Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 ซามูเอล 21

ดาวิดให้ชาวกิเบโอนได้แก้แค้น

21 ในสมัยของดาวิดมีเหตุการณ์ทุพภิกขภัยขึ้นเป็นเวลา 3 ปีติดๆ กัน ดาวิดแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “ซาอูลและพงศ์พันธุ์ของเขามีบาปในการนองเลือด เพราะเขาสังหารพวกชาวกิเบโอน” ดังนั้นกษัตริย์จึงเรียกชาวกิเบโอนมาและพูดกับพวกเขา ชาวกิเบโอนไม่ใช่คนของอิสราเอล แต่เป็นชาวอาโมร์ที่เหลืออยู่ แม้ว่าชาวอิสราเอลได้สาบานไว้ชีวิตพวกเขา[a] แต่ซาอูลก็ยังพยายามฆ่าพวกเขา เพราะความรู้สึกอันแรงกล้าของท่านที่มีต่อชาวอิสราเอลและยูดาห์ ดาวิดพูดกับชาวกิเบโอนว่า “เราควรจะกระทำสิ่งใดเพื่อพวกท่านบ้าง และเราจะชดใช้อย่างไร ท่านจึงจะได้อวยพรผู้สืบทายาทของพระผู้เป็นเจ้า ชาวกิเบโอนพูดกับท่านว่า “เรื่องระหว่างพวกเราและซาอูลหรือพงศ์พันธุ์ของท่านไม่ใช่เรื่องเงินหรือทอง และไม่ใช่เรื่องของพวกเราที่จะสังหารผู้ใดในอิสราเอล” ท่านกล่าวว่า “ท่านคิดว่าเราควรจะกระทำอะไรเพื่อท่านบ้าง” พวกเขาตอบกษัตริย์ว่า “ซาอูลต้องการกำจัดพวกเรา และวางแผนจะฆ่าเรา เพื่อไม่ให้เรามีที่อยู่อาศัยไม่ว่าหนใดในอาณาเขตของอิสราเอล ขอให้ท่านมอบบุตร 7 คนของซาอูลแก่เรา พวกเราจะได้แขวนเขาต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่กิเบอาห์ของซาอูลผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าเลือก” และกษัตริย์ตอบว่า “เราจะมอบพวกเขาให้แก่ท่าน”

แต่กษัตริย์ไว้ชีวิตเมฟีโบเชทบุตรของโยนาธาน คือหลานของซาอูล เพราะคำสาบานในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าระหว่างดาวิดกับโยนาธานบุตรของซาอูล[b] กษัตริย์มอบอาร์โมนีกับเมฟีโบเชทบุตรชายทั้งสองของนางริสปาห์บุตรหญิงของอัยยาห์ ที่นางมีกับซาอูล ส่วนบุตรชายอีก 5 คนของนางเมราบบุตรหญิงของซาอูลที่นางมีกับอาดรีเอลบุตรชายของบาร์ซิลลัยชาวเมโฮลาห์ ท่านมอบตัวชายเหล่านี้ให้แก่ชาวกิเบโอน และพวกเขาก็แขวนชายทุกคนดังกล่าวต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า และทั้ง 7 คนสิ้นชีวิตด้วยกัน พวกเขาถูกประหารในระยะแรกของฤดูเก็บเกี่ยว คือตอนต้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์

10 แล้วริสปาห์บุตรหญิงของอัยยาห์เอาผ้ากระสอบไปแผ่ออกสำหรับตัวเองที่บนก้อนหิน ตั้งแต่ต้นฤดูเก็บเกี่ยวจนกระทั่งฝนจากท้องฟ้าตกบนชายเหล่านั้น ตอนกลางวันนางไม่ปล่อยให้นกในอากาศมาเกาะพวกเขา หรือสัตว์ป่าในทุ่งตอนกลางคืน 11 เมื่อดาวิดทราบว่าริสปาห์บุตรหญิงของอัยยาห์ คือภรรยาน้อยของซาอูลกระทำเช่นนั้น 12 ดาวิดจึงไปเอากระดูกของซาอูลและกระดูกของโยนาธานบุตรของซาอูล มาจากชายบางคนในเมืองยาเบชกิเลอาดที่ได้ขโมยมาจากลานสาธารณะของเบธชาน ซึ่งชาวฟีลิสเตียได้แขวนท่านทั้งสอง ในวันที่ชาวฟีลิสเตียประหารซาอูลบนเขากิลโบอา[c] 13 ดาวิดได้นำกระดูกของซาอูลและของโยนาธานบุตรของท่านมาจากที่นั่น และให้คนรวบรวมกระดูกของชายทั้งเจ็ดที่ถูกแขวน 14 และเขาทั้งหลายบรรจุกระดูกของซาอูลและโยนาธานบุตรของท่านในแผ่นดินของเบนยามินในเมืองเศ-ลา ในถ้ำเก็บศพของคีชบิดาของซาอูล และกระทำตามที่กษัตริย์บัญชาทุกประการ และหลังจากนั้น พระเจ้าก็ได้ตอบคำร้องขอของพวกเขาเพื่อแผ่นดิน

สงครามกับชาวฟีลิสเตีย

15 เกิดสงครามขึ้นอีกระหว่างชาวฟีลิสเตียและอิสราเอล ดาวิดจึงลงไปกับทหารรับใช้ของท่าน และสู้รบกับชาวฟีลิสเตีย ดาวิดรู้สึกอ่อนกำลัง 16 อิชบีเบโนบเป็นหนึ่งในบรรดาผู้สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ยักษ์ มีหอกทองสัมฤทธิ์หนัก 300 เชเขล และพกดาบใหม่เล่มหนึ่ง คิดจะสังหารดาวิด 17 แต่อาบีชัยบุตรของนางเศรุยาห์มาช่วยท่าน และต่อสู้กับชาวฟีลิสเตีย และฆ่ามนุษย์ยักษ์เสีย และพรรคพวกของดาวิดสาบานต่อท่านว่า “ท่านอย่าออกรบพร้อมกับพวกเราในสงครามอีกต่อไปเลย เกรงว่าราชวงศ์ของอิสราเอลจะดับสูญ”

18 หลังจากนั้น มีการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียอีกที่หมู่บ้านโกบ สิบเบคัยชาวหุชาห์ฆ่าสัฟผู้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ยักษ์ 19 และมีการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียที่หมู่บ้านโกบอีก เอลฮานันบุตรของยาอาเรโอเรกิมชาวเบธเลเฮมฆ่าโกลิอัทชาวกัท ผู้ถือด้ามหอกที่ใหญ่เหมือนไม้กระพั่นของคนทอผ้า 20 มีการสู้รบอีกที่เมืองกัท อันเป็นเมืองที่มีชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ แต่ละมือมี 6 นิ้ว แต่ละเท้ามี 6 นิ้ว รวมได้ 24 นิ้ว เขาสืบเชื้อสายมาจากพวกมนุษย์ยักษ์เช่นกัน 21 เมื่อเขาท้าทายอิสราเอล โยนาธานบุตรของชิเมอาห์พี่ชายของดาวิด ก็ฆ่าเขาเสีย 22 ทหารชาวฟีลิสเตียทั้งสี่นี้สืบเชื้อสายมาจากพวกมนุษย์ยักษ์ในเมืองกัท พวกเขาล้มตายด้วยมือของดาวิดและด้วยมือของพวกทหารรับใช้ของท่าน

กาลาเทีย 1

การทักทายของเปาโล

ข้าพเจ้าเปาโลอัครทูตซึ่งไม่ได้มาจากมนุษย์ หรือโดยผ่านมนุษย์ แต่โดยผ่านพระเยซูคริสต์และพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาผู้โปรดให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย ข้าพเจ้าและพี่น้องทั้งปวงที่อยู่กับข้าพเจ้าฝากความคิดถึงมายังคริสตจักรทั้งหลายในแคว้นกาลาเทีย

ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด พระเยซูคริสต์ได้สละชีวิตของพระองค์เองเพื่อบาปทั้งปวงของเรา เพื่อว่าพระองค์จะได้ช่วยเราให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วนี้ ตามความประสงค์ของพระเจ้า ผู้เป็นพระบิดาของเรา ขอพระบารมีจงมีแด่พระบิดาชั่วนิรันดร์กาลเถิด อาเมน

ไม่มีข่าวประเสริฐอื่น

ข้าพเจ้าแปลกใจที่ท่านด่วนเอาใจออกห่างจากพระองค์ ผู้ได้เรียกท่านโดยพระคุณของพระคริสต์ และท่านกลับไปเชื่อข่าวประเสริฐที่แตกต่างออกไป ซึ่งความจริงแล้ว ไม่มีข่าวประเสริฐอื่นใดอีก มีบางคนกำลังทำให้ท่านสับสน และอยากบิดเบือนข่าวประเสริฐของพระคริสต์ หากว่าพวกเราหรือทูตจากสวรรค์จะประกาศข่าวประเสริฐซึ่งแตกต่างไปจากข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่พวกท่านแล้ว ก็ให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเถิด ตามที่พวกเราได้พูดไปแล้ว เวลานี้ข้าพเจ้าขอพูดอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าใครประกาศข่าวประเสริฐแก่ท่านแตกต่างไปจากที่ท่านได้รับแล้ว ให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเถิด

10 ข้าพเจ้าพยายามทำให้ใครเห็นดีด้วยเล่า มนุษย์หรือพระเจ้า หรือว่าข้าพเจ้าพยายามเอาใจมนุษย์ ถ้าข้าพเจ้ายังเอาใจมนุษย์อยู่ ข้าพเจ้าคงจะไม่เป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์หรอก

พระเยซูเผยข่าวประเสริฐให้เปาโลประกาศ

11 พี่น้องเอ๋ย ข้าพเจ้าอยากให้ท่านทราบว่า ข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศนั้นไม่ใช่ข่าวสารที่มนุษย์แต่งขึ้น 12 ข้าพเจ้าไม่ได้รับรู้มาจากมนุษย์คนใด ไม่มีใครสอนข้าพเจ้า แต่พระเยซูคริสต์เป็นผู้เผยให้ข้าพเจ้าทราบ 13 ด้วยว่าพวกท่านได้ทราบถึงวิถีชีวิตเดิมของข้าพเจ้า ครั้งที่ยังเชื่อในศาสนายิว ข้าพเจ้าเคยกดขี่ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้าอย่างรุนแรง และพยายามจะทำลายคริสตจักรให้สาบสูญไป 14 ในทางศาสนายิว ข้าพเจ้าก้าวหน้ากว่าพวกพ้องที่อยู่ในวัยเดียวกันอยู่หลายคน อีกทั้งยังเคร่งครัดต่อประเพณีนิยมของบรรพบุรุษของข้าพเจ้าอย่างที่สุด 15 แต่เมื่อพระองค์ผู้แต่งตั้งข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้าอยู่ในครรภ์มารดา มีความยินดี และเรียกข้าพเจ้าโดยพระคุณของพระองค์ 16 โปรดให้ข้าพเจ้าเห็นพระบุตรของพระองค์ เพื่อข้าพเจ้าจะได้ประกาศเรื่องของพระองค์ในหมู่คนนอก[a] ข้าพเจ้าไม่ได้ขอคำแนะนำจากมนุษย์คนใด 17 ข้าพเจ้าไม่ได้ขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็มเพื่อพบกับบรรดาผู้เป็นอัครทูตรุ่นก่อนข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าได้เข้าไปในอาณาเขตอาระเบีย และกลับมายังเมืองดามัสกัสอีกครั้งหนึ่ง

18 สามปีต่อมาข้าพเจ้าขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็มเพื่อทำความคุ้นเคยกับเคฟาส[b] และพักอยู่กับเขาเป็นเวลา 15 วัน 19 ข้าพเจ้าไม่ได้พบอัครทูตอื่นๆ ยกเว้นยากอบน้องชายของพระเยซูเจ้า 20 สิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนถึงพวกท่านต่อหน้าพระเจ้า ข้าพเจ้าพูดความจริงทั้งสิ้น 21 หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็เข้าไปยังเขตแดนแคว้นซีเรียและซีลีเซีย 22 ในหมู่คริสตจักรของพระคริสต์ในแคว้นยูเดีย ยังไม่เคยมีใครรู้จักข้าพเจ้ามาก่อน 23 พวกเขาเพียงแต่ได้ยินกันว่า “บัดนี้ คนที่เคยกดขี่ข่มเหงพวกเรา กลับเปลี่ยนมาประกาศความเชื่อที่เขาเคยพยายามทำลายล้างมาก่อน” 24 พวกเขาเหล่านั้นจึงสรรเสริญพระเจ้า เพราะสิ่งที่พระองค์กระทำผ่านข้าพเจ้า

เอเสเคียล 28

การเผยความกล่าวโทษผู้นำของไทระ

28 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพูดกับผู้นำของไทระ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า

‘เพราะว่าใจของเจ้ายโส
    และเจ้าได้พูดดังนี้ว่า “เราเป็นเทพเจ้า
เรานั่งบนที่ของบรรดาเทพเจ้า
    ที่ใจกลางทะเล”
แต่เจ้าเป็นก็เพียงมนุษย์ ไม่ใช่เทพเจ้า
    แม้เจ้าคิดว่า เจ้าฉลาดเท่าเทียมกับพระเจ้า
เจ้าเรืองปัญญากว่าดาเนียลหรือ
    ไม่มีความลับใดที่ซ่อนเร้นไปจากเจ้าได้หรือ
เจ้าสะสมความมั่งคั่งให้แก่ตัวเจ้าเองได้
    จากสติปัญญาและความเข้าใจของเจ้า
และได้เก็บทองคำและเงิน
    เข้าคลังสมบัติของเจ้า
เจ้าเพิ่มพูนความมั่งคั่งของเจ้าได้
    เพราะสติปัญญาในการค้า
และใจของเจ้าเกิดยโส
    ในความมั่งคั่งของเจ้า’

ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า

‘เพราะเจ้าคิดว่าเจ้าฉลาด
    เท่าเทียมกับพระเจ้า
เรากำลังนำบรรดาชาวต่างชาติมาโจมตีเจ้า
    พวกเขาโหดร้ายที่สุดในบรรดาประชาชาติ
และจะชักดาบของตนสู้กับความงามแห่งสติปัญญาของเจ้า
    และจะทำให้ความรุ่งโรจน์ของเจ้าเป็นมลทิน
พวกเขาจะโยนเจ้าลงในหลุมแห่งแดนคนตาย
    และเจ้าจะตายอย่างแสนทรมาน
    ณ ใจกลางทะเล
เจ้ายังจะพูดดังนี้อีกหรือว่า “เราเป็นเทพเจ้า”
    ต่อหน้าบรรดาผู้ที่ฆ่าเจ้า
แม้เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า
    ซึ่งอยู่ในมือของบรรดาผู้ที่สังหารเจ้า
10 เจ้าจะตายอย่างคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
    ด้วยมือของชนต่างชาติ
    เพราะเราได้พูดแล้ว’”

พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

ร้องคร่ำครวญให้กับกษัตริย์ของไทระ

11 ยิ่งกว่านั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 12 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงร้องคร่ำครวญให้กับกษัตริย์ของไทระ และพูดกับเขาว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้

‘เจ้าเป็นแบบอย่างของความเพียบพร้อม
    กอปรด้วยสติปัญญา และงดงามอย่างหาที่ติมิได้
13 เจ้าเคยอยู่ในเอเดน
    สวนของพระเจ้า
เจ้าสวมแต่งด้วยเพชรนิลจินดาทุกชนิดอันได้แก่
    ทับทิม บุษราคัม และมรกต
โกเมน พลอยหลากสี และมณีสีเขียว
    นิลสีคราม พลอยสีฟ้า และแก้วผลึกสีเขียวปนน้ำเงิน
    ซึ่งประดับวางในกรอบทองคำ
เจ้าได้รับการตกแต่งเช่นนี้ตั้งแต่
    วันที่เจ้าถูกสร้างขึ้น
14 เจ้าได้รับการเจิมให้เป็นเครูบผู้ปกปักรักษา
    เพราะเราแต่งตั้งให้เจ้าเป็นอย่างนั้น
เจ้าเคยอยู่บนภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระเจ้า
    เจ้าก้าวเดินอยู่ท่ามกลางเพชรนิลจินดาที่ส่องประกาย
15 วิถีทางของเจ้าไม่มีที่ติตั้งแต่
    วันที่เจ้าถูกสร้างขึ้น
    จนกระทั่งพบว่าความชั่วร้ายอยู่ในตัวเจ้า
16 การค้าของเจ้าทำให้เจ้ามั่งมีมหาศาล
    เจ้าเต็มด้วยความป่าเถื่อน
    และเจ้าทำบาป
เราจึงเหวี่ยงเจ้าราวกับว่า เจ้าเป็นสิ่งที่น่าอัปยศไปจากภูเขาของพระเจ้า
    และเรากำจัดเจ้าออกไปจากท่ามกลาง
    เพชรนิลจินดาที่ส่องประกาย
โอ เครูบผู้ปกปักรักษาเอ๋ย
17     ใจของเจ้ายโสเพราะความงามของเจ้า
เจ้าใช้สติปัญญาในทางคดโกง
    เพราะเจ้าคิดจะหาความรุ่งโรจน์
เราจึงเหวี่ยงเจ้าลงบนพื้นโลก
    เราทำให้เจ้าตกเป็นเป้าสายตาของบรรดากษัตริย์
18 เจ้าได้ทำให้ที่พักของเจ้าเป็นที่ดูหมิ่น
    เพราะบาปมากมายและ
    การค้าทุจริต
เราจึงทำให้ไฟออกมาจากเจ้า
    และไฟเผาผลาญเจ้า
และเราทำให้เจ้าเป็นเถ้าถ่านบนพื้นดิน
    ต่อหน้าต่อตาทุกคนที่มองดูเจ้า
19 ทุกคนที่รู้จักเจ้าในบรรดาชนชาติ
    ตกตะลึงในตัวเจ้า
เจ้าได้มาถึงจุดจบอันน่าหวาดกลัว
    และจะไม่มีเจ้าอีกต่อไป’”

การเผยความกล่าวโทษไซดอน

20 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 21 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าสู่ไซดอน และเผยความต่อต้านเมือง 22 และจงพูดว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้

‘ดูเถิด ไซดอนเอ๋ย เราจะขัดขวางเจ้า
    และบารมีของเราจะปรากฏในท่ามกลางเจ้า
แล้วพวกเขาจะรู้ว่า
    เราคือพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเราลงโทษนาง
    และความบริสุทธิ์ของเราจะปรากฏในตัวนาง
23 เราจะให้เกิดโรคระบาดในตัวนาง
    และให้เลือดหลั่งที่ถนนของนาง
คนที่ถูกสังหารจะล้มตายในท่ามกลางนาง
    ด้วยคมดาบที่โจมตีนางทุกแห่งหน
แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

24 ส่วนพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะไม่มีพุ่มไม้หนามทิ่มแทง หรือหนามทำให้พวกเขาเจ็บปวดท่ามกลางบรรดาเพื่อนบ้านที่กระทำต่อเขาด้วยความดูหมิ่น แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่’”

อิสราเอลอยู่ด้วยความปลอดภัย

25 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เมื่อเรารวบรวมพงศ์พันธุ์อิสราเอลจากท่ามกลางชนชาติที่พวกเขาได้กระจัดกระจายไปอยู่ด้วย เราจะให้ความบริสุทธิ์ของเราปรากฏในหมู่พวกเขา ให้บรรดาประชาชาติเห็น แล้วพวกเขาจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเองซึ่งเรามอบให้แก่ยาโคบผู้รับใช้ของเรา 26 และพวกเขาจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินด้วยความปลอดภัย พวกเขาจะสร้างบ้านและปลูกไร่องุ่น พวกเขาจะอาศัยอยู่ด้วยความปลอดภัย เมื่อเราลงโทษชาติรอบข้างของเขาซึ่งปฏิบัติต่อเขาด้วยความดูหมิ่น แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา”

สดุดี 77

อุ่นใจเมื่อระลึกถึงความเมตตาของพระเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองของเยดูธูน เพลงสดุดีของอาสาฟ

ข้าพเจ้าส่งเสียงร้องถึงพระเจ้า
    ส่งเสียงร้องถึงพระเจ้า หวังจะให้พระองค์ได้ยินข้าพเจ้า
ในวันอันทุกข์ยากข้าพเจ้าแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
    ในยามค่ำคืนข้าพเจ้ายกมือขึ้นอย่างไม่อ่อนล้า
    แต่จิตวิญญาณของข้าพเจ้าไม่ยอมรับการปลอบประโลม
ข้าพเจ้าระลึกถึงพระเจ้า และคร่ำครวญ
    ข้าพเจ้าใคร่ครวญ แต่วิญญาณของข้าพเจ้าอ่อนระโหย เซล่าห์

พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามิอาจหลับตาลงได้
    ข้าพเจ้าเป็นทุกข์หนักจนมิอาจเอ่ยปากได้
ข้าพเจ้าคิดย้อนไปในวันเก่าๆ
    ระลึกถึงปีก่อนๆ ที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว
ยามราตรีข้าพเจ้าระลึกถึงเพลง
    และจะใคร่ครวญอยู่ในใจ
    และวิญญาณข้าพเจ้าหมั่นแสวงหา
“พระผู้เป็นเจ้าจะปฏิเสธพวกเราเสมอไป
    และจะไม่มีวันโปรดปรานอีกต่อไปหรือ
ความรักอันมั่นคงของพระองค์จบลงโดยสิ้นเชิงแล้วหรือ
    ความสัตย์จริงของพระองค์จะสิ้นความหมายไปแล้วในทุกยุคทุกสมัยหรือ
พระเจ้าลืมความกรุณาเสียแล้วหรือ
    ความกริ้วของพระองค์ปิดกั้นความสงสารของพระองค์ไปแล้วหรือ” เซล่าห์

10 ดังนั้น สิ่งที่ข้าพเจ้าจะกล่าวก็คือ
    “ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าเสียนี่กระไร อานุภาพอันยิ่งใหญ่ขององค์ผู้สูงสุดเปลี่ยนไปเสียแล้ว”
11 ข้าพเจ้าจะนึกถึงสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากระทำ
    เพราะข้าพเจ้าจะจำสิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์แต่ครั้งเก่าก่อนได้
12 ข้าพเจ้าตริตรองถึงการงานของพระองค์
    และใคร่ครวญถึงการกระทำอันเต็มด้วยอานุภาพของพระองค์

13 โอ พระเจ้า วิถีทางของพระองค์บริสุทธิ์
    มีเทพเจ้าใดที่ยิ่งใหญ่เท่าเทียมกับพระเจ้าของเรา
14 พระองค์เป็นพระเจ้าผู้แสดงสิ่งมหัศจรรย์
    พระองค์ให้พละกำลังเป็นที่ประจักษ์ในบรรดาชนชาติ
15 ด้วยอานุภาพของพระองค์ พระองค์ไถ่ชนชาติของพระองค์
    คือลูกหลานของยาโคบและโยเซฟ เซล่าห์

16 เมื่อน่านน้ำแลเห็นพระองค์ โอ พระเจ้า
    เมื่อน่านน้ำแลเห็นพระองค์ก็ยำเกรง
    และห้วงน้ำลึกสั่นสะเทือน
17 หมู่เมฆหลั่งฝน
    ท้องฟ้าส่งเสียงครืนครั่น
    ฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่วทุกแห่งหน
18 เสียงฟ้าร้องครืนครั่นมากับพายุหมุน
    ประกายจากสายฟ้าทำให้โลกกระจ่าง
    แผ่นดินโลกสั่นสะเทือนและสั่นไหว
19 พระองค์นำทางผ่านท้องทะเลไป
    พระองค์ก้าวผ่านไปทางทะเลลึก
    ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครเห็นรอยเท้าของพระองค์
20 พระองค์นำคนของพระองค์ไปเหมือนนำฝูงแกะ
    โดยมีโมเสสและอาโรนเป็นผู้บัญชาการ

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation