M’Cheyne Bible Reading Plan
คำพยากรณ์ลงโทษเยโรโบอัม
14 ในครั้งนั้นอาบียาห์บุตรของเยโรโบอัมล้มป่วย 2 เยโรโบอัมพูดกับภรรยาว่า “ขอเธอช่วยเราหน่อย จงปลอมตัวไป อย่าให้ใครรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของเยโรโบอัม ไปที่ชิโลห์ ดูเถิด อาหิยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าอยู่ที่นั่น ท่านเป็นผู้ที่พูดถึงเราว่า เราจะได้เป็นกษัตริย์ปกครองชนชาตินี้ 3 เธอเอาขนมปัง 10 ก้อน ขนมกรอบ และน้ำผึ้งไหหนึ่งไปให้ท่าน และท่านจะบอกเธอว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กน้อย”
4 ภรรยาเยโรโบอัมทำตามนั้น นางไปยังชิโลห์ และมาถึงบ้านของอาหิยาห์ เวลานั้นอาหิยาห์มองไม่ค่อยเห็น เพราะสายตามัวเนื่องจากอายุของท่าน 5 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอาหิยาห์ว่า “ดูเถิด ภรรยาของเยโรโบอัมกำลังมาถามเจ้าเรื่องบุตรของนาง เพราะเขาป่วย เจ้าจงบอกนางตามนี้”
เมื่อนางมาถึง นางแสร้งทำว่าเป็นหญิงคนอื่น 6 แต่เมื่ออาหิยาห์ได้ยินเสียงนางเดิน ขณะที่นางเข้าประตูมา ท่านพูดว่า “ภรรยาของเยโรโบอัม เข้ามาเถอะ ทำไมท่านจึงต้องแสร้งทำเป็นหญิงคนอื่นด้วยล่ะ ข้าพเจ้าได้รับคำบัญชาให้แจ้งเรื่องร้ายให้ท่านทราบ 7 จงไปบอกเยโรโบอัมดังนี้ ‘พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวว่า “เพราะว่าเราแต่งตั้งเจ้าขึ้นมาจากประชาชน และให้เจ้าได้เป็นผู้นำปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา 8 เราได้ฉีกอาณาจักรออกจากพงศ์พันธุ์ของดาวิด และมอบให้กับเจ้า และเจ้ายังไม่ปฏิบัติเหมือนดาวิดผู้รับใช้ของเรา เขารักษาคำบัญญัติของเรา และติดตามเราอย่างสุดจิตสุดใจ ปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเราเท่านั้น 9 แต่เจ้าได้ทำความชั่วยิ่งไปกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมดที่อยู่ก่อนเจ้า และได้สร้างเทวรูปต่างๆ หล่อรูปเคารพให้แก่ตนเอง ทำให้เราเกิดโทสะ และเจ้ายังหันหลังให้เรา 10 ฉะนั้น ดูเถิด เราจะให้ภัยอันตรายเกิดขึ้นกับพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัม และจะตัดขาดทุกคนที่เป็นชายออกจากเยโรโบอัม ทั้งที่เป็นทาสและเป็นอิสระซึ่งอยู่ในอิสราเอล และจะกวาดล้างพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัม เหมือนอย่างที่มนุษย์เผามูลสัตว์จนมอดไหม้ 11 สุนัขจะกินคนในครอบครัวของเยโรโบอัมที่ตายในเมือง และนกในอากาศจะกินคนที่ตายในทุ่งโล่ง เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้น”’ 12 ฉะนั้น จงกลับไปยังบ้านของท่าน เมื่อเท้าของท่านย่างเข้าสู่เมือง เด็กก็จะเสียชีวิต 13 และชาวอิสราเอลทั้งปวงจะร้องคร่ำครวญถึงเด็กนั้น และจะเก็บศพของเขา เขาเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นของเยโรโบอัมที่จะมีคนเก็บศพให้ เพราะเป็นที่ปรากฏในพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัมว่า เขามีความดีบางสิ่ง อันเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล 14 ยิ่งกว่านั้น พระผู้เป็นเจ้าจะกำหนดกษัตริย์ท่านหนึ่งเพื่อปกครองอิสราเอล และท่านจะกำจัดพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัมในวันนี้ นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป 15 พระผู้เป็นเจ้าจะสลัดอิสราเอลทิ้ง ดุจไม้อ้อที่สะบัดพลิ้วในน้ำ และจะถอนรากถอนโคนอิสราเอลออกไปเสียจากแผ่นดินอันอุดม ซึ่งพระองค์มอบให้แก่บรรพบุรุษของพวกเขา และให้พวกเขากระจัดกระจายออกไปไกลโพ้นจนเลยแม่น้ำยูเฟรติส เพราะว่าพวกเขาได้หล่อเทวรูปอาเชราห์[a] ซึ่งยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า 16 และพระองค์จะทอดทิ้งอิสราเอล เพราะบาปของเยโรโบอัมที่ท่านกระทำ และเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป”
17 แล้วภรรยาของเยโรโบอัมก็ลุกขึ้นจากไป และมาถึงเมืองทีรซาห์ ขณะที่นางมาถึงธรณีประตูบ้าน เด็กก็สิ้นชีวิต 18 ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็เก็บศพไป และร้องคร่ำครวญถึงเขา ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวผ่านอาหิยาห์ผู้รับใช้ ผู้เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า
เยโรโบอัมสิ้นชีวิต
19 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเยโรโบอัม ดูเถิด ท่านทำศึกสงครามและครองราชย์อย่างไรนั้น ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 20 ท่านครองราชย์เป็นเวลา 22 ปี และได้สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน นาดับบุตรครองราชย์แทนท่าน
เรโหโบอัมครองราชย์ในยูดาห์
21 ฝ่ายเรโหโบอัมบุตรของซาโลมอนครองราชย์อยู่ในยูดาห์ ท่านมีอายุ 41 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 17 ปีในเยรูซาเล็มเมืองที่พระผู้เป็นเจ้าได้เลือกมาจากทุกเผ่าของอิสราเอล เพื่อให้เป็นที่นมัสการที่นั่น มารดาของท่านชื่อนาอามาห์ชาวอัมโมน 22 และยูดาห์ได้กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และพวกเขายั่วโทสะให้พระองค์โกรธอันเกิดจากความหวงแหนเพราะบาปที่พวกเขากระทำ ยิ่งไปกว่าบาปที่บรรพบุรุษเคยกระทำมาก่อน 23 เพราะว่าพวกเขาสร้างวิหารที่สถานบูชาบนภูเขาสูง เสาหิน และเทวรูปอาเชราห์ ไว้บนภูเขาสูงทุกลูก และใต้ต้นไม้ทุกต้นด้วย 24 และมีโสเภณีชายประจำวิหารในดินแดนนั้น เขาเหล่านั้นทำตามตัวอย่างที่น่ารังเกียจทั้งนั้น ตามแบบอย่างของบรรดาประชาชาติที่พระผู้เป็นเจ้าได้ขับไล่ออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอล
25 ในปีที่ห้าของกษัตริย์เรโหโบอัม ชิชักกษัตริย์แห่งอียิปต์ขึ้นมาโจมตีเยรูซาเล็ม 26 ท่านริบของล้ำค่าไปจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า รวมทั้งของมีค่าจากวังกษัตริย์ ท่านริบทุกสิ่งไป พร้อมกับโล่ทองคำทั้งหมดที่ซาโลมอนทำไว้ 27 กษัตริย์เรโหโบอัมจึงตีโล่ทองสัมฤทธิ์ขึ้นแทน และมอบให้พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เฝ้าประตูวังของกษัตริย์ดูแล 28 ทุกครั้งที่กษัตริย์ไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า พวกเจ้าหน้าที่ก็จะเป็นผู้แบกโล่ออกมา และหลังจากนั้นก็นำกลับไปยังห้องเก็บอาวุธของเจ้าหน้าที่
29 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเรโหโบอัม และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ 30 ศึกสงครามระหว่างเรโหโบอัมและเยโรโบอัมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 31 และเรโหโบอัมก็สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิด มารดาของท่านชื่อนาอามาห์ชาวอัมโมน อาบียัมบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
การทักทายของเปาโล
1 ข้าพเจ้าเปาโลอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามความประสงค์ของพระเจ้า กับทิโมธีน้องชายของเรา
2 เรียน บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า และพี่น้องในเมืองโคโลสีซึ่งภักดีและผูกพันในพระคริสต์
ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเรา จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด
คำอธิษฐานขอบพระคุณ
3 พวกเราขอบคุณพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเสมอในเวลาที่เราอธิษฐานเพื่อท่าน 4 เนื่องจากเราได้ยินว่า ท่านมีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ และมีความรักต่อผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคน 5 เนื่องจากความหวังที่มีไว้สำหรับท่านในสวรรค์ ท่านได้ยินเรื่องความหวังนี้มาแล้วซึ่งมีอยู่ในคำกล่าวแห่งความจริง คือข่าวประเสริฐ 6 ที่ได้ประกาศแก่ท่าน ข่าวประเสริฐนี้บังเกิดผลและทวีขึ้นทั่วโลก เช่นเดียวกับที่กำลังเกิดผลดีในหมู่ท่าน นับตั้งแต่วันที่ท่านได้ยินและเข้าใจพระคุณของพระเจ้าอย่างแท้จริง 7 ตามที่ท่านเรียนรู้จากเอปาฟรัสผู้เป็นเพื่อนที่รักของเราที่รับใช้ด้วยกันมา เขาเป็นผู้ปฏิบัติงานที่ภักดีของพระคริสต์เพื่อพวกท่าน 8 และเขาได้บอกเราถึงความรักของท่านซึ่งพระวิญญาณก่อให้เกิดในตัวท่าน
9 ด้วยเหตุนี้ นับตั้งแต่วันที่เราได้ยินเรื่องของท่าน เราก็ไม่ได้หยุดอธิษฐานเพื่อท่าน และขอให้ท่านเปี่ยมด้วยความรู้ที่หยั่งถึงความประสงค์ของพระองค์ ด้วยสติปัญญาและความเข้าใจทั้งสิ้นทางฝ่ายวิญญาณ 10 เพื่อท่านจะได้ดำเนินชีวิตให้สมกับที่เป็นคนของพระผู้เป็นเจ้า คือให้เป็นที่พอใจของพระองค์ในทุกสิ่ง ให้เกิดผลในการงานที่ดีทุกอย่างและรู้จักพระเจ้ายิ่งขึ้น 11 ให้มีกำลังมากขึ้นด้วยอานุภาพทั้งปวงตามมหิทธานุภาพของพระองค์ ท่านจะได้ทรหดยิ่งและอดทนนานด้วยใจยินดี 12 อีกทั้งขอบคุณพระบิดาผู้โปรดให้ท่านมีส่วนร่วมได้รับมรดกของบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าในอาณาจักรแห่งความสว่าง 13 ด้วยว่า พระองค์ได้ช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความมืด และนำเราสู่อาณาจักรแห่งพระบุตรผู้เป็นที่รักของพระองค์ 14 เราได้รับการไถ่ คือการยกโทษบาปจากพระองค์
ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นในพระคริสต์
15 พระองค์เป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าผู้ที่เรามองไม่เห็นด้วยตา พระองค์เป็นบุตรหัวปีเหนือทุกสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น 16 ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้โดยพระองค์ ทั้งในสวรรค์และบนโลก ทั้งมองเห็นและมองไม่เห็นด้วยตา ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์หรืออาณาจักร หรือบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองหรือมีสิทธิอำนาจ ทุกสิ่งล้วนถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์ และเพื่อพระองค์ 17 พระองค์ดำรงอยู่ก่อนสิ่งทั้งปวง และทุกสิ่งยึดอยู่ด้วยกันได้โดยพระองค์ 18 และพระองค์เป็นเสมือนศีรษะของคริสตจักรซึ่งเป็นเสมือนกายของพระองค์ พระองค์เป็นจุดเริ่มต้นและเป็นบุตรหัวปีที่ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย เพื่อว่าจะได้เป็นที่หนึ่งของสิ่งทั้งปวง 19 ด้วยว่า พระเจ้ายินดีที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นของพระองค์ดำรงอยู่ในพระบุตร 20 และให้ทุกสิ่งกลับคืนดีกับพระเจ้าได้โดยพระบุตร ไม่ว่าจะเป็นสิ่งต่างๆ บนโลกหรือในสวรรค์ สันติสุขเกิดขึ้นโดยโลหิตของพระองค์ที่หลั่งบนไม้กางเขน
21 เมื่อก่อนนี้ท่านห่างเหินและมีความคิดชั่วร้าย จึงได้ประพฤติชั่ว 22 แต่บัดนี้พระองค์ให้ท่านคืนดีกับพระองค์ได้โดยการสิ้นชีวิตทางฝ่ายกายของพระคริสต์ เพื่อมอบท่านไว้ ณ เบื้องหน้าพระองค์ ให้เป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิและข้อกล่าวหา 23 แต่ท่านจะต้องคงอยู่ในความเชื่อต่อไปอย่างแท้จริง มีรากฐานอันมั่นคง ยึดมั่นในความหวังซึ่งมาจากข่าวประเสริฐ ดังที่ท่านได้ยินแล้ว และข่าวประเสริฐนี้ได้ถูกประกาศแก่มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้าสวรรค์ และข้าพเจ้าเปาโลก็ได้มาเป็นผู้รับใช้เพื่อข่าวประเสริฐนั้น
เปาโลปฏิบัติงานเพื่อคริสตจักร
24 บัดนี้ ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีที่ได้ทนทุกข์เพื่อพวกท่าน และการทนทุกข์ทรมานของพระคริสต์ที่ยังขาดอยู่นั้น ร่างกายของข้าพเจ้าก็รับเพิ่มเติมจนเต็ม เพื่อกายของพระองค์ คือคริสตจักร 25 ข้าพเจ้าได้กลายมาเป็นผู้รับใช้ของคริสตจักรตามแผนงานที่พระเจ้าให้ข้าพเจ้าจัดการดูแล โดยมอบคำกล่าวของพระเจ้าให้แก่ท่านอย่างบริบูรณ์ 26 คือความลึกลับซับซ้อนที่ได้ซ่อนไว้หลายยุคและหลายชั่วอายุคน แต่บัดนี้เปิดเผยให้เป็นที่ประจักษ์แก่บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 27 พระเจ้าประสงค์ให้พวกเขาทราบว่า ความลึกลับซับซ้อนอันประเสริฐยิ่งซึ่งพระองค์มีไว้สำหรับบรรดาคนนอกนั้นคืออะไร ความลึกลับนั้นก็คือพระคริสต์สถิตในตัวท่านซึ่งหมายความว่า ท่านจะมีส่วนร่วมกับพระบารมีของพระเจ้า 28 พวกเราประกาศเรื่องของพระองค์ ทั้งตักเตือน และสั่งสอนทุกคนด้วยสติปัญญาทั้งสิ้น เพื่อว่าเราจะได้มอบทุกท่านที่เพียบพร้อมในพระคริสต์ได้ 29 และด้วยจุดประสงค์นี้ ข้าพเจ้าจึงลงแรง และตรากตรำด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ซึ่งสำแดงในตัวข้าพเจ้าอย่างมหาศาล
ประตูสำหรับผู้ยิ่งใหญ่
44 แล้วท่านพาข้าพเจ้ากลับไปยังประตูด้านนอกของที่พำนัก ซึ่งหันไปทางทิศตะวันออก ประตูนั้นปิดอยู่ 2 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “ประตูนี้จะต้องปิดไว้ จะต้องไม่เปิด และไม่ให้ผู้ใดเข้ามาทางนี้ เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลได้เข้ามาทางนี้ ฉะนั้นประตูนี้จะต้องปิดไว้ 3 ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นเป็นผู้นั่งที่ด้านในของประตูเพื่อรับประทานขนมปัง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เขาจะต้องเข้าทางมุขประตูที่ทางเข้า และจะออกไปทางเดียวกัน”
4 แล้วท่านพาข้าพเจ้าเข้าทางประตูด้านเหนือ ไปยังด้านหน้าพระตำหนัก ข้าพเจ้ามองดู และดูเถิด พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าปรากฏทั่วพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และข้าพเจ้าซบหน้าลงกับพื้น 5 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงใช้ตาของเจ้าสังเกตดูให้ดี และใช้หูฟัง จงใส่ใจในทุกสิ่งที่เราบอกกับเจ้าในเรื่องที่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ของตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าและกฎบัญญัติทั้งสิ้น และจงใส่ใจให้ดีในเรื่องทางเข้าตำหนักและทางออกจากที่พำนักทุกแห่ง 6 และจงบอกพงศ์พันธุ์ที่ขัดขืน คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย พอได้แล้วกับการกระทำที่น่าชังทั้งสิ้นของพวกเจ้า 7 ด้วยการยอมให้ชาวต่างชาติ ซึ่งไม่ได้เข้าสุหนัตทางใจและทางร่างกายมาอยู่ในที่พำนักของเรา ไม่เคารพตำหนักของเราในขณะที่พวกเจ้าถวายอาหาร ไขมัน และเลือดให้แก่เรา พวกเจ้าไม่รักษาพันธสัญญาของเรา พวกเจ้ากระทำสิ่งเหล่านี้ซึ่งนอกเหนือไปจากการกระทำที่น่าชังทั้งสิ้น 8 และแทนที่พวกเจ้าจะจัดการเรื่องสิ่งบริสุทธิ์ของเรา เจ้าได้ให้คนอื่นทำหน้าที่แทนในที่พำนักของเรา’”
9 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ชาวต่างชาติที่ไม่ได้เข้าสุหนัตทางใจและทางร่างกายจะต้องไม่เข้ามาในที่พำนักของเรา แม้ว่ามีบางคนที่อยู่ท่ามกลางชาวอิสราเอลก็ตาม 10 แต่ว่าชาวเลวีห่างเหินไปจากเราเมื่ออิสราเอลหลงหายไปจากเราและไปเชื่อในรูปเคารพ พวกเขาจะต้องรับโทษเพราะบาปของตนเอง 11 และจะรับใช้ในที่พำนักของเรา ดูแลที่ประตูตำหนักและรับใช้ในตำหนัก พวกเขาจะฆ่าสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายและถวายเครื่องสักการะให้ประชาชน และจะยืนต่อหน้าประชาชนเป็นการรับใช้พวกเขา 12 แต่เป็นเพราะเขาเหล่านั้นรับใช้ประชาชนต่อหน้ารูปเคารพ และทำให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลสะดุดในความชั่ว ฉะนั้นเราได้ยกมือขึ้นปฏิญาณเกี่ยวกับพวกเขาว่า พวกเขาจะต้องรับโทษเพราะบาปของตนเอง” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 13 “พวกเขาจะต้องไม่เข้ามาใกล้เราเพื่อรับใช้เราอย่างปุโรหิต หรือมาใกล้สิ่งบริสุทธิ์ของเราหรือสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด แต่พวกเขาจะต้องรับความอับอายกับการกระทำที่น่าชังของพวกเขาเอง 14 แต่เราจะให้พวกเขาจัดการดูแลวิหาร รับใช้ในทุกเรื่องที่จำเป็นจะต้องทำในนั้น
กฎสำหรับปุโรหิต
15 บรรดาปุโรหิตซึ่งเป็นชาวเลวีและเป็นผู้สืบเชื้อสายของศาโดก และจัดการดูแลที่พำนักของเราเมื่อประชาชนของอิสราเอลหลงหายไปจากเรา จะต้องมาใกล้เราเพื่อรับใช้เรา และพวกเขาจะมายืน ณ เบื้องหน้าเราเพื่อถวายไขมันและเลือด” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 16 “พวกเขาจะเข้ามาในที่พำนักของเรา และมาที่โต๊ะของเราเพื่อรับใช้เรา และจะปฏิบัติงานของเรา 17 เมื่อพวกเขาเข้าทางประตูลานตำหนัก พวกเขาจะต้องสวมเครื่องแต่งกายผ้าป่าน จะต้องไม่สวมสิ่งใดที่มีขนสัตว์ขณะที่รับใช้ที่ประตูลานตำหนักหรือในตำหนัก 18 และจะสวมผ้าป่านโพกศีรษะ และสวมเครื่องแต่งกายชั้นในผ้าป่าน จะต้องไม่สวมกายด้วยสิ่งใดที่ทำให้เหงื่อออก 19 และเมื่อออกไปยังลานชั้นนอกที่ประชาชนอยู่ พวกเขาจะถอดเครื่องแต่งกายที่สวมในการปฏิบัติงาน และวางไว้ในห้องบริสุทธิ์ และสวมเสื้อผ้าตัวอื่น มิฉะนั้นความบริสุทธิ์จากเครื่องแต่งกายจะไปติดที่ประชาชน 20 พวกเขาจะต้องไม่โกนศีรษะหรือปล่อยให้ผมยาว แต่จะต้องขลิบผมบนศีรษะ 21 ปุโรหิตจะต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นเมื่อเข้ามาในลานตำหนัก 22 จะไม่แต่งงานกับหญิงม่ายหรือหญิงที่หย่าร้างแล้ว แต่จะเป็นพรหมจารีที่เป็นเชื้อสายของพงศ์พันธุ์อิสราเอล หรือเป็นหญิงม่ายของปุโรหิตที่ได้เสียชีวิตแล้ว 23 พวกเขาจะสอนประชาชนของเราถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งบริสุทธิ์และสิ่งไม่บริสุทธิ์ และจงให้พวกเขารู้จักจำแนกแยกแยะระหว่างสิ่งสะอาดและสิ่งที่เป็นมลทิน 24 ในกรณีที่มีการโต้แย้ง พวกเขาจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินความ และตัดสินตามการตัดสินความของเรา จะรักษากฎบัญญัติและกฎเกณฑ์ในกฎเทศกาลทั้งสิ้นของเราที่กำหนดไว้ และจะต้องรักษาวันสะบาโตของเราให้บริสุทธิ์ 25 เหล่าปุโรหิตจะต้องไม่ทำตัวให้เป็นมลทินด้วยการเข้าใกล้คนตาย อย่างไรก็ตาม ถ้าคนตายเป็นบิดา มารดา บุตรชาย บุตรหญิง พี่น้องผู้ชายหรือพี่น้องผู้หญิงที่เป็นโสด ก็ให้พวกเขาเป็นมลทินได้ 26 หลังจากที่เขาหายจากการเป็นมลทินแล้ว เขาจะต้องรออีก 7 วัน 27 และในวันที่เขาเข้าไปในสถานที่บริสุทธิ์ ในลานตำหนัก เพื่อรับใช้ในสถานที่บริสุทธิ์ เขาจะต้องถวายเครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนั้น
28 “มรดกของพวกเขาคือ เราเป็นมรดกของพวกเขา และพวกเจ้าจะต้องไม่ให้สิ่งใดแก่พวกเขาเป็นเจ้าของในอิสราเอล เราเป็นมรดกของพวกเขา 29 พวกเขาจะรับประทานจากเครื่องธัญญบูชา เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และของถวายเพื่อไถ่โทษ ทุกสิ่งที่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าในอิสราเอลจะเป็นของพวกเขาได้ 30 ผลแรกชนิดดีที่สุดจากสิ่งที่เก็บเกี่ยวได้ ของถวายทุกชนิดของพวกเจ้าจะเป็นของบรรดาปุโรหิต เจ้าจะต้องมอบแป้งรุ่นแรกแก่บรรดาปุโรหิต เพื่อครัวเรือนของเจ้าจะได้รับพร 31 บรรดาปุโรหิตจะต้องไม่รับประทานนกหรือสัตว์ที่ตายเองหรือถูกสัตว์ป่าขย้ำตาย
พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ครองบัลลังก์สูงสุด
1 พระผู้เป็นเจ้าครองบัลลังก์ ให้แผ่นดินโลกเปรมปรีดิ์
ให้แผ่นดินชายฝั่งทะเลอันแสนไกลยินดี
2 หมู่เมฆและความมืดทึบล้อมโดยรอบพระองค์
ความชอบธรรมและความเป็นธรรมคือรากฐานแห่งบัลลังก์ของพระองค์
3 เปลวไฟไปล่วงหน้าพระองค์
เผาไหม้พวกศัตรูของพระองค์โดยรอบ
4 สายฟ้าแลบของพระองค์ทำให้โลกสุกสว่าง
แผ่นดินโลกเห็นและสั่นสะเทือน
5 เทือกเขาหลอมละลายดั่งขี้ผึ้ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าของสิ่งทั้งปวงบนแผ่นดินโลก
6 ฟ้าสวรรค์ประกาศความชอบธรรมของพระองค์
และบรรดาชนชาติทั้งปวงเห็นพระบารมีของพระองค์
7 บรรดาผู้นมัสการรูปเคารพทุกคนได้รับความอับอาย
คือพวกที่โอ้อวดในรูปเคารพอันไร้ค่า
เทพเจ้าทั้งปวงจงก้มนมัสการพระองค์
8 ชาวศิโยนได้ยินและยินดี
บรรดาธิดาของยูดาห์เปรมปรีดิ์
เพราะความเป็นธรรมของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
9 พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุดเหนือสิ่งทั้งปวงบนแผ่นดินโลก
พระองค์ได้รับการเชิดชูเหนือเทพเจ้าทั้งปวง
10 ผู้รักพระผู้เป็นเจ้าเกลียดชังความชั่ว
พระองค์รักษาชีวิตของผู้ภักดีต่อพระองค์
พระองค์จะช่วยพวกเขาให้พ้นจากมือของคนชั่ว
11 แสงสาดส่องให้กับผู้มีความชอบธรรม
และความยินดีให้กับผู้มีใจเที่ยงธรรม
12 ท่านผู้มีความชอบธรรมเอ๋ย จงยินดีในพระผู้เป็นเจ้าเถิด
และขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี
เพลงสดุดี
1 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์ได้กระทำสิ่งมหัศจรรย์
มือขวาและแขนอันบริสุทธิ์ของพระองค์
นำชัยชนะมาสู่พระองค์
2 พระผู้เป็นเจ้าให้ชัยชนะเป็นที่ปรากฏในสายตาของบรรดาประชาชาติ
พระองค์เผยความชอบธรรมของพระองค์
3 พระองค์ไม่ลืมความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
ที่มีต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอล
ทั่วแหล่งหล้าได้เห็นชัยชนะ
ของพระเจ้าของเราแล้ว
4 ทั่วทั้งโลกเอ๋ย จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี และร้องเพลงสรรเสริญ
5 ร้องเพลงคลอคู่กับพิณเล็กถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
ด้วยทำนองเสียงร้องเพลงกับพิณเล็ก
6 กับแตรยาว[a]และเสียงแตรงอน[b]
เปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่กษัตริย์ผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้า
7 ให้ทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้นส่งเสียงครืนครั่น
ทั้งโลกและผู้อาศัยอยู่ในนั้นพากันแซ่ซ้องด้วย
8 ให้กระแสน้ำส่งเสียงครืนครั่น
ให้ทิวเขาเปล่งเสียงร้องเพลงด้วยความยินดีคู่กันไป
9 ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์จะมาพิพากษาแผ่นดินโลก
พระองค์จะพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรม
และพิพากษาบรรดาชนชาติด้วยความเที่ยงธรรม
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation