M’Cheyne Bible Reading Plan
การกบฏของเชบะ
20 บังเอิญที่นั่นมีคนพาลชื่อ เชบะ บุตรของบิครีชาวเบนยามิน เขาเป่าแตรงอนและพูดว่า
“พวกเราไม่มีสิทธิ์ในดาวิด
และพวกเราไม่มีมรดกในบุตรของเจสซี
โอ อิสราเอลเอ๋ย กลับไปบ้านของตนเถิด”
2 ดังนั้นชาวอิสราเอลทั้งปวงจึงถอนตัวจากดาวิดไปติดตามเชบะบุตรของบิครี แต่ชาวยูดาห์ติดตามกษัตริย์ของพวกเขาอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนถึงเยรูซาเล็ม
3 ดาวิดมายังวังของท่านที่เยรูซาเล็ม และให้พาภรรยาน้อย 10 คนที่ท่านได้ปล่อยไว้ให้ดูแลวังมากักอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง และท่านยังเลี้ยงดูพวกนาง แต่ไม่มีเพศสัมพันธ์กับนางอีก ดังนั้น พวกนางจึงถูกกักบริเวณไว้ในฐานะแม่ม่ายจนวันสิ้นชีวิต[a]
4 กษัตริย์กล่าวกับอามาสาว่า “จงบอกชาวยูดาห์ให้มาประชุมกับเราภายใน 3 วัน และท่านจงมาที่นี่ด้วย” 5 ดังนั้นอามาสาจึงไปบอกชาวยูดาห์ แต่เขาล่าช้าเกินกำหนดเวลาที่ให้ไว้ 6 ดาวิดกล่าวกับอาบีชัยว่า “บัดนี้เชบะบุตรของบิครีจะเป็นภัยต่อเราเสียยิ่งกว่าอับซาโลม จงใช้ทหารรับใช้ของเจ้านายของเจ้าให้ไปตามล่าเขา มิฉะนั้นเขาจะหลบหนีเรา ไปอยู่ในเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งได้” 7 ดังนั้นทหารจากทัพของโยอาบ ชาวเคเรธ ชาวเปเลท และนักรบผู้เก่งกล้าทั้งหมดจึงตามเขาไป เขาทั้งปวงไปจากเยรูซาเล็มเพื่อตามล่าเชบะบุตรของบิครี 8 เมื่อมาถึงหินก้อนใหญ่ที่อยู่ในเมืองกิเบโอน อามาสามาพบพวกเขา ฝ่ายโยอาบสวมชุดทหาร มีเข็มขัดคาดดาบอยู่ในฝักห้อยที่ต้นขา และเมื่อเขาเดินก้าวไป ดาบก็หลุดออกจากฝัก 9 โยอาบถามอามาสาว่า “พี่ชายสบายดีหรือ” และโยอาบเอามือขวาจับเคราอามาสา เพื่อจูบแก้มเขา 10 แต่อามาสาไม่ได้สังเกตเห็นดาบที่อยู่ในมือโยอาบ ดังนั้นโยอาบจึงใช้ดาบแทงท้องของอามาสา และไส้ทะลักลงดินโดยไม่ต้องแทงครั้งที่สอง และเขาก็ตาย
แล้วโยอาบกับอาบีชัยน้องชายก็ตามล่าเชบะบุตรของบิครี 11 ชายหนุ่มคนหนึ่งในพรรคพวกของโยอาบยืนอยู่ข้างอามาสา และพูดว่า “ใครก็ตามที่เห็นชอบกับโยอาบ และใครก็ตามที่อยู่ฝ่ายดาวิด ให้เขาติดตามโยอาบไป” 12 และร่างของอามาสาจมอยู่ในกองเลือดของตนที่ถนน ทหารคนหนึ่งสังเกตเห็นว่าคนที่เดินผ่านมาเห็นร่างเขา ก็จะหยุดดู เขาจึงลากศพจากถนนไปไว้ในทุ่งนา และใช้ผ้าปิดร่างเขา 13 เมื่อศพเขาถูกลากไปจากถนนแล้ว ทหารทุกคนที่นั่นจึงติดตามโยอาบ เพื่อไปตามล่าเชบะบุตรของบิครี
14 และเชบะผ่านทุกเผ่าของอิสราเอลไปจนถึงเมืองอาเบลเบธมาอาคาห์ และชาวเบรีอาห์ทุกคนมารวมกันและติดตามเขาเข้าไปในเมือง 15 ทหารทุกคนที่อยู่กับโยอาบมาถึงและล้อมเมืองอาเบลเบธมาอาคาห์ พวกเขาก่อเชิงเทินไปจนถึงเมือง เป็นเนินสูงชิดกับด้านนอกของป้อมปราการ ในขณะที่ทะลวงกำแพงให้ทลายลง 16 มีหญิงผู้เรืองปัญญาคนหนึ่งร้องตะโกนจากเมืองว่า “ฟังก่อน ฟังก่อน ช่วยบอกโยอาบว่า ‘มาที่นี่หน่อย เราอยากจะพูดกับท่าน’” 17 โยอาบเข้าไปใกล้นาง และหญิงคนนั้นถามว่า “ท่านคือโยอาบหรือ” เขาตอบว่า “ใช่แล้ว” และนางพูดกับเขาว่า “โปรดฟังคำของผู้รับใช้ของท่าน” เขาตอบว่า “เรากำลังฟังอยู่” 18 นางพูดว่า “ในสมัยก่อนผู้คนพูดกันว่า ‘ให้เขาไปเอาคำตอบที่อาเบล’ แล้วพวกเขาก็ตกลงกันได้ 19 เราเป็นคนหนึ่งที่รักสันติและความมั่นคงในอิสราเอล ท่านประสงค์ที่จะทำลายเมืองอันเป็นที่คารวะในอิสราเอล ทำไมท่านจึงจะทำร้ายสิ่งที่เป็นของพระผู้เป็นเจ้า” 20 โยอาบตอบว่า “ไม่มีวัน ไม่มีวันที่เราจะทำร้ายหรือทำลาย 21 เรื่องนั้นไม่เป็นความจริง แต่ชายคนหนึ่งจากเทือกเขาของเอฟราอิม ชื่อเชบะบุตรบิครี ได้ลุกขึ้นต่อต้านกษัตริย์ดาวิด จงมอบตัวเขาเพียงคนเดียว และเราจะถอยทัพออกจากเมืองนี้” หญิงคนนั้นตอบโยอาบว่า “ดูเถิด ศีรษะของเขาจะถูกโยนข้ามกำแพงเมืองออกไปให้ท่าน” 22 แล้วหญิงคนนั้นก็ใช้สติปัญญาให้คำแนะนำแก่ประชาชนของเมือง และเขาทั้งหลายก็ตัดศีรษะของเชบะบุตรของบิครี และโยนออกไปให้โยอาบ ดังนั้นโยอาบจึงเป่าแตรงอน พวกทหารก็กระจัดกระจายออกไปจากเมือง ต่างคนต่างก็กลับไปยังบ้านของตน และโยอาบกลับไปหากษัตริย์ที่เยรูซาเล็ม
23 โยอาบเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพทั้งหมดของอิสราเอล และเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาเป็นผู้บังคับบัญชาของชาวเคเรธและชาวเปเลท 24 และอาโดรามควบคุมพวกที่ถูกเกณฑ์มาทำงานหนัก เยโฮชาฟัทบุตรของอาหิลูดเป็นผู้บันทึกสาสน์ 25 และเช-วาเป็นเลขา ศาโดกและอาบียาธาร์ปุโรหิต 26 และอิราชาวยาอีร์เป็นปุโรหิตของดาวิดด้วย
เปาโลตักเตือนชาวโครินธ์เป็นครั้งสุดท้าย
13 ครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม ที่ข้าพเจ้ามาเยี่ยมท่าน “ข้อกล่าวหาทุกข้อจะต้องมีพยานปาก 2 หรือ 3 คน จึงจะถือเป็นหลักฐานยืนยันได้”[a] 2 คราวที่ข้าพเจ้ามาเยี่ยมท่านในครั้งที่สอง ข้าพเจ้าได้เตือนพวกที่ทำบาปมาก่อน และคนอื่นๆ ด้วย บัดนี้ขอเตือนในขณะที่ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ด้วยว่า ถ้าข้าพเจ้ากลับมาอีกครั้ง ข้าพเจ้าจะไม่ละเว้นพวกเขาแน่ 3 เนื่องจากท่านต้องการพิสูจน์ว่า พระคริสต์กล่าวผ่านข้าพเจ้า พระองค์ไม่ได้ปฏิบัติต่อท่านอย่างอ่อนแอ แต่มีอานุภาพยิ่งท่ามกลางพวกท่าน 4 จริงทีเดียว พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขนในความอ่อนแอ แต่พระองค์มีชีวิตอยู่ด้วยอานุภาพของพระเจ้า ในวิธีเดียวกันคือ เราอ่อนแอด้วยกับพระองค์ แต่ด้วยอานุภาพของพระเจ้า เราก็จะมีชีวิตอยู่ด้วยกันกับพระองค์เพื่อรับใช้ท่าน
5 จงพิจารณาตนเอง ท่านมีความเชื่อหรือไม่ จงทดสอบตนเอง ท่านไม่ตระหนักหรือว่าพระเยซูคริสต์อยู่ในตัวท่าน นอกเสียจากว่าท่านจะไม่ผ่านการทดสอบ 6 ข้าพเจ้าหวังว่า ท่านจะตระหนักว่าเราเองผ่านการทดสอบ 7 เราอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อท่านจะไม่ประพฤติผิด มิใช่เพื่อให้ดูเหมือนว่า เราผ่านการทดสอบแล้ว แต่เพื่อท่านจะได้ประพฤติอย่างถูกต้อง แม้จะทำให้ดูราวกับว่าเราเองก็ไม่ผ่านการทดสอบก็ตาม 8 เพราะเราไม่สามารถกระทำสิ่งใดที่แย้งกับความจริง แต่ทำเพื่อความจริงเท่านั้น 9 เรายินดีเมื่อเราเองอ่อนแอในยามที่พวกท่านแข็งแรง เราอธิษฐานด้วยว่า พระเจ้าจะทำให้พวกท่านบรรลุถึงความเพียบพร้อมทุกประการ 10 ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงเขียนเรื่องเหล่านี้เมื่อข้าพเจ้าไม่ได้อยู่กับท่าน เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้ามาอยู่ด้วยจะได้ไม่ต้องกร้าวกับท่าน เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ให้อำนาจที่ข้าพเจ้าได้รับมอบเพื่อเสริมสร้างท่าน ไม่ใช่เพื่อทำลาย
คำลงท้าย
11 ในที่สุด พี่น้องเอ๋ย จงยินดีเถิด จงมุ่งมั่นที่จะเป็นคนดีเพียบพร้อมทุกประการ ทำตามคำแนะนำของข้าพเจ้า จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อยู่กันอย่างสันติสุขเถิด แล้วพระเจ้าแห่งความรักและสันติสุขจะอยู่กับท่าน 12 จงทักทายกันด้วยการจูบแก้ม[b]อันบริสุทธิ์ 13 บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคนฝากความคิดถึงมายังพวกท่าน
14 ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า ความรักของพระเจ้า และสามัคคีธรรมของพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงอยู่กับท่านทุกคนเถิด
ร้องคร่ำครวญให้กับเมืองไทระ
27 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย บัดนี้เจ้าจงร้องคร่ำครวญถึงเมืองไทระ 3 และพูดกับเมืองไทระที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าสู่ทะเล ศูนย์แห่งการค้าของบรรดาชนชาติของหมู่เกาะต่างๆ” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า
“โอ ไทระเอ๋ย เจ้าได้พูดดังนี้
‘เรางดงามอย่างหาที่ติมิได้’
4 อาณาเขตของเจ้ารอบด้านอยู่ที่ใจกลางทะเล
บรรดาผู้ที่สร้างเจ้าทำให้ความงามของเจ้าเพียบพร้อม
5 พวกเขาทำไม้แปรรูปทั้งหมด
ด้วยไม้สนจากเสนีร์
พวกเขาใช้ไม้ซีดาร์จากเลบานอน
ทำเสากระโดงให้เจ้าเสาหนึ่ง
6 พวกเขาใช้ไม้โอ๊กจากบาชาน
ทำกรรเชียงของเจ้า
และใช้ไม้สนจากชายฝั่งไซปรัส
ทำดาดฟ้าซึ่งฝังด้วยงาช้าง
7 ใบเรือของเจ้าทำด้วยผ้าป่านเนื้อดี
ปักลวดลายจากอียิปต์
ใช้เป็นธงชัยของเจ้า
ที่กันสาดดาดฟ้าของเจ้าเป็นสีน้ำเงินและม่วง
ได้มาจากเกาะเอลีชาห์
8 ชาวเมืองแห่งไซดอนและอาร์วัด
เป็นฝีพายของเจ้า
โอ ไทระเอ๋ย บรรดาผู้ชำนาญของเจ้าอยู่ในเจ้า
พวกเขาเป็นคนนำร่องของเจ้า
9 บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของเกบาล และบรรดาผู้ชำนาญอยู่ในเจ้า
เป็นช่างซ่อมและชันเรือให้เจ้า
เรือทุกลำในท้องทะเลพร้อมกับกะลาสีเรืออยู่ในเจ้า
เพื่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าของเจ้า
10 เปอร์เซีย ลูด และพูตเป็นทหารศึกอยู่ในกองทัพของเจ้า พวกเขาแขวนโล่และหมวกเหล็กที่กำแพงของเจ้า และทำให้เจ้ารุ่งโรจน์ 11 บุตรหลานชาวอาร์วัดและเฮเลคเฝ้ากำแพงที่อยู่ล้อมรอบ และชาวกามัดอยู่ในหอคอยของเจ้า พวกเขาแขวนโล่ที่รอบกำแพง พวกเขาทำให้ความงามของเจ้าเพียบพร้อม
12 ทาร์ชิชทำการค้ากับเจ้าก็เพราะความมั่งคั่งของเจ้าในทุกสิ่ง พวกเขาแลกเปลี่ยนสินค้าของเจ้าด้วยเงิน เหล็กกล้า ดีบุก และตะกั่ว 13 ยาวาน ทูบัล และเมเชค[a]ทำการค้ากับเจ้า พวกเขาเอาคนและภาชนะทองสัมฤทธิ์มาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า 14 คนจากเบธโทการ์มาห์เอาม้าใช้งาน ม้าศึก และล่อ เป็นสินค้าแลกเปลี่ยน 15 ลูกหลานของเดดานทำการค้ากับเจ้า หมู่เกาะหลายแห่งเป็นตัวแทนสินค้าของเจ้า พวกเขานำงาช้างและไม้มะเกลือมาจ่ายเป็นค่าสินค้าให้เจ้า 16 อารัม[b]ทำการค้ากับเจ้าเพราะเจ้ามีสินค้ามากมายนัก พวกเขาใช้มรกต ผ้าสีม่วง งานปักลวดลาย ผ้าป่านเนื้อดี ปะการัง และทับทิม เพื่อแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า 17 ยูดาห์และดินแดนของอิสราเอลทำการค้ากับเจ้า พวกเขาใช้ข้าวสาลีจากเมืองมินนิท ขนมหวาน น้ำผึ้ง น้ำมัน และยางไม้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า 18 ดามัสกัสทำการค้ากับเจ้าเพราะเจ้ามีสินค้ามากมายนัก เพราะความมั่งคั่งของเจ้าในทุกสิ่ง พวกเขาใช้เหล้าองุ่นจากเฮลโบนและขนสัตว์จากซาคาร์แลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า 19 ชาวดานและยาวานจากอุซาลซื้อสินค้าของเจ้า พวกเขาใช้เหล็กดัด การบูร และอ้อหอมแลกเปลี่ยนกับสินค้าของเจ้า 20 เมืองเดดานค้าขายกับเจ้าเพื่อแลกกับผ้าสำหรับทำอานม้า 21 อาระเบียและบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ของเคดาร์แลกเปลี่ยนสินค้าที่ถูกใจเจ้า พวกเขามีลูกแกะ แกะผู้ และแพะ 22 บรรดาพ่อค้าแห่งเช-บาและราอามาห์ทำการค้ากับเจ้า พวกเขาแลกเปลี่ยนสินค้าของเจ้าด้วยเครื่องเทศชนิดดีที่สุดทุกชนิด และเพชรนิลจินดาทุกชนิดและทองคำ 23 เมืองฮาราน คานเนห์ และเอเดน พ่อค้าจากเช-บา อัชชูร์และคิลมาดทำการค้ากับเจ้า 24 เมืองเหล่านี้ค้าขายกับเจ้าในแหล่งการตลาดด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ ผ้าสีน้ำเงินและผ้าปักลวดลาย ด้วยพรมหลายสี ซึ่งมีเชือกมัดกระชับอย่างดี 25 เรือจากทาร์ชิชบรรทุกสินค้าของเจ้าไปขาย เจ้ามีสินค้าบรรทุกจนเพียบ ณ ใจกลางทะเล
26 พวกฝีพายของเจ้าได้นำเจ้า
ล่องไปสู่ทะเลไกล
ลมตะวันออกได้ทำให้เรือเจ้าแตก
ที่ใจกลางทะเล
27 ความมั่งคั่งของเจ้า สินค้าซื้อขาย
และสินค้าแลกเปลี่ยนของเจ้า
ลูกเรือและนายเรือของเจ้า
ช่างซ่อมและชันเรือของเจ้า
บรรดาผู้เจรจาค้าขายของเจ้า
และนักรบทุกคนที่อยู่ในเรือ
และคนอื่นๆ ที่อยู่ในหมู่เจ้าจะจมอยู่
ใจกลางทะเลในวันที่เรือแตก
28 ฝั่งทะเลจะสั่นสะเทือน
เมื่อนายเรือตะโกนร้อง
29 ทุกคนที่ถือกรรเชียง
จะสละเรือ
พวกลูกเรือและนายเรือ
จะยืนบนฝั่งทะเล
30 พวกเขาจะส่งเสียงร้องตะโกน
และร้องไห้อย่างขมขื่น
ปาขี้เถ้าบนหัวตนเอง
และเกลือกกลิ้งบนขี้เถ้า
31 ที่พวกเขาจะโกนผมก็เป็นเพราะเจ้า
และใช้ผ้ากระสอบคาดเอว
และร้องคร่ำครวญด้วยจิตใจอันเจ็บปวดรวดร้าว
และร้องรำพันอย่างขมขื่นเพื่อเจ้า
32 ขณะที่พวกเขาส่งเสียงร้อง พวกเขาจะร้องคร่ำครวญ
พวกเขาจะร้องคร่ำครวญถึงเจ้าว่า
‘ใครเป็นเหมือนไทระ
เหมือนเมืองที่ถูกทำลายจนพินาศในท่ามกลางทะเล’
33 เมื่อสินค้าของเจ้าส่งออกไปทางทะเล
เจ้าทำให้คนจำนวนมากพอใจ
เจ้าทำให้บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกพรั่งพร้อม
ด้วยความมั่งคั่งและสินค้าของเจ้ามากมาย
34 บัดนี้เจ้าถูกทะเลทำลาย
ในห้วงน้ำลึก
สินค้าและคนร่วมเดินทางทุกคนของเจ้าที่อยู่ด้วยกับเจ้า
ก็จมดิ่งไปกับเจ้าด้วย
35 บรรดาผู้อยู่อาศัยทั้งปวงบนหมู่เกาะ
ตกตะลึงเพราะเจ้า
บรรดากษัตริย์ขนลุกขนพองด้วยความหวาดหวั่น
และหน้าสลดด้วยความกลัว
36 บรรดาพ่อค้าในหมู่ชนชาติเหน็บแนมเจ้า
เจ้าได้มาถึงจุดจบอันน่าหวาดกลัว
และจะไม่มีเจ้าอีกต่อไป”
พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนอง “อย่าทำลาย” เพลงสดุดีของอาสาฟ บทเพลง
1 พวกเราขอบคุณพระองค์ โอ พระเจ้า
พวกเราขอบคุณเพราะพระองค์อยู่ใกล้
ผู้คนประกาศถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์กระทำ
2 พระองค์กล่าวว่า “เราจะเลือกเวลาตามที่ได้กำหนดไว้
เราจะตัดสินด้วยความชอบธรรม
3 เมื่อแผ่นดินโลกและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกสั่นไหว
เรานั่นแหละเป็นผู้ทำให้ฐานรากมั่นคงไว้ เซล่าห์
4 เราบอกคนขี้อวดว่า ‘อย่าโอ้อวดเลย’
และบอกคนชั่วว่า ‘อย่าเอาพละกำลังของเจ้ามาอวดอ้างเลย
5 อย่ายกพละกำลังของเจ้าขึ้นมาเหนือสิ่งอื่น
หรือเชิดหน้าเวลาพูดจา’”
6 เพราะว่าไม่มีผู้ใดจากทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตก
หรือจากถิ่นทุรกันดารที่จะถูกเชิดจนสูงขึ้นได้
7 เพราะพระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน
พระองค์ทำให้คนหนึ่งถ่อมลง และให้อีกคนได้รับการยกย่อง
8 เพราะถ้วยอยู่ในมือของพระผู้เป็นเจ้า
มีเหล้าองุ่นผสมไว้ผุดเป็นฟอง
เวลาพระองค์เทออก พวกคนชั่วทั้งปวงบนแผ่นดินโลกก็พากันดื่ม
อย่างแน่นอน ดื่มจนเกลี้ยง
ไม่เหลือแม้ก้นตะกอนด้วยซ้ำ
9 สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะประกาศไปตลอดกาล
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของยาโคบ
10 พระองค์จะกำจัดพละกำลังทั้งหมดของคนชั่วร้าย
ส่วนพละกำลังของบรรดาผู้มีความชอบธรรมจะถูกเชิดชูขึ้น
การตัดสินของพระเจ้าผู้มีมหิทธานุภาพ
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ด้วยเครื่องสาย เพลงสดุดีของอาสาฟ บทเพลง
1 พระเจ้าเป็นที่รู้จักในยูดาห์
พระนามของพระองค์ใหญ่ยิ่งในอิสราเอล
2 กระโจมของพระองค์อยู่ในซาเล็ม[a]
และที่พำนักของพระองค์อยู่ในศิโยน
3 ณ ที่นั่น พระองค์หักลูกธนูที่กำลังลุกเป็นไฟ
ทั้งโล่ ดาบ และอาวุธยุทธภัณฑ์ เซล่าห์
4 พระองค์สง่างาม
ยิ่งใหญ่กว่าเทือกเขาแห่งนิรันดร์กาล
5 พวกทหารใจเด็ดถูกริบข้าวของจนหมดสิ้น
พวกเขาหลับอยู่ในความตาย
ไม่มีชายผู้กล้าหาญสักคน
ที่สามารถขยับมือได้
6 โอ พระเจ้าของยาโคบ เมื่อพระองค์บอกห้าม
ทั้งม้าและคนขับรถศึกต่างก็นอนตาย
7 โอ พระองค์ พระองค์เป็นที่น่าเกรงขาม
ใครจะสามารถยืน ณ เบื้องหน้าพระองค์ได้เวลาพระองค์กริ้ว
8 พระองค์ประกาศคำตัดสินจากสวรรค์
แผ่นดินโลกเกรงกลัวและเงียบสนิท
9 โอ พระเจ้า เวลาพระองค์ลุกขึ้นตัดสิน
เพื่อให้ผู้ถูกบีบบังคับทั้งปวงบนแผ่นดินโลกรอดพ้น เซล่าห์
10 ด้วยว่า ความฉุนเฉียวของมนุษย์กลับกลายเป็นคำสรรเสริญพระองค์
และความเดือดดาลที่ยังหลงเหลืออยู่นั้น กลับกลายเป็นเครื่องประดับของพระองค์
11 จงทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
ให้ทุกคนที่อยู่รายรอบพระองค์
นำเครื่องบรรณาการมาถวายแด่องค์ผู้น่าเกรงขาม
12 พระองค์ทำให้บรรดาผู้ปกครองบ้านเมืองถูกเหยียดลง
และทำให้บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกยำเกรงพระองค์
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation