Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 10

ราชินีแห่งเช-บา

10 เมื่อราชินีแห่งเช-บาได้ยินกิตติศัพท์ของซาโลมอน ในเรื่องของพระนามของพระผู้เป็นเจ้า นางจึงเดินทางมาทดสอบท่านด้วยคำปริศนาลึกล้ำ นางมายังเมืองเยรูซาเล็ม พร้อมกับข้าราชบริพารมากมาย ขบวนอูฐแบกทั้งเครื่องเทศ ทองคำ และเพชรนิลจินดามาเป็นจำนวนมาก เมื่อนางมาพบกับซาโลมอน นางก็บอกสิ่งที่อยู่ในใจแก่ท่านจนหมดสิ้น และซาโลมอนก็ไขข้อข้องใจทุกประการ ไม่มีสิ่งใดลึกล้ำเกินกว่าที่ซาโลมอนจะอธิบายแก่นาง ครั้นราชินีแห่งเช-บาได้เห็นว่าคำพูดของซาโลมอนทั้งหมดกอปรด้วยสติปัญญา อีกทั้งวังที่ท่านสร้าง อาหารที่โต๊ะของท่าน เจ้าหน้าที่ชั้นสูงนั่งประจำที่ และการมีต้นห้องคอยรับใช้ เครื่องแต่งกายของพวกเขา พนักงานถวายเหล้าองุ่น และสัตว์ที่ท่านมอบเป็นของถวายที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ทำให้นางถึงกับตกตะลึง

นางจึงกล่าวกับกษัตริย์ว่า “เรื่องราวที่ข้าพเจ้าได้ยินในแผ่นดินของข้าพเจ้าเอง ความสำเร็จของท่านและสติปัญญาของท่านก็เป็นความจริง แต่ข้าพเจ้าไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน จนกระทั่งได้มาถึงที่นี่และได้เห็นด้วยตาของข้าพเจ้าเอง ดูสิ ข้าพเจ้าได้ยินมาเพียงครึ่งเดียว สติปัญญาและความมั่งคั่งของท่านมากยิ่งกว่าคำบอกเล่าที่ข้าพเจ้าได้ยินมา คนของท่านก็เป็นสุข บรรดาผู้รับใช้ของท่านก็เป็นสุข ที่มีโอกาสได้ฟังคำพูดอันกอปรด้วยสติปัญญาของท่านเรื่อยไป ขอพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้รับพระพรเถิด พระองค์ชื่นชอบในตัวท่าน และให้ท่านครองบัลลังก์ของอิสราเอล เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้ารักอิสราเอลเป็นนิตย์ พระองค์กำหนดให้ท่านเป็นกษัตริย์ เพื่อให้ท่านตัดสินด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม” 10 แล้วนางก็มอบทองคำ 120 ตะลันต์แก่กษัตริย์ และเครื่องเทศมากมาย อีกทั้งเพชรนิลจินดาด้วย ซึ่งในเวลาต่อมา ไม่มีผู้ใดนำเครื่องเทศมามากเท่ากับครั้งที่ราชินีมอบให้แก่กษัตริย์ซาโลมอนอีกเลย

11 นอกเหนือจากนั้นแล้ว หมู่เรือของกษัตริย์ฮีรามที่นำทองคำมาจากโอฟีร์ ก็ได้นำไม้จันทน์และเพชรนิลจินดาจำนวนมากมายจากโอฟีร์ด้วย 12 และกษัตริย์ให้ใช้ไม้จันทน์ทำราวบันไดในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และในวังของกษัตริย์ และให้ใช้ทำพิณเล็กและพิณสิบสายสำหรับบรรดานักร้อง ไม่เคยมีใครนำไม้จันทน์มากมายเช่นนี้เข้ามาหรือเคยเห็นอีกนับจากวันนั้น

13 กษัตริย์ซาโลมอนมอบทุกสิ่งที่ราชินีแห่งเช-บาต้องการ ไม่ว่านางจะขอสิ่งใด นอกเหนือไปจากสิ่งอื่นๆ ที่กษัตริย์ซาโลมอนได้มอบให้นางด้วยน้ำใจกว้างขวาง จากนั้นนางก็กลับไปยังแผ่นดินพร้อมกับบรรดาผู้รับใช้ของนาง

ความมั่งคั่งของซาโลมอน

14 ในแต่ละปี ซาโลมอนได้รับทองคำหนัก 666 ตะลันต์ 15 นอกเหนือจากทองที่พ่อค้าระหว่างประเทศและพ่อค้าภายในอาณาจักรนำมา และจากบรรดากษัตริย์แห่งอาระเบียและเจ้าเมืองทั้งปวงของแผ่นดิน 16 กษัตริย์ซาโลมอนให้คนทำโล่ใหญ่ 200 อันจากทองคำตีด้วยค้อน โล่แต่ละอันใช้ทองคำหนัก 600 เชเขล[a] 17 และท่านให้ทำโล่เล็ก 300 อัน จากทองคำตีด้วยค้อน แต่ละอันใช้ทองคำหนัก 3 มินา[b] และกษัตริย์เก็บโล่ไว้ในตำหนักวนาลัยแห่งเลบานอน 18 กษัตริย์ให้ใช้งาช้างสร้างบัลลังก์ใหญ่หุ้มด้วยทองคำคุณภาพดีที่สุด 19 บัลลังก์มีบันได 6 ขั้น ด้านหลังบัลลังก์ตอนบนเป็นรูปทรงกลม รูปสิงโต 2 ตัวยืนอยู่ข้างๆ เท้าแขนทั้งสอง 20 แต่ละข้างของขั้นบันได 6 ขั้น มีรูปสิงโตยืนอยู่ที่แต่ละขั้น ไม่เคยมีอาณาจักรอื่นใดที่สร้างบัลลังก์ได้เหมือนอย่างนี้ 21 ภาชนะทุกชิ้นสำหรับเครื่องดื่มทำด้วยทองคำ และภาชนะทุกชิ้นของตำหนักวนาลัยแห่งเลบานอนทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งใดที่ทำด้วยเงิน เพราะเงินในสมัยของซาโลมอนนับว่าไม่มีค่าอะไร 22 ด้วยว่ากษัตริย์มีกองเรือเดินทะเลของเมืองทาร์ชิช โดยล่องไปกับหมู่เรือของฮีราม กองเรือเดินทะเลมักจะขนทองคำ เงิน งาช้าง ลิง และนกยูงมา ทุกๆ 3 ปี

23 ฉะนั้น กษัตริย์ซาโลมอนมั่งคั่งและเปี่ยมด้วยสติปัญญามากกว่ากษัตริย์อื่นๆ ในแผ่นดินโลก 24 และทั่วแผ่นดินโลกปรารถนาที่จะได้เห็นและได้ฟังคำพูดอันกอปรด้วยสติปัญญา ซึ่งพระเจ้าเป็นผู้ปลูกฝังไว้ในจิตใจของท่าน 25 ทุกคนต่างก็นำของบรรณาการอันได้แก่ เครื่องเงินและทองคำ เครื่องแต่งกาย เครื่องอาวุธ เครื่องเทศ ม้า และล่อ มามอบให้จำนวนมากเป็นประจำทุกปี

26 ซาโลมอนสะสมรถศึกและทหารม้า ท่านมีรถศึก 1,400 คัน และทหารม้า 12,000 คน ซึ่งท่านให้ประจำอยู่ที่เมืองเก็บรถศึกทั้งหลาย และให้ประจำอยู่กับกษัตริย์ในเยรูซาเล็มด้วย 27 กษัตริย์ทำให้มีเงินใช้อยู่ทั่วไปในเยรูซาเล็มราวกับใช้ก้อนหิน และท่านมีไม้ซีดาร์มากมายราวกับต้นมะเดื่อในที่ลุ่ม 28 ม้าของซาโลมอนถูกนำเข้ามาจากประเทศอียิปต์และเมืองคูเอ บรรดาพ่อค้าของกษัตริย์ซื้อจากคูเอตามกำหนดราคา 29 รถศึกเป็นสินค้าเข้ามาจากประเทศอียิปต์ ราคาแต่ละคันมีค่าเป็นเงิน 600 เชเขล และม้าราคา 150 เชเขล และพวกเขาก็ส่งออกไปขายให้แก่บรรดากษัตริย์ของชาวฮิตและแก่บรรดากษัตริย์แห่งอารัม[c]

ฟีลิปปี 1

การทักทายของเปาโล

จากเปาโลและทิโมธี ผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์

เรียน บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคนในพระเยซูคริสต์ที่เมืองฟีลิปปี รวมทั้งบรรดาผู้ดูแลสาวก และผู้ช่วยจัดการงานของคริสตจักร

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเราและจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด

คำอธิษฐานขอบพระคุณ

ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้าของข้าพเจ้าทุกครั้งเมื่อระลึกถึงท่าน ทุกครั้งที่อธิษฐานเพื่อท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าอธิษฐานด้วยความยินดีเสมอ เพราะท่านเป็นผู้ร่วมงานด้วยกันในเรื่องข่าวประเสริฐนับตั้งแต่วันแรกจนถึงบัดนี้ ข้าพเจ้าแน่ใจในเรื่องนี้ว่า พระองค์ผู้ได้เริ่มปฏิบัติงานอันดีงามในตัวท่าน จะกระทำต่อไปจนเสร็จบริบูรณ์จนกระทั่งวันที่พระเยซูคริสต์จะมา สมควรแล้วที่ข้าพเจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้เกี่ยวกับท่านทุกคน ในเมื่อข้าพเจ้ามีใจรักท่าน ทั้งในเวลาที่ข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่อยู่ หรือพูดแก้คดีและยืนยันความจริงของข่าวประเสริฐ พวกท่านทุกคนได้รับพระคุณร่วมกับข้าพเจ้าในงานอันเป็นพระคุณของพระเจ้า พระเจ้าเป็นพยานให้ข้าพเจ้าได้ว่า ข้าพเจ้าอยากพบท่านทั้งหลายด้วยความรักของพระเยซูคริสต์มากเพียงไร ข้าพเจ้าอธิษฐานว่าความรักของท่านจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น พร้อมกันกับความรู้ และความสามารถหยั่งรู้ในสิ่งต่างๆ 10 เพื่อท่านจะได้สังเกตว่าสิ่งใดประเสริฐสุด ท่านจะได้เป็นผู้บริสุทธิ์และปราศจากการติเตียนใดๆ ตราบจนถึงวันที่พระคริสต์จะมา 11 ท่านจะได้เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยผลแห่งความชอบธรรมซึ่งเกิดขึ้นโดยพระเยซูคริสต์ นับเป็นการถวายพระบารมีและการสรรเสริญแด่พระเจ้า

ถูกล่ามโซ่เพื่อพระคริสต์

12 พี่น้องเอ๋ย บัดนี้ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่า สิ่งใดที่ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าแล้วได้ทำให้ข่าวประเสริฐก้าวหน้าขึ้น 13 ผลที่ได้คือ เป็นที่ประจักษ์แจ้งในหมู่ผู้คุมประจำวังและคนอื่นๆ แล้วว่า ข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่เพื่อพระคริสต์ 14 เป็นเพราะข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่ พี่น้องในพระผู้เป็นเจ้าส่วนใหญ่จึงกล้ากล่าวคำประกาศโดยปราศจากความกลัว

15 เป็นความจริงที่ว่า มีบางคนที่ประกาศเรื่องพระคริสต์เพราะมีใจอิจฉาและชิงดีชิงเด่นกัน แต่ก็มีบางคนที่ทำด้วยความตั้งใจดี 16 พวกหลังนี้ทำด้วยความรัก และทราบว่าข้าพเจ้าถูกประจำการอยู่ที่นี่เพื่อพูดแก้คดีเรื่องข่าวประเสริฐ 17 พวกแรกประกาศเรื่องพระคริสต์ เพราะมีความทะเยอทะยานอันเห็นแก่ตัวมากกว่าความบริสุทธิ์ใจ โดยที่คิดว่าจะก่อความลำบากแก่ข้าพเจ้าขณะที่ถูกล่ามโซ่อยู่ 18 แต่จะแปลกอะไรหรือ สิ่งที่สำคัญคือ ทุกสิ่งไม่ว่าจะเกิดจากแรงจูงใจที่ผิดหรือถูก ต่างก็ประกาศเรื่องพระคริสต์ และด้วยเหตุนี้เองข้าพเจ้าจึงชื่นชมยินดี

ใช่แล้ว และข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีต่อไปอีก 19 เพราะข้าพเจ้าทราบว่าเนื่องจากคำอธิษฐานของท่าน และความช่วยเหลือที่ได้รับจากพระวิญญาณของพระเยซูคริสต์ อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าแล้วจะปรากฏผลเพื่อข้าพเจ้าจะได้รับการปล่อยตัว 20 ข้าพเจ้าหมายมั่นและคาดหวังด้วยใจจดจ่อว่า ข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความอับอายในสิ่งใด แต่จะมีความใจกล้าอย่างที่เคยเป็นมา โดยเฉพาะในบัดนี้ เพื่อให้เป็นที่ทราบกันว่า พระคริสต์ยิ่งใหญ่ในตัวข้าพเจ้า ไม่ว่าข้าพเจ้าจะอยู่หรือตายก็ตาม 21 สำหรับข้าพเจ้าแล้ว การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ แต่ถ้าจะตายก็จะได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น 22 ถ้าร่างกายข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ ก็หมายถึงผลงานที่จะเพิ่มพูนขึ้น กระนั้นแล้วข้าพเจ้าจะเลือกอะไรดี ข้าพเจ้าไม่ทราบ 23 ข้าพเจ้าลังเลใจในระหว่าง 2 สิ่งนี้ ข้าพเจ้าอยากจะจากไปเพื่ออยู่กับพระคริสต์ซึ่งวิเศษยิ่งกว่า 24 แต่การที่ร่างกายข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป ก็เป็นประโยชน์แก่ท่านมากกว่า 25 ในเมื่อข้าพเจ้าแน่ใจในเรื่องนี้ดี ข้าพเจ้าจึงทราบว่าข้าพเจ้าจะมีชีวิตอยู่ และจะอยู่กับท่านทุกคนต่อไปเพื่อความก้าวหน้าของท่าน และท่านจะได้ยินดีในความเชื่อ 26 เพื่อว่าความภูมิใจของท่านที่มีต่อพระเยซูคริสต์จะท่วมท้นในตัวข้าพเจ้า เวลาที่ข้าพเจ้ามาหาท่านอีก

27 ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงปฏิบัติตนให้สมกับคุณค่าแห่งข่าวประเสริฐของพระคริสต์ ไม่ว่าข้าพเจ้าจะมาหาท่านหรือไม่มาก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับท่านได้ว่า ท่านยืนหยัดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ยึดมั่นในความคิดเดียวกันเพื่อความเชื่อของข่าวประเสริฐ 28 โดยพวกที่ขัดขวางก็ไม่สามารถทำให้ท่านหวาดหวั่นแต่อย่างใด ซึ่งจะเป็นที่พิสูจน์แก่พวกเขาว่า พระเจ้าจะกระทำให้พวกเขาพินาศ และพวกท่านจะรอดพ้น 29 ด้วยว่าเป็นเพราะพระคริสต์ ท่านจึงได้รับสิทธิพิเศษคือ ไม่เพียงเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่ทนทุกข์ทรมานเพื่อพระองค์ด้วย 30 ท่านกำลังประสบความลำบากเช่นเดียวกับที่ท่านเห็นข้าพเจ้าประสบมาแล้ว และบัดนี้ท่านก็ได้ยินว่าข้าพเจ้ายังคงเป็นเช่นนั้นอยู่

เอเสเคียล 40

ภาพนิมิตพระตำหนักใหม่

40 ในปีที่ยี่สิบห้าของการลี้ภัยของพวกเรา ตอนต้นปี ในวันที่สิบของเดือน ในปีที่สิบสี่หลังจากที่เมืองถูกยึด[a] ในวันนั้นเองมือของพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับข้าพเจ้า และพระองค์พาข้าพเจ้าไปยังเมืองนั้น ภาพนิมิตที่พระเจ้าโปรดให้ข้าพเจ้าเห็นคือ พระองค์นำข้าพเจ้าไปยังแผ่นดินของอิสราเอล และให้ข้าพเจ้าหยุดอยู่บนภูเขาสูงมากแห่งหนึ่ง ข้าพเจ้าสามารถเห็นสิ่งก่อสร้างเหมือนเป็นเมืองๆ หนึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ เมื่อพระองค์นำข้าพเจ้าไปที่นั่น ดูเถิด มีชายผู้หนึ่งปรากฏร่างเหมือนเป็นทองสัมฤทธิ์ ในมือของท่านมีเชือกผ้าป่านและไม้วัด ท่านกำลังยืนที่ทางประตู ชายผู้นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงใช้ตามองดู และใช้หูฟัง และใส่ใจในทุกสิ่งที่เราจะให้ท่านดู เพราะท่านถูกพามาที่นี่เพื่อเราจะชี้ให้ท่านเห็น ท่านจงประกาศทุกสิ่งที่ท่านเห็นแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”

ทางประตูด้านตะวันออกสู่ลานชั้นนอก

ดูเถิด มีกำแพงล้อมรอบด้านนอกของบริเวณพระตำหนัก ไม้วัดที่อยู่ในมือของชายผู้นั้นยาว 6 ศอก แต่ละศอกคำนวณได้เท่ากับ 1 ศอกกับ 1 ฝ่ามือ[b] ท่านวัดกำแพงได้ความหนาและความสูงเท่ากันคือเท่ากับความยาวของไม้วัด แล้วท่านไปที่หอประตูซึ่งหันไปทางทิศตะวันออก ท่านก้าวขึ้นบันไดและวัดธรณีประตูซึ่งลึก 6 ศอก ห้องยามมีขนาดกว้างยาวเท่ากันคือ 6 ศอก กำแพงกั้นระหว่างห้องยามเหล่านี้หนา 5 ศอก ธรณีประตูถัดไปจากมุขซึ่งหันเข้าสู่พระตำหนักลึก 6 ศอก และท่านวัดมุขที่หอประตูซึ่งหันเข้าสู่พระตำหนักได้ขนาด 6 ศอก ท่านวัดมุขที่หอประตูซึ่งลึก 8 ศอก เสาค้ำหนา 2 ศอก มุขนี้หันเข้าสู่พระตำหนัก 10 ห้องยามที่หอประตูด้านตะวันออก แต่ละข้างของประตูมีห้องยาม 3 ห้อง ทุกห้องมีขนาดเท่ากัน เสาค้ำของแต่ละข้างมีขนาดเท่ากัน 11 และท่านวัดหอประตูซึ่งเปิดกว้าง 10 ศอก และยาว 13 ศอก 12 หน้าห้องยามแต่ละห้องมีกำแพงสูง 1 ศอก ห้องยามเหล่านี้มีขนาดกว้างยาวเท่ากันคือ 6 ศอก 13 แล้วท่านวัดทางประตูจากเพดานห้องหนึ่งจรดเพดานอีกห้องที่อยู่ตรงข้ามได้ความกว้าง 25 ศอก ห้องเปิดโล่งหันเข้าหากัน 14 ท่านวัดเสาค้ำหลายเสาซึ่งสูง 60 ศอก หอประตูขยายออกไปเป็นรูปโค้งถึงเสาค้ำของลานพระตำหนัก 15 ความยาวจากด้านหน้าหอประตูถึงสุดห้องมุขวัดได้ 50 ศอก 16 มีหน้าต่างบานพับที่หันไปทางห้องยามและเสาค้ำภายในหอประตูโดยรอบ เหมือนกับที่ห้องมุข และมีหน้าต่างโดยรอบด้านใน และเสาค้ำแต่ละต้นตกแต่งด้วยรูปต้นอินทผลัม

ลานชั้นนอก

17 แล้วท่านพาข้าพเจ้าไปที่ลานชั้นนอก ข้าพเจ้าเห็นห้องหลายห้อง มีทางเดินซึ่งปูไว้รอบลาน มีห้อง 30 ห้องอยู่ตามแนวขนานกับทางเดิน 18 ทางเดินนั้นยาวตลอดแนวที่ข้างหอประตู มีความยาวเท่ากับหอประตู นี่เป็นทางเดินชั้นล่าง 19 แล้วท่านวัดระยะทางจากด้านหน้าของหอประตูล่างจนถึงด้านหน้าของนอกลานชั้นใน ได้ความยาว 100 ศอก ทั้งด้านตะวันออกและด้านเหนือ

ประตูทางทิศเหนือ

20 ท่านวัดความยาวและความกว้างของหอประตูของลานชั้นนอก ซึ่งหันไปทางทิศเหนือ 21 มีห้องยามข้างละ 3 ห้อง เสาค้ำและห้องมุข ซึ่งมีขนาดเดียวกับที่หอประตูแรก คือยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 22 หน้าต่าง ห้องมุข และต้นอินทผลัมมีขนาดเดียวกับหอประตูที่หันไปด้านตะวันออก มีขั้นบันได 7 ขั้นขึ้นไปถึงห้องมุข 23 และลานชั้นในมีประตูหนึ่งอยู่ตรงข้ามกับประตูด้านเหนือ เช่นเดียวกับประตูด้านตะวันออก ท่านวัดจากประตูหนึ่งถึงประตูที่อยู่ตรงข้ามได้ยาว 100 ศอก

ประตูทางทิศใต้

24 และท่านนำข้าพเจ้าไปยังทิศใต้ ดูเถิด มีประตูทางทิศใต้ ท่านวัดเสาค้ำและห้องมุขซึ่งมีขนาดเดียวกับที่ด้านอื่นๆ 25 หอประตูและห้องมุขมีหน้าต่างโดยรอบ เหมือนกับหน้าต่างที่ด้านอื่นๆ ซึ่งยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 26 มีขั้นบันได 7 ขั้นขึ้นไปถึง มีห้องมุขอยู่ด้านหน้า ตกแต่งด้วยรูปต้นอินทผลัมที่เสาค้ำแต่ละต้น 27 และลานชั้นในมีประตูหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ และท่านวัดจากประตูหนึ่งถึงประตูที่อยู่ทางทิศใต้ได้ยาว 100 ศอก

ลานชั้นใน

28 แล้วท่านนำข้าพเจ้าไปที่ลานชั้นในโดยผ่านประตูทางทิศใต้ ท่านวัดหอประตูทางทิศใต้ได้ขนาดเดียวกับหอประตูที่ด้านอื่นๆ 29 ห้องยาม เสาค้ำ และมุขมีขนาดเดียวกับที่ด้านอื่นๆ ห้องยามและมุขมีหน้าต่างโดยรอบ มีความยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 30 มีมุขโดยรอบซึ่งมีความยาว 25 ศอก กว้าง 5 ศอก 31 มุขหันไปทางลานชั้นนอก มีรูปต้นอินทผลัมที่เสาค้ำ และทางบันไดมี 8 ขั้น

32 แล้วท่านนำข้าพเจ้าไปที่ลานชั้นในด้านตะวันออก และท่านวัดหอประตูซึ่งมีขนาดเดียวกับหอประตูที่ด้านอื่นๆ 33 ห้องยาม เสาค้ำ และมุขมีขนาดเดียวกับที่ด้านอื่นๆ ห้องยามและมุขมีหน้าต่างโดยรอบ มีความยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 34 มุขหันไปทางลานชั้นนอก มีรูปต้นอินทผลัมที่เสาค้ำทั้งสองข้าง และทางบันไดมี 8 ขั้น

35 แล้วท่านนำข้าพเจ้าไปยังประตูทางทิศเหนือ ท่านวัดได้ขนาดเดียวกับหอประตูที่ด้านอื่นๆ 36 มีห้องยาม เสาค้ำ และมุข ซึ่งมีหน้าต่างโดยรอบ มีความยาว 50 ศอก กว้าง 25 ศอก 37 เสาค้ำหันไปทางลานชั้นนอก มีรูปต้นอินทผลัมที่เสาค้ำทั้งสองข้าง และทางบันไดมี 8 ขั้น

38 มีห้องหนึ่งซึ่งมีประตูเปิดออกใกล้เสาค้ำที่หอประตู เป็นห้องสำหรับชำระล้างสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย 39 ในห้องมุขที่หอประตูนี้มีโต๊ะข้างละ 2 ตัว สำหรับฆ่าสัตว์ที่จะเผาเป็นของถวาย เครื่องสักการะเพื่อลบล้างบาป และของถวายเพื่อไถ่โทษ 40 ที่นอกห้องด้านข้างมีบันไดซึ่งเป็นทางเข้าไปยังหอประตูด้านเหนือ มีโต๊ะ 2 ตัว และอีกข้างหนึ่งของมุขที่หอประตูมีโต๊ะอีก 2 ตัว 41 มีโต๊ะ 4 ตัวที่แต่ละข้างของหอประตู รวมทั้งหมด 8 ตัวใช้เป็นที่ฆ่าสัตว์ 42 มีโต๊ะ 4 ตัวทำจากหินที่แต่งแล้วสำหรับสัตว์ที่จะเผาเป็นของถวาย ยาวศอกครึ่ง กว้างศอกครึ่ง สูง 1 ศอก บนโต๊ะนี้มีเครื่องใช้สำหรับฆ่าสัตว์ที่จะใช้เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะอื่นๆ 43 ขอเกี่ยว[c]ขนาดยาว 1 ฝ่ามือ ติดในพระตำหนักโดยรอบ โต๊ะมีไว้สำหรับของถวายที่เป็นเนื้อสัตว์

ห้องปุโรหิต

44 ที่นอกหอประตูชั้นในมีห้อง 2 ห้องที่ลานชั้นใน ห้องหนึ่งที่ข้างประตูเหนือซึ่งหันไปทางทิศใต้ และอีกห้องที่ข้างประตูใต้ซึ่งหันไปทางทิศเหนือ 45 และท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า ห้องนี้ที่หันไปทางทิศใต้เป็นห้องสำหรับบรรดาปุโรหิตที่ดูแลพระตำหนัก 46 และห้องที่หันไปทางทิศเหนือเป็นห้องสำหรับบรรดาปุโรหิตที่ดูแลแท่นบูชา ปุโรหิตเหล่านี้เป็นผู้สืบเชื้อสายของศาโดกผู้เป็นชาวเลวีเท่านั้นที่จะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้า เพื่อปรนนิบัติรับใช้พระองค์ 47 และท่านวัดลานพระตำหนักซึ่งเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างยาวเท่ากันคือ 100 ศอก และแท่นบูชาอยู่ด้านหน้าพระตำหนัก

มุขพระตำหนัก

48 แล้วท่านนำข้าพเจ้าไปที่มุขพระตำหนัก และวัดขนาดเสาค้ำของมุขซึ่งมีความกว้างและความยาวเท่ากันคือ 5 ศอก ทางเข้ามีขนาดกว้าง 14 ศอก และประตูทั้งสองข้างกว้าง 3 ศอกเท่ากัน 49 บริเวณมุขยาว 20 ศอก กว้าง 12 ศอก มีบันไดขึ้น 10 ขั้น มีเสาหลักที่อยู่ข้างเสาค้ำ ข้างละเสา

สดุดี 91

พระเจ้าเป็นที่พึ่งพิงของท่าน

ผู้ที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกป้องขององค์ผู้สูงสุด
    จะพักอยู่ในร่มเงาของผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
ข้าพเจ้าจะพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์เป็นที่พักพิงและเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าไว้วางใจ”

เพราะว่า พระองค์จะช่วยท่านให้หลุดพ้นจากกับดักที่ซ่อนไว้
    จากโรคระบาดร้ายแรง
พระองค์จะโอบอุ้มท่านด้วยปีกของพระองค์
    ท่านจะพักพิงอยู่ภายใต้ปีกของพระองค์
    ความสัตย์จริงของพระองค์จะเป็นโล่ป้องกันและเป็นดั้ง
ท่านไม่ต้องกลัวสิ่งอันน่าหวาดหวั่นในยามค่ำ
    หรือลูกศรที่แล่นออกไปในความสว่างของวัน
หรือโรคระบาดที่แพร่ไปในความมืด
    หรือภัยพิบัติที่มาทำลายตอนเที่ยงวัน
คนนับพันจะล้มลงข้างๆ ท่าน
    คนนับหมื่นทางขวามือท่าน
    แต่มันจะไม่มาใกล้ถึงตัวท่าน
ท่านสามารถมองดูด้วยตาของท่าน
    และเห็นคนชั่วร้ายถูกลงโทษ

เพราะท่านให้พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่พึ่งพิงของท่าน
    พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เป็นที่ลี้ภัยของท่าน
10 ไม่มีภัยใดๆ จะกล้ำกรายท่านได้
    วิบัติจะไม่เข้าใกล้กระโจมของท่าน
11 เพราะพระองค์จะสั่งความเกี่ยวกับท่านกับเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์
    ให้ปกป้องท่านไม่ว่าจะไปที่ใด
12 ทูตสวรรค์จะช่วยรับท่านไว้ในมือ
    เพื่อว่าเท้าของท่านจะได้ไม่กระทบแม้หินสักก้อน[a]
13 ท่านจะเดินย่ำสิงโตและงูเห่า
    และจะเหยียบขยี้สิงโตหนุ่มและงู

14 พระองค์กล่าวว่า “ผู้ที่รักเราจะปลอดภัย
    เราจะปกป้องคนที่รู้จักชื่อของเรา
15 เราจะตอบคนที่ร้องเรียกถึงเรา
    เราจะอยู่กับคนที่ทุกข์ยาก
    เราจะช่วยเหลือและให้เกียรติแก่เขา
16 เราจะทำให้เขาได้พอใจกับชีวิตอันยืนยาว
    และแสดงให้เขาเห็นความรอดพ้นที่มาจากเรา”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation