M’Cheyne Bible Reading Plan
อับซาโลมกลับไปยังเยรูซาเล็ม
14 เมื่อโยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ทราบว่าใจของกษัตริย์หวนคิดถึงอับซาโลม 2 โยอาบจึงให้คนไปยังเมืองเทโคอา ไปพาหญิงผู้เรืองปัญญาคนหนึ่งมาจากที่นั่น และบอกนางว่า “ขอให้แสร้งทำเป็นคนรับจ้างร้องคร่ำครวญ สวมเสื้อผ้าของคนไว้ทุกข์ อย่าชโลมน้ำมัน แต่ทำเป็นคนร้องคร่ำครวญให้คนตายมาหลายวันแล้ว 3 ไปหากษัตริย์ และพูดกับท่านตามนี้” แล้วโยอาบก็กำชับนางว่าจะพูดอย่างไร
4 ครั้นหญิงจากเมืองเทโคอาผู้นั้นมาหากษัตริย์ นางซบหน้าลงกับพื้นทำความเคารพ และพูดว่า “โอ กษัตริย์ โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย” 5 กษัตริย์ถามนางว่า “เจ้าทุกข์ใจเรื่องอะไร” นางตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นม่าย สามีเสียแล้ว 6 ข้าพเจ้ามีบุตรสองคน เขาวิวาทกันในทุ่ง ไม่มีใครห้ามให้เขาหยุด คนหนึ่งฆ่าอีกคนหนึ่งตาย 7 บัดนี้ ทั้งตระกูลกลับต่อว่าข้าพเจ้า พูดกันว่า ‘มอบตัวคนที่ฆ่าพี่ชายของเขาให้เราเถิด เราจะได้กำจัดชีวิตของเขาให้สิ้นไป แลกกับชีวิตของพี่ชายที่เขาฆ่า เราจะได้กำจัดทายาทด้วย’ ซึ่งเป็นเหมือนว่าพวกเขาจะดับถ่านที่ลุกอยู่เพียงก้อนเดียวที่ข้าพเจ้าเหลืออยู่ โดยไม่มีชื่อหรือผู้สืบเชื้อสายของสามีอยู่บนโลกนี้อีกเลย”
8 และกษัตริย์กล่าวกับหญิงนั้นว่า “เจ้าจงกลับบ้านไป และเราจะจัดการเรื่องของเจ้าให้” 9 แล้วหญิงจากเทโคอาคนนั้นพูดกับกษัตริย์ว่า “เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ขอให้ความผิดตกอยู่กับข้าพเจ้าและครอบครัวข้าพเจ้าเถิด ขอให้กษัตริย์และบัลลังก์ของท่านไร้ความผิด” 10 กษัตริย์กล่าวว่า “ถ้าหากว่าใครพูดอะไรกับเจ้า ก็จงพาเขามาหาเรา และเขาจะไม่แตะต้องเจ้าอีกเลย” 11 นางพูดอีกว่า “ขอให้กษัตริย์วิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เพื่อให้ผู้ตามล่าล้างแค้นหยุดฆ่า และบุตรของข้าพเจ้าจะไม่ถูกสังหาร” ท่านกล่าวว่า “ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด ผมสักเส้นเดียวของบุตรของเจ้าจะไม่ตกลงบนพื้นดิน”
12 หญิงนั้นพูดว่า “โปรดให้ข้าพเจ้าพูดอะไรบางอย่างกับเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เถิด” ท่านกล่าวว่า “พูดเถิด” 13 หญิงนั้นจึงพูดว่า “ทำไมท่านจึงได้วางแผนกระทำเช่นนี้ต่อคนของพระเจ้า เมื่อกษัตริย์กล่าวดังนี้ เท่ากับท่านกล่าวโทษท่านเองมิใช่หรือ เพราะท่านไม่ได้พาบุตรที่ถูกเนรเทศกลับมา 14 ถึงอย่างไรเราทุกคนก็ต้องตาย เราเป็นเหมือนน้ำที่หกบนพื้นดิน และจะเก็บรวมขึ้นมาอีกก็ไม่ได้ แต่พระเจ้าไม่พรากชีวิตไป และพระองค์หาหนทางเพื่อผู้ที่ถูกเนรเทศจะได้หลุดพ้นจากการเป็นคนที่ใครๆ ไม่ยอมรับ 15 บัดนี้ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้กับเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ก็เพราะผู้คนข่มขู่ให้ข้าพเจ้ากลัว และข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านก็คิดในใจอยู่ว่า ‘เราจะขอร้องกษัตริย์ กษัตริย์อาจจะตอบคำขอร้องของผู้รับใช้ของท่าน 16 เพราะกษัตริย์จะฟังและช่วยผู้รับใช้ของท่าน ให้พ้นจากมือของคนที่จะทำลายข้าพเจ้าพร้อมกับบุตรของข้าพเจ้า เพื่อไม่ให้เรารับมรดกจากพระเจ้า’ 17 และผู้รับใช้ของท่านคิดในใจว่า ‘คำพูดของเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์จะทำให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ’ เพราะว่าเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เป็นดั่งทูตสวรรค์ของพระเจ้า ที่หยั่งรู้ความดีและความชั่ว ขอพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านจงอยู่กับท่านเถิด”
18 แล้วกษัตริย์ก็ตอบหญิงนั้นว่า “ไม่ว่าสิ่งใดที่เราถามเจ้า เจ้าอย่าปิดบังไปจากเรา” และหญิงนั้นพูดว่า “ขอให้เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์กล่าวมาเถิด” 19 กษัตริย์กล่าวว่า “โยอาบมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องทั้งหมดนี้หรือเปล่า” หญิงนั้นตอบว่า “เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด ไม่มีผู้ใดเลี่ยงคำตอบที่เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ถามเมื่อสักครู่นี้ โยอาบผู้รับใช้ของท่านที่เป็นผู้สั่งข้าพเจ้า เป็นโยอาบที่ให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านพูดตามนั้น 20 โยอาบผู้รับใช้ของท่านกระทำเช่นนี้ก็เพื่อจะให้เหตุการณ์เปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่ แต่ว่าเจ้านายของข้าพเจ้ามีสติปัญญาดั่งสติปัญญาของทูตสวรรค์ของพระเจ้า คือทราบทุกสิ่งในโลกนี้”
21 แล้วกษัตริย์ก็กล่าวกับโยอาบว่า “เอาล่ะ เราอนุญาตให้ตามนี้ ไปพาชายหนุ่มอับซาโลมกลับมา” 22 โยอาบก็ซบหน้าลงกับพื้นด้วยความเคารพ และอวยพรท่าน และโยอาบพูดว่า “โอ เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ วันนี้ ผู้รับใช้ของท่านทราบแล้วว่า ข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่าน กษัตริย์จึงได้อนุญาตตามคำขอร้องให้แก่ผู้รับใช้ของท่าน” 23 แล้วโยอาบก็ลุกขึ้นไปยังเมืองเกชูร์ และพาอับซาโลมมายังเยรูซาเล็ม 24 และกษัตริย์กล่าวว่า “ให้เขาแยกไปอยู่ที่บ้านของเขาเอง อย่าให้เขามาหาเรา” อับซาโลมจึงแยกอยู่ในบ้านของตน และไม่ได้เข้าไปหากษัตริย์
ดาวิดให้อภัยอับซาโลม
25 ทั่วทั้งอิสราเอล ไม่มีใครได้รับคำชมว่ารูปงามเท่ากับอับซาโลม ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาไม่มีที่ติเลย 26 เมื่อเขาตัดผม (ด้วยว่าทุกปีตอนปลายปี เขาตัดผมเมื่อผมหนักศีรษะ เขาก็ตัดออก) ผมที่ตัดออกชั่งน้ำหนักได้ 200 เชเขล[a] ตามมาตราน้ำหนักของกษัตริย์ 27 อับซาโลมมีบุตรชาย 3 คน และบุตรหญิง 1 คนชื่อ ทามาร์ เธอเป็นหญิงรูปงาม
28 อับซาโลมอยู่ที่เยรูซาเล็มเป็นเวลา 2 ปีเต็ม โดยไม่ได้เข้าไปหากษัตริย์ 29 และอับซาโลมให้คนไปตามโยอาบ เพื่อวานให้เขาไปหากษัตริย์ แต่โยอาบก็ไม่มาหา เขาจึงให้ไปตามโยอาบเป็นครั้งที่สอง แต่โยอาบก็ไม่มา 30 เขาจึงบอกบรรดาผู้รับใช้ว่า “ดูโน่น นาของโยอาบถัดไปจากนาของเรา เขามีข้าวบาร์เลย์ที่นั่น เจ้าไปจุดไฟเผาเสีย” บรรดาผู้รับใช้ของอับซาโลมก็ไปจุดไฟเผานา 31 โยอาบจึงไปหาอับซาโลมที่บ้าน และถามเขาว่า “ทำไมผู้รับใช้ของท่านจึงจุดไฟเผานาของข้าพเจ้า” 32 อับซาโลมตอบโยอาบว่า “ดูเถิด เราฝากคนไปบอกท่านว่า ‘มาหาเราที่นี่ เราจะให้ท่านไปถามกษัตริย์ว่า “ข้าพเจ้าต้องออกมาจากเกชูร์ทำไม ข้าพเจ้าอยู่ที่นั่นก็ยังจะดีกว่า” ฉะนั้น บัดนี้ ท่านให้เราไปหากษัตริย์เถิด และถ้าเรามีความผิดอย่างไร ก็ให้กษัตริย์ประหารเรา’” 33 โยอาบจึงไปหากษัตริย์และเรียนท่าน ท่านจึงให้เรียกอับซาโลมมา อับซาโลมจึงไปหากษัตริย์ และก้มหน้าลงที่พื้น ณ เบื้องหน้ากษัตริย์ และกษัตริย์ก็จูบแก้มอับซาโลม
7 ท่านที่รักทั้งหลาย ในเมื่อเราได้รับพระสัญญาเช่นนี้แล้ว เรามาชำระตัวให้พ้นจากสิ่งที่เป็นมลทินทั้งฝ่ายกายและวิญญาณเถิด และทำตนให้บริสุทธิ์เพียบพร้อมด้วยความเกรงกลัวพระเจ้า
เปาโลยินดี
2 จงเปิดใจรับเราเถิด เราไม่ได้กระทำผิดต่อผู้ใด หรือทำให้ใครเสียคนไป หรือเอาเปรียบผู้ใดเลย 3 ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้เพื่อกล่าวโทษพวกท่าน เพราะตามที่ข้าพเจ้าเคยพูดไว้แล้วว่า เรารักท่านมาก แม้จะเป็นหรือตายด้วยกันกับท่านก็ตาม 4 ข้าพเจ้ามั่นใจและภูมิใจในตัวท่านมาก ข้าพเจ้ามีกำลังใจ แม้ว่าเราเผชิญความลำบากทุกอย่าง ข้าพเจ้าก็มีความยินดีเป็นล้นพ้น
5 เมื่อเรามายังแคว้นมาซิโดเนีย ร่างกายของเราไม่ได้พักผ่อน เราประสบความลำบากตลอดเวลา มีการวิวาทรอบข้างเรา และมีความกลัวอยู่ในใจ 6 แต่พระเจ้าผู้ปลอบโยนพวกที่ท้อถอยได้ปลอบโยนพวกเราโดยให้ทิตัสมาหาเรา 7 ไม่เพียงการมาของเขาเท่านั้น แต่การปลอบโยนที่พวกท่านได้ให้แก่เขา ทิตัสบอกพวกเราว่าท่านคิดถึงข้าพเจ้า ท่านเศร้าโศก และห่วงใยข้าพเจ้าซึ่งทำให้ข้าพเจ้ายินดีมากยิ่งขึ้น 8 ถ้าแม้ว่าจดหมายฉบับก่อนของข้าพเจ้าทำให้ท่านเศร้าใจ ข้าพเจ้าก็ไม่เสียใจ แม้จะเสียใจบ้างก่อนหน้านี้ก็ตาม เพราะข้าพเจ้าเห็นว่าจดหมายนั้นทำให้ท่านเศร้าใจเพียงชั่วครู่เท่านั้น 9 มิใช่ว่าท่านเศร้าใจจึงทำให้ข้าพเจ้ายินดีในเวลานี้ แต่เป็นเพราะท่านเศร้าใจจนถึงกับกลับใจ ท่านเศร้าใจตามความประสงค์ของพระเจ้า ฉะนั้นท่านไม่ได้เสียหายเพราะเราแต่อย่างใด
10 ด้วยเหตุว่าความเศร้าใจที่เป็นไปตามความประสงค์ของพระเจ้านั้น ทำให้เกิดการกลับใจซึ่งนำไปสู่ความรอดพ้น ซึ่งจะทำให้ไม่มีใครเสียใจในเรื่องนี้ แต่ความเศร้าใจอันเนื่องมาจากวิสัยโลกนำไปสู่ความตาย 11 ดูเถิดว่าความเศร้าใจที่เป็นไปตามความประสงค์ของพระเจ้าทำให้เกิดอะไรในตัวท่าน ทั้งความเอาจริงเอาจัง ความกระตือรือร้นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ทั้งความโกรธ ความกลัว ความคิดถึง ความห่วงใย ความพร้อมที่จะเห็นการตัดสินอย่างยุติธรรม ท่านเองได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ท่านไม่มีความผิดในเรื่องเหล่านี้ 12 แม้ข้าพเจ้าเขียนจดหมายฉบับนั้นถึงท่าน ก็มิใช่เพื่อคนที่กระทำผิด หรือเพื่อคนที่ได้รับทุกข์จากการกระทำนั้น แต่เพื่อท่านจะได้เห็นเองว่าท่านจริงใจกับเราเพียงไรในสายตาของพระเจ้า 13 ฉะนั้น เราจึงมีกำลังใจ
นอกจากเราจะมีกำลังใจแล้ว เรายังยินดีมากที่เห็นว่าทิตัสมีความสุขเพียงไร เพราะท่านทั้งหลายทำให้จิตวิญญาณของเขาชุ่มชื่น 14 ข้าพเจ้าได้โอ้อวดเรื่องท่านแก่ทิตัสแล้ว และท่านก็ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าขายหน้า แต่ทุกสิ่งที่เราบอกท่านแล้วนั้นเป็นความจริง สิ่งที่เราอวดไว้กับทิตัสก็เป็นจริงเช่นกัน 15 ทิตัสจำได้ว่าพวกท่านมีความเกรงกลัวและหวาดหวั่นในการต้อนรับเขา และพวกท่านทุกคนพร้อมที่จะเชื่อฟังเป็นอย่างดี ดังนั้นความรักของทิตัสที่มีต่อท่านก็เพิ่มพูนยิ่งขึ้น 16 ข้าพเจ้ายินดีเพราะมีความมั่นใจในตัวท่านอย่างบริบูรณ์
พระผู้เป็นเจ้าชักดาบของพระองค์
21 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าไปทางเยรูซาเล็ม และเทศนากล่าวโทษที่พำนัก เผยความกล่าวโทษแผ่นดินของอิสราเอล 3 และจงพูดกับแผ่นดินของอิสราเอลว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘ดูเถิด เราคัดค้านเจ้า และเราจะชักดาบของเราออกจากฝักและจะกำจัดบรรดาผู้มีความชอบธรรมและคนชั่วร้ายออกไปจากเจ้า 4 เพราะเราจะกำจัดบรรดาผู้มีความชอบธรรมและคนชั่วร้ายออกไปจากเจ้า ฉะนั้นดาบของเราจะถูกชักออกจากฝักต่อต้านมนุษย์ทุกคนตั้งแต่ทิศใต้จรดทิศเหนือ 5 และมนุษย์ทุกคนจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้ชักดาบของเราออกจากฝักแล้ว และมันจะไม่ถูกเก็บคืนในฝักอีก’
6 บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงโอดครวญด้วยใจที่แตกสลายและขมขื่นยิ่งนัก จงโอดครวญต่อหน้าต่อตาพวกเขา 7 เมื่อพวกเขาพูดกับเจ้าว่า ‘ทำไมท่านจึงโอดครวญ’ เจ้าจะตอบว่า ‘เพราะสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามข่าว ใจของทุกคนจะหลอมละลาย มือทุกมือจะง่อยเปลี้ย จิตวิญญาณของทุกคนจะอ่อนระโหย หัวเข่าของทุกคนจะอ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำ ดูเถิด มันกำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และจะบรรลุผล’” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
8 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 9 “บัดนี้ บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยคำกล่าวว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
ดาบเล่มหนึ่ง ดาบเล่มหนึ่งถูกลับ
และขัดเงาแล้ว
10 มันถูกลับเพื่อสังหาร
ถูกขัดเงาให้วาววับดุจสายฟ้าแลบ
(เราควรจะยินดีกับไม้คทาของบุตรของเราหรือ ดาบดูหมิ่นทุกสิ่งที่เป็นไม้) 11 ดาบถูกขัดเงาเพื่อให้มือถือไว้ ดาบถูกลับและขัดเงาเพื่อมอบไว้ในมือของผู้สังหาร 12 บุตรมนุษย์เอ๋ย จงส่งเสียงร้องและคร่ำครวญ เพราะดาบเล่มนั้นโจมตีชนชาติของเราและบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ของอิสราเอล พวกเขาถูกโยนเข้าหาดาบพร้อมกับชนชาติของเรา ฉะนั้นจงตีอกชกหัวของเจ้า 13 การทดลองจะเกิดขึ้นแน่ ถ้าหากว่าดาบดูหมิ่นคทา แล้วอะไรจะเกิดขึ้น” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนั้น
14 “ฉะนั้น บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงเผยคำกล่าว ปรบมือ และปล่อยให้ดาบฟันสองครั้ง หรือสามครั้ง มันเป็นดาบแห่งการสังหาร ดาบแห่งการสังหารครั้งใหญ่ซึ่งประชิดรอบตัว 15 ใจของพวกเขาจะอ่อนระโหย และคนจำนวนมากล้มลุกคลุกคลาน เราได้กำหนดดาบให้สังหารที่ทุกประตูเมืองของพวกเขา โอ ดาบอันวาววับดุจสายฟ้าแลบ ดาบถูกหยิบขึ้นเพื่อประหาร 16 ดาบฟันทางขวาและทางซ้าย ไม่ว่าหน้าของเจ้าจะหันไปทางไหนก็ตาม 17 เราจะปรบมือด้วย และความกริ้วของเราจะสงบลง เราคือพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้น”
18 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 19 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงทำเครื่องหมายไว้สองเส้นทางเพื่อดาบของกษัตริย์แห่งบาบิโลนที่จะมา ทั้งสองเส้นทางจะมาจากแผ่นดินเดียวกัน และทำเครื่องหมายป้ายหนึ่งตรงถนนที่จะแยกเข้าเมือง 20 จงทำเครื่องหมายถนนสายหนึ่งให้ดาบมายังเมืองรับบาห์ของชาวอัมโมน มายังยูดาห์ และมายังเมืองเยรูซาเล็มซึ่งมีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง 21 เพราะกษัตริย์แห่งบาบิโลนยืนที่ทางแยกถนน ที่หัวถนน 2 สายเพื่อใช้การทำนายจากการเขย่าฉลากด้วยลูกศร เขาใช้รูปเคารพประจำครัวเรือนในการตัดสินใจ และตรวจโดยดูจากตับ[a] 22 ฉลากบอกการทำนายให้ไปทางขวามือของเขาซึ่งไปยังเยรูซาเล็ม เพื่อเตรียมไม้ซุง เพื่อออกคำสั่งแก่ผู้สังหารและร้องตะโกนเสียงดัง เพื่อกระทุ้งประตูเมือง สร้างสะพานข้ามและเชิงเทินล้อมเมือง 23 แต่จะดูเหมือนว่าเป็นการทำนายที่จอมปลอมสำหรับชาวอิสราเอล พวกเขาได้ให้คำสาบานต่อพระองค์ แต่พระองค์ระลึกถึงความผิดบาปของพวกเขา จึงให้พวกเขาถูกจับตัวไป”
24 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ “เพราะพวกเจ้าทำให้เราระลึกถึงความผิดบาป และการล่วงละเมิดของพวกเจ้าถูกเปิดโปง การกระทำของพวกเจ้าทำให้บาปเป็นที่ปรากฏ พวกเจ้าจึงจะถูกจับไปเพราะสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ 25 โอ ผู้ยิ่งใหญ่ของอิสราเอลซึ่งช่างดูหมิ่นและชั่วร้าย วันของเจ้าได้มาถึงแล้ว เวลาแห่งการลงโทษของเจ้าถึงขีดสุดแล้ว” 26 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ “จงถอดผ้าโพกศีรษะและมงกุฎของเจ้า สิ่งต่างๆ จะไม่เหมือนเดิม ผู้ที่ต่ำต้อยจะได้รับการยกย่อง ผู้ที่สูงส่งจะถูกทำให้ต่ำลง 27 หายนะ หายนะ เราจะทำให้หายนะ และจะไม่เป็นเช่นนั้นจนถึงเวลาที่เขาจะมา การตัดสินโทษเป็นของเขา และเราจะมอบให้แก่เขา
28 บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจะเผยคำกล่าว จงบอกว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวเรื่องชาวอัมโมนและการดูหมิ่นของพวกเขาว่า ดาบเล่มหนึ่ง ดาบเล่มหนึ่งถูกชักเพื่อประหาร มันถูกขัดเงาเพื่อฟันแทงและวาววับดุจสายฟ้าแลบ 29 ขณะที่พวกเขาเห็นภาพนิมิตอันลวงหลอก ขณะที่พวกเขาทำนายเท็จเกี่ยวกับเจ้า มันจะถูกวางไว้บนคอของผู้ดูหมิ่นที่ชั่วร้าย ซึ่งวันของเขาได้มาถึงแล้ว เวลาแห่งการลงโทษของพวกเขาถึงขีดสุดแล้ว 30 เก็บดาบคืนในฝัก เราจะลงโทษเจ้า ในที่ที่เจ้าถูกสร้างขึ้น ในแผ่นดินของบรรพบุรุษของเจ้า 31 และเราจะกระหน่ำการลงโทษของเราลงบนเจ้า เราจะพ่นลมหายใจเป็นไฟแห่งการลงโทษของเรา และเราจะมอบเจ้าไว้ในมือของคนที่เหี้ยมโหดและชำนาญเรื่องทำความพินาศ 32 เจ้าจะเป็นเชื้อเพลิงให้ไฟลุก เลือดของเจ้าจะตกในแผ่นดิน เจ้าจะไม่เป็นที่ระลึกถึงอีกต่อไป เพราะเราผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้น”
บทเพลงแห่งความมีชัย
ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด บทเพลง
1 ให้พระเจ้าลุกขึ้น ให้ศัตรูของพระองค์กระจัดกระจายไป
ให้พวกที่เกลียดชังพระองค์เตลิดหนีไป ณ เบื้องหน้าพระองค์
2 ควันถูกขับไปอย่างไร ขอพระองค์ขับพวกเขาไปอย่างนั้น
ขี้ผึ้งหลอมละลายด้วยเปลวไฟอย่างไร
ขอคนชั่วร้ายพินาศ ณ เบื้องหน้าพระเจ้าอย่างนั้น
3 แต่ให้บรรดาผู้มีความชอบธรรมเบิกบานใจ
ให้พวกเขายินดี ณ เบื้องหน้าพระเจ้า
ให้พวกเขาสุขใจและรื่นเริง
4 ร้องเพลงถวายแด่พระเจ้าเถิด ร้องสรรเสริญพระนามของพระองค์
แซ่ซ้องด้วยเสียงเพลงแด่พระองค์ผู้มากับหมู่เมฆ
พระองค์มีพระนามว่าพระผู้เป็นเจ้า
จงชื่นชมยินดี ณ เบื้องหน้าพระองค์
5 บิดาของคนกำพร้าพ่อ และผู้คุ้มครองของหญิงม่าย
พระองค์คือพระเจ้าในสถานที่บริสุทธิ์
6 พระเจ้าตั้งรกรากให้คนเดียวดายได้อาศัยในครัวเรือน
พระองค์นำบรรดาผู้ที่ถูกคุมขังออกไปพร้อมกับเสียงเพลง
แต่พวกฝ่าฝืนอาศัยอยู่ในดินแดนอันแร้นแค้น
7 โอ พระเจ้า เวลาพระองค์นำหน้าชนชาติของพระองค์ไป
เวลาพระองค์ก้าวผ่านที่ร้างอันแร้นแค้น เซล่าห์
8 แผ่นดินไหว ฟ้าสวรรค์เทฝนลงมา
ณ เบื้องหน้าพระเจ้า องค์แห่งภูเขาซีนาย[a]
ณ เบื้องหน้าพระเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
9 โอ พระเจ้า พระองค์ให้ฝนโปรยอย่างชุ่มฉ่ำ
เวลาอาณาเขตของพระองค์แห้งเหือด พระองค์ทำให้ผืนแผ่นดินมีชีวิตขึ้น
10 สิ่งมีชีวิตทั้งปวงอาศัยอยู่ในที่นั้น
โอ พระเจ้า พระองค์จัดหาให้คนยากไร้ เพราะพระองค์ประเสริฐ
11 พระผู้เป็นเจ้าแถลงคำ
และผู้ส่งข่าวจำนวนมากเป็นผู้นำข่าวอันประเสริฐ
12 บรรดากษัตริย์ของกองทัพหนีไป เขาหนีไป
พวกผู้หญิงในบ้านก็แบ่งของที่ริบมาได้
13 แม้ว่าพวกเขาจะนอนอยู่แถวคอกแกะ
ปีกนกพิราบซึ่งทาบด้วยเงิน
ขนของมันก็เป็นทองคำบริสุทธิ์
14 เมื่อองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพทำให้เหล่ากษัตริย์กระจัดพลัดพรายในบริเวณนั้น
ดั่งพายุหิมะบนภูเขาศัลโมน
15 โอ ภูเขาของพระเจ้า ภูเขาแห่งแคว้นบาชาน
โอ ภูเขาหลากยอด ภูเขาแห่งแคว้นบาชาน
16 โอ ภูเขาหลากยอดเอ๋ย ทำไมจึงมองดูภูเขา
ที่พระเจ้าต้องการพำนักด้วยความอิจฉาเล่า
พระผู้เป็นเจ้าประสงค์จะพำนักอยู่ที่นั่นตลอดไป
17 รถศึกของพระเจ้าหลายหมื่นคัน
หรืออาจเป็นแสนเป็นล้าน
พระผู้เป็นเจ้ามาจากซีนายเข้าไปในสถานที่บริสุทธิ์
18 เมื่อพระองค์ได้ขึ้นไปสู่ที่สูง
พระองค์นำพวกเชลยไป
และได้รับสิ่งที่มนุษย์ถวายให้[b]
แม้จะเป็นของจากพวกที่ดื้อดึงต่อพระองค์
พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจะพำนักอยู่ที่นั่น
19 ขอให้พระผู้เป็นเจ้าได้รับการสรรเสริญ
พระองค์แบกรับภาระของเราอยู่วันแล้ววันเล่า
พระเจ้าเป็นความรอดพ้นของเรา เซล่าห์
20 พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งความรอดพ้น
และเราจะหลุดพ้นจากความตายได้ ก็โดยพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
21 และพระเจ้าจะทำให้หัวของศัตรูของพระองค์แตกเป็นเสี่ยงๆ
หัวที่ปกคลุมด้วยผมยาวของคนที่เดินในทางบาป
22 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
“เราจะพาพวกเขากลับมาจากแคว้นบาชาน
เราจะพาพวกเขากลับมาจากท้องทะเลลึก
23 เพื่อเจ้าจะได้แกว่งเท้าในแอ่งเลือด
เพื่อลิ้นสุนัขของเจ้าจะได้มีส่วนแบ่งปันจากศัตรูของเจ้า”
24 โอ พระเจ้า ขบวนแห่ของพระองค์จะเป็นที่ประจักษ์
ขบวนแห่ของพระเจ้าผู้เป็นกษัตริย์ของข้าพเจ้า เข้าไปยังสถานที่บริสุทธิ์
25 หมู่นักร้องนำหน้าไป
พรหมจาริณีสะบัดรำมะนาใบน้อยอยู่ตรงกลาง
และหมู่นักดนตรีอยู่รั้งท้าย
26 “บรรดาผู้สืบสายมาจากอิสราเอล จงสรรเสริญพระเจ้า
สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าในที่ประชุมใหญ่”
27 ที่นั่นมีเบนยามินเผ่าที่เล็กสุดเป็นผู้นำหน้าไป
ต่อไปเป็นบรรดาหัวหน้าเผ่ายูดาห์ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่
บรรดาหัวหน้าเผ่าเศบูลุนและบรรดาหัวหน้าเผ่านัฟทาลี
28 โอ พระเจ้า แสดงอานุภาพของพระองค์เถิด
โอ พระเจ้า ให้พวกเราเห็นพลานุภาพของพระองค์ อย่างที่พระองค์ได้กระทำไปแล้วเถิด
29 จากพระวิหารของพระองค์ที่เยรูซาเล็ม
อันเป็นสถานที่บรรดากษัตริย์นำของกำนัลมาถวายแด่พระองค์
30 ห้ามพวกสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในดงอ้อ
ห้ามฝูงกระทิงที่อยู่ท่ามกลางกระทิงน้อยของบรรดาชนชาติ
พวกที่ใคร่จะได้เครื่องบรรณาการ
ก็ขอให้ถูกทำให้ถ่อมลง และขอให้บรรดาชนชาติที่ชอบการสงครามกระเจิดกระเจิงไป
31 บรรดาผู้สูงศักดิ์มาจากประเทศอียิปต์
ชาวคูชรีบยกมือขึ้นคารวะพระเจ้า
32 โอ บรรดาอาณาจักรของแผ่นดินโลกเอ๋ย จงร้องเพลงถวายแด่พระเจ้า
ร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า เซล่าห์
33 ให้พระองค์ผู้ท่องไปในสวรรค์ คือสวรรค์ครั้งโบราณกาล
พระองค์ส่งเสียงอันกอปรด้วยมหิทธานุภาพ
34 จงป่าวร้องว่าพระเจ้ามีอานุภาพ
ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ปกเหนืออิสราเอล
และอานุภาพของพระองค์เป็นที่ประจักษ์ในท้องฟ้า
35 พระเจ้าจากที่พำนักของพระองค์เป็นผู้น่าเกรงขาม
พระเจ้าของอิสราเอลเป็นผู้ให้อานุภาพและพละกำลังแก่ชนชาติของพระองค์
สรรเสริญพระเจ้า
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation