M’Cheyne Bible Reading Plan
พันธสัญญาของพระเจ้าที่มีต่อดาวิด
7 หลังจากที่กษัตริย์ได้ใช้ชีวิตอยู่ในวังของท่าน และพระผู้เป็นเจ้าได้ให้ท่านหยุดพักจากศัตรูรอบด้าน 2 กษัตริย์กล่าวกับนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “ดูสิ เราอาศัยอยู่ในวังไม้ซีดาร์ แต่หีบของพระเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” 3 นาธานพูดกับกษัตริย์ว่า “เชิญท่านกระทำตามสิ่งที่อยู่ในใจท่านเถิด เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน”
4 แต่ในคืนเดียวกันนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับนาธานว่า 5 “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘เจ้าจะสร้างตำหนักให้เราอยู่หรือ 6 เราไม่ได้อยู่ในตำหนักนับตั้งแต่วันที่เรานำชาวอิสราเอลขึ้นมาจากประเทศอียิปต์จนถึงวันนี้ และก็ได้โยกย้ายอยู่ในกระโจมที่พักอาศัยของเรา 7 ทุกแห่งหนที่เราย้ายไปกับชาวอิสราเอลทั้งปวง เราเคยพูดสักคำกับบรรดาผู้วินิจฉัยของอิสราเอล ที่เราสั่งให้เลี้ยงดูอิสราเอลชนชาติของเราหรือว่า “ทำไมเจ้าจึงยังไม่สร้างตำหนักด้วยไม้ซีดาร์ให้เรา”’ 8 ฉะนั้น บัดนี้เจ้าจงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราตามนี้ว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวว่า ‘เราเอาตัวเจ้าออกมาจากทุ่งหญ้า จากการเดินตามฝูงแกะ เพื่อให้ปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา 9 เราได้อยู่กับเจ้าตลอดมาไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด และได้กำจัดศัตรูของเจ้าทุกคนให้พ้นหน้าเจ้า และเราจะทำให้ชื่อของเจ้ายิ่งใหญ่ ดั่งชื่อของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในโลก 10 และเราจะกำหนดที่แห่งหนึ่งให้อิสราเอลชนชาติของเรา และเราจะให้เขาตั้งหลักแหล่ง เพื่อเขาจะมีที่ของเขาเองอาศัยอยู่โดยไม่มีใครรบกวนอีก และคนชั่วจะไม่ทำให้เขารับทุกข์ทรมานอีกต่อไป เหมือนที่เป็นมาแต่แรก 11 และเป็นมาโดยตลอดนับจากเวลาที่เราได้กำหนดบรรดาผู้วินิจฉัย ให้ปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา เราจะให้เจ้าหยุดพักจากศัตรูของเจ้าทั้งปวง และยิ่งกว่านั้นอีก พระผู้เป็นเจ้าประกาศกับเจ้าว่า พระผู้เป็นเจ้าจะให้เจ้ามีผู้สืบพงศ์พันธุ์ 12 เมื่อเจ้าสิ้นชีวิตและถูกฝังรวมกับบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว เราจะกำหนดผู้สืบเชื้อสายต่อจากเจ้า เขาจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าเอง และเราจะสถาปนาอาณาจักรของเขา 13 เขาจะสร้างตำหนักเพื่อนามของเรา และเราจะสถาปนาบัลลังก์ของอาณาจักรของเขาชั่วนิรันดร์กาล[a] 14 เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา เมื่อใดที่เขากระทำผิด เราจะตักเตือนเขาด้วยวิธีการของมนุษย์ และลงโทษเขา ด้วยการลงโทษของบรรดาบุตรมนุษย์ 15 แต่เราจะไม่พรากความรักอันมั่นคงไปจากเขา อย่างที่เราพรากไปจากซาอูล คนที่เรากำจัดไปให้พ้นหน้าเจ้า 16 ผู้สืบพงศ์พันธุ์และอาณาจักรของเจ้าจะมั่นคง ณ เบื้องหน้าเราชั่วนิรันดร์กาล และบัลลังก์ของเจ้าจะได้รับการสถาปนาชั่วนิรันดร์กาล’” 17 นาธานแจ้งให้ดาวิดทราบตามคำกล่าวและทุกสิ่งที่พระเจ้าเผยให้ทราบ
คำอธิษฐานของดาวิด
18 จากนั้น กษัตริย์ดาวิดเข้าไปนั่ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ข้าพเจ้าเป็นผู้ใดเล่า และพงศ์พันธุ์ของข้าพเจ้าเป็นผู้ใด ที่พระองค์จึงได้กรุณาข้าพเจ้าถึงเพียงนี้ 19 แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์ยังได้กล่าวถึงอนาคตอันไกลของพงศ์พันธุ์ของผู้รับใช้พระองค์ และการกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่พระองค์กระทำต่อมนุษย์อย่างนั้นหรือ[b] โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ 20 มีอะไรอีกบ้างที่ดาวิดจะกล่าวกับพระองค์ได้ เพราะพระองค์รู้จักผู้รับใช้ของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ 21 เนื่องจากคำสัญญาของพระองค์ และตามใจปรารถนาของพระองค์ พระองค์ได้กระทำสิ่งอันยิ่งใหญ่นี้ เพื่อให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้ทราบ 22 ดังนั้น โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์ยิ่งใหญ่นัก เพราะไม่มีใครเป็นอย่างพระองค์ และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ตามที่พวกเราเคยได้ยินทุกสิ่งมาด้วยหูของเรา 23 และใครเป็นเหมือนอิสราเอลชนชาติของพระองค์ ประชาชาติเดียวในแผ่นดินที่พระเจ้าไปไถ่มาให้เป็นชนชาติของพระองค์ ทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่เลื่องลือ และกระทำสิ่งต่างๆ อันยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม ด้วยการขับไล่บรรดาประชาชาติและบรรดาเทพเจ้าของเขาไปให้พ้นหน้าชนชาติของพระองค์ ซึ่งพระองค์ไถ่จากประเทศอียิปต์ 24 และพระองค์สถาปนาอิสราเอลชนชาติของพระองค์ให้เป็นคนของพระองค์ชั่วนิรันดร์กาล และพระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเขา 25 มาบัดนี้ พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า ขอพระองค์ยืนยันสิ่งที่พระองค์กล่าวถึงผู้รับใช้ของพระองค์และพงศ์พันธุ์ของเขาเถิดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง และขอพระองค์กระทำตามที่พระองค์กล่าวไว้ 26 และพระนามของพระองค์จะยิ่งใหญ่ชั่วนิรันดร์กาลว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาเป็นพระเจ้าเหนืออิสราเอล’ และพงศ์พันธุ์ของดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับสถาปนา ณ เบื้องหน้าพระองค์ 27 โอ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอล เพราะว่าพระองค์ได้เผยให้ผู้รับใช้ของพระองค์ทราบโดยกล่าวว่า ‘เราจะสร้างผู้สืบพงศ์พันธุ์ให้แก่เจ้า’ ฉะนั้นผู้รับใช้ของพระองค์จึงมีใจกล้าที่จะกล่าวคำอธิษฐานนี้ต่อพระองค์ 28 และบัดนี้ โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์เป็นพระเจ้า และสิ่งที่พระองค์กล่าวเป็นความจริง และพระองค์ได้สัญญาสิ่งดีนี้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ 29 ฉะนั้นบัดนี้ ขอพระองค์โปรดอวยพรพงศ์พันธุ์ของผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อให้ยั่งยืนชั่วนิรันดร์กาล ณ เบื้องหน้าพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เพราะพระองค์ได้กล่าวเช่นนั้นแล้ว และด้วยคำอวยพรของพระองค์ พงศ์พันธุ์ของผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับพรชั่วนิรันดร์กาล”
การทักทายของเปาโล
1 ข้าพเจ้าเปาโลอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามความประสงค์ของพระเจ้า กับทิโมธีน้องชายของเรา
เรียน คริสตจักรของพระเจ้าที่เมืองโครินธ์และผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าทุกคนที่อยู่ทั่วแคว้นอาคายา
2 ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า จงมีแก่ท่านทั้งหลายเถิด
พระเจ้าแห่งการปลอบโยน
3 สรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาแห่งความเมตตาและพระเจ้าแห่งการปลอบโยนในทุกด้าน 4 พระองค์ปลอบโยนพวกเราเมื่อเรามีความทุกข์ยากลำบากสารพัน เพื่อว่าเราจะสามารถปลอบโยนบรรดาผู้ที่ตกอยู่ในความลำบากได้ เพราะเราเองก็ได้รับการปลอบโยนจากพระเจ้าแล้ว 5 เพราะเมื่อเรามีส่วนทนทุกข์กับพระคริสต์มากฉันใด เราก็มีส่วนรับการปลอบโยนผ่านพระคริสต์มากฉันนั้น 6 ถ้าเราต้องทนทุกข์ก็เป็นเพื่อว่า ท่านจะได้รับการปลอบโยนและความรอดพ้น ถ้าเราได้รับการปลอบโยนก็เป็นเพื่อว่า ท่านจะได้รับการปลอบโยน ในยามที่ท่านทนทรมานกับความทุกข์ยากแบบเดียวกับที่เราเผชิญ 7 เรามั่นใจในตัวท่านมาก เพราะเราทราบว่าขณะที่ท่านมีความทุกข์ยากร่วมกับเรา ท่านก็ได้รับการปลอบโยนของเราด้วย
8 เราอยากให้ท่านพี่น้องตระหนักถึงการทนทุกข์ทรมานซึ่งเกิดขึ้นกับเราในแคว้นเอเชีย เราตกอยู่ภายใต้ความกดดันเกินขีดจำกัดของเรา ถึงขนาดว่าเราหมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป 9 เรารู้สึกเหมือนว่าเราต้องโทษประหารชีวิต แต่นั่นก็เป็นไปเพื่อช่วยให้เราไม่วางใจในตัวเอง แต่วางใจในพระเจ้าผู้ทำให้คนตายฟื้นคืนชีวิต 10 พระองค์ได้ช่วยเราให้พ้นจากภัยอันตรายถึงชีวิต และจะช่วยเราให้รอดปลอดภัย เรามีความหวังในพระองค์ว่าจะช่วยเราให้พ้นภัยต่อไปอีก 11 ในเมื่อพวกท่านช่วยเราในการอธิษฐานด้วย คนจำนวนมากก็จะกล่าวขอบคุณพระเจ้า สำหรับพระพรที่เราได้รับเนื่องจากคำอธิษฐานของคนจำนวนมาก
เปาโลเลื่อนเวลาเยี่ยมเยียน
12 สิ่งที่เราโอ้อวดได้คือ มโนธรรมของเราเป็นพยานให้เห็นแล้วว่า เราได้ประพฤติตนอย่างสมควรในโลกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประพฤติต่อท่าน ทั้งในด้านความบริสุทธิ์และความจริงใจที่มาจากพระเจ้า เราไม่ได้ประพฤติโดยปัญญาของโลก แต่โดยพระคุณของพระเจ้า 13 เราเขียนถึงเฉพาะสิ่งที่ท่านอ่านได้และเข้าใจ และข้าพเจ้าหวังว่าท่านจะเข้าใจโดยตลอด 14 ดังที่ท่านเข้าใจเรามาบ้างแล้ว ว่าในวันที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้ากลับมา ท่านจะโอ้อวดเกี่ยวกับเราได้ เช่นเดียวกับที่เราจะโอ้อวดเกี่ยวกับท่าน
15 เราแน่ใจในเรื่องนี้มากจึงได้ตั้งใจมาหาท่านก่อน ท่านจะได้รับพระพรสองต่อ 16 คือตั้งใจแวะหาท่านระหว่างเดินทางไปยังแคว้นมาซิโดเนีย และขากลับจากมาซิโดเนีย ก็จะมาแวะหาท่านอีก และได้รับความช่วยเหลือจากท่านเวลาเดินทางไปยังแคว้นยูเดีย 17 เมื่อข้าพเจ้าเตรียมการที่จะกระทำนั้นข้าพเจ้าลังเลใจหรือ หรือว่าข้าพเจ้าเตรียมการที่จะกระทำตามใจชอบ นาทีหนึ่งบอกว่าจะมา และอีกนาทีหนึ่งก็ว่าจะไม่มาเสียอย่างนั้นหรือ 18 ตราบที่พระเจ้ารักษาคำมั่นสัญญาฉันใด คำประกาศที่เราให้ไว้กับท่านก็มั่นคงฉันนั้น 19 ด้วยว่าทั้งข้าพเจ้าเอง สิลวานัส และทิโมธี ได้ประกาศเรื่องพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้าว่า เป็นองค์ผู้ไม่กลับกลอก แต่ตรงกันข้ามคือพระองค์เป็นจริงเสมอ 20 ฉะนั้นไม่ว่าพระเจ้าให้สัญญาไว้มากเพียงไร ในพระคริสต์แล้วเป็นจริงทั้งนั้น ฉะนั้นเราจึงพูดคำว่า “อาเมน” ในพระนามของพระเยซูคริสต์ เมื่อเราสรรเสริญพระเจ้า 21 พระเจ้าเป็นผู้ให้ทั้งเราและท่านทั้งหลายยืนหยัดในพระคริสต์ พระองค์ได้เจิมเรา[a] 22 และได้ประทับตราแสดงความเป็นเจ้าของในตัวเรา ให้พระวิญญาณของพระองค์อยู่ในจิตใจของเรา เป็นหลักประกันสำหรับสิ่งที่จะมาภายหลัง
23 ข้าพเจ้าขอให้พระเจ้าผู้รู้อย่างลึกซึ้งถึงจิตใจเป็นพยานว่า ที่ข้าพเจ้าไม่ได้กลับมายังเมืองโครินธ์ก็เพื่อท่านจะได้ไม่ต้องลำบาก 24 เราไม่ได้บังคับว่าท่านควรจะเชื่ออะไร แต่เราทำงานร่วมกับท่านเพื่อความสุขของท่าน เพราะท่านยืนหยัดในความเชื่อ
เยรูซาเล็มเป็นเถาองุ่นอันไร้ประโยชน์
15 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย ไม้จากเถาองุ่นจะดีกว่ากิ่งก้านของต้นไม้อื่นใดในป่าได้อย่างไร 3 ไม้จากเถาองุ่นเอามาทำสิ่งใดได้บ้างไหม มีใครใช้ไม้เถาทำเป็นเดือยแขวนภาชนะได้ไหม 4 ดูเถิด มันถูกโยนเป็นเชื้อเพลิงในกองไฟ เมื่อปลายไม้ถูกเผาไหม้ทั้งสองข้าง และตรงกลางก็เป็นถ่าน แล้วมันใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง 5 ดูเถิด เมื่อมันเป็นไม้ท่อน มันถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ไม่ได้เลย เมื่อถูกไฟไหม้จนเป็นเถ้าถ่าน มันยิ่งจะใช้ทำอะไรไม่ได้อีกเลย” 6 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เราได้โยนไม้เถาลงในท่ามกลางต้นไม้ในป่าซึ่งเราใช้เป็นเชื้อเพลิงอย่างไร เราก็จะกระทำต่อบรรดาผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มอย่างนั้น 7 เราจะขัดขวางพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาหนีรอดจากไฟได้ ไฟก็ยังจะเผาไหม้พวกเขา และพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเราขัดขวางพวกเขา 8 และเราจะทำให้แผ่นดินเป็นที่รกร้าง เพราะพวกเขาไม่ภักดี” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
คำอธิษฐานแสดงความไว้วางใจในพระเจ้า
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ตามทำนองนกพิราบบนต้นเทเรบินธ์ มิคทามของดาวิด เมื่อชาวฟีลิสเตียจับกุมตัวท่านที่เมืองกัท[a]
1 โอ พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้า
เพราะมีคนโจมตีข้าพเจ้า
ศัตรูข่มเหงข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
2 ฝ่ายตรงข้ามโจมตีข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
ฝูงชนต่อสู้ข้าพเจ้าด้วยความทะนง
3 เวลาข้าพเจ้ากลัว
ข้าพเจ้าจะวางใจในพระองค์
4 ข้าพเจ้าสรรเสริญคำกล่าวของพระเจ้า
ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์โดยไม่หวั่นกลัว
มนุษย์เป็นเพียงเนื้อหนังจะทำอะไรต่อข้าพเจ้าได้หรือ
5 ตลอดวันเวลาพวกเขาบิดเบือนคำพูดของข้าพเจ้า
พวกเขาวางกลอุบายที่ล้วนแต่ชั่วร้ายเพื่อปองร้ายข้าพเจ้า
6 เขาวางแผนและดักซุ่ม
เขาเฝ้าดูข้าพเจ้าทุกฝีก้าว
ในขณะที่รออยู่ก็หวังว่าจะเอาชีวิตข้าพเจ้าไป
7 โอ พระเจ้า ลงโทษพวกเขาไปตามความชั่วร้ายของเขาเถิด
ทำให้คนพวกนั้นพ่ายแพ้ด้วยความกริ้วของพระองค์เถิด
8 ที่พระองค์นับจำนวนครั้งของการร้องไห้ฟูมฟายของข้าพเจ้าได้
เก็บและวัดตวงน้ำตาของข้าพเจ้าไว้นั้น
ไม่ได้ระบุไว้ในบันทึกของพระองค์หรือ
9 แล้วพวกศัตรูจะหันกลับไปในวันที่ข้าพเจ้าร้องเรียกถึง
แล้วข้าพเจ้าจะทราบว่าพระเจ้าเป็นฝ่ายข้าพเจ้า
10 ข้าพเจ้าสรรเสริญพระเจ้าสำหรับคำกล่าวของพระองค์
ข้าพเจ้าสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าสำหรับคำกล่าวของพระองค์
11 ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์โดยไม่หวั่นกลัว
มนุษย์จะทำอะไรต่อข้าพเจ้าได้หรือ
12 โอ พระเจ้า ข้าพเจ้าจะถวายสิ่งที่ข้าพเจ้าได้สัญญาไว้กับพระองค์
ข้าพเจ้าจะมอบของถวายแห่งการขอบคุณแด่พระองค์
13 เพราะว่าพระองค์ช่วยจิตวิญญาณข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากความตาย
และเท้าข้าพเจ้าให้พ้นจากการหกล้ม
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ดำเนินต่อหน้าพระเจ้า
ในความสว่างของชีวิต
คำอธิษฐานขอความช่วยเหลือ
ถึงหัวหน้าวงดนตรีตามทำนอง “อย่าทำลาย” มิคทามของดาวิด ในครั้งที่ท่านหนีซาอูลเข้าไปในถ้ำ[b]
1 โปรดเมตตาข้าพเจ้า โอ พระเจ้า เมตตาข้าพเจ้าเถิด
เพราะจิตวิญญาณของข้าพเจ้าพึ่งพิงในพระองค์
ข้าพเจ้าจะพึ่งพิงภายใต้ร่มเงาปีกของพระองค์
จนกระทั่งพายุแห่งความพินาศผ่านพ้นไป
2 ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระเจ้าผู้สูงสุด
ร้องถึงพระเจ้าผู้จัดหาทุกสิ่งให้ข้าพเจ้าตามจุดประสงค์ของพระองค์
3 พระองค์จะส่งความช่วยเหลือจากสวรรค์ให้ข้าพเจ้ารอดพ้น
พระองค์จะทำให้พวกที่ข่มเหงข้าพเจ้าอับอาย เซล่าห์
พระเจ้าจะส่งความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
4 ข้าพเจ้าอยู่ท่ามกลางกลุ่มสิงโต
ที่เขมือบบรรดาบุตรของมนุษย์อย่างตะกละตะกราม
ฟันของพวกมันเป็นเหมือนหอกและลูกธนู
และลิ้นของพวกมันเป็นเช่นดาบคม
5 โอ พระเจ้า ขอพระองค์เป็นที่ยกย่องเหนือเบื้องฟ้าสวรรค์เถิด
ขอพระบารมีของพระองค์แผ่ปกไปทั่วแผ่นดินโลก
6 พวกเขาวางตาข่ายไว้ดักจับข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าสิ้นหวัง
เขาขุดหลุมตรงทางที่ข้าพเจ้าไป
แต่แล้วพวกเขาก็ตกลงไปเอง เซล่าห์
7 ใจข้าพเจ้ามั่นคง โอ พระเจ้า
ใจข้าพเจ้ามั่นคง
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและร้องสรรเสริญพระองค์
8 ตื่นเถิด โอ จิตวิญญาณเอ๋ย
พิณสิบสายและพิณเล็ก จงตื่นเถิด
ข้าพเจ้าจะปลุกอโณทัย
9 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ท่ามกลางบรรดาชนชาติ
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางประชาชาติทั้งปวง
10 ด้วยว่า ความรักอันมั่นคงของพระองค์ยิ่งใหญ่กว้างไกลถึงแดนฟ้าสวรรค์
ความสัตย์จริงของพระองค์ไปถึงหมู่เมฆ
11 โอ พระเจ้า ขอพระองค์เป็นที่ยกย่องเหนือเบื้องฟ้าสวรรค์เถิด
ขอพระบารมีของพระองค์แผ่ปกไปทั่วแผ่นดินโลก[c]
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation