M’Cheyne Bible Reading Plan
ซาโลมอนสร้างพระตำหนัก
6 ในปีที่สี่ร้อยแปดสิบ หลังจากที่ชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์แล้ว นับเป็นปีที่สี่แห่งการปกครองอิสราเอลของซาโลมอน ในเดือนศิฟ คือเดือนที่สอง ท่านจึงเริ่มสร้างพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 2 พระตำหนักที่กษัตริย์ซาโลมอนสร้างเพื่อพระผู้เป็นเจ้า มีความยาว 60 ศอก กว้าง 20 ศอก และสูง 30 ศอก 3 มุขที่หน้าพระตำหนักชั้นนอกของพระวิหารยาว 20 ศอก เท่ากับความกว้างของพระตำหนัก และลึกจากด้านหน้าพระตำหนัก 10 ศอก 4 ท่านให้สร้างขอบหน้าต่างเป็นส่วนเว้าเข้าไปจากกำแพงด้านนอก 5 รอบผนังด้านนอกของพระตำหนัก ท่านสร้างห้องเสริมรอบๆ พระตำหนักชั้นนอกและพระตำหนักชั้นใน มีหลายห้องที่สร้างไว้โดยรอบ 6 ห้องชั้นล่างสุดกว้าง 5 ศอก ชั้นกลางกว้าง 6 ศอก และชั้นที่สามกว้าง 7 ศอก ผนังรอบนอกของพระตำหนักมีเชิงสร้างไว้โดยรอบ เพื่อไม่ต้องสอดคานรับน้ำหนักไว้ที่ผนังพระตำหนัก
7 หินที่ใช้สร้างพระตำหนักเป็นหินที่แต่งแล้วจากเหมือง เพื่อไม่ให้มีเสียงค้อน ขวาน หรือเครื่องมือเหล็กชนิดใดในพระตำหนัก ขณะที่กำลังก่อสร้างอยู่
8 ทางเข้าชั้นล่างสุดอยู่ทางทิศใต้ของพระตำหนัก มีบันไดขึ้นไปบนชั้นกลางและชั้นที่สามได้ 9 ดังนั้นท่านสร้างพระตำหนักจนเสร็จ ท่านใช้คานและแผ่นไม้ซีดาร์กรุเพดาน 10 ห้องเสริมแต่ละชั้นที่ท่านสร้างรอบพระตำหนักมีความสูง 5 ศอก ซึ่งเชื่อมติดกับพระตำหนักด้วยไม้ซีดาร์
11 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับซาโลมอนว่า 12 “เรื่องตำหนักที่เจ้ากำลังสร้างอยู่ ถ้าเจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา เชื่อฟังคำบัญชา และรักษาคำบัญญัติของเรา เราก็จะปฏิบัติต่อเจ้าตามสัญญาที่เราได้ให้แก่ดาวิดบิดาของเจ้า 13 และเราจะอยู่กับลูกหลานของอิสราเอล และจะไม่ทอดทิ้งอิสราเอลชนชาติของเรา”
14 ดังนั้นซาโลมอนสร้างพระตำหนักจนเสร็จ 15 ท่านให้กรุผนังข้างในพระตำหนักด้วยกระดานไม้ซีดาร์ตั้งแต่พื้นถึงเพดาน และท่านให้ใช้ไม้สนปูทับพื้นพระตำหนัก 16 ท่านสร้างด้านหลังของพระตำหนักด้วยกระดานไม้ซีดาร์สูง 20 ศอกตั้งแต่พื้นถึงเพดาน และท่านสร้างห้องนี้ให้เป็นพระตำหนักชั้นใน คืออภิสุทธิสถาน 17 พระตำหนักชั้นนอกซึ่งอยู่ด้านหน้าของพระตำหนักชั้นในยาว 40 ศอก 18 ไม้ซีดาร์ภายในพระตำหนักแกะสลักรูปน้ำเต้าและดอกไม้บาน เป็นไม้ซีดาร์ทั้งหมด โดยมองไม่เห็นหินเลย 19 ท่านเตรียมพระตำหนักชั้นในไว้ภายในพระวิหาร เพื่อเป็นที่ตั้งหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า 20 พระตำหนักชั้นในมีขนาดยาว 20 ศอก กว้าง 20 ศอก และสูง 20 ศอก และท่านให้กรุด้วยทองคำบริสุทธิ์ และหุ้มแท่นบูชาไม้ซีดาร์ด้วยทองคำเช่นกัน 21 ซาโลมอนกรุภายในพระตำหนักด้วยทองคำบริสุทธิ์ ท่านให้ใช้โซ่ทองคำขึงที่ทางเข้าพระตำหนักชั้นในซึ่งกรุด้วยทองคำ 22 ท่านให้กรุทั่วพระตำหนักด้วยทองคำ จนเสร็จบริบูรณ์ และให้ใช้ทองคำหุ้มแท่นบูชาที่อยู่ในพระตำหนักชั้นในด้วย
23 ภายในพระตำหนักชั้นใน ท่านให้ทำตัวเครูบ 2 รูปด้วยไม้มะกอก[a] แต่ละรูปสูง 10 ศอก 24 เครูบมีปีกยาวปีกละ 5 ศอก วัดจากปลายปีกข้างหนึ่งถึงปลายปีกอีกข้างหนึ่งได้ 10 ศอก 25 เครูบทั้งสองมีลักษณะและขนาดที่เท่ากัน 26 เครูบแต่ละรูปสูงเท่ากันคือ 10 ศอก 27 ท่านให้ตั้งเครูบไว้ที่ห้องในสุดของพระตำหนัก ปีกของเครูบทั้งสองกางออก ปลายปีกของเครูบทั้งสองจรดกันตรงกลางพระตำหนัก ส่วนปีกอีกข้างจรดผนัง 28 และท่านให้ใช้ทองคำหุ้มตัวเครูบ
29 ท่านให้แกะสลักผนังพระตำหนักชั้นในและพระตำหนักชั้นนอก เป็นตัวเครูบ ต้นอินทผลัม และดอกไม้บาน 30 พื้นพระตำหนักชั้นในและพระตำหนักชั้นนอกก็ให้กรุด้วยทองคำ
31 ท่านให้ทำประตูที่ทางเข้าพระตำหนักชั้นในด้วยไม้มะกอก ประตูตอนบนและวงกบประตูบรรจบกันเป็นรูปห้าเหลี่ยม 32 ท่านให้แกะสลักประตูไม้มะกอกทั้งสองเป็นรูปเครูบ ต้นอินทผลัม และดอกไม้บาน แล้วท่านก็ให้หุ้มเครูบและต้นอินทผลัมด้วยแผ่นทองคำ
33 ท่านให้ทำวงกบประตูที่ทางเข้าพระตำหนักชั้นนอกด้วยไม้มะกอกเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้วย 34 ประตูสองบานใช้ไม้สน ประตูทั้งสองบานเป็นประตูบานพับ 35 และท่านให้แกะสลักประตูเป็นเครูบ ต้นอินทผลัม และดอกไม้บาน และหุ้มรูปที่แกะสลักด้วยทองคำให้เรียบ 36 ท่านให้สร้างกำแพงล้อมลานใน ด้วยหินที่แต่งแล้วก่อขึ้น 3 ขั้นกับคานไม้ซีดาร์ 1 ขั้น
37 ในปีที่สี่ของสมัยซาโลมอน ท่านให้วางฐานรากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าในเดือนศิฟ 38 ในปีที่สิบเอ็ด พระตำหนักสร้างเสร็จในเดือนบูล คือเดือนที่แปด ตามรายละเอียดที่ระบุไว้ ใช้เวลาสร้าง 7 ปี
เปาโลประกาศแก่คนนอก
3 ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นนักโทษเนื่องจากการรับใช้พระเยซูคริสต์เพื่อผลประโยชน์ของพวกท่านซึ่งเป็นคนนอก 2 ท่านเคยได้ยินแล้วมิใช่หรือว่า ด้วยพระคุณของพระเจ้า พระองค์จึงได้ให้ข้าพเจ้าจัดการแผนงานนี้เพื่อท่าน 3 คือความลึกลับซับซ้อนที่พระเจ้าได้เผยแก่ข้าพเจ้า ตามที่ข้าพเจ้าได้เขียนย่อๆ ไว้แล้ว 4 เมื่อท่านอ่านแล้ว ท่านก็จะเข้าใจถึงความเห็นแจ้งที่ข้าพเจ้ามีในเรื่องความลึกลับซับซ้อนของพระคริสต์ 5 ซึ่งคนในยุคอื่นๆ ไม่ได้รับทราบอย่างที่พระวิญญาณได้เผยให้บรรดาอัครทูตและผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าที่บริสุทธิ์ได้ทราบ 6 ความลึกลับนั้นก็คือ บรรดาคนนอกได้เป็นผู้ร่วมรับมรดก ได้เป็นสมาชิกของกายเดียวกัน และได้มีส่วนร่วมกับพระสัญญาในพระเยซูคริสต์ก็โดยข่าวประเสริฐ
7 ข้าพเจ้ามาเป็นผู้รับใช้ของข่าวประเสริฐนี้ได้โดยพระคุณของพระเจ้า อันเป็นสิ่งที่พระองค์มอบให้แก่ข้าพเจ้าตามอานุภาพของการกระทำของพระองค์ 8 แม้ข้าพเจ้าจะเป็นคนด้อยสุดในบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้ายังได้รับพระคุณนี้ เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่อันมิอาจหยั่งถึงของพระคริสต์แก่บรรดาคนนอก 9 และแสดงให้คนทั้งปวงเห็นแผนงานอันลึกลับซับซ้อนซึ่งพระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งไม่ได้เผยให้ผู้ใดทราบมาเป็นเวลาหลายยุค 10 เพื่อว่าบัดนี้พวกที่อยู่ในระดับปกครอง และบรรดาผู้มีสิทธิอำนาจในอาณาเขตสวรรค์ จะได้ประจักษ์ถึงพระปัญญารอบด้านของพระเจ้าโดยผ่านคริสตจักร 11 ตามจุดประสงค์อันเป็นนิรันดร์ของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ทำให้ประสบผลสำเร็จในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา 12 เราจะได้เข้าถึงพระเจ้าได้อย่างเสรีและด้วยความมั่นใจ เมื่อเรามีความผูกพันในพระองค์และมีความเชื่อในพระองค์ 13 ฉะนั้นข้าพเจ้าขอให้ท่านอย่าได้ท้อใจที่ข้าพเจ้าทนทุกข์ทรมานเพื่อท่าน ซึ่งนับว่าเป็นเกียรติของท่านเอง
เปาโลอธิษฐานให้ชาวเอเฟซัส
14 ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าลง ณ เบื้องหน้าพระบิดา 15 ซึ่งได้โปรดให้ทุกตระกูลทั้งในสวรรค์และโลกมนุษย์ได้รับนามของตน 16 ข้าพเจ้าอธิษฐานว่า พระองค์จะให้อานุภาพแก่ท่านด้วยพระวิญญาณของพระองค์เพื่อให้ส่วนลึกในใจของท่านเข้มแข็ง ตามความยิ่งใหญ่แห่งพระบารมีของพระองค์ 17 เพื่อพระคริสต์จะสถิตในใจท่านเนื่องจากการที่ท่านมีความเชื่อ และเมื่อท่านได้รับการปลูกฝังและวางรากฐานในความรัก 18 แล้วท่านก็จะได้หยั่งรู้อย่างบริบูรณ์ถึงความรักของพระคริสต์ว่าลึกซึ้งเพียงใดพร้อมไปกับบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคน 19 และจะได้ทราบถึงความรักนี้ว่าลึกซึ้งเกินหยั่งถึง เพื่อท่านจะได้รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
20 แด่พระองค์ผู้มีอานุภาพที่สำแดงอยู่ในพวกเรา พระองค์สามารถกระทำกิจได้มากมายโดยมิอาจประมาณได้ และเกินกว่าที่เราจะขอหรือคาดคิดได้ 21 ขอพระบารมีจงมีแด่พระองค์ในคริสตจักรและในพระเยซูคริสต์ทุกชั่วอายุคนชั่วนิรันดร์กาลเถิด อาเมน
เผยความแก่ภูเขาของอิสราเอล
36 บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงเผยความแก่ภูเขาของอิสราเอล โอ ภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า 2 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า “เพราะศัตรูพูดถึงพวกเจ้าว่า ‘นั่นแน่ะ’ และ ‘ที่สูงโบราณได้กลายมาเป็นของเราแล้ว’” 3 ฉะนั้น จงเผยความว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เพราะพวกเขาทำให้เจ้าพินาศและโจมตีเจ้าจากทุกด้าน จนเจ้าถูกประชาชาติอื่นๆ ยึดครอง และเจ้ากลายเป็นที่นินทาว่าร้ายของผู้คน” 4 ฉะนั้น โอ ภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวกับภูเขาและเนินเขา แหล่งน้ำในหุบเขาและหุบเขา สถานที่รกร้างซึ่งพินาศ และเมืองต่างๆ ที่ถูกทิ้งร้างไว้ ซึ่งได้กลายเป็นเหยื่อและถูกล้อเลียนโดยบรรดาประชาชาติโดยรอบ 5 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เราได้พูดในความรู้สึกอันแรงกล้าซึ่งคัดค้านประชาชาติอื่นๆ และคัดค้านเอโดมทั้งหมด เพราะพวกเขาครอบครองแผ่นดินของเราอย่างสนุกสนานและมีจิตใจดูหมิ่น เพื่อจะให้ทุ่งนาอันเขียวชอุ่มตกเป็นเหยื่อ 6 ฉะนั้นจงเผยความเรื่องแผ่นดินของอิสราเอล และพูดต่อภูเขาและเนินเขา แหล่งน้ำในหุบเขาและหุบเขา พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘ดูเถิด เราได้พูดด้วยความโกรธอันหวงแหน เพราะเจ้าต้องทนทุกข์กับการดูหมิ่นของบรรดาประชาชาติ’” 7 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เราได้ยกมือปฏิญาณว่า บรรดาประชาชาติที่อยู่รอบข้างเจ้าจะทนทุกข์กับการดูหมิ่นเช่นกัน
8 ส่วนพวกเจ้าเอง โอ ภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะแตกกิ่งก้านของเจ้า และจะออกผลให้อิสราเอลชนชาติของเรา เพราะพวกเขาจะกลับมาบ้านในไม่ช้า 9 ดูเถิด เราเป็นฝ่ายเจ้า และเราจะหันมาโปรดปรานเจ้า และเจ้าจะได้รับการไถและหว่านเมล็ด 10 และเราจะทวีจำนวนคนมากขึ้น คือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด เมืองต่างๆ จะมีผู้คนอาศัยอยู่ ที่ร้างจะถูกสร้างขึ้นใหม่ 11 เราจะทวีจำนวนคนและสัตว์ให้แก่เจ้า และพวกเขาจะเพิ่มพูนผลและมีลูกดก และเราจะให้มีผู้คนตั้งหลักแหล่งในที่ของเจ้าอย่างที่เคยเป็นในอดีต และทำสิ่งดีๆ ให้แก่เจ้ายิ่งกว่าที่เคยเป็นมา แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า 12 เราจะให้ผู้คนซึ่งเป็นชนชาติของเราคืออิสราเอลเดินบนเจ้า และพวกเขาจะได้เป็นเจ้าของ และเจ้าจะเป็นมรดกของพวกเขา และเจ้าจะไม่ทำให้พวกเขาสูญเสียลูกหลานอีก” 13 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เพราะพวกเขาพูดกับพวกเจ้าว่า ‘เจ้ากินเลือดกินเนื้อคน และทำให้ประชาชาติของเจ้าเองสูญเสียลูกหลานไป’ 14 ฉะนั้นเจ้าจะไม่กินเลือดกินเนื้อคนอีกต่อไป และไม่ทำให้ประชาชาติของเจ้าสูญเสียลูกหลานอีกต่อไป” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 15 “และเราจะไม่ยอมให้บรรดาประชาชาติพูดดูหมิ่นเจ้าอีก เจ้าจะไม่ต้องทนทุกข์กับการหัวเราะเยาะของบรรดาชนชาติ และจะไม่เป็นเหตุให้ประชาชาติของเจ้าสะดุดล้มอีกต่อไป” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
พระผู้เป็นเจ้าห่วงใยในพระนามอันบริสุทธิ์
16 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 17 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เมื่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลอาศัยอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง พวกเขาได้ทำให้แผ่นดินมีมลทินด้วยวิถีทางและการกระทำของพวกเขา ในสายตาของเราวิถีทางของพวกเขาเป็นเหมือนมลทินของผู้หญิงที่เป็นในรอบเดือน 18 เราจึงหลั่งความกริ้วของเราบนพวกเขาเพราะพวกเขาได้หลั่งเลือดในแผ่นดิน และพวกเขาได้ทำแผ่นดินให้เป็นมลทินจากรูปเคารพ 19 เราได้ทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และพวกเขากระเจิดกระเจิงไปในหลายดินแดน เราตัดสินโทษพวกเขาตามวิถีทางและการกระทำของพวกเขา 20 แต่เมื่อใดที่พวกเขาไปยังบรรดาประชาชาติ พวกเขาก็ดูหมิ่นนามอันบริสุทธิ์ของเรา เพราะมีการพูดถึงพวกเขาว่า ‘คนเหล่านี้เป็นชนชาติของพระผู้เป็นเจ้า แต่พวกเขาก็ยังต้องออกไปจากแผ่นดินของพระองค์’ 21 แต่เราห่วงใยในนามอันบริสุทธิ์ของเรา ซึ่งพงศ์พันธุ์อิสราเอลได้ดูหมิ่นท่ามกลางบรรดาประชาชาติที่พวกเขาเข้าไปอยู่ด้วย
เราจะมอบวิญญาณของเราให้อยู่กับเจ้า
22 ฉะนั้น จงพูดกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เรากำลังจะกระทำสิ่งเหล่านี้ แต่ไม่ใช่เพื่อพวกเจ้า เราจะกระทำเพื่อนามอันบริสุทธิ์ของเรา ซึ่งพวกเจ้าได้หมิ่นประมาทท่ามกลางบรรดาประชาชาติที่พวกเจ้าไปอยู่ด้วย 23 และเราจะแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ของนามอันยิ่งใหญ่ของเรา ซึ่งถูกหมิ่นประมาทท่ามกลางบรรดาประชาชาติ พวกเจ้าได้หมิ่นประมาทท่ามกลางพวกเขา และบรรดาประชาชาติจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเราแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าพวกเขาโดยผ่านพวกเจ้า’” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 24 “เราจะพาพวกเจ้าออกไปจากบรรดาประชาชาติ และรวบรวมพวกเจ้าจากดินแดนทั้งปวง เพื่อนำเจ้าเข้าไปอยู่ในแผ่นดินของพวกเจ้าเอง 25 เราจะประพรมน้ำที่สะอาดบนตัวพวกเจ้า และเจ้าจะสะอาดจากมลทิน และเราจะชำระพวกเจ้าจากรูปเคารพทั้งปวง 26 และเราจะมอบใจใหม่ให้แก่พวกเจ้า และเราจะมอบวิญญาณดวงใหม่ไว้ในพวกเจ้า และเราจะเอาใจที่แข็งเยี่ยงหินออกจากกายของพวกเจ้า และมอบใจที่เป็นเลือดเนื้อให้แก่พวกเจ้าแทน 27 และเราจะมอบวิญญาณของเราไว้ในพวกเจ้า ซึ่งทำให้พวกเจ้าดำเนินในกฎเกณฑ์ของเรา และระมัดระวังที่จะปฏิบัติตามคำบัญชาของเรา 28 พวกเจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เรามอบให้แก่บรรดาบรรพบุรุษของพวกเจ้า และเจ้าจะเป็นชนชาติของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า 29 และเราจะช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากมลทิน และเราจะบัญชาธัญพืชให้งอกและทำให้มีอย่างอุดมสมบูรณ์ เราจะไม่ให้อดอยาก 30 เราจะทำให้ผลจากต้นไม้และไร่นามีอย่างอุดมสมบูรณ์ เพื่อพวกเจ้าจะไม่รับทุกข์จากความอับอายเพราะอดอยากในท่ามกลางบรรดาประชาชาติอีกต่อไป 31 แล้วพวกเจ้าจะระลึกถึงวิถีทางอันชั่วร้ายและการกระทำที่ไม่ดีของตนเอง และพวกเจ้าจะเกลียดตนเองเพราะความชั่วและการกระทำที่น่าชังของตนเอง” 32 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “พวกเจ้าจงรู้ไว้ว่า เราไม่ได้กระทำเพื่อพวกเจ้า โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงอับอายและขายหน้าเพราะวิถีทางของพวกเจ้าเอง”
33 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ในวันที่เราชำระพวกเจ้าให้พ้นจากความชั่วทั้งหลาย เราจะทำให้เมืองต่างๆ มีผู้คนอาศัยอยู่ และสิ่งที่พังพินาศจะถูกสร้างขึ้นใหม่ 34 และแผ่นดินที่รกร้างจะได้รับการไถ แทนที่จะเป็นที่รกร้างให้ทุกคนที่เดินผ่านไปมาเห็น 35 และพวกเขาจะพูดว่า ‘แผ่นดินนี้เคยรกร้างซึ่งได้กลับมาเป็นอย่างสวนเอเดน และเมืองต่างๆ ที่พินาศเป็นที่ร้างและสลักหักพังก็เป็นเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งและมีผู้คนอาศัยอยู่’ 36 แล้วบรรดาประชาชาติที่ยังเหลืออยู่โดยรอบพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้สร้างสถานที่ต่างๆ ที่สลักหักพังขึ้นใหม่ และปลูกสิ่งที่ถูกทิ้งร้างไว้ เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้พูดและเราจะกระทำตามนั้น”
37 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เราจะให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลอ้อนวอนให้เราทำเพื่อพวกเขาด้วยก็คือ เพิ่มจำนวนประชาชนของพวกเขาให้มากอย่างฝูงแพะแกะ 38 ฝูงแพะแกะสำหรับเครื่องสักการะบูชา ฝูงสัตว์ที่เยรูซาเล็มระหว่างเทศกาลที่กำหนดไว้เป็นอย่างไร เมืองต่างๆ ที่พินาศก็จะเต็มไปด้วยฝูงชนมากมายอย่างนั้น แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า”
โปรดสดับคำอธิษฐาน และสอนวิถีทางของพระองค์
คำอธิษฐานของดาวิด
1 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเงี่ยหูของพระองค์ และตอบข้าพเจ้าเถิด
เพราะข้าพเจ้าขัดสนและยากไร้
2 ปกป้องชีวิตข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้ามีใจภักดี
ช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ที่ไว้วางใจในพระองค์ให้รอดพ้นเถิด พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
3 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าส่งเสียงร้องต่อพระองค์ตลอดวันเวลา
4 ให้จิตวิญญาณผู้รับใช้ของพระองค์ยินดีเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า
จิตวิญญาณข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระองค์
5 โอ พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐ และให้อภัยเสมอ
อุดมด้วยความรักอันมั่นคงต่อทุกคนที่ร้องเรียกถึงพระองค์
6 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดสดับคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
และฟังคำอ้อนวอนขอความเมตตาของข้าพเจ้า
7 เวลาข้าพเจ้าทุกข์ยาก ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
เพราะพระองค์ตอบข้าพเจ้า
8 โอ พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีผู้ใดในปวงเทพเจ้าที่เป็นเหมือนพระองค์
และไม่มีกิจการใดๆ เหมือนของพระองค์
9 โอ พระผู้เป็นเจ้า ประชาชาติทั้งปวงที่พระองค์สร้างจะมา
และก้มลงกราบ ณ เบื้องหน้าพระองค์
และพวกเขาจะยกย่องพระนามของพระองค์
10 พระองค์ยิ่งใหญ่และกระทำสิ่งอัศจรรย์
พระองค์เป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดสอนวิถีทางของพระองค์แก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะได้เดินในความสัตย์จริงของพระองค์
ให้ข้าพเจ้ายำเกรงพระนามของพระองค์โดยไม่เขวไป
12 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอบคุณพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจ
และข้าพเจ้ายกย่องพระนามของพระองค์ไปตลอดกาล
13 เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ที่มีต่อข้าพเจ้านั้นใหญ่ยิ่งนัก
พระองค์ได้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากส่วนลึกสุดของแดนคนตาย
14 โอ พระเจ้า พวกที่หยิ่งยโสลุกขึ้นต่อต้านข้าพเจ้า
คนโหดเหี้ยมตามล่าเอาชีวิตข้าพเจ้า
คนพวกนี้ไม่คิดถึงพระองค์เลย
15 พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์เป็นพระเจ้าแห่งความสงสารและเมตตา
ไม่โกรธง่าย แต่อุดมด้วยความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริง
16 โปรดหันมาและมีเมตตาต่อข้าพเจ้า
ให้พละกำลังของพระองค์แก่ผู้รับใช้ของพระองค์
และช่วยบุตรของหญิงผู้รับใช้ของพระองค์ให้รอดพ้นเถิด
17 โปรดให้ข้าพเจ้าเห็นปรากฏการณ์อันแสดงว่าพระองค์โปรดปรานข้าพเจ้า
เพื่อพวกที่เกลียดชังข้าพเจ้าจะได้เห็นและอับอาย
โอ พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ได้ช่วยเหลือและปลอบใจข้าพเจ้า
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation