M’Cheyne Bible Reading Plan
หุชัยช่วยดาวิด
17 ยิ่งไปกว่านั้น อาหิโธเฟลพูดกับอับซาโลมว่า “ให้ข้าพเจ้าเลือกทหาร 12,000 คน และข้าพเจ้าจะออกไปตามล่าดาวิดคืนนี้ 2 ข้าพเจ้าจะโจมตีในขณะที่ดาวิดอ่อนกำลังและท้อถอย ท่านจะได้หวาดผวา และพวกที่อยู่กับท่านก็จะเผ่นหนีไป ข้าพเจ้าจะสังหารก็เพียงกษัตริย์เท่านั้น 3 ข้าพเจ้าจะนำทุกคนกลับมาให้ท่านประหนึ่งเจ้าสาวกลับบ้านเพื่อมาหาสามีของเธอ ท่านหมายจะเอาชีวิตของดาวิดคนเดียวเท่านั้น แล้วคนทั้งปวงก็จะอยู่อย่างสันติสุข” 4 และคำแนะนำนั้นเป็นที่พอใจของอับซาโลมและบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอล
5 และอับซาโลมกล่าวว่า “จงเรียกหุชัยชาวอาร์คีให้มาหาเราด้วย เราจะได้รู้ว่าเขาคิดอย่างไร” 6 เมื่อหุชัยมาหาอับซาโลม อับซาโลมถามเขาว่า “อาหิโธเฟลพูดอย่างนี้แล้ว เราควรจะทำตามที่เขาบอกหรือไม่ ถ้าไม่ ท่านก็ว่ามา” 7 หุชัยตอบอับซาโลมว่า “ครั้งนี้อาหิโธเฟลให้คำปรึกษาที่ไม่ดี” 8 หุชัยพูดว่า “ท่านทราบว่าบิดาของท่านและพรรคพวกเป็นทหารกล้า และกำลังโกรธมากเหมือนแม่หมีที่ลูกหมีถูกขโมยในทุ่ง นอกจากนั้นแล้ว บิดาของท่านเชี่ยวชาญสงคราม ท่านจะไม่พักแรมกับทหารในกอง 9 ดูเถิด แม้กระทั่งในเวลานี้ท่านก็ได้หลบซ่อนอยู่ในหลุมหลบภัยที่ใดที่หนึ่ง หรือไม่ก็ที่อื่น และทันทีที่ทหารของท่านถูกตีพ่ายไปเสียก่อน ใครที่ทราบเรื่องก็จะพูดว่า ‘มีคนถูกฆ่าในกลุ่มที่ติดตามอับซาโลม’ 10 แล้วแม้แต่ทหารที่กล้าหาญที่มีใจดั่งใจสิงโต ก็จะอ่อนแรงด้วยความกลัว เพราะชาวอิสราเอลทั้งปวงทราบว่าบิดาของท่านเป็นผู้กล้าหาญ และพวกที่อยู่กับบิดาของท่านเป็นทหารกล้าเช่นกัน 11 แต่คำปรึกษาของข้าพเจ้าก็คือ ชาวอิสราเอลทั้งปวงมารวมกันกับท่าน ตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เช-บา ได้คนจำนวนมากราวกับเม็ดทรายบนชายฝั่งทะเล และท่านไปออกศึกเอง 12 ดังนั้นพวกเราจะโจมตีกษัตริย์ ณ ที่ใดที่หนึ่งซึ่งท่านจะถูกหาจนพบ และพวกเราจะจู่โจมท่านอย่างกับน้ำค้างลงบนพื้นดิน ทั้งตัวท่านและทหารทุกคนที่อยู่กับท่านจะไม่มีเหลือสักคนเดียว 13 ถ้าหากว่าท่านถอยหนีเข้าไปอยู่ในเมือง ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็จะเอาเชือกไปที่เมืองนั้น และเราจะลากเมืองเข้าไปยังหุบเขา จนกระทั่งกรวดสักก้อนก็จะไม่เหลือให้เห็นที่นั่น” 14 อับซาโลมและชาวอิสราเอลทั้งปวงพูดว่า “คำปรึกษาของหุชัยชาวอาร์คีดีกว่าคำปรึกษาของอาหิโธเฟล” เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้มั่นหมายให้คำปรึกษาที่ดีของอาหิโธเฟลล้มเหลว เพื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าจะให้ภัยอันตรายตกอยู่กับอับซาโลม
15 ครั้นแล้วหุชัยพูดกับศาโดกและอาบียาธาร์ปุโรหิตทั้งสองว่า “อาหิโธเฟลให้คำปรึกษาอย่างนี้อย่างนั้นแก่อับซาโลมและบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอล ส่วนข้าพเจ้าให้คำปรึกษาเช่นนี้เช่นนั้น 16 ฉะนั้นบัดนี้ท่านจงส่งข่าวไปเรียนดาวิดโดยเร็วว่า ‘คืนนี้อย่าพักอยู่ที่เขตลำน้ำที่ลุยข้ามได้ในถิ่นทุรกันดาร แต่ข้ามไปให้ได้ เพราะเกรงว่ากษัตริย์และทหารทั้งปวงที่อยู่กับท่านจะถูกกลืนไม่เหลือ’” 17 ฝ่ายโยนาธานและอาหิมาอัสกำลังรออยู่ที่เอนโรเกลแล้ว หญิงรับใช้คนหนึ่งจะต้องไปบอกเขาทั้งสอง และเขาต้องไปเรียนกษัตริย์ดาวิด เพราะว่าพวกเขาต้องไม่เข้าเมืองเยรูซาเล็มเพราะเกรงว่าจะมีคนเห็น 18 แต่ว่าชายหนุ่มคนหนึ่งเห็นเขาทั้งสอง และไปบอกอับซาโลม ดังนั้นทั้งสองจึงจากไปทันที และมาถึงบ้านของชายคนหนึ่งที่บาฮูริม เขามีบ่อน้ำที่บริเวณลานบ้าน เขาทั้งสองจึงปีนลงในบ่อ 19 นายหญิงที่บ้านปิดคลุมปากบ่อและโรยเมล็ดข้าวบังไว้ให้ทั่ว โดยไม่มีใครทราบเรื่องนี้ 20 เมื่อพวกทหารรับใช้ของอับซาโลมมาหาหญิงคนนั้นที่บ้าน ก็ถามว่า “อาหิมาอัสและโยนาธานอยู่ที่ไหน” หญิงคนนั้นตอบว่า “เขาข้ามธารน้ำไปแล้ว” เมื่อพวกเขาตามหาและไม่พบทั้งสองคน จึงกลับไปยังเยรูซาเล็ม
21 หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว ทั้งสองคนก็ขึ้นมาจากบ่อ และไปเรียนกษัตริย์ดาวิดว่า “ท่านลุกขึ้นเถิด และข้ามน้ำไปทันที เพราะอาหิโธเฟลได้ให้คำปรึกษาอย่างนี้อย่างนั้นเพื่อกำจัดท่าน” 22 ดังนั้นดาวิดและทุกคนที่อยู่กับท่านก็ลุกขึ้น และข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป พอรุ่งสางก็ไม่มีเหลือสักคนที่ไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน
23 เมื่ออาหิโธเฟลเห็นว่าคำปรึกษาของเขาไม่มีการตอบรับ เขาจึงผูกอานลาขี่กลับบ้านมุ่งไปยังเมืองของตน เขาจัดการสั่งเสียให้เรียบร้อยก่อนผูกคอตาย และเขาสิ้นชีวิตและถูกบรรจุในถ้ำเก็บศพของบิดาของเขา
24 ดาวิดมาถึงเมืองมาหะนาอิม อับซาโลมก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปกับชาวอิสราเอลทั้งปวง 25 อับซาโลมแต่งตั้งอามาสาเป็นผู้บัญชาการกองทัพแทนโยอาบ อามาสาเป็นบุตรของชายคนหนึ่งชื่อเยเธอร์ชาวอิสราเอล มารดาของเขาชื่ออาบีกัลบุตรีของนาหาชน้องสาวของนางเศรุยาห์มารดาของโยอาบ 26 ชาวอิสราเอลและอับซาโลมตั้งค่ายอยู่ในแผ่นดินของกิเลอาด
27 เมื่อดาวิดมายังมาหะนาอิม โชบีบุตรนาหาชจากเมืองรับบาห์ของชาวอัมโมน และมาคีร์บุตรอัมมีเอลจากโลเดบาร์ และบาร์ซิลลัยชาวกิเลอาดจากเมืองโรเกลิม 28 ได้นำที่นอน อ่างน้ำ ภาชนะดินเผา ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ แป้ง ข้าวคั่ว เมล็ดถั่ว ถั่วเลนเทิ้ล 29 น้ำผึ้ง โยเกิร์ต แกะ และเนยจากฝูงสัตว์ มาให้ดาวิดและทหารที่อยู่กับท่านรับประทาน เพราะเขาทั้งหลายพูดว่า “พวกทหารหิว อ่อนกำลัง และกระหายน้ำอยู่ในถิ่นทุรกันดาร”
อำนาจที่ได้รับมอบเพื่อเสริมสร้าง
10 ข้าพเจ้าเปาโล ขอร้องท่านด้วยความเมตตาและความอ่อนโยนของพระคริสต์ คือแม้ท่านจะพูดว่า “เปาโลไม่ใช่คนกล้าเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเรา แต่ก็ใจกล้าเมื่ออยู่ห่างไกล” 2 ข้าพเจ้าขออย่างหนึ่งคือ เวลาข้าพเจ้ามาหาท่าน ข้าพเจ้าไม่ต้องแสดงความอาจหาญอย่างที่คิดไว้ เพื่อจัดการคนที่กล่าวหาว่าพวกเราใช้ชีวิตตามวิสัยโลก 3 แม้พวกเราใช้ชีวิตอยู่ในโลก เราก็ไม่สู้รบอย่างที่โลกต่อสู้ 4 เพราะอาวุธที่เราใช้ในการสู้รบไม่ใช่อาวุธแบบโลก แต่เป็นฤทธานุภาพของพระเจ้าเพื่อทำลายที่มั่นอันแข็งแกร่งของศัตรู 5 เราทำลายข้อโต้แย้งและทุกสิ่งที่คนหยิ่งยโสยกขึ้นมาต่อต้านความรู้ในเรื่องพระเจ้า และเราจับเอาความคิดทุกอย่างเข้ามาเป็นเชลยของพระคริสต์ 6 เมื่อท่านเชื่อฟังเราดีแล้ว เราก็พร้อมที่จะลงโทษทุกคนที่ไม่เชื่อฟัง
7 ท่านเพียงแต่ดูสิ่งต่างๆ ตามที่เห็นภายนอก ถ้าผู้ใดมั่นใจในตนเองว่าเขาเป็นคนของพระคริสต์ เขาก็ควรคิดอีกว่า เราเป็นคนของพระคริสต์มากเท่ากับที่เขาเป็นคนของพระองค์ 8 ถ้าแม้ข้าพเจ้าจะโอ้อวดมากหน่อยถึงอำนาจที่ได้รับมอบซึ่งพระผู้เป็นเจ้าให้แก่เรา เพื่อเสริมสร้างท่านและไม่ใช่ฉุดท่านให้ต่ำลง ข้าพเจ้าก็จะไม่ละอายใจเลย 9 ข้าพเจ้าไม่อยากให้ดูเหมือนว่า ข้าพเจ้าพยายามจะทำให้ท่านตกใจด้วยจดหมายของข้าพเจ้า 10 เพราะพวกเขาพูดกันว่า “จดหมายของเขาเคร่งครัดและเข้มงวด แต่เมื่อเห็นตัวแล้วไม่น่าประทับใจเลย พูดก็ไม่เก่ง” 11 ให้คนนั้นเข้าใจเถิดว่า อะไรก็ตามที่เราเขียนในจดหมายเมื่ออยู่ห่างไกล เราก็จะกระทำเช่นเดียวกันเมื่อเราอยู่กับท่าน 12 เราไม่กล้าพอที่จะจัดระดับหรือเปรียบตนเองกับบางคนที่โอ้อวดตน แต่เมื่อพวกเขาเอาตัวเป็นเครื่องวัดซึ่งกันและกันและเปรียบเทียบกัน ก็นับว่าพวกเขาขาดสติปัญญา
13 แต่อย่างไรก็ตาม เราจะไม่โอ้อวดเกินไป แต่จะให้อยู่ในขอบเขตซึ่งพระเจ้าได้ให้ไว้ ท่านก็อยู่ในขอบเขตนั้นด้วย 14 ด้วยว่า เราไม่ได้ทำเกินขอบเขตเมื่อเรามาหาท่าน เพราะเราเป็นพวกแรกที่นำข่าวประเสริฐของพระคริสต์มาให้ท่าน 15 เราไม่โอ้อวดเกินขอบเขตเรื่องงานที่คนอื่นทำเช่นกัน เรามีความหวังอยู่ว่า เมื่อความเชื่อของท่านเพิ่มขึ้น เราก็จะมีงานทำเพิ่มมากขึ้นในหมู่ท่าน 16 แล้วเราจะได้ประกาศข่าวประเสริฐนอกเหนือไปจากดินแดนของท่าน เพราะเราไม่ต้องการโอ้อวดถึงงานซึ่งคนอื่นได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว อันเป็นงานที่อยู่ในเขตแดนของผู้อื่น 17 “ผู้ที่โอ้อวด ก็จงให้เขาโอ้อวดพระผู้เป็นเจ้าเถิด”[a] 18 คนใดจะเป็นที่ยอมรับได้นั้น ต้องเป็นคนที่พระเจ้าชมเชย มิใช่คนที่ชมเชยตนเอง
การล้อมเมืองเยรูซาเล็ม
24 ในวันที่สิบของเดือนสิบ ปีที่เก้า[a] พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงบันทึกวันที่วันนี้ เจาะจงวันที่วันนี้ กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ล้อมเมืองเยรูซาเล็มตามวันที่ระบุนี้[b] 3 และจงพูดเป็นอุปมาแก่พงศ์พันธุ์ที่ขัดขืนว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้
‘จงตั้งหม้อต้ม จงตั้งหม้อ
และใส่น้ำลงไปด้วย
4 ใส่เนื้อลงในหม้อ ใช้เนื้อส่วนที่ดี
ขาอ่อนและเนื้อสันขาหน้า
บรรจุกระดูกส่วนที่ดีให้เต็มหม้อ
5 จงใช้แกะที่ดีที่สุดจากฝูง
สุมฟืนใต้หม้อ ต้มให้เดือด
ต้มกระดูกในหม้อด้วย’”
6 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่นองเลือด วิบัติจงเกิดแก่หม้อต้มที่มีตะกรันติดอยู่ในหม้อและยังไม่หลุดออก จงคีบเนื้อออกจากหม้อทีละชิ้นโดยไม่เลือกว่าชิ้นไหนก่อน 7 เลือดที่นางทำให้ไหลนองอยู่ท่ามกลางนางนั้น นางใช้ป้ายบนหินในที่แจ้ง นางไม่ได้เทที่พื้นดินให้ฝุ่นกลบ 8 เราปล่อยให้เลือดเปื้อนอยู่บนหินในที่แจ้ง เพื่อให้เห็นและก่อให้เกิดโทสะและแก้แค้นนาง” 9 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่นองเลือด เราจะกองฟืนให้เป็นกองใหญ่ 10 สุมฟืนให้มาก ก่อไฟ ต้มเนื้อให้สุก ผสมเครื่องเทศ และปล่อยให้กระดูกไหม้เกรียม 11 และทิ้งหม้อเปล่าไว้บนถ่านให้ร้อน ทองแดงจะลุกไหม้ ความไม่บริสุทธิ์ก็จะหลอมละลายในกองไฟ ตะกรันก็จะมอดไหม้ 12 นางพยายามตรากตรำจนอ่อนล้า ตะกรันเกาะจนหนาทำให้ไม่หลุด และติดอยู่ในกองไฟ 13 ความไม่บริสุทธิ์ของเจ้าคือความมักมากในกาม เราอยากชำระเจ้า แต่เจ้าไม่ได้ถูกชำระให้หลุดจากความไม่บริสุทธิ์ของเจ้า เจ้าจะไม่ถูกชำระให้สะอาดอีกต่อไปจนกว่าเราจะลงโทษเจ้าจนพอใจ 14 เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้กล่าวแล้ว สิ่งนี้จะเกิดขึ้น เราจะกระทำอย่างนั้น เราจะไม่ยั้งมือหรือไว้ชีวิต เจ้าจะถูกกล่าวโทษตามวิถีทางและการกระทำของเจ้า” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนั้น
ภรรยาของเอเสเคียลเสียชีวิต
15 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 16 “บุตรมนุษย์เอ๋ย ดูเถิด เรากำลังจะพรากผู้เป็นดุจแก้วตาของเจ้าไปจากเจ้าอย่างฉับพลัน แต่เจ้าต้องไม่คร่ำครวญหรือร้องรำพันหรือน้ำตาไหลพราก 17 โอดครวญค่อยๆ อย่าคร่ำครวญถึงคนตาย โพกศีรษะของเจ้า สวมรองเท้า อย่าปิดหนวดหรือรับประทานอาหารของคนไว้ทุกข์” 18 ดังนั้น ข้าพเจ้าพูดกับประชาชนในตอนเช้า และพอตกเย็นภรรยาของข้าพเจ้าก็เสียชีวิต เมื่อถึงเวลาเช้าข้าพเจ้าทำตามที่ข้าพเจ้าได้รับคำสั่ง
19 ประชาชนพูดกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “ท่านจะไม่บอกพวกเราหรือว่า สิ่งเหล่านี้มีความหมายกับพวกเราอย่างไร เมื่อท่านปฏิบัติอย่างนี้” 20 ข้าพเจ้าตอบพวกเขาว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า 21 จงบอกพงศ์พันธุ์อิสราเอล พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ ‘ดูเถิด เราจะทำลายที่พำนักของเรา ความยโสในอำนาจของเจ้า ผู้เป็นดุจแก้วตาของเจ้า และเป็นที่พึงปรารถนาในชีวิตของเจ้า และบรรดาบุตรชายและบุตรหญิงของเจ้าที่ถูกทอดทิ้งจะถูกดาบฆ่าตาย 22 และเจ้าจะปฏิบัติอย่างที่เราได้กระทำ พวกเจ้าจะไม่ปิดหนวดหรือรับประทานอาหารของคนไว้ทุกข์ 23 พวกเจ้าจะโพกศีรษะและสวมรองเท้า พวกเจ้าจะไม่คร่ำครวญหรือน้ำตาไหลพราก แต่จะทรุดโทรมลงเพราะบาปของเจ้า และจะโอดครวญต่อกันและกัน 24 เอเสเคียลจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เจ้าเห็น พวกเจ้าจะทำตามทุกอย่างที่เขาได้ทำ เมื่อเป็นไปตามนี้แล้ว พวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่’
25 สำหรับเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย ในวันที่เราพรากหลักยึดอันมั่นคงของพวกเขา ความยินดีและความภาคภูมิของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาชื่นชอบดุจแก้วตาและเป็นที่พึงปรารถนาในชีวิตของพวกเขา อีกทั้งบรรดาบุตรชายและบุตรหญิงของพวกเขาด้วย 26 ในวันนั้น ผู้ลี้ภัยคนหนึ่งจะมาหาเจ้าเพื่อรายงานว่าได้เกิดอะไรขึ้นที่เยรูซาเล็ม 27 ในวันนั้น เจ้าจะเปิดปากพูดกับผู้ลี้ภัย เจ้าจะไม่นิ่งเงียบอีก ดังนั้นเจ้าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้แก่พวกเขา และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า”
อธิษฐานให้กษัตริย์
ของซาโลมอน
1 โอ พระเจ้า โปรดมอบความยุติธรรมของพระองค์ให้เป็นคุณสมบัติของกษัตริย์
และความชอบธรรมของพระองค์แก่บุตรของกษัตริย์
2 ขอให้ท่านตัดสินบรรดาชนชาติของพระองค์ด้วยความชอบธรรม
และบรรดาคนยากจนของพระองค์ด้วยความเป็นธรรม
3 ขอให้ภูเขานำความอุดมสมบูรณ์มายังบรรดาชนชาติ
และเนินเขานำความชอบธรรมมา
4 ให้ท่านปกป้องผู้ตกทุกข์ได้ยากของปวงชน
ให้ความปลอดภัยแก่ลูกๆ ของผู้ยากไร้
และให้ผู้บีบบังคับแพ้พ่าย
5 ขอให้ท่านคงชีวิตอยู่ตราบที่ดวงอาทิตย์
และดวงจันทร์ส่องแสงตลอดทุกยุคทุกสมัย
6 ขอให้ท่านเป็นดั่งฝนที่พร่างพรมลงบนหญ้าตัดใหม่
เป็นดั่งฝนที่โปรยปรายลงสู่พื้นดิน
7 ขอให้ความชอบธรรมไพบูลย์ พูนผลชั่วชีวิตของท่าน
และให้ความอุดมสมบูรณ์ยืนยงตราบที่ดวงจันทร์ทอแสง
8 ขอให้ท่านปกครองอาณาเขตจากทะเลแห่งหนึ่งจรดทะเลอีกแห่งหนึ่ง
และจากแม่น้ำจรดสุดขอบโลก
9 ขอให้ศัตรูของท่านก้มลง ณ เบื้องหน้าท่าน
และศัตรูของท่านยอมสยบอยู่กับพื้น
10 ขอให้บรรดากษัตริย์แห่งเมืองทาร์ชิช เมืองแถบชายฝั่งทะเลกับเกาะต่างๆ
มอบเครื่องบรรณาการแก่ท่าน
ให้บรรดากษัตริย์แห่งเช-บาและเส-บา
นำของกำนัลมา
11 ขอให้บรรดากษัตริย์ทั้งปวงก้มกราบลง ณ เบื้องหน้าท่าน
และประชาชาติทั้งปวงรับใช้ท่าน
12 เพราะท่านช่วยผู้ยากไร้ที่ร้องขอความช่วยเหลือ
ช่วยคนยากจนและคนที่ขาดความช่วยเหลือ
13 ท่านสงสารคนสิ้นไร้ไม้ตอกและคนยากไร้
และช่วยชีวิตบรรดาคนยากไร้
14 ท่านช่วยชีวิตพวกเขาให้พ้นจากการบีบบังคับและการกระทำอันรุนแรง
และชีวิตของพวกเขามีค่าในสายตาของท่าน
15 ขอให้ท่านมีชีวิตยืนยาว
ขอให้ท่านได้รับทองคำจากอาณาจักรเช-บา
ขอให้คนอธิษฐานเพื่อท่านเรื่อยไป
และได้รับพระพรตลอดวันเวลา
16 ขอให้มีธัญญาหารอย่างอุดมสมบูรณ์บนแผ่นดิน
แม้บนยอดเขาก็มียอดข้าวโบกสะบัด
ดั่งพืชผลที่อุดมในเลบานอน
และพลเมืองเพิ่มจำนวนขึ้น
ดั่งต้นหญ้าบนแผ่นดิน
17 ขอให้นามของท่านยืนยงชั่วกาลนาน
และชื่อเสียงคงอยู่ตลอดไปตราบที่ดวงอาทิตย์คงอยู่
ให้ผู้คนรับพระพรเพราะท่าน
ประชาชาติทั้งปวงเรียกท่านว่า ผู้มีความสุข
18 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
พระองค์ผู้เดียวที่กระทำสิ่งมหัศจรรย์
19 สรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ตลอดกาล
ขอพระบารมีของพระองค์เต็มทั่วแผ่นดินโลก
อาเมน และอาเมน
20 คำอธิษฐานของดาวิด บุตรของเจสซีจบลงเท่านี้
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation