Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
1 ซามูเอล 7-8

ชาวคีริยาทเยอาริมก็ลงมารับเอาหีบของพระผู้เป็นเจ้าขึ้นไปยังเรือนของอาบีนาดับบนเนินเขา และทำพิธีให้เอเลอาซาร์บุตรของเขาบริสุทธิ์ เพื่อมีหน้าที่รับผิดชอบหีบของพระผู้เป็นเจ้า นับจากวันที่หีบพำนักอยู่ที่คีริยาทเยอาริม เวลาล่วงไปนานประมาณได้ 20 ปี และพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งปวงก็ร้องคร่ำครวญถึงพระผู้เป็นเจ้า

ซามูเอลวินิจฉัยอิสราเอล

ซามูเอลพูดกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งปวงว่า “ถ้าหากว่าพวกท่านหันกลับมาหาพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ ก็จงกำจัดเทพเจ้าต่างชาติทั้งหลายและเทพเจ้าอัชโทเรทไปเสียจากพวกท่าน และหันจิตใจของท่านเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า และรับใช้พระองค์เท่านั้น แล้วพระองค์จะช่วยท่านให้รอดปลอดภัยจากชาวฟีลิสเตีย” ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงกำจัดเทพเจ้าบาอัลและเทพเจ้าอัชโทเรท และรับใช้แต่เพียงพระผู้เป็นเจ้า

ซามูเอลกล่าวว่า “จงเรียกประชุมอิสราเอลทั้งปวงที่เมืองมิสปาห์ และเราจะอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าให้พวกท่าน” เขาทั้งหลายจึงประชุมกันที่เมืองมิสปาห์ และตักน้ำมาเทออกถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ในวันนั้นพวกเขาอดอาหารและพูดที่นั่นว่า “พวกเราได้กระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า” และซามูเอลวินิจฉัยอิสราเอลที่เมืองมิสปาห์ ครั้นชาวฟีลิสเตียทราบว่าชาวอิสราเอลประชุมกันที่เมืองมิสปาห์ บรรดาเจ้าครองเมืองของชาวฟีลิสเตียจึงขึ้นมาโจมตีอิสราเอล เมื่อชาวอิสราเอลทราบดังนั้น พวกเขาจึงตกใจกลัวพวกฟีลิสเตีย พวกเขาจึงพูดกับซามูเอลว่า “โปรดวิงวอนขอพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราให้พวกเราต่อไปด้วยเถิด พระองค์จะได้ช่วยพวกเราให้พ้นจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตีย” ซามูเอลจึงถวายลูกแกะที่ยังไม่หย่านมเพื่อเป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวายทั้งตัวแด่พระผู้เป็นเจ้า ซามูเอลวิงวอนขอพระผู้เป็นเจ้าเพื่ออิสราเอล และพระผู้เป็นเจ้าก็ตอบท่าน 10 ในขณะที่ซามูเอลกำลังมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย พวกฟีลิสเตียก็เข้าประชิดตัวอิสราเอลเพื่อจะทำสงคราม แต่ในวันนั้นพระผู้เป็นเจ้าบันดาลให้ฟ้าร้องสนั่นครั่นครืนใส่พวกฟีลิสเตีย ทำให้พวกเขาหวาดกลัวและเตลิดหนีไปต่อหน้าอิสราเอล 11 พวกผู้ชายของอิสราเอลรีบออกไปจากเมืองมิสปาห์ และไล่ตามฆ่าฟันพวกชาวฟีลิสเตียไปตลอดทาง ไกลจนถึงเมืองเบธคาร์

12 แล้วซามูเอลก็เอาศิลาก้อนหนึ่งมาตั้งไว้ระหว่างเมืองมิสปาห์และเมืองเชน และตั้งชื่อศิลาว่า เอเบนเอเซอร์ พลางพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้ช่วยพวกเราจนบัดนี้” 13 ดังนั้นชาวฟีลิสเตียจึงพ่ายแพ้และไม่ได้บุกรุกพรมแดนอิสราเอลอีก มือของพระผู้เป็นเจ้าต่อต้านชาวฟีลิสเตียตลอดทั้งชีวิตของซามูเอล 14 เมืองต่างๆ จากเมืองเอโครนจนถึงเมืองกัท ที่ชาวฟีลิสเตียได้ยึดไปจากอิสราเอลก็กลับคืนมาเป็นของอิสราเอล และอิสราเอลได้ช่วยพรมแดนใกล้เมืองเหล่านั้นให้พ้นจากอำนาจของชาวฟีลิสเตีย ดังนั้นจึงมีความสงบสุขระหว่างอิสราเอลและชาวอาโมร์[a]

15 ซามูเอลเป็นผู้วินิจฉัยให้แก่อิสราเอลต่อไปจนชั่วชีวิตของท่าน 16 ท่านจะไปวินิจฉัยอิสราเอลตั้งแต่เมืองเบธเอลถึงเมืองกิลกาลและมิสปาห์ จนครบวงจรทุกๆ ปี 17 และท่านจะกลับไปยังเมืองรามาห์เสมอ เพราะเป็นบ้านเกิดของท่าน และก็ได้วินิจฉัยอิสราเอลที่นั่นด้วย และท่านได้สร้างแท่นบูชามอบแด่พระผู้เป็นเจ้าไว้ที่นั่น

อิสราเอลขอให้มีกษัตริย์

เมื่อซามูเอลชราลง ท่านก็แต่งตั้งบรรดาบุตรของตนให้เป็นผู้วินิจฉัยของอิสราเอล บุตรคนแรกชื่อ โยเอล คนที่สองชื่ออาบียาห์ ทั้งสองคนวินิจฉัยอยู่ที่เบเออร์เช-บา บุตรของท่านไม่ได้ดำเนินชีวิตแบบเดียวกับท่าน แต่หันเหไปรับผลประโยชน์ พวกเขารับสินบนและบิดเบือนความเป็นธรรม

ดังนั้นบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลจึงเรียกประชุมและไปหาซามูเอลที่รามาห์ พวกเขาพูดกับท่านว่า “ท่านชราแล้ว และบุตรของท่านก็ไม่ดำเนินชีวิตแบบเดียวกับท่าน บัดนี้ขอให้ท่านแต่งตั้งกษัตริย์เพื่อเป็นผู้นำของพวกเรา เหมือนอย่างประชาชาติทั้งปวง” เมื่อพวกเขาพูดว่า “ขอให้พวกเรามีกษัตริย์เป็นผู้นำของพวกเรา” ซามูเอลจึงไม่พอใจ ท่านจึงอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจึงกล่าวกับท่านว่า “จงฟังทุกสิ่งที่ประชาชนพูดกับเจ้า พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธเจ้า แต่ปฏิเสธเราว่า เราไม่ใช่กษัตริย์ของพวกเขา พวกเขากำลังกระทำต่อเจ้าเหมือนอย่างที่พวกเขาได้กระทำมาแล้ว นับจากวันที่เรานำพวกเขาออกมาจากประเทศอียิปต์จนกระทั่งวันนี้ เขาทอดทิ้งเรา และไปบูชาบรรดาเทพเจ้า เจ้าจงฟังพวกเขา แต่ก็เตือนพวกเขาให้รู้อย่างจริงจังว่า กษัตริย์ที่จะปกครองพวกเขาจะทำอะไรต่อพวกเขาบ้าง”

ซามูเอลเตือนเรื่องการมีกษัตริย์

10 ซามูเอลจึงบอกประชาชนที่ขอให้พวกเขามีกษัตริย์ทราบถึงทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าว 11 ท่านพูดว่า “กษัตริย์ที่จะปกครองพวกท่านจะกระทำดังนี้คือ เขาจะทำให้บุตรทั้งหลายของท่านเป็นผู้รับใช้ประจำรถศึกและทหารม้า พวกเขาจะต้องวิ่งนำหน้ารถม้าของเขาไป 12 เขาจะเกณฑ์บางคนให้ไปเป็นผู้บังคับการดูแลคนนับร้อยนับพัน และบ้างก็ให้ไปไถนาและเก็บเกี่ยวพืชผล บ้างก็จะให้ทำอาวุธยุทธภัณฑ์และอุปกรณ์สำหรับรถศึก 13 เขาจะเกณฑ์บุตรสาวทั้งหลายให้ไปเป็นผู้ปรุงเครื่องหอม ทำครัว และอบขนม 14 เขาจะยกไร่นา สวนองุ่น และไร่มะกอกที่ดีที่สุดของพวกท่านให้แก่บริวารของเขา 15 เขาจะเก็บหนึ่งในสิบของธัญพืชและสวนองุ่น เพื่อให้แก่พวกบริวารในวัง 16 เขาจะนำบรรดาผู้รับใช้ชายและหญิงของท่าน ฝูงโคและลาที่ดีที่สุดของท่านไปรับใช้เขา 17 เขาจะยึดหนึ่งในสิบของฝูงแพะแกะของท่าน และพวกท่านเองจะต้องไปเป็นทาสของเขา 18 เมื่อถึงวันนั้น พวกท่านจะวิงวอนขอร้องกษัตริย์ที่ท่านเลือก และในวันนั้นพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ตอบท่าน”

พระผู้เป็นเจ้าตอบชาวอิสราเอล

19 แต่ประชาชนก็ยังไม่ยอมฟังซามูเอล พวกเขาพูดว่า “ไม่ยอม เราต้องการกษัตริย์ปกครองพวกเรา 20 แล้วเราก็จะเป็นอย่างชาติอื่นๆ โดยมีกษัตริย์เป็นผู้นำ ออกนำหน้าเราไป และช่วยเราสู้รบในสงคราม” 21 เมื่อซามูเอลได้ยินทุกสิ่งที่ประชาชนพูด ท่านก็นำไปบอกกับพระผู้เป็นเจ้า 22 พระผู้เป็นเจ้าตอบว่า “จงฟังพวกเขา และให้กษัตริย์แก่พวกเขาไป” แล้วซามูเอลพูดกับพวกผู้ชายของอิสราเอลว่า “ทุกคนจงกลับไปยังเมืองของตน”

โรม 6

ตายต่อบาป และมีชีวิตด้วยพระคริสต์

แล้วเราจะว่าอย่างไร เราควรทำบาปต่อไปเพื่อว่าพระคุณจะได้เพิ่มขึ้นอย่างนั้นหรือ ไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อเราตายต่อบาปแล้ว เราจะมีชีวิตในบาปต่อไปอีกได้อย่างไร ท่านไม่ทราบหรือว่าพวกเราทุกคนที่ได้รับบัพติศมา[a]ในพระเยซูคริสต์ ก็เท่ากับได้รับบัพติศมาสู่ความตายของพระองค์ ฉะนั้นเราถูกฝังไว้กับพระองค์โดยผ่านบัพติศมาสู่ความตาย เพื่อว่าพระคริสต์ได้ฟื้นคืนชีวิตจากความตายโดยพระบารมีของพระบิดาเช่นใด เราจะได้ดำเนินชีวิตใหม่ด้วยเช่นนั้น

ถ้าเราผูกพันกับพระองค์ในการตายอย่างพระองค์ เราจะผูกพันกับพระองค์ในการฟื้นคืนชีวิตอย่างพระองค์อย่างแน่นอน เราทราบว่าชีวิตเก่าถูกตรึงกับพระองค์ เพื่อว่าอำนาจบาปในร่างกายเราจะได้สูญสิ้น เพื่อว่าเราจะไม่ตกเป็นทาสบาปอีกต่อไป เพราะใครก็ตามที่ตายแล้ว ก็พ้นจากอำนาจบาป ถ้าเราได้ตายไปกับพระคริสต์แล้ว เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย เราทราบว่าพระคริสต์ผู้ฟื้นคืนชีวิตจากความตายจะไม่มีวันตายอีก ความตายไม่มีอำนาจเหนือพระองค์อีกต่อไป 10 ด้วยว่าความตายที่พระองค์เผชิญนั้น พระองค์ตายเพื่อบาป[b]ครั้งเดียวเป็นพอ ส่วนชีวิตที่พระองค์ดำเนินอยู่ พระองค์มีชีวิตเพื่อพระเจ้า 11 ในวิธีเดียวกันคือ จงนับว่าตัวท่านตายต่อบาป และมีชีวิตเพื่อพระเจ้า ในพระเยซูคริสต์

12 ฉะนั้น อย่าปล่อยให้บาปครอบงำสังขารอันไม่ยั่งยืน ซึ่งทำให้ท่านกระทำตามกิเลส 13 อย่ามอบอวัยวะของท่านแก่อำนาจบาปเพื่อให้เป็นเครื่องมือของความชั่ว แต่ควรมอบตัวท่านให้แก่พระเจ้า เหมือนบรรดาผู้ที่ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย และมอบอวัยวะของท่านให้แก่พระองค์ ดั่งเครื่องมือแห่งความชอบธรรม 14 ด้วยว่าบาปจะไม่มีอำนาจเหนือท่าน เพราะท่านไม่ได้อยู่ภายใต้กฎบัญญัติ แต่อยู่ภายใต้พระคุณ

ทาสแห่งความชอบธรรม

15 ถ้าเช่นนั้นจะเป็นอย่างไร เราควรทำบาป เพราะเราไม่อยู่ภายใต้กฎบัญญัติ แต่อยู่ภายใต้พระคุณหรือ ไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้น 16 ท่านไม่ทราบหรือว่า เมื่อท่านยอมเป็นเสมือนทาสที่ยอมเชื่อฟังใครแล้ว ท่านก็เป็นทาสของคนที่ท่านเชื่อฟัง ไม่ว่าท่านเป็นทาสบาปซึ่งนำไปสู่ความตาย หรือเป็นทาสของการเชื่อฟังซึ่งนำไปสู่ความชอบธรรม 17 แต่ขอบคุณพระเจ้าที่แม้ว่าท่านเคยเป็นทาสของบาป ท่านกลับมาเชื่อฟังการสอนที่ท่านได้รับอย่างสุดจิตสุดใจ 18 ในเมื่อท่านพ้นจากอำนาจบาปแล้ว ท่านก็กลายเป็นทาสแห่งความชอบธรรม 19 ข้าพเจ้าพูดอย่างมนุษย์เพราะท่านอ่อนแอฝ่ายเนื้อหนัง ตามที่ท่านเคยมอบอวัยวะส่วนต่างๆ ให้เป็นทาสความไม่บริสุทธิ์และความชั่วช้าเลวทรามที่ทวียิ่งขึ้น บัดนี้ท่านจงมอบอวัยวะส่วนต่างๆ ให้เป็นทาสในความชอบธรรมซึ่งนำไปสู่ความบริสุทธิ์

20 ยามที่ท่านเป็นทาสบาป ท่านไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของความชอบธรรม 21 ในเวลานั้นท่านได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์อะไรบ้างจากสิ่งต่างๆ ซึ่งท่านกลับละอายในเวลานี้ ผลที่ได้จากสิ่งเหล่านั้นคือความตาย 22 แต่ขณะนี้ ท่านได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากอำนาจบาป และกลับมาเป็นทาสของพระเจ้าแล้ว ผลที่ท่านเก็บเกี่ยวนำไปสู่ความบริสุทธิ์ และผลสุดท้ายที่ได้รับคือชีวิตอันเป็นนิรันดร์ 23 ด้วยว่าค่าตอบแทนของบาปคือความตาย แต่สิ่งที่พระเจ้ามอบให้คือชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

เยเรมีย์ 44

การตัดสินลงโทษเรื่องรูปเคารพ

44 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์เรื่องชาวยูดาห์ทั้งปวงที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ ที่มิกดล ทาปานเหส เมมฟิส และในแผ่นดินของปัทโรส พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า “พวกเจ้าเห็นความพินาศที่เราทำให้เกิดขึ้นกับเยรูซาเล็มและเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ดูเถิด ในวันนี้ เมืองเหล่านี้พังทลายและไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ เพราะพวกเขาประพฤติชั่ว ยั่วโทสะเราด้วยการเผาเครื่องหอมและบูชาปวงเทพเจ้าซึ่งพวกเขาไม่รู้จัก แม้พวกเจ้าเองหรือบรรพบุรุษของพวกเจ้าก็ไม่รู้จัก เราได้ให้บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเราทุกคนมาพูดกับพวกเจ้าอย่างไม่หยุดยั้งว่า ‘โอ อย่ากระทำสิ่งที่น่ารังเกียจที่เราเกลียดชังเช่นนี้’ แต่พวกเขาไม่ได้ฟังและไม่แม้แต่จะเงี่ยหูฟัง เพื่อหันจากความชั่วและไม่เผาเครื่องหอมแก่ปวงเทพเจ้า ฉะนั้น การลงโทษและความกริ้วของเราจึงได้หลั่งออกและพลุ่งขึ้นต่อเมืองต่างๆ ของยูดาห์และที่ถนนในเยรูซาเล็ม จนพังทลายและกลายเป็นที่รกร้าง อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้” และบัดนี้ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า “ทำไมพวกเจ้าจึงกระทำความชั่วอันร้ายแรงเช่นนี้ให้แก่ตนเอง ด้วยการตัดขาดจากผู้ชายและผู้หญิง เด็กและทารก จากท่ามกลางยูดาห์ โดยไม่ให้มีผู้ใดมีชีวิตเหลืออยู่ไว้แก่เจ้าเลย ทำไมพวกเจ้าจึงยั่วโทสะเราด้วยสิ่งที่พวกเจ้าทำขึ้นด้วยมือของเจ้าเอง เผาเครื่องหอมแก่ปวงเทพเจ้าในแผ่นดินอียิปต์ซึ่งเป็นที่พวกเจ้ามาอาศัยอยู่ พวกเจ้าจะถูกตัดขาดและกลายเป็นที่สาปแช่งและเป็นที่หัวเราะเยาะในท่ามกลางประชาชาติทั้งปวงของแผ่นดินโลก พวกเจ้าลืมความชั่วของบรรพบุรุษของตนแล้วหรือ ความชั่วของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ ความชั่วของภรรยาของพวกเขา ความชั่วของพวกเจ้าเอง ความชั่วของภรรยาของพวกเจ้า ที่ได้กระทำในแผ่นดินของยูดาห์และที่ถนนในเยรูซาเล็ม 10 พวกเขาไม่ได้ถ่อมตนแม้กระทั่งในวันนี้ และไม่เกรงกลัวหรือดำเนินตามกฎบัญญัติและกฎเกณฑ์ของเราที่เรากำหนดไว้ให้เจ้าและบรรพบุรุษของพวกเจ้าปฏิบัติตาม”

11 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า “ดูเถิด เราตั้งใจจะให้เมืองนี้ประสบกับภัยอันตราย จะตัดขาดจากยูดาห์ทั้งหมด 12 เราจะจัดการกับผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยูดาห์ คือพวกที่ตั้งหน้าไปยังแผ่นดินอียิปต์และเข้าไปอาศัยอยู่ที่นั่น และพวกเขาทุกคนจะต้องตาย พวกเขาจะตายจากการสู้รบ และจะตายเพราะความอดอยากในแผ่นดินอียิปต์ นับตั้งแต่ผู้ด้อยสุดจนถึงผู้มีอำนาจมากที่สุด พวกเขาจะตายจากการสู้รบและความอดอยาก และพวกเขาจะเป็นสิ่งที่คนสาปแช่ง เป็นที่น่าหวาดกลัว เป็นคำสาปแช่ง และเป็นที่หัวเราะเยาะ 13 เราจะลงโทษบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ อย่างที่เราได้ลงโทษเยรูซาเล็ม ด้วยการสู้รบ ความอดอยาก และโรคระบาด 14 จนกระทั่งผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยูดาห์ที่มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์จะไม่มีชีวิตรอด หรือหลบหนี หรือกลับไปยังแผ่นดินยูดาห์ได้ พวกเขาอยากจะกลับไปอาศัยอยู่ที่ยูดาห์อีก แต่ก็จะกลับไปไม่ได้ ยกเว้นพวกลี้ภัยบางคนเท่านั้น”

15 ครั้นแล้ว ผู้ชายทุกคนที่ทราบว่าภรรยาของตนได้เผาเครื่องหอมแก่ปวงเทพเจ้า อีกทั้งผู้หญิงทุกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รวมเป็นกลุ่มใหญ่ ประชาชนทั้งปวงที่อาศัยอยู่ที่ปัทโรสในแผ่นดินอียิปต์จึงตอบเยเรมีย์ดังนี้ว่า 16 “พวกเราจะไม่ฟังคำที่ท่านได้พูดกับเราในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า 17 แต่พวกเราจะทำทุกสิ่งตามที่ได้บอกแล้วว่าเราจะทำ จะเผาเครื่องหอมแก่ราชินีแห่งสวรรค์ จะรินเครื่องดื่มบูชาให้แก่นาง อย่างที่พวกเราและบรรพบุรุษของเรา บรรดากษัตริย์และผู้นำของเราเคยทำในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และที่ถนนในเยรูซาเล็ม เพราะในเวลานั้น พวกเรามีอาหารอย่างสมบูรณ์ เจริญรุ่งเรือง และไม่ได้ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด 18 แต่นับจากเวลาที่พวกเราหยุดเผาเครื่องหอมแก่ราชินีแห่งสวรรค์ และหยุดรินเครื่องดื่มบูชาให้แก่นาง พวกเราขาดทุกสิ่ง และตายจากการสู้รบและความอดอยาก” 19 บรรดาผู้หญิงพูดว่า “เวลาที่พวกเราเผาเครื่องหอมและรินเครื่องดื่มบูชาให้แก่ราชินีแห่งสวรรค์ สามีของพวกเราไม่ทราบหรือว่า เราทำขนมเป็นรูปนางและรินเครื่องดื่มบูชาให้แก่นาง”

20 เยเรมีย์จึงพูดกับประชาชนทั้งปวงทั้งชายและหญิง กับประชาชนทุกคนที่ได้ตอบคำถามดังนี้ว่า 21 “พวกท่านและบรรพบุรุษของท่าน บรรดากษัตริย์และผู้นำของท่าน และประชาชนในแผ่นดินได้เผาเครื่องหอมในเมืองต่างๆ ของยูดาห์และที่ถนนในเยรูซาเล็มนั้น ท่านคิดว่า พระผู้เป็นเจ้าจำไม่ได้และไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นหรือ 22 พระผู้เป็นเจ้าทนต่อการกระทำอันชั่วร้ายและน่าชังที่พวกท่านปฏิบัติต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ฉะนั้นแผ่นดินของท่านจึงได้พังทลายและกลายเป็นที่รกร้าง เป็นที่น่าหวาดกลัวและเป็นคำสาปแช่ง ปราศจากผู้อยู่อาศัย อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 23 เป็นเพราะพวกท่านได้เผาเครื่องหอมและทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า และไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า และไม่ดำเนินชีวิตตามกฎบัญญัติ กฎเกณฑ์ และคำสั่งของพระองค์ ความวิบัตินี้จึงได้เกิดขึ้นกับพวกท่าน อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

24 เยเรมีย์พูดกับประชาชนและผู้หญิงทั้งปวงว่า “คนของยูดาห์ทุกท่านที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ 25 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวว่า ‘พวกเจ้าและภรรยาของเจ้าได้กระทำตามที่ท่านเปิดปากประกาศ เมื่อเจ้าพูดว่า “พวกเราจะกระทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ คือเผาเครื่องหอมแก่ราชินีแห่งสวรรค์ และรินเครื่องดื่มบูชาแก่นาง” ฉะนั้นเจ้าก็จงรักษาและทำตามสัญญาของเจ้า’ 26 ฉะนั้น คนของยูดาห์ทุกท่านที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ ‘ดูเถิด เราได้ปฏิญาณด้วยนามอันยิ่งใหญ่ของเราว่า เราจะไม่ให้ชาวยูดาห์ผู้ใดทั่วทั้งแผ่นดินอียิปต์กล่าวใช้ชื่อของเราอีกว่า “ตราบที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่มีชีวิตอยู่ฉันใด” 27 ดูเถิด เรากำลังดูว่า พวกเขาจะประสบกับภัยอันตราย ไม่ใช่ความปลอดภัย คนของยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์จะตายจากการสู้รบและความอดอยาก จนกว่าไม่มีพวกเจ้าสักคนเหลืออยู่ 28 และบรรดาผู้ที่หนีรอดจากการสู้รบจะกลับจากแผ่นดินอียิปต์ และไปยังแผ่นดินของยูดาห์มีจำนวนน้อยมาก และผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยูดาห์ที่มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์จะรู้ว่า คำกล่าวของผู้ใดจะเป็นจริง ของเราหรือของพวกเขา’ 29 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า ‘สิ่งที่จะพิสูจน์ให้พวกเจ้าเห็นก็คือ เราจะลงโทษพวกเจ้าในที่นี้ เพื่อให้พวกเจ้ารู้ว่า เราจะให้ความวิบัติเกิดขึ้นกับพวกเจ้าตามคำพูดของเราอย่างแน่นอน’ 30 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘ดูเถิด เราจะมอบฟาโรห์โฮฟรากษัตริย์แห่งอียิปต์[a]ไว้ในมือของศัตรูของเขา และในมือของพวกที่ต้องการจะฆ่าเขา อย่างที่เรามอบเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ไว้ในมือของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้เป็นศัตรูของเขาและต้องการจะฆ่าเขา’”

สดุดี 20-21

อธิษฐานให้กษัตริย์ในยามสงคราม

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

ขอให้พระผู้เป็นเจ้าตอบท่านในยามลำบาก
    ขอให้พระนามของพระเจ้าของยาโคบ[a]ปกป้องท่าน
ขอให้พระองค์ส่งความช่วยเหลือจากสถานที่บริสุทธิ์
    และให้การค้ำจุนจากศิโยน
ขอให้พระองค์ระลึกถึงเครื่องสักการะบูชาทั้งปวงของท่าน
    และรับสัตว์ที่เผาเป็นของถวายของท่านไว้ เซล่าห์
สิ่งใดที่ใจท่านปรารถนา ก็ขอให้ได้รับจากพระองค์
    และให้แผนการของท่านสำเร็จลุล่วงทุกประการ
พวกเราจะส่งเสียงร้องด้วยความยินดีในยามที่ท่านมีชัยชนะ
    และจะยกธงชัยของเราขึ้นในพระนามของพระเจ้าของเรา

ทุกสิ่งที่ท่านขอจากพระผู้เป็นเจ้า ก็ขอให้ท่านได้รับ

ในบัดนี้ข้าพเจ้าทราบว่า
    พระผู้เป็นเจ้าช่วยผู้ได้รับการเจิมของพระองค์
พระองค์จะตอบจากสวรรค์อันบริสุทธิ์ของพระองค์
    ด้วยการกระทำอันยิ่งใหญ่ ด้วยมือขวาของพระองค์
บางคนโอ้อวดในเรื่องรถศึก บ้างก็อวดเรื่องม้า
    แต่เราโอ้อวดพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
พวกเขาจะทรุดตัวและล้มลง
    ส่วนพวกเราจะลุกขึ้นและมั่นคง
โอ พระผู้เป็นเจ้า ช่วยกษัตริย์ให้รอดพ้นด้วย
    โปรดตอบในยามที่พวกเราร้องเรียกถึงพระองค์

ขอบคุณในชัยชนะของกษัตริย์

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ยินดีในพละกำลังของพระองค์
    ความยินดีของท่านมีมากเพียงไรในชัยชนะที่พระองค์มอบให้

สิ่งใดที่ใจท่านปรารถนา พระองค์ก็ให้ท่าน
    และไม่ได้ยับยั้งคำร้องขอจากปากของท่าน เซล่าห์
เพราะว่าพระองค์ตอบรับท่านด้วยพรอันประเสริฐ
    และสวมมงกุฎทองคำบริสุทธิ์ไว้บนศีรษะของท่าน
ท่านขอชีวิตจากพระองค์
    พระองค์ก็ให้วันอันยืนยาวจนชั่วกัปชั่วกัลป์
บารมีของท่านยิ่งใหญ่ ก็ด้วยความช่วยเหลือจากพระองค์
    พระองค์อวยพรท่านด้วยสง่าราศีและความยิ่งใหญ่
พระองค์ให้พรท่านตลอดกาล
    และทำให้ท่านโสมนัสด้วยความยินดีที่พระองค์อยู่ด้วย
เพราะว่ากษัตริย์ไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า
    และด้วยความรักอันมั่นคงขององค์ผู้สูงสุด
    ท่านจะไม่หวั่นไหว

พระองค์จะปราบศัตรูของพระองค์ทุกคนด้วยมือของพระองค์เอง
    มือขวาของพระองค์จะยื่นไปถึงพวกที่เกลียดชังพระองค์
พระองค์จะทำให้พวกเขาเป็นเหมือนเตาผิงร้อนดั่งไฟ
    ในเวลาที่พระองค์ปรากฏ
พระผู้เป็นเจ้าจะกลืนพวกเขาขณะที่พระองค์กริ้ว
    และเปลวไฟจะลุกไหม้กำจัดเขาเสียสิ้น
10 พระองค์จะทำลายบรรดาผู้สืบตระกูลของเขาไปเสียจากโลก
    และบรรดาลูกหลานไปจากพวกบุตรของมนุษย์
11 หากว่าพวกเขาวางแผนอันชั่วร้ายต่อต้านพระองค์
    และเตรียมการก่อความเดือดร้อน พวกเขาก็จะทำไม่สำเร็จ
12 เพราะพระองค์จะทำให้พวกเขาหนีเตลิดเปิดเปิงไป
    พระองค์จะน้าวคันธนูตรงไปยังใบหน้าพวกเขา

13 พระผู้เป็นเจ้า ขอให้พระองค์ได้รับการยกย่องในพละกำลังของพระองค์เถิด
    พวกเราจะร้องเพลง และสรรเสริญฤทธานุภาพของพระองค์

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation