M’Cheyne Bible Reading Plan
นำหีบมายังเยรูซาเล็ม
6 วันหนึ่งดาวิดรวบรวมชายอิสราเอลที่คัดเลือกแล้ว รวมทั้งหมดได้ 30,000 คน 2 ดาวิดออกเดินทางไปกับประชาชนทั้งปวงที่อยู่กับท่านจากบาอาเลยูดาห์ เพื่อนำหีบของพระเจ้ามาจากที่นั่น หีบที่เรียกตามพระนามว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้สถิตบนบัลลังก์เหนือตัวเครูบ 3 พวกเขาหามหีบของพระเจ้าบนเกวียนใหม่เล่มหนึ่ง นำออกมาจากบ้านของอาบีนาดับ ซึ่งอยู่บนเนินเขา อุสซาห์กับอาหิโยบุตรทั้งสองของอาบีนาดับเป็นคนขับเกวียนใหม่ 4 อาหิโยเดินอยู่ข้างหน้าหีบของพระเจ้า
อุสซาห์กับหีบ
5 ดาวิดและชาวอิสราเอลทั้งปวงก็กำลังรื่นเริงอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดกำลัง ด้วยเสียงเพลง พิณเล็ก พิณสิบสาย รำมะนา กรับ และฉาบ 6 เมื่อมาถึงลานนวดข้าวของนาโคน อุสซาห์ยื่นมือเพื่อพยุงหีบของพระเจ้า เพราะโคสะดุด 7 พระผู้เป็นเจ้าโกรธอุสซาห์มาก พระเจ้าจึงประหารเขา เพราะเขายื่นมือพยุงหีบ เขาจึงตายอยู่ข้างหีบของพระเจ้า 8 และดาวิดก็โกรธเพราะพระผู้เป็นเจ้ากริ้วและลงโทษอุสซาห์ ที่ตรงนั้นจึงได้ชื่อว่า เปเรศอุสซาห์ มาจนถึงทุกวันนี้ 9 ในวันนั้นดาวิดเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า และท่านพูดว่า “หีบของพระผู้เป็นเจ้าจะมาอยู่กับเราได้อย่างไร” 10 ดาวิดจึงไม่ตั้งใจที่จะนำหีบของพระผู้เป็นเจ้าเข้าไปในเมืองของดาวิด แต่นำไปไว้ที่บ้านของโอเบดเอโดมชาวกัท 11 หีบของพระผู้เป็นเจ้าก็อยู่ที่บ้านของโอเบดเอโดมชาวกัทนานถึง 3 เดือน พระผู้เป็นเจ้าอวยพรโอเบดเอโดมและทุกคนในครัวเรือน
12 มีคนบอกดาวิดว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้อวยพรคนในครัวเรือนของโอเบดเอโดมและทุกสิ่งที่เป็นของเขา เพราะหีบของพระเจ้า” ดาวิดจึงไปนำหีบของพระเจ้าขึ้นมาจากครัวเรือนของโอเบดเอโดม และมาไว้ที่เมืองของดาวิดด้วยความยินดี 13 เมื่อคนที่หามหีบของพระผู้เป็นเจ้าเดินไปได้ 6 ก้าว ท่านจึงถวายโคและสัตว์อ้วนพีหนึ่งตัวเป็นเครื่องสักการะ 14 ดาวิดสวมชุดคลุมผ้าป่านขณะเต้นรำทำเพลง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดกำลังของท่าน 15 ดังนั้นดาวิดและพงศ์พันธุ์อิสราเอลจึงนำหีบของพระผู้เป็นเจ้าขึ้นมาด้วยเสียงโห่ร้องและเสียงเป่าแตรงอน
ดาวิดและมีคาล
16 ขณะที่หีบของพระผู้เป็นเจ้าเข้าไปในเมืองของดาวิด มีคาลบุตรหญิงของซาอูลมองดูที่หน้าต่าง เห็นกษัตริย์ดาวิดกำลังกระโดดและเต้นรำทำเพลงที่เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และนางก็ดูหมิ่นท่านอยู่ในใจ 17 เขาทั้งหลายนำหีบของพระผู้เป็นเจ้าเข้ามา และตั้งไว้ที่ซึ่งถูกเตรียมไว้ภายในกระโจมที่ดาวิดกางไว้พร้อมแล้ว และดาวิดมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและของถวายเพื่อสามัคคีธรรม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 18 เมื่อดาวิดมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและของถวายเพื่อสามัคคีธรรมเสร็จแล้ว ท่านก็อวยพรประชาชนในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา 19 และแจกขนมปังให้คนละก้อน เนื้อคนละก้อน และขนมลูกเกดคนละก้อน ให้แก่ชาวอิสราเอลจำนวนมากทั้งชายและหญิง ครั้นแล้วคนทั้งปวงก็กลับไปยังบ้านของตน
20 และดาวิดกลับไปบ้านหาครอบครัวของท่าน แต่มีคาลบุตรหญิงของซาอูลออกมาพบกับท่าน และพูดว่า “วันนี้กษัตริย์แห่งอิสราเอลให้เกียรติตนเองอะไรเช่นนี้ สะบัดผ้าชะเวิกชะวากให้หญิงรับใช้ของข้าราชบริพารเห็น เหมือนพวกไพร่ที่เลิกผ้าตัวเองให้ล่อนจ้อนโดยไร้ความอาย” 21 ดาวิดกล่าวกับมีคาลว่า “เป็นการรื่นเริง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าผู้ได้เลือกเรา แทนที่จะเลือกบิดาของเจ้าหรือผู้ใดในราชวงศ์ของท่านเอง เพื่อแต่งตั้งเราให้ปกครองอิสราเอลคือคนของพระผู้เป็นเจ้า และเราก็จะรื่นเริง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 22 เราจะทำตนให้เป็นที่ดูหมิ่นยิ่งกว่านี้อีก เราจะเสื่อมศักดิ์ในสายตาของเจ้า แต่สำหรับเหล่าหญิงรับใช้ที่เจ้าพูดถึงนั้น พวกเขาจะเห็นว่าเรามีเกียรติ” 23 และมีคาลบุตรหญิงของซาอูลไม่มีบุตรจนถึงวันสิ้นชีวิต
การเรี่ยไรให้คริสตจักร
16 ส่วนเรื่องการเก็บเรี่ยไรเพื่อบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้านั้น จงกระทำตามที่ข้าพเจ้าได้บอกแก่คริสตจักรที่แคว้นกาลาเทียเถิด 2 ทุกวันแรกของแต่ละสัปดาห์ ทุกท่านควรแบ่งเงินเก็บไว้จำนวนหนึ่งตามแต่รายได้ที่มี จะได้ไม่ต้องเก็บเรี่ยไรเมื่อข้าพเจ้ามา 3 และเวลาที่ข้าพเจ้ามาถึง ข้าพเจ้าจะให้บรรดาผู้ที่ท่านเห็นชอบ นำจดหมายและเงินที่ท่านกรุณาเรี่ยไรได้ไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 4 และถ้าสมควรที่ข้าพเจ้าจะไปด้วยแล้ว เขาเหล่านั้นก็จะไปพร้อมกับข้าพเจ้า
5 ข้าพเจ้าจะมาหาท่านหลังจากที่ได้เข้าไปในแคว้นมาซิโดเนียแล้ว เพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะผ่านไปทางมาซิโดเนีย 6 ข้าพเจ้าคงจะพักอยู่กับท่าน และอาจจะอยู่จนตลอดช่วงฤดูหนาวด้วย เพื่อให้ท่านช่วยจัดการส่งข้าพเจ้าเดินทางต่อไปอีก ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม 7 ข้าพเจ้ายังไม่อยากมาหาท่านเพียงเพราะเป็นระยะทางผ่านเท่านั้น ข้าพเจ้าหวังว่าจะพักอยู่กับท่านสักช่วงระยะหนึ่ง ถ้าพระผู้เป็นเจ้าอนุญาต 8 แต่ข้าพเจ้าจะอยู่ที่เมืองเอเฟซัสจนกระทั่งเทศกาลเพ็นเทคศเต 9 เพราะมีโอกาสที่เปิดกว้างไว้ให้ข้าพเจ้าเพื่องานรับใช้ที่จะบังเกิดผล แม้จะมีคนจำนวนมากที่ขัดขวางข้าพเจ้าอยู่ก็ตาม
10 ถ้าทิโมธีมาหาท่าน ก็ช่วยแสดงความยินดีต้อนรับเขาในหมู่ท่าน เพราะว่าเขาปฏิบัติงานของพระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับข้าพเจ้า 11 ฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดดูถูกเขา แต่จงจัดการส่งเขาเดินทางไปอย่างสันติสุข เขาจะได้กลับมาหาข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ากำลังคอยเขากับพวกพี่น้องอยู่
คำลงท้าย
12 ส่วนเรื่องอปอลโลซึ่งเป็นพี่น้องของเรานั้น ข้าพเจ้าขอร้องให้เขาไปหาท่านพร้อมกับพวกพี่น้องอื่นๆ เขาไม่ประสงค์ที่จะไปเวลานี้ แต่เขาจะไปเมื่อมีโอกาส
13 ท่านจงระวังให้ดี ขอให้ยืนหยัดอยู่ในความเชื่อ จงกล้าหาญและเข้มแข็ง 14 ท่านจงกระทำทุกสิ่งด้วยความรัก
15 พี่น้องทั้งหลาย ท่านทราบว่าในแคว้นอาคายา ครอบครัวของสเทฟานัสเป็นกลุ่มแรกที่เชื่อพระเจ้า และพวกเขาได้อุทิศตนเพื่อรับใช้งานให้กับผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้า 16 ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านยอมเชื่อฟังคนเช่นนั้น และทุกคนที่ช่วยในการงานด้วย 17 ข้าพเจ้ายินดีเมื่อสเทฟานัส ฟอร์ทูนาทัส และอาคายคัสมาถึง เพราะเขาเหล่านั้นได้ทดแทนตัวท่านที่ไม่ได้มา 18 เขาทำให้วิญญาณของข้าพเจ้าและของท่านรู้สึกชุ่มชื่น ฉะนั้นท่านควรยกย่องคนเช่นนั้น
19 บรรดาคริสตจักรในแคว้นเอเชียส่งความคิดถึงมายังท่าน อาควิลลากับปริสคาและคริสตจักรที่ประชุมร่วมกันที่บ้านของเขาทั้งสอง ส่งความคิดถึงมายังท่านด้วยใจจริงในพระผู้เป็นเจ้า 20 พี่น้องทุกคนที่นี่ส่งความคิดถึงมายังท่าน จงทักทายกันด้วยการจูบแก้มอันบริสุทธิ์[a]
21 ข้าพเจ้าเปาโลเขียนส่งความคิดถึงนี้มาด้วยลายมือของข้าพเจ้าเอง 22 หากว่าผู้ใดไม่มีความรักต่อพระผู้เป็นเจ้า ก็ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่ง ขอเชิญพระผู้เป็นเจ้าของเรากลับมาเถิด 23 ขอพระคุณของพระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าจงอยู่กับท่านทั้งหลายด้วย 24 ความรักของข้าพเจ้าอยู่กับท่านทั้งหลายในพระเยซูคริสต์ อาเมน
ผู้บูชารูปเคารพถูกกล่าวโทษ
14 แล้วบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลมาหาข้าพเจ้า และนั่งที่ตรงหน้าข้าพเจ้า 2 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 3 “บุตรมนุษย์เอ๋ย ชายเหล่านี้ได้ใฝ่ใจในรูปเคารพ และวางเครื่องกีดขวางแห่งความชั่วที่ตรงหน้าของพวกเขา ควรแล้วหรือที่เราจะให้พวกเขาขอคำปรึกษาจากเรา 4 ฉะนั้นจงบอกพวกเขาว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า ผู้ใดก็ตามในพงศ์พันธุ์อิสราเอลที่ใฝ่ใจในรูปเคารพ และวางเครื่องกีดขวางแห่งความชั่วที่ตรงหน้าของตน และยังจะมาหาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า เราผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้าก็จะให้คำตอบแก่เขาขณะที่เขามาพร้อมด้วยรูปเคารพมากมาย 5 เราจะได้ชนะใจพงศ์พันธุ์อิสราเอลซึ่งได้ทอดทิ้งเราไปเพราะรูปเคารพของพวกเขา
6 ฉะนั้น จงบอกพงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า จงกลับใจและเลิกบูชารูปเคารพ และหันไปเสียจากการกระทำที่น่าชังทั้งปวงของเจ้า 7 เพราะผู้ใดก็ตามในพงศ์พันธุ์อิสราเอลหรือคนแปลกหน้าที่แรมรอนในอิสราเอล ซึ่งผละตัวไปจากเรา และใฝ่ใจในรูปเคารพ และวางเครื่องกีดขวางแห่งความชั่วที่ตรงหน้าของเขา และยังจะมาหาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเพื่อขอคำปรึกษาจากเรา เราผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้าก็จะให้คำตอบแก่เขาเอง 8 และเราจะขัดขวางคนนั้น และจะทำให้เขาเป็นตัวอย่างของการตักเตือน เป็นที่หัวเราะเยาะ เราจะตัดเขาขาดจากชนชาติของเรา และเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า 9 และถ้าผู้เผยคำกล่าวถูกชักจูงให้เผยความ เราผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้าได้ชักจูงผู้เผยคำกล่าวคนนั้น และเราจะยื่นมือของเราออกเพื่อลงโทษและทำให้เขาพินาศไปจากท่ามกลางอิสราเอลชนชาติของเรา 10 พวกเขาจะแบกรับความผิด ผู้เผยคำกล่าวจะมีความผิดเหมือนกับผู้ขอคำปรึกษา 11 และพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะไม่หลงหายไปจากเราอีกต่อไป หรือทำตัวเองให้มีมลทินด้วยบาปทั้งสิ้นของพวกเขาอีกต่อไป แต่พวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
เยรูซาเล็มไม่พ้นจากการลงโทษ
12 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 13 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เมื่อแผ่นดินใดกระทำบาปต่อเราด้วยความไม่ภักดี และเรายื่นมือของเราออกเพื่อลงโทษและทำให้แผ่นดินนั้นขาดแคลนอาหาร และเกิดทุพภิกขภัยในแผ่นดิน อีกทั้งสังหารผู้คนและสัตว์เลี้ยงของพวกเขา 14 แม้ว่าถ้าชายทั้งสามเหล่านี้ คือโนอาห์ ดาเนียล และโยบ จะอยู่ในแผ่นดินนั้น พวกเขาก็จะเอาชีวิตรอดได้ก็เฉพาะตัวเองเท่านั้น เพราะความชอบธรรมของตน” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
15 “ถ้าเราให้สัตว์ป่าผ่านเข้ามาในแผ่นดิน และทำความเสียหายมากจนทำให้แผ่นดินเป็นที่รกร้าง และไม่มีผู้ใดสามารถผ่านเข้าไปได้เพราะสัตว์ป่า” 16 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ “ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด แม้ว่าถ้าชายทั้งสามเหล่านี้อยู่ในแผ่นดิน พวกเขาจะไม่สามารถรักษาชีวิตบุตรชายหรือบุตรหญิงไว้ได้ พวกเขาเองเท่านั้นที่จะเอาชีวิตรอดได้ แต่แผ่นดินก็ยังจะเป็นที่รกร้าง
17 หรือถ้าเราให้เกิดมีการฆ่าฟันในแผ่นดินและพูดว่า ให้มีการฆ่าฟันทั่วแผ่นดิน และเรากำจัดทั้งมนุษย์และสัตว์ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน” 18 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ “ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด แม้ว่าถ้าชายทั้งสามนี้อยู่ในแผ่นดิน พวกเขาจะไม่สามารถรักษาชีวิตบุตรชายหรือบุตรหญิงไว้ได้ พวกเขาเองเท่านั้นที่จะเอาชีวิตรอดได้
19 หรือถ้าเราจะให้เกิดโรคระบาดในแผ่นดิน และจะกระหน่ำการลงโทษของเราลงที่นั่นโดยให้มีการหลั่งเลือด เพื่อกำจัดทั้งมนุษย์และสัตว์ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน” 20 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ “ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด แม้ว่าถ้าโนอาห์ ดาเนียล และโยบอยู่ในแผ่นดิน พวกเขาจะไม่สามารถรักษาชีวิตบุตรชายหรือบุตรหญิงไว้ได้ พวกเขาก็จะเอาชีวิตรอดได้ก็เฉพาะตัวเองเท่านั้น เพราะความชอบธรรมของตน”
21 เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “จะเลวร้ายยิ่งกว่านั้นเพียงไรถ้าเราให้ความวิบัติทั้งสี่เป็นการลงโทษเยรูซาเล็ม คือการฆ่าฟัน ทุพภิกขภัย สัตว์ป่า และโรคระบาด เพื่อกำจัดทั้งมนุษย์และสัตว์ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน 22 แต่ก็ยังจะมีบรรดาผู้ที่มีชีวิตรอดเหลืออยู่ บรรดาบุตรชายและบุตรหญิงที่จะถูกนำออกมาจากแผ่นดิน ดูเถิด เมื่อพวกเขาออกมาหาพวกเจ้า และเจ้าเห็นความประพฤติและการกระทำของพวกเขา พวกเจ้าจะได้รับการปลอบประโลมเรื่องความวิบัติที่เราได้กระทำต่อเยรูซาเล็ม ความวิบัติทั้งสิ้นที่เราได้กระทำต่อเมืองนั้น 23 พวกเขาจะปลอบประโลมพวกเจ้า เมื่อเจ้าเห็นความประพฤติและการกระทำของพวกเขา และพวกเจ้าจะรู้ว่า เราไม่ได้กระทำสิ่งใดโดยไร้สาเหตุ” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
คำอธิษฐานของผู้ที่ถูกเพื่อนหักหลัง
ถึงหัวหน้าวงดนตรี ด้วยเครื่องสาย เพลงสดุดีแห่งความฉลาดรอบรู้ของดาวิด
1 โอ พระเจ้า โปรดสดับคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
และอย่าเมินเฉยต่อคำอ้อนวอนของข้าพเจ้าเลย
2 โปรดฟังและตอบข้าพเจ้าด้วย
ข้าพเจ้าบอบช้ำจากความทุกข์ยาก
3 ข้าพเจ้าพะวักพะวนกับเสียงของศัตรู
และการข่มขู่ของคนชั่ว
พวกเขานำความลำบากมาให้ข้าพเจ้า
และเขาเคียดแค้นข้าพเจ้าด้วยความโกรธ
4 ข้าพเจ้าหวั่นหวาดในทรวงอก
และความกลัวตายครอบครองจิตใจข้าพเจ้า
5 ข้าพเจ้าเกิดรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
และหวาดกลัวยิ่งนัก
6 และข้าพเจ้าพูดได้เลยว่า “ข้าพเจ้าใคร่จะมีปีกอย่างนกพิราบ
ข้าพเจ้าจะได้บินหนีไปหาความสงบ
7 ข้าพเจ้าจะบินไปไกลๆ
และพักแรมอยู่ในถิ่นทุรกันดาร เซล่าห์
8 ข้าพเจ้าจะรีบไปยังที่หลบภัยของข้าพเจ้า
เพื่อให้พ้นจากลมอันแรงกล้าและลมพายุ”
9 ทำให้แผนของเขาล้มเหลวเถิด พระผู้เป็นเจ้า ทำให้คำพูดของเขาสับสนเถิด
ด้วยว่า ข้าพเจ้าเห็นความรุนแรงและการทะเลาะวิวาทที่ตัวเมือง
10 พวกเขาล้อมรอบกำแพงเมืองตลอดทั้งวันทั้งคืน
ภายในนั้นก็มีทั้งความชั่วร้ายและความยุ่งยาก
11 ความพินาศอยู่ ณ ที่นั้น
การกดขี่ข่มเหงและความหลอกลวง
ไม่เคยห่างไปจากสาธารณชน
12 หากว่าเป็นศัตรูที่เหยียดหยามข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าย่อมทนได้
หากว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามที่โอ้อวดข่มข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าก็ซ่อนตัวเสียให้พ้นหน้าเขา
13 แต่เป็นท่านเอง เป็นคนที่ใจตรงกันกับข้าพเจ้า
เพื่อนคู่หู เพื่อนสนิทของข้าพเจ้า
14 เราเคยร่วมสังสรรค์กันอย่างดี
และเราดำเนินร่วมกันในพระตำหนักของพระเจ้า
15 ให้พวกเขาเผชิญกับความตายเถิด
ให้เขาดำดิ่งลงสู่แดนคนตายทั้งเป็น
เพราะว่าความชั่วอยู่ติดตัวติดใจพวกเขา
16 แต่ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระเจ้า
และพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
17 ข้าพเจ้าพร่ำเพ้อและคร่ำครวญ
ทั้งในยามเช้า เที่ยงวัน และยามค่ำ
และพระองค์จะได้ยินเสียงของข้าพเจ้า
18 พระองค์จะช่วยชีวิตข้าพเจ้าให้ปลอดภัย
จากสงครามที่ข้าพเจ้าต่อสู้
แม้จะมีหลายคนต่อต้านข้าพเจ้าอยู่
19 พระเจ้าผู้ครองบัลลังก์ตั้งแต่ครั้งกาลก่อน
จะฟังและทำให้พวกเขาศิโรราบดั่งหน้ากลอง
เพราะเขาไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
และไม่เกรงกลัวพระเจ้า เซล่าห์
20 เพื่อนสนิทคนนั้นเข้าทำร้ายพวกเพื่อนฝูงของเขาเอง
เขาผิดสัญญา
21 ถ้อยคำของเขานุ่มนวลยิ่งกว่าเนย
แต่ความเกลียดครอบครองใจเขา
คำพูดของเขาไหลลื่นยิ่งกว่าน้ำมัน
แต่เป็นเหมือนดาบคมที่ถูกชักออก
22 จงมอบความกังวลไว้กับพระผู้เป็นเจ้า
และพระองค์จะทำให้ท่านยืนยงอยู่ได้
พระองค์จะไม่มีวันปล่อยให้ผู้มีความชอบธรรมล้มเหลว
23 โอ พระเจ้า แต่พระองค์จะโยนพวกคนชั่วลง
ในหลุมแห่งแดนคนตาย
พวกคนกระหายเลือดและหลอกลวง
จะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งของชั่วอายุคน
ส่วนข้าพเจ้าจะวางใจในพระองค์
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation