่ในมือของอาหับ และฆ่าข้าพเจ้าเสีย 10 ตราบที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด ไม่มีประชาชาติหรืออาณาจักรใดที่เจ้านายของข้าพเจ้าไม่ได้ส่งคนไปค้นหาท่าน และเวลาพวกเขาตอบว่า ‘ท่านไม่อยู่ที่นี่’ อาหับก็จะต้องให้เขาสาบานกับอาณาจักรหรือประชาชาตินั้นว่า พวกเขาหาท่านไม่พบ 11 และบัดนี้ท่านพูดว่า ‘ไปบอกเจ้านายของท่านว่า “ดูเถิด เอลียาห์อยู่ที่นี่”’ 12 และทันทีที่ข้าพเจ้าจากท่านไป พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าจะหอบพาท่านไปที่ไหนข้าพเจ้าไม่ทราบ ฉะนั้นเวลาข้าพเจ้าไปแจ้งอาหับ และอาหับกลับไม่พบท่าน อาหับก็จะฆ่าข้าพเจ้า แม้ว่าข้าพเจ้าซึ่งเป็นผู้รับใช้ของท่าน จะเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้านับแต่ยังเยาว์ 13 ไม่มีใครเคยบอกให้เจ้านายของข้าพเจ้าทราบหรือว่า ข้าพเจ้าทำอะไร เมื่อเยเซเบลสังหารบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าได้ซ่อนตัวผู้เผยคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า 100 คน ในถ้ำๆ ละ 50 คน และจัดหาขนมปังและน้ำให้ 14 และบัดนี้ท่านพูดว่า ‘ไปบอกเจ้านายของท่านว่า “ดูเถิด เอลียาห์อยู่ที่นี่”’ อาหับก็จะฆ่าข้าพเจ้า” 15 เอลียาห์พูดว่า “ตราบที่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระองค์ผู้ที่เรารับใช้มีชีวิตอยู่ฉันใด เราจะแสดงตัวให้ท่านเห็นในวันนี้อย่างแน่นอน” 16 ดังนั้น โอบาดีห์ไปพบกับอาหับ และแจ้งให้ท่านทราบ อาหับจึงไปพบกับเอลียาห์

17 ครั้นอาหับเห็นเอลียาห์ อาหับกล่าวกับท่านว่า “เจ้าหรือนั่น ผู้ก่อความลำบากแก่อิสราเอล” 18 ท่านตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้ก่อความลำบากแก่อิสราเอล แต่เป็นท่านและครอบครัวของบิดาของท่านต่างหาก เพราะท่านไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า แต่กลับไปติดตามบรรดาเทพเจ้าบาอัล 19 บัดนี้ ขอให้ท่านออกคำสั่งเรียกประชุมอิสราเอลทั้งปวงให้มาพบกับข้าพเจ้าที่ภูเขาคาร์เมล รวมทั้งผู้เผยคำกล่าวของเทพเจ้าบาอัล 450 คน และผู้เผยคำกล่าวของเทพเจ้าอาเชราห์ 400 คนที่ร่วมรับประทานกับเยเซเบล”

ปุโรหิตของเทพเจ้าบาอัลพ่ายแพ้

20 ดังนั้น อาหับออกคำสั่งให้ชาวอิสราเอลทั้งปวง และเรียกบรรดาผู้เผยคำกล่าวมาร่วมประชุมที่ภูเขาคาร์เมล 21 เอลียาห์ก็เข้ามาใกล้ประชาชนทั้งปวง และพูดว่า “ท่านทั้งหลายจะเหยียบเรือสองแคมไปนานแค่ไหน ถ้าหากว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า ก็จงติดตามพระองค์ แต่ถ้าเป็นเทพเจ้าบาอัล ก็จงติดตามบาอัลไป” ฝ่ายประชาชนก็ไม่ตอบสักคำเดียว 22 เอลียาห์จึงพูดกับประชาชนว่า “เหลือแต่ข้าพเจ้าเพียงคนเดียวที่เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า แต่ผู้เผยคำกล่าวของเทพเจ้าบาอัลมี 450 คน 23 ขอให้นำโคหนุ่ม 2 ตัวมาให้พวกเรา และให้คนของเทพเจ้าบาอัลเลือกโคไว้ตัวหนึ่ง จงตัดโคเป็นท่อนๆ และวางไว้บนฟืน แต่อย่าติดไฟ และข้าพเจ้าจะเตรียมโคอีกตัว และวางไว้บนฟืนที่ยังไม่ติดไฟเช่นกัน 24 จากนั้น ท่านก็ร้องเรียกหาเทพเจ้าของท่าน และข้าพเจ้าจะร้องเรียกพระนามของพระผู้เป็นเจ้า และพระเจ้าที่ตอบด้วยไฟ พระองค์คือพระเจ้า” ประชาชนทั้งปวงตอบว่า “เป็นคำพูดที่ดี” 25 และเอลียาห์พูดกับผู้เผยคำกล่าวของเทพเจ้าบาอัลว่า “เชิญเลือกโคหนุ่มตัวหนึ่งสำหรับพวกท่าน และเตรียมให้พร้อมก่อน เพราะว่าพวกท่านมีหลายคน แล้วก็ร้องเรียกหาเทพเจ้าของท่าน แต่อย่าติดไฟ” 26 เขาทั้งหลายจึงเอาโคที่นำมาให้ และเตรียมให้พร้อม และร้องเรียกหาเทพเจ้าบาอัลตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงวัน พูดว่า “โอ บาอัล ตอบพวกเราด้วย” แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ และพวกเขาเต้นขึ้นเต้นลงรอบๆ แท่นบูชาที่ได้สร้างขึ้น 27 พอเที่ยงวันเอลียาห์พูดเยาะเย้ยว่า “ร้องดังๆ สิ เพราะเขาเป็นเทพเจ้า เขากำลังคิดเพ้อฝันอยู่ หรือก็ไม่ว่าง หรือเดินทางไปไหนๆ แล้ว หรือไม่ก็นอนหลับอยู่ คงต้องปลุกให้ตื่นกระมัง” 28 พวกเขาจึงร้องเสียงดัง พร้อมกับใช้ดาบและมีดเชือดตัวตามพิธีกรรม จนเลือดไหลเต็มตัว 29 ครั้นถึงเวลาบ่าย พวกเขาก็พูดพร่ำต่อไป จนกระทั่งถึงเวลามอบเครื่องสักการะ แต่ก็ยังไม่มีเสียงใดๆ ไม่มีใครตอบหรือแสดงความสนใจ

30 เอลียาห์จึงพูดกับประชาชนทั้งปวงว่า “ช่วยมาใกล้ๆ” และประชาชนทั้งปวงก็เข้ามาใกล้ท่าน ท่านซ่อมแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้าที่พังลง 31 เอลียาห์ใช้หิน 12 ก้อน ตามจำนวน 12 เผ่าของบรรดาบุตรของยาโคบ ผู้ที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวสั่งว่า “อิสราเอลจะเป็นชื่อของเจ้า”[a] 32 และท่านสร้างแท่นบูชาด้วยหินเหล่านั้นในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า และท่านขุดร่องที่รอบแท่นใหญ่พอบรรจุเมล็ดพืชได้ 2 สอาห์[b] 33 ท่านวางฟืนอย่างเป็นระเบียบ และตัดโคเป็นท่อนๆ และวางบนฟืน และท่านพูดว่า “จงใส่น้ำให้เต็ม 4 ไห และเทลงบนสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายและบนฟืน” 34 และท่านพูดว่า “ทำเหมือนเดิมเป็นครั้งที่สอง” พวกเขาก็ทำตามเป็นครั้งที่สอง และท่านพูดว่า “ทำเหมือนเดิมเป็นครั้งที่สาม” พวกเขาก็ทำตามเป็นครั้งที่สาม 35 และน้ำก็ไหลที่รอบแท่นบูชาและร่องที่ขุดไว้ก็มีน้ำปริ่ม

36 เมื่อถึงเวลามอบเครื่องสักการะ เอลียาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเข้ามาใกล้ และพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล ขอให้เป็นที่ทราบกันในวันนี้ว่า พระองค์เป็นพระเจ้าในอิสราเอล และข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามคำของพระองค์ 37 โปรดตอบรับข้าพเจ้า โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดตอบรับข้าพเจ้า เพื่อผู้คนเหล่านี้จะทราบว่าพระองค์คือพระเจ้า โอ พระผู้เป็นเจ้า และขอพระองค์ทำให้พวกเขากลับใจเข้าหาพระองค์อีกครั้ง” 38 ครั้นแล้ว ไฟของพระผู้เป็นเจ้าก็ตกลงมาเผาสัตว์ที่ใช้เป็นของถวาย ตกลงที่ฟืน หิน และผงคลี และทำให้น้ำในร่องแห้งเหือดไป 39 เมื่อประชาชนทั้งปวงเห็นเหตุการณ์ ก็ก้มตัวลงและพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระองค์คือพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า พระองค์คือพระเจ้า” 40 เอลียาห์พูดกับพวกเขาว่า “จงจับกุมบรรดาผู้เผยคำกล่าวของเทพเจ้าบาอัล อย่าให้ผู้ใดหนีรอดไปได้เลย” พวกเขาจึงจับกุมตัวไว้ เอลียาห์จึงนำตัวคนเหล่านั้นลงมาที่ลำธารคีโชน และสังหารเขาทุกคนที่นั่น

พระผู้เป็นเจ้าโปรดให้ฝนตก

41 เอลียาห์พูดกับอาหับว่า “จงขึ้นไป รับประทานและดื่ม เพราะว่ามีเสียงฝนเทกระหน่ำลงมา” 42 อาหับจึงขึ้นไปรับประทานและดื่ม เอลียาห์ขึ้นไปที่ยอดภูเขาคาร์เมล และก้มตัวลงที่พื้น ก้มหน้าอยู่ระหว่างหัวเข่าของท่าน 43 และท่านพูดกับผู้รับใช้ของท่านว่า “ไปเถิด จงมองไปทางทะเล” เขาก็ไปและมองดู และพูดว่า “ไม่เห็นมีอะไร” ท่านพูด 7 ครั้งว่า “ไปดูอีก” 44 และในครั้งที่เจ็ด เขาพูดว่า “ดูเถิด เมฆเล็กๆ ก้อนหนึ่ง เท่าฝ่ามือคน กำลังขึ้นมาจากทะเล” และท่านพูดว่า “ไปเถิด ไปบอกอาหับดังนี้ ‘จงเตรียมรถศึกของท่าน และลงไป มิฉะนั้นท่านจะติดฝน’” 45 หลังจากนั้นไม่นาน ท้องฟ้าก็มืดครึ้มด้วยเมฆและลม แล้วฝนก็เทลงมา อาหับขึ้นรถศึกกลับไปยิสเรเอล 46 พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเอลียาห์ ท่านลุกขึ้นคาดเอว และวิ่งรุดหน้าถึงทางเข้าเมืองยิสเรเอลก่อนอาหับ

1 เธสะโลนิกา 1

การทักทายของเปาโล

จากเปาโล สิลวานัสและทิโมธี

เรียน คริสตจักรของชาวเมืองเธสะโลนิกาซึ่งเป็นคนของพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาและของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า

ขอพระคุณและสันติสุขจงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด

คำอธิษฐานขอบพระคุณ

พวกเราขอบคุณพระเจ้าสำหรับท่านทั้งหลายเสมอ เวลาอธิษฐานเราก็ได้อธิษฐานเผื่อท่านด้วย เมื่อไรที่เราอธิษฐานต่อพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเรา พวกเราก็นึกถึงงานของท่านอันเกิดจากความเชื่อ แรงงานอันเกิดจากความรัก และความหวังอันมั่นคงในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พวกเราทราบว่าพระองค์ได้เลือกท่านซึ่งเป็นที่รักของพระเจ้า ด้วยว่า เราได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่าน ไม่เพียงแต่เป็นคำพูดเท่านั้น แต่เป็นทั้งอานุภาพและความมั่นใจในพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกท่านก็ทราบว่าเราใช้ชีวิตเพื่อประโยชน์ของท่านอย่างไรในหมู่ท่าน พวกท่านได้ปฏิบัติตามอย่างพวกเราและพระผู้เป็นเจ้า ถึงแม้จะถูกกดขี่ข่มเหงแสนสาหัส พวกท่านก็ยังรับคำประกาศด้วยความยินดี ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะเหตุนั้นท่านจึงได้เป็นตัวอย่างแก่ผู้ที่เชื่อทุกคนในแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายา มิใช่เพียงคำประกาศของพระผู้เป็นเจ้า ที่ท่านประกาศให้ผู้คนได้ยินกันในแคว้นมาซิโดเนียและอาคายาเท่านั้น แต่ความเชื่อของท่านที่มีในพระเจ้าก็เป็นที่รู้กันทั่วทุกแห่งด้วย ฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้เลย เพราะคนเหล่านั้นพูดถึงการต้อนรับของท่านเมื่อครั้งที่เรามาหาท่าน และการที่ท่านได้หันจากรูปเคารพมาเชื่อพระเจ้าเพื่อรับใช้พระองค์ผู้ดำรงชีวิต ผู้เป็นพระเจ้าแท้จริง 10 และเพื่อรอคอยพระบุตรของพระองค์จากสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้ที่พระองค์ได้ให้ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย คือพระเยซูผู้ช่วยเราให้พ้นจากการลงโทษที่กำลังมา

เอเสเคียล 48

48 “นี่เป็นเผ่าตามลำดับชื่อ ชายแดนที่ด้านเหนือ ดานจะได้รับ 1 ส่วน เขตแดนไปทางเฮทโลนถึงเลโบฮามัท ไปจนถึงฮาซาร์เอนาน (ซึ่งอยู่ที่ชายแดนทางเหนือของดามัสกัสชิดกับฮามัท) อาณาเขตของดานคลุมจากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก อาเชอร์จะได้รับ 1 ส่วน ชายเขตติดกับอาณาเขตของดาน จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก นัฟทาลีจะได้รับ 1 ส่วน ชายเขตติดกับอาณาเขตของอาเชอร์ จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก มนัสเสห์จะได้รับ 1 ส่วน ชายเขตติดกับอาณาเขตของนัฟทาลี จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก เอฟราอิมจะได้รับ 1 ส่วน ชายเขตติดกับอาณาเขตของมนัสเสห์ จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก รูเบนจะได้รับ 1 ส่วน ชายเขตติดกับอาณาเขตของเอฟราอิม จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก ยูดาห์จะได้รับ 1 ส่วน ชายเขตติดกับอาณาเขตของรูเบน จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก

ชายเขตติดกับอาณาเขตของยูดาห์ จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก จะเป็นส่วนซึ่งเจ้าจะต้องแยกเก็บไว้ มีความกว้าง 25,000 ศอก และความยาวเท่ากับส่วนแบ่ง 1 ส่วนที่เป็นของเผ่าใดเผ่าหนึ่ง คือจากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก จะมีที่พำนักอยู่ตรงกลาง ส่วนแบ่งที่พวกเจ้าแยกเก็บไว้สำหรับพระผู้เป็นเจ้าจะมีความยาว 25,000 ศอก และกว้าง 20,000 ศอก 10 ส่วนแบ่งนี้จะเป็นส่วนบริสุทธิ์สำหรับบรรดาปุโรหิต จะมีความยาว 25,000 ศอกที่ด้านเหนือ ความกว้าง 10,000 ศอกที่ด้านตะวันตก 10,000 ศอกที่ด้านตะวันออก และ 25,000 ศอกที่ด้านใต้ จะมีที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ตรงกลาง 11 ส่วนแบ่งนี้สำหรับบรรดาปุโรหิตที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เป็นบรรดาบุตรของศาโดก ซึ่งรับใช้เราด้วยความภักดี และไม่ได้หลงผิดอย่างที่ชาวเลวีหลงผิดไปเมื่อชาวอิสราเอลหลงผิด 12 ส่วนนี้จะเป็นส่วนพิเศษสำหรับพวกเขาจากส่วนบริสุทธิ์ของแผ่นดิน เป็นส่วนบริสุทธิ์ที่สุดส่วนหนึ่งซึ่งชายเขตติดกับอาณาเขตของชาวเลวี 13 ส่วนแบ่งที่ชิดกับอาณาเขตของบรรดาปุโรหิต ชาวเลวีจะมีส่วนแบ่งที่ยาว 25,000 ศอก กว้าง 10,000 ศอก รวมความยาวทั้งสิ้น 25,000 ศอก กว้าง 10,000 ศอก 14 พวกเขาจะต้องไม่ขายหรือแลกเปลี่ยนพื้นที่ เป็นส่วนที่ดีที่สุดของแผ่นดิน เพราะส่วนนี้บริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า

15 ส่วนที่เหลือกว้าง 5,000 ศอก ยาว 25,000 ศอก จะเป็นส่วนสาธารณะของเมือง ให้เป็นที่อยู่อาศัยและเป็นทุ่งโล่ง จะมีเมืองซึ่งอยู่ตรงกลาง 16 มีขนาดดังนี้คือ ด้านเหนือ 4,500 ศอก ด้านใต้ 4,500 ศอก ด้านตะวันออก 4,500 ศอก และด้านตะวันตก 4,500 ศอก 17 ทุ่งโล่งสำหรับเมืองจะเป็น 250 ศอกทางด้านเหนือ 250 ศอกทางด้านใต้ 250 ศอกทางด้านตะวันออก และ 250 ศอกทางด้านตะวันตก 18 ส่วนที่เหลือซึ่งชิดกับส่วนบริสุทธิ์จะเป็น 10,000 ศอกที่ด้านตะวันออก และ 10,000 ศอกที่ด้านตะวันตก ซึ่งจะอยู่ชิดกับส่วนบริสุทธิ์ พืชผลจะเป็นอาหารสำหรับคนงานในเมืองนั้น 19 และบรรดาคนงานในเมืองซึ่งมาจากทุกเผ่าของอิสราเอลจะเป็นคนไถพื้นที่นั้น 20 ส่วนทั้งหมดที่เจ้าจะแยกเก็บไว้จะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 25,000 ศอก ซึ่งเป็นส่วนบริสุทธิ์รวมกับส่วนของเมือง

21 ส่วนที่เหลือทั้งสองข้างของส่วนบริสุทธิ์และส่วนของเมืองจะเป็นของผู้ยิ่งใหญ่ แต่ละข้างมีเนื้อที่ 25,000 ศอกถัดจากส่วนบริสุทธิ์ไปทางชายเขตตะวันออก ส่วนด้านตะวันตกมีเนื้อที่ 25,000 ศอกยื่นไปทางชายเขตตะวันตก ซึ่งขนานกับส่วนของเผ่าต่างๆ พื้นที่นี้เป็นของผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนบริสุทธิ์กับที่พำนักของตำหนักจะอยู่ตรงกลาง 22 ดังนั้น ที่ดินของชาวเลวีและที่ดินของเมืองจะอยู่ตรงกลางของบริเวณที่เป็นของผู้ยิ่งใหญ่ บริเวณของผู้ยิ่งใหญ่จะอยู่ระหว่างชายเขตของยูดาห์และชายเขตของเบนยามิน

23 เผ่าอื่นๆ ที่เหลือคือ เบนยามินจะได้รับ 1 ส่วน จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก 24 สิเมโอนจะได้รับ 1 ส่วน ติดกับเขตแดนของเบนยามิน จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก 25 อิสสาคาร์จะได้รับ 1 ส่วน ติดกับเขตแดนของสิเมโอน จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก 26 เศบูลุนจะได้รับ 1 ส่วน ติดกับเขตแดนของอิสสาคาร์ จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก 27 กาดจะได้รับ 1 ส่วน ติดกับเขตแดนของเศบูลุน จากด้านตะวันออกถึงด้านตะวันตก 28 ติดกับเขตแดนของกาดทางด้านใต้ไปทางทิศใต้ เขตแดนจะเริ่มจากทามาร์ไปจนถึงแหล่งน้ำเมรีบาห์-คาเดช และจากที่นั่นไปตามธารน้ำของอียิปต์ถึงทะเลใหญ่ 29 พวกเจ้าจงแบ่งส่วนที่ดินเป็นมรดกให้แก่เผ่าต่างๆ ของอิสราเอล และส่วนแบ่งเหล่านี้จะเป็นของพวกเขา” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

ประตูเมือง

30 “ทางออกของเมืองเริ่มที่ด้านเหนือซึ่งวัดได้ความยาว 4,500 ศอก 31 ตั้งชื่อประตูเมืองตามเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล ที่ด้านเหนือมี 3 ประตูคือ ประตูรูเบน ประตูยูดาห์ และประตูเลวี 32 ที่ด้านตะวันออกซึ่งวัดได้ความยาว 4,500 ศอก มี 3 ประตูคือ ประตูโยเซฟ ประตูเบนยามิน และประตูดาน 33 ที่ด้านใต้ซึ่งวัดได้ความยาว 4,500 ศอก มี 3 ประตูคือ ประตูสิเมโอน ประตูอิสสาคาร์ และประตูเศบูลุน 34 ที่ด้านตะวันตกซึ่งวัดได้ความยาว 4,500 ศอก มี 3 ประตูคือ ประตูกาด ประตูอาเชอร์ และประตูนัฟทาลี 35 เนื้อที่โดยรอบเมืองจะเป็น 18,000 ศอก และตั้งแต่นั้นไปเมืองนี้จะมีชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่นั่น”

สดุดี 104

สรรเสริญพระเจ้าผู้สร้างสิ่งทั้งปวง

โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ยิ่งใหญ่นัก
    พระองค์ทรงเครื่องด้วยความเรืองรองและความยิ่งใหญ่
รัศมีสว่างเรืองรองอยู่โดยรอบดั่งเสื้อคลุมของพระองค์
    พระองค์คลี่ฟ้าสวรรค์ให้กว้างออกดั่งม่าน
พระองค์ตั้งคานสำหรับที่พำนักของพระองค์ไว้บนน้ำที่อยู่เบื้องบน
ใช้หมู่เมฆเป็นรถศึกของพระองค์
    พระองค์ดำเนินไปกับสายลม
พระองค์บันดาลให้ผู้ส่งข่าวของพระองค์เป็นดุจลม
    และให้ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นดุจเปลวไฟ[a]

พระองค์ตั้งแผ่นดินโลกบนฐานรากของมันเอง
    เพื่อไม่ให้เคลื่อนที่ได้จนชั่วกัปชั่วกัลป์
แล้วพระองค์ครอบคลุมมันด้วยน้ำลึกเสมือนเครื่องนุ่งห่ม
    และน้ำท่วมเทือกเขา
เมื่อพระองค์บอกห้าม น้ำก็ไหลพล่าน
    เมื่อเปล่งเป็นเสียงฟ้าร้อง มันก็เคลื่อนที่หนีไปโดยฉับพลัน
มันไหลท่วมเทือกเขา
    แล้วลดลงสู่หุบเขา
    อันเป็นที่ซึ่งพระองค์กำหนดให้มันอยู่
พระองค์จำกัดขอบเขตเพื่อไม่ให้มันผ่านไป
    มันจึงท่วมโลกอีกไม่ได้

10 พระองค์ปล่อยให้น้ำพุพลุ่งในหุบเขา
    มันไหลไปในระหว่างเนินเขา
11 เป็นน้ำดื่มสำหรับสัตว์ป่าในทุ่ง
    แก้กระหายแก่พวกลาป่า
12 นกในอากาศมีที่อาศัยได้ก็ด้วยน้ำพุ
    มันพากันส่งเสียงร้องอยู่ตามกิ่งไม้
13 พระองค์รดน้ำบนภูเขาจากที่พำนักเบื้องสูงของพระองค์
    แผ่นดินโลกชุ่มฉ่ำจากผลงานของพระองค์
14 พระองค์ให้ต้นหญ้างอกเพื่อฝูงสัตว์
    และให้มนุษย์ดูแลพืช
    เพื่อใช้เป็นอาหารจากแผ่นดินโลก
15 และให้เหล้าองุ่นเพื่อให้มนุษย์มีใจยินดี
    ให้น้ำมันเพื่อให้ใบหน้าแจ่มใส
    และให้ข้าวเพื่อเป็นกำลังใจแก่มนุษย์
16 บรรดาต้นไม้ของพระผู้เป็นเจ้าได้น้ำรดอย่างชุ่มฉ่ำ
    คือต้นซีดาร์แห่งเลบานอน[b]ที่พระองค์ได้ปลูกไว้
17 ซึ่งพวกนกก็สร้างรังของมันไว้ที่ใต้ร่มไม้
    นกกระสาอาศัยอยู่ที่ต้นสน
18 ภูเขาสูงเป็นที่สำหรับแพะป่า
    โขดหินเป็นที่พักพิงของตัวแบดเจอร์

19 พระองค์สร้างดวงจันทร์ไว้สำหรับกำหนดเวลาของเดือน
    ดวงอาทิตย์รู้เวลาตกของมัน
20 พระองค์ให้ความมืดเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นเวลากลางคืน
    ให้สัตว์ป่าคืบคลานออกมา
21 สิงโตหนุ่มคำรามหาเหยื่อของมัน
    แสวงหาอาหารจากพระเจ้า
22 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น
    พวกมันก็กลับไปนอนในที่ของมัน
23 มนุษย์ออกไปทำงาน
    ออกแรงทำงานกระทั่งเย็น

24 โอ พระผู้เป็นเจ้า งานของพระองค์มากมายอย่างยิ่ง
    พระองค์สร้างสิ่งทั้งปวงด้วยพระปัญญา
    แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยสิ่งที่พระองค์สร้าง
25 โน่นก็ทะเล ทั้งกว้างและใหญ่
    มีสิ่งต่างๆ แหวกว่ายอยู่นับไม่ถ้วนคือ
    สิ่งมีชีวิตทั้งเล็กและใหญ่
26 เรือแล่นอยู่ที่นั่น
    และตัวเหราที่พระองค์สร้างก็แหวกว่ายอยู่ในนั้น

27 สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับพระองค์
    เพื่อให้อาหารมันตามกาลเวลา
28 พระองค์ให้อาหาร
    ต่างก็เก็บกินกันไป
พระองค์ยื่นมือออก
    พวกมันก็ได้รับสิ่งดีๆ อย่างอุดมสมบูรณ์
29 เมื่อพระองค์เมินหน้าไปจากพวกมัน
    มันก็ตกใจ
เวลาพระองค์เอาลมหายใจของพวกมันไป
    มันก็ตายและกลับไปเป็นดิน
30 เมื่อพระองค์ระบายลมหายใจของพระองค์ออก
    พวกมันก็ถูกสร้างขึ้น
    พระองค์ทำให้พื้นแผ่นดินกลับดีขึ้นใหม่

31 ขอพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่ตลอดกาล
    ขอพระผู้เป็นเจ้ายินดีในสิ่งที่พระองค์สร้าง
32 พระองค์เพียงมองดูแผ่นดินโลก มันก็สะท้านไหว
    พระองค์จับต้องภูเขา มันก็พ่นควัน
33 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าไปชั่วชีวิต
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระเจ้าของข้าพเจ้าตราบที่มีชีวิตอยู่
34 ขอให้การใคร่ครวญของข้าพเจ้าเป็นที่พอใจของพระองค์
    เพราะข้าพเจ้ายินดีในพระผู้เป็นเจ้า
35 ให้พวกคนบาปถูกกำจัดไปเสียจากแผ่นดินโลก
    และอย่าให้มีพวกคนชั่วอีกเลย

โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด

สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation