M’Cheyne Bible Reading Plan
ดาวิดกับนางบัทเช-บา
11 ครั้นฤดูใบไม้ผลิเวียนมาถึง อันเป็นเวลาที่บรรดากษัตริย์ออกศึก ดาวิดให้โยอาบและพวกทหารรับใช้ และอิสราเอลทั้งปวงไป เขาทั้งหลายก็ได้ไปทำลายล้างชาวอัมโมนและล้อมเมืองรับบาห์ไว้ ส่วนดาวิดอยู่ที่เยรูซาเล็ม
2 วันหนึ่งเวลาบ่ายคล้อย เมื่อดาวิดลุกขึ้นจากที่นอนพักแล้วก็ไปเดินบนดาดฟ้าหลังคาวัง ท่านมองจากหลังคาเห็นหญิงผู้หนึ่งกำลังอาบน้ำ หญิงคนนั้นงามยิ่งนัก 3 ดาวิดจึงให้คนไปถามไถ่เรื่องผู้หญิงคนนั้น คนหนึ่งพูดว่า “นั่นบัทเช-บา บุตรหญิงของเอลีอัม ภรรยาของอุรียาห์ชาวฮิตมิใช่หรือ” 4 ดาวิดจึงให้คนของท่านไปรับนางมา นางมาหาท่าน ท่านก็ได้มีเพศสัมพันธ์กับนาง (นางเพิ่งชำระตัวเสร็จจากมลทินของเดือนนั้น) แล้วนางก็กลับบ้านไป 5 หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์ จึงให้คนไปเรียนดาวิดว่า “ฉันตั้งครรภ์แล้ว”
6 ดาวิดจึงให้คนไปบอกโยอาบว่า “ให้อุรียาห์ชาวฮิตมาหาเรา” โยอาบจึงให้อุรียาห์ไปหาดาวิด 7 เมื่ออุรียาห์มาถึง ดาวิดถามว่า โยอาบและประชาชนเป็นอย่างไรบ้าง และสงครามเป็นอย่างไรบ้าง 8 และดาวิดบอกอุรียาห์ว่า “จงลงไปที่บ้านของเจ้าและล้างเท้าเสีย” อุรียาห์จึงออกไปจากวังของกษัตริย์ และกษัตริย์ให้คนถือสิ่งที่ท่านมอบให้เป็นพิเศษตามหลังไปด้วย 9 แต่ว่าอุรียาห์นอนอยู่กับพวกทหารรับใช้ของเจ้านายของเขาที่ประตูวังของกษัตริย์ และไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขา 10 เมื่อคนไปเรียนดาวิดว่า “อุรียาห์ไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขา” ดาวิดพูดกับอุรียาห์ว่า “เจ้าเพิ่งเดินทางกลับมามิใช่หรือ แล้วทำไมไม่ลงไปที่บ้านของเจ้าล่ะ” 11 อุรียาห์ตอบดาวิดว่า “หีบพันธสัญญา เหล่าทหารของอิสราเอลและยูดาห์พักอยู่ในเพิง ส่วนโยอาบเจ้านายข้าพเจ้ากับพวกทหารรับใช้ของท่านก็อยู่ในค่ายที่โล่งแจ้ง ข้าพเจ้าควรหรือที่จะกลับไปบ้าน เพื่อดื่มกินและนอนกับภรรยาข้าพเจ้า ตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่ และตราบที่จิตวิญญาณของท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด ข้าพเจ้าจะไม่กระทำเช่นนั้น” 12 ดาวิดจึงบอกอุรียาห์ว่า “วันนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อ พรุ่งนี้เราก็จะให้เจ้ากลับออกไป” ดังนั้นอุรียาห์อยู่ต่อที่เยรูซาเล็มในวันนั้นและวันรุ่งขึ้น 13 ดาวิดเชิญเขาให้รับประทานร่วมกับท่าน และดื่มจนกระทั่งท่านทำให้เขาเมา ในเวลาเย็นเขาออกไปนอนที่เดียวกับที่ทหารรับใช้ของเจ้านายของเขานอน แต่ไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขา
14 ครั้นรุ่งเช้าดาวิดเขียนข้อความถึงโยอาบ และให้อุรียาห์ยื่นให้โยอาบ 15 ท่านเขียนข้อความว่า “สั่งอุรียาห์ให้ไปอยู่กองหน้าตรงที่ประจัญศึกหนักที่สุด แล้วถอยทัพทิ้งเขาไว้คนเดียว ให้ถูกฆ่าตายไป” 16 ในขณะที่โยอาบกำลังล้อมเมือง เขาบอกอุรียาห์ให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่เขารู้ว่ามีชายผู้กล้าหาญสู้ต่อต้านอยู่ 17 และพวกผู้ชายของเมืองนั้นออกมาต่อสู้กับโยอาบ ทหารรับใช้ของดาวิดบางคนล้มตาย อุรียาห์ชาวฮิตก็ตายด้วย 18 โยอาบให้คนไปส่งข่าวถึงการสู้รบให้ดาวิดทราบ 19 เขากำชับผู้ส่งข่าวว่า “เมื่อเจ้ารายงานเรื่องการสู้รบทั้งหมดแก่กษัตริย์จบแล้ว 20 ถ้ากษัตริย์โกรธกริ้วและถ้าท่านถามเจ้าว่า ‘ทำไมเจ้าจึงเข้าไปต่อสู้ใกล้เมืองนัก เจ้าไม่รู้หรือว่าพวกเขาจะยิงจากกำแพงเมือง 21 ใครล่ะที่ฆ่าอาบีเมเลคบุตรของเยรุบเบเชท ไม่ใช่ผู้หญิงคนหนึ่งหรือที่ทุ่มหินโม่แป้งท่อนบนจากกำแพงถูกตัวเขา เขาถึงได้ตายที่เธเบศ ทำไมเจ้าถึงได้เข้าไปใกล้กำแพง’ แล้วเจ้าจงบอกว่า ‘อุรียาห์ทหารรับใช้ชาวฮิตของท่านก็ตายด้วย’”
22 ดังนั้น ผู้ส่งข่าวก็ไปส่งข่าวแก่ดาวิดถึงทุกสิ่งที่โยอาบสั่งให้เขาพูด 23 ผู้ส่งข่าวเรียนดาวิดว่า “พวกผู้ชายเมืองนั้นได้เปรียบพวกเรา และออกมาประจัญกับเราที่ทุ่ง แต่เราบุกจนพวกเขาถอยกลับไปที่ทางเข้าประตูเมือง 24 แล้วทหารธนูจึงยิงพวกทหารผู้รับใช้ของท่านจากกำแพง ทหารรับใช้บางคนของกษัตริย์เสียชีวิต และอุรียาห์ทหารรับใช้ชาวฮิตของท่านก็เสียชีวิตด้วย” 25 ดาวิดบอกผู้ส่งข่าวว่า “เจ้าจงไปบอกโยอาบว่า ‘อย่าให้เรื่องนี้ทำให้ท่านหนักใจไปเลย เพราะดาบย่อมฆ่าโดยไม่เลือกว่าเป็นใคร จงโจมตีเมืองให้หนักจนพินาศไป’ และเจ้าจงให้กำลังใจเขา”
26 เมื่อภรรยาของอุรียาห์ทราบว่าอุรียาห์สามีของนางสิ้นชีวิตแล้ว นางก็ร้องคร่ำครวญถึงสามีนาง 27 ครั้นสิ้นการไว้อาลัยแล้ว[a] ดาวิดให้คนไปพานางมาที่บ้านท่าน และนางก็ได้เป็นภรรยา และให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่าน แต่พระผู้เป็นเจ้าไม่พอใจในสิ่งที่ดาวิดกระทำ
ความสว่างส่องออกมาจากความมืด
4 ฉะนั้น เรารับใช้งานนี้ได้โดยความเมตตาของพระเจ้า พวกเราไม่ท้อถอย 2 เราไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งอันน่าอับอายและเร้นลับ เราไม่หลอกลวงคนหรือพลิกแพลงคำกล่าวของพระเจ้า แต่เราประกาศความจริงอย่างเปิดเผย เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักด้วยมโนธรรมของเขาว่า เราเป็นอย่างไรในสายตาของพระเจ้า 3 ถึงแม้ว่าข่าวประเสริฐของเราถูกปิดบังไว้ แต่ก็ถูกปิดบังไว้เฉพาะคนที่กำลังพินาศเท่านั้น 4 ในกรณีของคนพวกนี้ เจ้าแห่งยุคนี้[a]พรางความคิดของเขา จึงทำให้ไม่เห็นความสว่างจากข่าวประเสริฐแห่งพระสง่าราศีของพระคริสต์ ผู้มีคุณลักษณะเหมือนพระเจ้าทุกประการ 5 เราไม่ประกาศเรื่องตัวเราเอง แต่เป็นเรื่องของพระเยซูคริสต์ว่า พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้า และตัวเราเองเป็นผู้รับใช้ของท่านเพื่อพระเยซู 6 เพราะพระเจ้าผู้กล่าวไว้ว่า “ให้ความสว่างส่องออกมาจากความมืด”[b] ก็คือองค์ที่ได้ส่องเข้าไปในจิตใจของเรา เพื่อให้เราทราบถึงพระสง่าราศีของพระเจ้า ที่เปล่งจากใบหน้าของพระคริสต์
7 แต่เรามีสมบัติอันมีค่านี้อยู่ในหม้อดิน เพื่อจะได้แสดงให้เห็นว่าอานุภาพอันใหญ่ยิ่งนั้นมาจากพระเจ้า มิใช่มาจากตัวเราเอง 8 เราทนทุกข์ทรมานทุกทางแต่ก็ไม่พ่ายแพ้ แม้จะงุนงงแต่ก็ไม่สิ้นหวัง 9 ถูกกดขี่ข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง ถูกทำให้ล้มลงแต่ก็ไม่ถูกทำลาย 10 เราแบกความตายของพระเยซูไว้ในตัวเราเสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะได้ปรากฏในตัวเราด้วย 11 ขณะที่เราดำเนินชีวิต เราเสี่ยงกับความตายเพื่อพระเยซูอยู่เสมอ เพื่อว่าชีวิตของพระเยซูจะได้ปรากฏในร่างกายของเราที่ตายได้ 12 ดังนั้นความตายกำลังปฏิบัติงานในตัวเราอยู่ แต่ชีวิตกำลังปฏิบัติงานในตัวท่านทั้งหลาย
13 เพราะเรามีวิญญาณแห่งความเชื่อเดียวกัน ตามที่มีบันทึกไว้ว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงประกาศ”[c] เราก็เชื่อด้วย ดังนั้นเราจึงประกาศด้วย 14 เราทราบว่า พระองค์ผู้ให้พระเยซูฟื้นคืนชีวิตจะให้เราฟื้นคืนชีวิตกับพระเยซูด้วย และนำเราไปเข้าเฝ้าพระองค์พร้อมกับพวกท่าน 15 สิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน เพื่อว่าขณะที่พระคุณได้แผ่ขยายไปยังคนมากยิ่งขึ้นนั้น ก็จะทำให้มีคนขอบคุณพระเจ้าเพิ่มขึ้นเพื่อพระบารมีของพระเจ้า
16 ฉะนั้น เราไม่ท้อถอย แม้ว่าส่วนกายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่ส่วนลึกในใจของเรากำลังถูกเสริมสร้างใหม่ทุกวัน 17 เพราะความลำบากเล็กน้อยเพียงชั่วขณะหนึ่งนี้ กำลังเตรียมเราให้พร้อมเพื่อบารมีอันเป็นนิรันดร์ซึ่งไม่มีอะไรมาเทียบเทียมได้ 18 ดังนั้นเราจึงไม่จับตาดูสิ่งที่มองเห็น แต่จับตาดูสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะสิ่งที่มองเห็นเป็นสิ่งไม่ยั่งยืน แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้นเป็นนิรันดร์
จิตวิญญาณที่ทำบาปจะตาย
18 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 2 “พวกเจ้าหมายถึงอะไรเมื่อพูดเป็นสุภาษิตซ้ำๆ ถึงแผ่นดินอิสราเอลว่า
‘พ่อได้กินองุ่นเปรี้ยว
และลูกๆ ก็เข็ดฟัน’”
3 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด พวกเจ้าจะไม่พูดถึงสุภาษิตนี้อีกในอิสราเอล 4 ดูเถิด ชีวิตทุกคนเป็นของเรา ชีวิตพ่อและชีวิตลูกเป็นของเรา ทุกคนที่ทำบาปจะตาย
5 ถ้าผู้ใดมีความชอบธรรมและปฏิบัติด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม 6 ถ้าเขาไม่รับประทานบนภูเขาสูงหรืออธิษฐานต่อรูปเคารพของพงศ์พันธุ์อิสราเอล ไม่ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน หรือมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาเวลาที่มีรอบเดือน 7 ไม่กดขี่ข่มเหงผู้ใด แต่คืนของประกันให้แก่ผู้ยืม ไม่ปล้น แบ่งปันอาหารให้แก่ผู้อดอยาก จัดหาเครื่องนุ่งห่มให้แก่ผู้ที่ขัดสน 8 ไม่เก็บดอกเบี้ยหรือรับผลกำไรจากการให้ยืม ยั้งมือจากการกระทำสิ่งที่ไม่ยุติธรรม ให้คำตัดสินที่ยุติธรรมอย่างแท้จริงกับทุกคน 9 เขารักษากฎเกณฑ์และทำตามคำบัญชาของเรา เขามีความชอบธรรมและจะมีชีวิตอย่างแน่นอน” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
10 “ถ้าเขามีบุตรที่กระทำผิดและฆ่าคน หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดดังกล่าว 11 (แม้ว่าตัวเขาเองไม่ได้กระทำสิ่งเลวร้ายดังกล่าว) เขารับประทานบนภูเขาสูง ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านของเขาเป็นมลทิน 12 กดขี่ข่มเหงผู้ขัดสนและยากไร้ ปล้น ไม่คืนของประกันที่รับมา อธิษฐานต่อรูปเคารพ กระทำสิ่งที่น่ารังเกียจ 13 เก็บดอกเบี้ยและรับผลกำไรจากการให้ยืม แล้วเขาจะมีชีวิตอยู่หรือ เขาจะไม่มีชีวิตอยู่ เขาได้กระทำสิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านี้ เขาจะตายอย่างแน่นอน และเขาจะต้องรับผิดชอบการตายของตนเอง
14 แต่ถ้าชายผู้นี้มีบุตรซึ่งเห็นว่าบิดาของเขากระทำบาปทั้งสิ้น เขาเห็นแต่ไม่กระทำตาม 15 เขาไม่รับประทานบนภูเขาสูงหรืออธิษฐานต่อรูปเคารพของพงศ์พันธุ์อิสราเอล ไม่ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านของเขาเป็นมลทิน 16 ไม่กดขี่ข่มเหงผู้ใดหรือเอาของประกันจากการให้ยืม ไม่ปล้น แต่แบ่งปันอาหารให้แก่ผู้อดอยาก และจัดหาเครื่องนุ่งห่มให้แก่ผู้ที่ขัดสน 17 ยั้งมือจากการกระทำความชั่ว ไม่เก็บดอกเบี้ยหรือผลกำไร รักษากฎเกณฑ์และทำตามคำบัญชาของเรา เขาก็จะไม่ตายเพราะความชั่วของบิดาของเขา เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน 18 ส่วนบิดาของเขารับสินบน ปล้นพี่น้อง และกระทำสิ่งไม่ดีในหมู่ชนชาติของเขา เขาก็จะตายเพราะความชั่วของตนเอง
19 แต่พวกเจ้ายังจะพูดว่า ‘ทำไมบุตรจึงไม่รับทุกข์เพราะการกระทำชั่วของบิดาเล่า’[a] เมื่อบุตรดำเนินชีวิตด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม และมัดระวังรักษากฎเกณฑ์ของเรา เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน 20 ผู้ที่กระทำบาปก็จะตาย บุตรจะไม่รับทุกข์เพราะการกระทำชั่วของบิดา และบิดาจะไม่รับทุกข์เพราะการกระทำชั่วของบุตร ความชอบธรรมของผู้มีความชอบธรรมจะตกอยู่กับเขา และความชั่วร้ายของผู้ชั่วร้ายก็จะตกอยู่กับเขา
21 แต่ถ้าคนชั่วหันไปจากบาปทั้งสิ้นที่เขาได้กระทำ และรักษากฎเกณฑ์ทั้งสิ้นของเรา และดำเนินชีวิตด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตาย 22 สิ่งใดก็ตามที่เขาได้ล่วงละเมิดจะไม่เป็นที่จดจำและปรักปรำเขา แต่เขาจะมีชีวิตอยู่เพราะความชอบธรรมที่เขาได้กระทำ” 23 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “เราพอใจในความตายของคนชั่วร้ายอย่างนั้นหรือ เราจะไม่ชื่นชอบกว่าหรือถ้าเขาจะหันไปจากวิถีทางชั่วของเขาและมีชีวิตอยู่ 24 แต่เมื่อคนมีความชอบธรรมหันไปจากความชอบธรรมและดำเนินชีวิตด้วยความไม่ยุติธรรมอีก ทั้งกระทำสิ่งอันน่ารังเกียจเหมือนกับที่คนชั่วกระทำ แล้วเขาควรจะมีชีวิตอยู่หรือ ความชอบธรรมทั้งสิ้นที่เขากระทำจะไม่เป็นที่จดจำเพราะเขามีความผิดเนื่องจากความไม่ภักดีและบาปที่เขากระทำ เขาก็จะตายเพราะการกระทำเหล่านั้น
25 แต่พวกเจ้ายังจะพูดดังนี้ ‘วิถีทางของพระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด วิถีทางของเราไม่ยุติธรรมหรือ วิถีทางของพวกเจ้ามิใช่หรือที่ไม่ยุติธรรม 26 เมื่อผู้มีความชอบธรรมหันไปจากความชอบธรรมของเขา และปฏิบัติด้วยความไม่ยุติธรรม เขาก็จะตายเพราะเหตุนั้น เนื่องจากความไม่ยุติธรรมที่เขาปฏิบัติ เขาจึงตาย 27 และเมื่อคนชั่วร้ายหันไปจากความชั่วที่เขาได้กระทำ และกลับดำเนินชีวิตด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม เขาจะรักษาชีวิตของเขาไว้ 28 เพราะเขาพิจารณาและหันไปจากการล่วงละเมิดที่เขากระทำทั้งสิ้น เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขาจะไม่ตาย 29 แต่พงศ์พันธุ์อิสราเอลยังพูดว่า ‘วิถีทางของพระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย วิถีทางของเราไม่ยุติธรรมหรือ วิถีทางของพวกเจ้ามิใช่หรือที่ไม่ยุติธรรม
30 ฉะนั้น พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราจะพิพากษาลงโทษพวกเจ้าทุกคนตามวิถีทางของเขา” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น “พวกเจ้าจงกลับใจและหันไปจากการล่วงละเมิดทั้งสิ้น มิฉะนั้นความชั่วจะทำให้เจ้าจมดิ่งลง 31 จงกำจัดการล่วงละเมิดที่เจ้ากระทำทั้งสิ้นให้พ้นไปจากเจ้า และทำตัวให้มีใจใหม่ และวิญญาณดวงใหม่ โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ทำไมเจ้าจะตายเล่า 32 เพราะว่าเราไม่ยินดีในความตายของผู้ใด” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น “ฉะนั้นจงกลับใจและมีชีวิตเถิด
เพลงสดุดีแห่งการเชื่อมั่นในพระเจ้า
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองของเยดูธูน เพลงสดุดีของดาวิด
1 จริงทีเดียว จิตวิญญาณของข้าพเจ้ารอคอยพระเจ้าเท่านั้นด้วยความสงบใจ
ความรอดพ้นของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
2 จริงทีเดียว พระองค์เป็นศิลา เป็นความรอดพ้น
และป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่มีวันครั่นคร้ามเลย
3 พวกท่านทุกคนจะทำร้ายชายผู้หนึ่ง
ซึ่งเป็นเสมือนกำแพงที่เอนเอียง
และรั้วที่พังทลายไปนานอีกแค่ไหน
4 จริงทีเดียว พวกเขาวางแผนจะดึงชายผู้นั้นลงมาจากที่อันมีเกียรติ
พวกเขาสุขใจกับการลวงหลอก
คำอวยพรหลุดจากปากของพวกเขา
ขณะที่แช่งสาปอยู่ในใจ เซล่าห์
5 จริงทีเดียว จิตวิญญาณของข้าพเจ้ารอคอยพระเจ้าเท่านั้นด้วยความสงบใจ
ความหวังของข้าพเจ้ามาจากพระองค์
6 จริงทีเดียว พระองค์เป็นศิลา ความรอดพ้น
และป้อมปราการของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ครั่นคร้าม
7 ความรอดพ้นและเกียรติของข้าพเจ้าขึ้นอยู่กับพระเจ้า
พระเจ้าเป็นศิลาอันแข็งแกร่งและที่พึ่งพิงของข้าพเจ้า
8 โอ ชนชาติเอ๋ย จงไว้วางใจในพระองค์ตลอดเวลา
เปิดใจให้พระองค์
พระเจ้าเป็นที่พึ่งพิงสำหรับพวกเรา เซล่าห์
9 จริงทีเดียว บรรดาผู้ต่ำต้อยเป็นเสมือนลมหายใจ
และผู้ใหญ่เป็นเสมือนสิ่งลวงตา
จะวางไว้บนตาชั่งก็หามีน้ำหนักไม่
หากจะชั่งพวกเขารวมกันก็ยังเบากว่าลมหายใจ
10 อย่าวางใจในการใช้กำลังเพื่อจะได้สิ่งที่ท่านต้องการ
อย่าตั้งความหวังว่าจะได้สิ่งใดจากการจี้ปล้น
แม้จะร่ำรวยขึ้น
ก็อย่าวางใจในความมั่งมี
11 พระเจ้าได้กล่าวไว้ครั้งหนึ่ง
ข้าพเจ้าได้ยินสองครั้งแล้วว่า
ฤทธานุภาพเป็นของพระเจ้า
12 โอ พระผู้เป็นเจ้า ความรักอันมั่นคงเป็นของพระองค์อย่างแท้จริง
ด้วยว่าพระองค์จะสนองตอบทุกคน
ตามการกระทำของเขา[a]
ยามกระหายหาพระเจ้า
เพลงสดุดีของดาวิด ครั้งที่ท่านอยู่ในถิ่นทุรกันดารของยูดาห์
1 โอ พระเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์อย่างจริงจัง
จิตวิญญาณของข้าพเจ้ากระหายหาพระองค์
ข้าพเจ้าปรารถนาพระองค์อย่างยิ่ง
ราวกับแผ่นดินอันแร้นแค้นและเหือดแห้ง
ปราศจากน้ำ
2 ข้าพเจ้าได้มองดูพระองค์ในสถานที่บริสุทธิ์
เห็นฤทธานุภาพและพระบารมีของพระองค์
3 เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดีเลิศยิ่งกว่าชีวิต
ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
4 ฉะนั้น ข้าพเจ้าจะกราบนมัสการพระองค์ตราบที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่
ข้าพเจ้าจะยกมือขึ้นเวลาอธิษฐานต่อพระองค์
5 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างบริบูรณ์และสำราญใจ
และปากของข้าพเจ้ากล่าวคำสรรเสริญพระองค์ด้วยความยินดี
6 เวลาข้าพเจ้าอยู่บนเตียงนอนก็นึกถึงพระองค์
ข้าพเจ้าใคร่ครวญถึงพระองค์ในทุกยาม
7 เพราะพระองค์เป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้าตลอดมา
และข้าพเจ้าร้องเพลงด้วยความยินดีภายใต้ร่มเงาปีกของพระองค์
8 จิตวิญญาณของข้าพเจ้ายึดพระองค์ไว้แนบแน่น
มือขวาของพระองค์ปกป้องข้าพเจ้าไว้
9 ส่วนพวกที่ตามล่าเอาชีวิตข้าพเจ้า
จะลงไปสู่ส่วนลึกสุดของแผ่นดินโลก
10 พวกเขาจะอยู่ภายใต้อำนาจของพลังดาบ
และตกเป็นเหยื่อของหมาใน
11 แต่กษัตริย์จะยินดีในพระเจ้า
บรรดาผู้สาบานในพระนามของพระเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
แต่ปากของพวกคนพูดปดจะถูกปิดไว้
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation