Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 ซามูเอล 15

พระผู้เป็นเจ้าไม่ยอมรับซาอูล

15 ซามูเอลพูดกับซาอูลว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนที่พระผู้เป็นเจ้าใช้ให้มาเจิมท่านเป็นกษัตริย์ปกครองคนของพระองค์ คือชาวอิสราเอล ฉะนั้นบัดนี้ขอท่านฟังคำพูดของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวว่า ‘เราจะลงโทษพวกอามาเลข ตามที่เขาได้กระทำต่ออิสราเอล ต่อต้านพวกเขาในขณะที่กำลังออกไปจากประเทศอียิปต์[a] เวลานี้จงไปโจมตีพวกอามาเลข และทำลายทุกสิ่งที่เป็นของพวกเขา อย่าไว้ชีวิตใคร ฆ่าทั้งชายและหญิง เด็กๆ และทารก โคและแกะ อูฐและลา’”

ดังนั้นซาอูลจึงเกณฑ์พลและตรวจพลที่เทลาอิม มีทหารราบ 200,000 คน และชาย 10,000 คนจากเผ่ายูดาห์ ซาอูลไปยังเมืองของชาวอามาเลข และดักซุ่มที่ธารน้ำในหุบเขา แล้วท่านพูดกับชาวเคนว่า “ไปเถิด จงไปเสียจากชาวอามาเลข เพื่อเราจะไม่ต้องทำลายพวกท่านรวมไปกับพวกเขาด้วย เพราะว่าพวกท่านกรุณาต่อชาวอิสราเอลทั้งปวง ในเวลาที่เขาออกมาจากประเทศอียิปต์”[b] ดังนั้นชาวเคนจึงแยกย้ายออกไปจากชาวอามาเลข และซาอูลก็โจมตีชาวอามาเลข ตั้งแต่ฮาวิลาห์ไปจนถึงชูร์ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของอียิปต์ ท่านจับอากักกษัตริย์ของชาวอามาเลขได้ทั้งเป็น ท่านทำลายล้างทุกชีวิตด้วยคมดาบ แต่ซาอูลและพวกทหารไว้ชีวิตอากักและแกะกับโคที่ดีที่สุด รวมทั้งลูกโคและลูกแกะอ้วนพี คือทุกสิ่งที่ดีๆ พวกเขาไม่ยอมทำลายให้เสียสิ้น แต่ทุกสิ่งที่ไม่มีค่าและอ่อนแอนั้น พวกเขาทำลายล้างจนหมดสิ้น

10 พระผู้เป็นเจ้าจึงกล่าวกับซามูเอลว่า 11 “เราเสียใจที่ได้แต่งตั้งซาอูลให้เป็นกษัตริย์ เพราะว่าเขาได้หันไปจากเรา และไม่ได้กระทำตามคำบัญชาของเรา” ซามูเอลไม่สบายใจ ท่านจึงได้ร้องเรียกถึงพระผู้เป็นเจ้าตลอดทั้งคืน 12 วันรุ่งขึ้นซามูเอลลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ และไปพบกับซาอูล แต่มีคนบอกท่านว่า “ซาอูลไปที่ภูเขาคาร์เมลแล้ว ท่านไปตั้งสถานที่ระลึกที่นั่นเพื่อเป็นเกียรติแก่ตนเอง และลงไปยังกิลกาลต่ออีกด้วย” 13 เมื่อซามูเอลตามหาซาอูลพบแล้ว ซาอูลพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าอวยพรให้แก่ท่าน เราได้กระทำตามคำสั่งของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว” 14 แต่ซามูเอลพูดว่า “แล้วเสียงร้องจากฝูงแพะแกะและฝูงโคล่ะ มันเรื่องอะไรกัน” 15 ซาอูลตอบว่า “พวกทหารเอาฝูงสัตว์มาจากพวกอามาเลข และไว้ชีวิตแพะแกะและโคที่ดีที่สุด เพื่อถวายเป็นเครื่องสักการะแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และที่เหลือ เราก็ได้ทำลายล้างจนหมดสิ้นแล้ว” 16 ซามูเอลพูดกับซาอูลว่า “หยุดได้แล้ว ให้เราบอกท่านเถิดว่าพระผู้เป็นเจ้ากล่าวอะไรกับเราเมื่อคืนนี้” ซาอูลตอบว่า “บอกเราเถิด”

17 ซามูเอลพูดว่า “แม้ว่าท่านเคยคิดว่า ท่านไม่ใช่คนสำคัญนัก แล้วท่านไม่ได้มาเป็นผู้นำของบรรดาเผ่าของอิสราเอลหรือ พระผู้เป็นเจ้าเจิมท่านให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล 18 และพระองค์มอบหมายให้ท่านออกไปปฏิบัติงาน โดยกล่าวว่า ‘จงไปทำลายล้างชาวอามาเลขซึ่งเป็นคนบาปให้หมดสิ้น ทำศึกสงครามกับพวกนั้นจนเจ้าปราบทุกคนให้สูญสิ้น’ 19 ทำไมท่านจึงไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า ทำไมท่านจึงได้ตะครุบเอาสิ่งที่ริบได้ และกระทำชั่วในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า 20 ซาอูลพูดกับซามูเอลว่า “แต่เราเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้าแล้ว เราปฏิบัติไปตามที่พระผู้เป็นเจ้ามอบหมายให้เราทำ เราพาอากักกษัตริย์ของพวกเขากลับมา และเราทำลายล้างพวกอามาเลขจนหมดสิ้น 21 พวกทหารเอาฝูงแพะแกะและฝูงโคจากที่ริบมาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ถูกกำหนดให้พินาศ เพื่อเป็นเครื่องสักการะแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านที่กิลกาล”

22 ซามูเอลพูดว่า

พระผู้เป็นเจ้ายินดีในสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย
    และเครื่องสักการะ มากเท่ากับการเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้าหรือ
การเชื่อฟังดีกว่าเครื่องสักการะ
    และการฟังก็ดีกว่าไขมันจากแกะตัวผู้
23 เพราะว่าการขัดขืนเป็นดั่งบาปของการทำนายอนาคต
    และความยโสเป็นดั่งความชั่วของการบูชารูปเคารพ
เพราะท่านไม่ได้กระทำตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
    พระองค์ไม่ยอมรับท่านเป็นกษัตริย์แล้ว”

24 ซาอูลพูดกับซามูเอลว่า “เราได้กระทำบาปแล้ว เราได้ละเมิดคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าและสิ่งที่ท่านแจ้ง เรากลัวผู้คน เราจึงยอมทำตามพวกเขา 25 เวลานี้เราขอร้องท่าน โปรดให้อภัยบาปของเรา และกลับไปกับเรา เราจะได้นมัสการพระผู้เป็นเจ้า 26 แต่ซามูเอลพูดกับท่านว่า “เราจะไม่กลับไปกับท่าน ท่านไม่ได้กระทำตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า และพระผู้เป็นเจ้าไม่ยอมรับท่านเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลแล้ว” 27 ขณะที่ซามูเอลหันกลับเพื่อจะจากไป ซาอูลคว้าชายเสื้อท่านไว้ เสื้อก็ขาด 28 ซามูเอลพูดกับท่านว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้ฉีกอาณาจักรของอิสราเอลไปจากท่านในวันนี้ และมอบให้แก่คนร่วมชาติของท่านอีกคนหนึ่งซึ่งดีกว่าท่าน 29 พระองค์ผู้เป็นพระบารมีของอิสราเอลไม่พูดปดหรือเปลี่ยนใจ เพราะพระองค์ไม่ใช่มนุษย์ที่จะเปลี่ยนใจ” 30 ซาอูลตอบว่า “เราได้กระทำบาปแล้ว แต่โปรดให้เกียรติเราต่อหน้าบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของประชาชน และต่อหน้าอิสราเอล ท่านกลับมากับเราเถิด เราจะได้นมัสการพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน” 31 ดังนั้นซามูเอลจึงกลับไปกับซาอูล และซาอูลก็ได้นมัสการพระผู้เป็นเจ้า

32 ซามูเอลกล่าวว่า “พาอากักกษัตริย์ของชาวอามาเลขมาให้เรา” อากักก็มาหาท่านด้วยความมั่นใจและคิดว่า “จังหวะที่จะต้องตายคงผ่านพ้นไปแล้วเป็นแน่” 33 แต่ซามูเอลพูดว่า “เท่าที่คมดาบของท่านได้ทำให้ผู้หญิงบางคนไร้บุตรฉันใด มารดาของท่านก็จะไร้บุตรในบรรดาผู้หญิงฉันนั้น” และซามูเอลก็ประหารอากักต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่กิลกาล

34 จากนั้นซามูเอลก็ไปยังรามาห์ แต่ซาอูลขึ้นไปยังวังของท่านที่กิเบอาห์แห่งซาอูล 35 ซามูเอลไม่ได้ไปพบซาอูลอีกจนวันสิ้นชีวิต กระนั้นก็ตามซามูเอลยังร้องคร่ำครวญถึงซาอูล และพระผู้เป็นเจ้าเสียใจที่พระองค์แต่งตั้งซาอูลให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล

โรม 13

เชื่อฟังผู้ปฏิบัติหน้าที่ในระดับปกครอง

13 ทุกคนควรยอมเชื่อฟังพวกที่มีสิทธิอำนาจในระดับปกครองบ้านเมือง เพราะไม่มีอำนาจใดเลยที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า และอำนาจที่มีอยู่นั้นพระเจ้าได้กำหนดขึ้น ฉะนั้นคนที่ฝ่าฝืนอำนาจ ก็เท่ากับต่อต้านสิ่งที่พระเจ้าได้แต่งตั้งขึ้น แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับการลงโทษเอง เพราะว่าบรรดาผู้มีสิทธิอำนาจไม่เป็นที่น่ากลัวเลยสำหรับคนประพฤติดี แต่น่ากลัวสำหรับคนประพฤติชั่ว ท่านอยากใช้ชีวิตโดยไม่มีความกลัวต่อผู้มีสิทธิอำนาจไหม ถ้าเช่นนั้นก็จงประพฤติดี และเขาจะยกย่องท่าน เพราะเขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่มีไว้เพื่อให้ประโยชน์แก่ท่าน แต่ถ้าท่านทำสิ่งชั่วร้าย ก็จงมีความกลัวเถิด เพราะเขาไม่ได้ถือดาบไว้เฉยๆ ในเมื่อเขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า คือเป็นผู้ลงโทษคนที่ประพฤติชั่ว ฉะนั้นท่านจึงจำเป็นต้องยอมเชื่อฟัง ไม่ใช่เพื่อเลี่ยงการถูกลงโทษเท่านั้น แต่เพื่อมโนธรรมด้วย เพราะเหตุนี้ ท่านจึงต้องเสียภาษีด้วย เพราะว่าผู้อยู่ในระดับปกครองเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่นี้ จงให้แก่ทุกคนที่ควรจะได้รับ เสียภาษีรายได้และภาษีสินค้าตามที่ควรจะเสีย จงเกรงกลัวคนที่น่ายำเกรง จงให้เกียรติแก่คนที่ควรได้รับ

รักเพื่อนบ้าน

อย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากความรักที่มีต่อกัน เพราะคนที่รักเพื่อนบ้านได้ปฏิบัติตามกฎบัญญัติอย่างครบถ้วนแล้ว กฎบัญญัติมีว่า “อย่าผิดประเวณี อย่าฆ่าคน อย่าขโมย อย่าโลภ”[a] และพระบัญญัติอื่นใดอีกที่มีก็รวมความได้คือ “จงรักเพื่อนบ้านของเจ้าให้เหมือนรักตนเอง”[b] 10 คนที่มีความรักย่อมไม่กระทำผิดต่อเพื่อนบ้าน ฉะนั้นความรักจึงเป็นการปฏิบัติตามกฎบัญญัติอย่างครบถ้วน

11 นอกจากนี้ ท่านก็ทราบถึงวิกฤตการณ์ว่า ถึงเวลาแล้วที่ท่านควรตื่นจากการนอนหลับ เพราะว่าขณะนี้ความรอดพ้นอยู่ใกล้เรามากกว่าเมื่อตอนที่เราเชื่อใหม่ๆ 12 กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามา ฉะนั้นเราจงละจากการกระทำของความมืด และสวมเกราะของความสว่างเถิด 13 เราจงประพฤติตนให้เหมาะสมกับคนที่ใช้ชีวิตในเวลากลางวัน ไม่ดื่มสุราเฮฮามั่วสุม ไม่เมามาย ไม่ประพฤติผิดทางเพศและมีราคะตัณหา ไม่วิวาทและริษยากัน 14 แต่จงให้คุณสมบัติของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ในตัวท่าน และไม่เปิดโอกาสให้กับการบำเรอฝ่ายเนื้อหนัง

เยเรมีย์ 52

เยรูซาเล็มถล่ม

52 เศเดคียาห์มีอายุ 21 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 11 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อ ฮามุทาลบุตรหญิงของเยเรมีย์แห่งลิบนาห์ ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่เยโฮยาคิมได้กระทำทั้งสิ้น เพราะความโกรธกริ้วของพระผู้เป็นเจ้าถึงขั้นที่พระองค์ไล่พวกเขาออกไปจากเยรูซาเล็มและยูดาห์ ให้พ้นจากหน้าของพระองค์

ครั้งนั้น เศเดคียาห์ได้แข็งข้อต่อกษัตริย์แห่งบาบิโลน ในปีที่เก้าที่เศเดคียาห์ครองราชย์ วันที่สิบของเดือนสิบ[a] เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนและกองทัพของท่านทั้งหมดมาโจมตีเยรูซาเล็ม พวกเขาตั้งค่าย และก่อเชิงเทินรอบเมือง ดังนั้น เมืองถูกล้อมจนถึงปีที่สิบเอ็ดของกษัตริย์เศเดคียาห์[b] วันที่เก้าของเดือนสี่ ทุพภิกขภัยรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในเมือง จนไม่มีอาหารให้แก่ประชาชนของแผ่นดิน ครั้นแล้วกำแพงเมืองก็พังทลายลง พวกนักรบทั้งหมดก็พากันหนีออกจากเมืองในเวลากลางคืน โดยออกไปทางประตูเมืองระหว่างกำแพง 2 กำแพงที่ข้างสวนของกษัตริย์แม้ว่าชาวเคลเดียกำลังล้อมเมืองอยู่ พวกเขาหนีไปทางที่จะไปอาราบาห์ แต่กองทัพของชาวเคลเดียไล่ตามกษัตริย์ และจับกุมเศเดคียาห์ได้ในที่ราบเยรีโค ฝ่ายกองทัพของท่านก็เตลิดหนีทิ้งท่านไป แล้วพวกเขาจับกษัตริย์ขึ้นไปให้กษัตริย์แห่งบาบิโลนที่ริบลาห์ในอาณาเขตของฮามัท และเนบูคัดเนสซาร์ประกาศโทษแก่ท่าน 10 กษัตริย์แห่งบาบิโลนสังหารบรรดาบุตรชายของเศเดคียาห์ต่อหน้าต่อตาท่าน และสังหารบรรดาผู้นำของยูดาห์ทั้งหมดที่ริบลาห์ด้วย 11 เศเดคียาห์ถูกควักลูกตาและล่ามโซ่ และกษัตริย์แห่งบาบิโลนก็นำตัวท่านไปยังบาบิโลน และจำคุกท่านตลอดชีวิต

พระตำหนักถูกเผา

12 ในวันที่สิบของเดือนห้า ซึ่งเป็นปีที่สิบเก้าของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกัน ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของกษัตริย์แห่งบาบิโลนมายังเยรูซาเล็ม 13 และเขาเผาพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เผาวังของกษัตริย์และบ้านทุกหลังในเยรูซาเล็ม และสถานที่สำคัญทุกแห่ง 14 กองทัพของชาวเคลเดียทั้งกองทัพที่อยู่กับผู้บัญชาการทหารคุ้มกันก็ได้พังทลายกำแพงรอบเมืองเยรูซาเล็ม 15 เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันจับตัวบางคนที่ยากจนที่สุด ประชาชนที่เหลืออยู่ในเมือง พวกที่ทิ้งบ้านทิ้งเมืองและหนีไปหากษัตริย์แห่งบาบิโลน อีกทั้งช่างฝีมือที่เหลือไปเป็นเชลย 16 เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันปล่อยคนที่ยากไร้ที่สุดในแผ่นดินบางคนให้เป็นคนทำสวนองุ่นและทำไร่ไถนา

17 ชาวเคลเดียทุบเสาหลักทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ฐานรองรับและถังเก็บน้ำทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ให้หักเป็นชิ้นๆ และขนทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดไปยังบาบิโลน 18 สิ่งอื่นๆ ที่พวกเขาได้ขนไปมี หม้อรองรับขี้เถ้า ทัพพี กรรไกรตัดไส้ดวงประทีป อ่างน้ำ ภาชนะเครื่องหอม และภาชนะทองสัมฤทธิ์ทั้งสิ้นที่ใช้ในงานของพระตำหนัก 19 ผู้บัญชาการทหารคุ้มกันก็ขนอ่างขนาดย่อมและถาดที่ใช้เก็บถ่านร้อน อ่าง หม้อ ขาตั้งตะเกียง ภาชนะเครื่องหอม และถ้วยสำหรับเครื่องดื่มบูชา ทุกสิ่งที่เป็นทองคำและเงิน 20 ส่วนเสาหลัก 2 ต้น ถังเก็บน้ำ 1 ใบ โคทองสัมฤทธิ์ 12 ตัว ที่รองรับถังเก็บน้ำ และฐานรองรับ ซึ่งกษัตริย์ซาโลมอนได้ทำไว้สำหรับพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ภาชนะเหล่านี้ทุกชิ้นที่เป็นทองสัมฤทธิ์ก็หนักเกินที่จะชั่งได้ 21 ส่วนเสาหลักกลวงแต่ละเสามีความสูง 18 ศอก ขนาดรอบวงกลม 12 ศอก หนา 1 ฝ่ามือ 22 บัวที่ยอดเสาเป็นทองสัมฤทธิ์ แต่ละบัวสูง 5 ศอก ที่รอบบัวมีตาข่ายถักและลูกทับทิมเป็นทองสัมฤทธิ์ทั้งสิ้น เสาหลักอีกเสามีลูกทับทิมเป็นแบบเดียวกัน 23 ที่ด้านข้างเสาหลักตกแต่งด้วยลูกทับทิม 96 ลูก รวมลูกทับทิมที่รอบตาข่ายถักที่รอบเสา 100 ลูก

ประชาชนของยูดาห์ถูกจับไปบาบิโลน

24 ผู้บัญชาการทหารคุ้มกันก็จับเสไรยาห์หัวหน้ามหาปุโรหิต เศฟันยาห์ปุโรหิตรอง และผู้เฝ้าประตู 3 คน 25 เขาจับข้าราชสำนักซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพ และที่ปรึกษาของกษัตริย์อีก 7 คนที่พบในเมือง เลขาของผู้บัญชาการทหารที่เกณฑ์ราษฎรของแผ่นดิน และประชาชน 60 คนของแผ่นดินที่พบในเมือง 26 เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันจับคนเหล่านี้ไปให้กษัตริย์แห่งบาบิโลนที่ริบลาห์ 27 กษัตริย์แห่งบาบิโลนก็ให้สังหารพวกเขาที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท ฉะนั้นยูดาห์จึงถูกจับไปเป็นเชลยออกจากแผ่นดินของตน

28 ประชาชนที่เนบูคัดเนสซาร์จับไปเป็นเชลยในปีที่เจ็ดมีชาวยูดาห์จำนวน 3,023 คน[c] 29 ในปีที่สิบแปดแห่งการครองราชย์ของเนบูคัดเนสซาร์ ท่านจับคนจากเยรูซาเล็มจำนวน 832 คน[d] 30 ในปีที่ยี่สิบสามแห่งการครองราชย์ของเนบูคัดเนสซาร์ เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันจับชาวยูดาห์ไปเป็นเชลยจำนวน 745 คน รวมทั้งหมด 4,600 คน[e]

เยโฮยาคีนออกจากที่คุมขัง

31 หลังจากที่เยโฮยาคีน[f]กษัตริย์แห่งยูดาห์ถูกเนรเทศเป็นเวลานานถึง 37 ปี ในปีที่เอวิลเมโรดัคเริ่มเป็นกษัตริย์แห่งบาบิโลน ท่านได้กรุณาปลดปล่อยเยโฮยาคีนกษัตริย์แห่งยูดาห์ออกจากที่คุมขังในวันที่ยี่สิบห้าของเดือนสิบสอง[g] 32 ท่านแสดงความเมตตาต่อเยโฮยาคีน และให้ตำแหน่งสูงกว่ากษัตริย์อื่นๆ ที่ถูกเนรเทศไปยังบาบิโลนพร้อมๆ กัน 33 ดังนั้น เยโฮยาคีนจึงไม่สวมเสื้อนักโทษอีก และได้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับกษัตริย์เป็นประจำทุกวัน 34 กษัตริย์แห่งบาบิโลนกำหนดเงินให้เป็นค่าใช้จ่ายแก่ท่าน ตามความจำเป็นในแต่ละวันไปจนตลอดชีวิตของท่าน คือจนกระทั่งสิ้นชีวิต

สดุดี 31

วอนขอและวางใจในพระเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ามีพระองค์เป็นที่พึ่งพิง
    อย่าให้ข้าพเจ้าต้องอับอายเลย
พระองค์เป็นผู้มีความชอบธรรม
    โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นภัยเถิด
เงี่ยหูฟังข้าพเจ้า
    ช่วยข้าพเจ้าให้ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
โปรดเป็นศิลาที่พึ่งพิงแก่ข้าพเจ้า
    เป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งเพื่อช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
เพราะพระองค์เป็นศิลาและป้อมปราการของข้าพเจ้าอย่างแท้จริง
    เพื่อพระนามของพระองค์ โปรดนำทางและชี้แนะข้าพเจ้า
ให้ข้าพเจ้าหลุดออกจากตาข่ายพรางที่มีไว้ดักข้าพเจ้า
    เพราะพระองค์เป็นที่พึ่งพิงของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขอฝากวิญญาณของข้าพเจ้าไว้ในมือของพระองค์ด้วย[a]
    พระองค์ได้ไถ่ข้าพเจ้า โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้สัตย์จริง

ข้าพเจ้าเกลียดผู้ที่ฝักใฝ่ในรูปปั้นไร้ค่า
    และข้าพเจ้าวางใจในพระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีและดีใจในความรักอันมั่นคงของพระองค์
    เพราะพระองค์เห็นความทุกข์ทรมานของข้าพเจ้า
    และพระองค์ทราบถึงความทุกข์ยากในชีวิตของข้าพเจ้า
พระองค์ไม่ปล่อยให้ข้าพเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู
    และช่วยให้เท้าของข้าพเจ้าพ้นจากบ่วงอันตราย

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดเมตตาข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้ามีความทุกข์
    ความระทมใจทำให้ดวงตาข้าพเจ้าช้ำชอก
    จิตวิญญาณและร่างกายข้าพเจ้าก็เช่นกัน
10 ด้วยว่าชีวิตข้าพเจ้าเต็มด้วยความเศร้า
    และวิตกกังวลอยู่นานหลายปี
พละกำลังของข้าพเจ้าอ่อนล้าเพราะบาปของข้าพเจ้า
    และกระดูกก็กร่อนลง
11 ข้าพเจ้าเป็นที่ดูหมิ่นของศัตรูทั้งปวง
    เป็นที่หวาดกลัวในหมู่เพื่อนบ้านข้าพเจ้า
บรรดาคนที่รู้จักก็หวาดกลัวในตัวข้าพเจ้า
    ใครๆ ที่เห็นข้าพเจ้าตามถนนหนทางก็พากันวิ่งหนี
12 พวกเขาลืมข้าพเจ้าเหมือนกับว่าข้าพเจ้าได้ตายจากไปเสียแล้ว
    ข้าพเจ้าได้กลายเป็นเสมือนภาชนะที่แตกหักแล้ว
13 ด้วยว่าข้าพเจ้าได้ยินหลายคนกระซิบว่าร้าย
    มีสิ่งน่ากลัวรอบข้าง
ในขณะที่พวกเขาคบคิดกันต่อต้านข้าพเจ้า
    ขณะที่เขาวางแผนเพื่อเอาชีวิตข้าพเจ้าไป

14 แต่ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
    ข้าพเจ้าพูดได้ว่า “พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า”
15 ชีวิตข้าพเจ้าอยู่ในมือของพระองค์
    โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากมือของศัตรูและผู้กดขี่ข่มเหง
16 โปรดหันมา ให้แสงอันรุ่งโรจน์ของพระองค์อยู่เหนือผู้รับใช้ของพระองค์
    พระองค์ผู้มีความรักอันมั่นคง โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นด้วยเถิด
17 โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าต้องอับอาย
    เพราะว่าข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
ปล่อยให้คนชั่วอับอาย
    ให้พวกเขาถูกเหวี่ยงลงในแดนคนตายอันเงียบสงัด
18 ปิดปากคนพูดเท็จที่หยิ่งยโส
    ซึ่งสบประมาทด้วยถ้อยคำ
    ดูหมิ่นผู้มีความชอบธรรม

19 พระองค์เตรียมความกรุณา
    ที่มีอยู่มากมายไว้สำหรับคนที่เกรงกลัวพระองค์
และประทานแก่คนที่มีพระองค์เป็นที่พึ่ง
    ต่อหน้าบรรดาบุตรของมนุษย์
20 ในที่ซึ่งมีพระองค์อยู่ด้วย พวกเขาย่อมปลอดภัย
    จากกลอุบายของมนุษย์
พระองค์ช่วยพวกเขาให้ปลอดภัยในพลับพลาของพระองค์
    ให้พ้นจากลิ้นอันธพาล

21 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยว่า พระองค์ได้แสดงความรักอันมั่นคงต่อข้าพเจ้าอย่างวิเศษยิ่ง
    เวลาข้าพเจ้าอยู่ในเมืองที่ถูกล้อมไว้
22 เมื่อข้าพเจ้าตกใจ ก็ได้พลั้งปากออกไปว่า
    “ข้าพเจ้าไม่อยู่ในสายตาของพระองค์”
ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังได้ยินเสียงร้องขอความเมตตา
    ในเวลาที่ข้าพเจ้าร้องเรียกให้พระองค์ช่วยเหลือ

23 บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เอ๋ย จงรักพระผู้เป็นเจ้า
    พระผู้เป็นเจ้าปกปักรักษาผู้มีความภักดี
    ส่วนคนหยิ่งยโส พระองค์จะสนองตอบตามที่เขาควรได้รับ
24 พวกท่านทุกคนที่รอคอยพระผู้เป็นเจ้า
    จงเข้มแข็งและมีใจกล้าหาญเถิด

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation