Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 ซามูเอล 19

โยอาบต่อว่าดาวิด

19 มีคนบอกโยอาบว่า “กษัตริย์กำลังร้องไห้และคร่ำครวญถึงอับซาโลม”

ดังนั้น ในวันนั้นแทนที่กองทัพจะเฉลิมฉลองชัยชนะ กลับกลายเป็นวันเศร้าโศก เพราะในวันนั้นทั้งกองทัพได้ยินว่า “กษัตริย์เสียใจเรื่องลูกชายของเขา”

คนเหล่านั้นเดินเข้าเมืองอย่างเงียบๆเหมือนคนที่แอบเข้าเมืองด้วยความละอายเมื่อหลบหนีจากสนามรบ กษัตริย์ปิดหน้าของเขาและร้องไห้ออกมาดังๆว่า “อับซาโลม ลูกพ่อ อับซาโลม ลูกพ่อ ลูกของพ่อ”

โยอาบจึงเข้าไปในวังของกษัตริย์และพูดว่า “วันนี้ ท่านได้ทำให้คนของท่านทั้งหมดอับอาย พวกเขาคือคนที่ได้ช่วยชีวิตท่าน และลูกชายกับลูกสาวอีกหลายๆคนของท่านไว้ รวมทั้งชีวิตของพวกเมียท่านและเมียน้อย[a] ทั้งหลายของท่านด้วย ท่านรักคนเหล่านั้นที่เกลียดท่านและเกลียดคนที่รักท่าน ในวันนี้ท่านทำให้เห็นชัดเจนว่า ผู้นำทัพทั้งหลายของท่านและคนของเขาไม่มีความหมายกับท่านเลย ข้าพเจ้ารู้แล้วว่า ท่านคงจะพอใจถ้าอับซาโลมยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้และพวกข้าพเจ้าตายหมด ตอนนี้ ขอท่านออกไปและไปให้กำลังใจกับคนของท่าน ข้าพเจ้าสาบานต่อพระยาห์เวห์ว่า ถ้าท่านไม่ออกไป จะไม่มีใครเหลืออยู่กับท่านอีกภายในคืนนี้ และมันจะเลวร้ายยิ่งกว่าความหายนะใดๆก็ตามที่ท่านเคยพบมาตั้งแต่เด็กจนถึงขณะนี้”

ดังนั้นกษัตริย์จึงลุกขึ้นและไปนั่งที่ประตูเมือง เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินว่า “กษัตริย์นั่งอยู่บนประตูเมือง[b]แล้ว” พวกเขาก็ออกมาอยู่ต่อหน้าเขา

ดาวิดกลับเข้าเมืองเยรูซาเล็มอีกครั้ง

ขณะนั้นชาวอิสราเอลต่างหลบหนีกลับบ้านของพวกเขา ประชาชนอิสราเอลทั่วทุกเผ่าต่างถกเถียงกันว่า “กษัตริย์ได้ช่วยเหลือพวกเราให้พ้นจากมือของพวกศัตรู เขาคือผู้ที่ช่วยพวกเราให้พ้นจากมือของชาวฟีลิสเตีย แต่ตอนนี้เขาได้หลบหนีจากประเทศไปเพราะอับซาโลม 10 และอับซาโลมที่พวกเราได้แต่งตั้งให้ปกครองพวกเราได้ตายแล้วในสนามรบ แล้วทำไมพวกเราไม่พูดถึงการเชิญกษัตริย์กลับมาเล่า”

11 กษัตริย์ดาวิดส่งข้อความไปให้ศาโดกและอาบียาธาร์นักบวชทั้งสองว่า “ให้ไปถามพวกผู้ใหญ่ชาวยูดาห์ว่า ‘ทำไมท่านถึงเป็นคนสุดท้ายที่จะเชิญกษัตริย์กลับวังของเขา ในเมื่อทั่วทั้งอิสราเอลก็ได้พูดกันถึงเรื่องนี้ และมันก็มาถึงหูของเราผู้เป็นกษัตริย์แล้ว 12 พวกท่านเป็นพี่น้องของเรา เป็นเลือดเนื้อของเรา แล้วทำไมท่านจึงเป็นพวกสุดท้ายที่จะนำเราผู้เป็นกษัตริย์กลับมายังวังของเรา’ 13 และให้บอกอามาสาด้วยว่า ‘ท่านไม่ใช่เลือดเนื้อของเราหรือ ขอให้พระเจ้าลงโทษเราอย่างรุนแรงที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าจากนี้ไปท่านไม่ได้เป็นแม่ทัพของกองทัพเราแทนโยอาบ’”

14 ดาวิดชนะใจชาวยูดาห์ทั้งหมดราวกับว่าพวกเขาเป็นคนๆเดียว พวกเขาส่งข้อความถึงกษัตริย์ว่า “กลับมาเถิด ทั้งตัวท่านและคนของท่านทั้งหมดด้วย”

15 แล้วกษัตริย์ก็ได้กลับมาและไปถึงแม่น้ำจอร์แดน ขณะนั้นคนยูดาห์ได้มาที่กิลกาลเพื่อออกไปรับเสด็จกษัตริย์และนำเขาข้ามแม่น้ำจอร์แดนมา

ชิเมอีขอให้ดาวิดให้อภัยเขา

16 ชิเมอีลูกชายเกราชาวเบนยามินที่มาจากเมืองบาฮูริม รีบลงมาพร้อมกับคนยูดาห์เพื่อรับเสด็จกษัตริย์ดาวิด 17 เขามาพร้อมกับชาวเผ่าเบนยามินหนึ่งพันคน และกับศิบาคนรับใช้ครอบครัวซาอูล ศิบามาพร้อมกับลูกชายสิบห้าคนและคนรับใช้ยี่สิบคนของเขา พวกเขารีบไปที่แม่น้ำจอร์แดนที่กษัตริย์อยู่

18 พวกเขาข้ามที่ทางข้ามเพื่อไปรับครอบครัวกษัตริย์ข้ามมา และเพื่อทำตามสิ่งที่กษัตริย์ต้องการ เมื่อชิเมอีลูกชายเกราข้ามจอร์แดนไป เขาหมอบคำนับอยู่ต่อหน้ากษัตริย์ 19 และพูดกับกษัตริย์ว่า “ขอให้เจ้านายข้าพเจ้าอย่าเอาผิดกับข้าพเจ้าเลย อย่าได้จดจำสิ่งที่ผิดๆที่คนรับใช้ของท่านได้ทำไป ในวันที่ท่านกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าออกจากเยรูซาเล็ม ขอให้กษัตริย์เอามันออกไปจากความคิดด้วยเถิด 20 เพราะข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านรู้ว่าข้าพเจ้าได้ทำบาปไป แต่วันนี้ข้าพเจ้ามาที่นี่เป็นคนแรกในบรรดาครอบครัวโยเซฟ[c] ทั้งหมดเพื่อลงมาพบกับท่านกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า”

21 แล้วอาบีชัยลูกชายนางเศรุยาห์ก็พูดว่า “ชิเมอีสมควรตายเพราะเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ เขาได้สาปแช่งผู้ที่พระยาห์เวห์ได้เจิมให้เป็นกษัตริย์”

22 ดาวิดตอบว่า “พวกลูกชายนางเศรุยาห์ พวกเจ้ามายุ่งเรื่องของเราทำไม วันนี้เจ้าทำตัวเหมือนศัตรูของเรา วันนี้จะไม่มีใครต้องตายในอิสราเอล คิดว่าเราไม่รู้หรือว่าวันนี้เราได้เป็นกษัตริย์ปกครองเหนืออิสราเอลแล้ว”

23 ดังนั้นกษัตริย์พูดกับชิเมอีว่า “เจ้าจะไม่ต้องตาย”[d] แล้วกษัตริย์ก็สาบานกับเขา

เมฟีโบเชทไปพบดาวิด

24 เมฟีโบเชทหลาน[e] ซาอูลลงไปรับเสด็จกษัตริย์ด้วยเหมือนกัน เขาไม่ได้ดูแลเท้าของเขาหรือแต่งหนวดเคราหรือซักเสื้อผ้าเขาเลยตั้งแต่วันที่กษัตริย์จากไปจนกระทั่งวันที่เขากลับมาอย่างปลอดภัย 25 เมื่อเขามาจากเยรูซาเล็มเพื่อมารับเสด็จกษัตริย์ กษัตริย์ถามเขาว่า “เมฟีโบเชท ทำไมเจ้าถึงไม่ไปกับเรา”

26 เขาพูดว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านเป็นง่อย ข้าพเจ้าก็เลยพูดว่า ‘ใส่อานให้กับลาของเราหน่อย เราจะได้ขี่ตามกษัตริย์ไป’ แต่ศิบาคนรับใช้ข้าพเจ้า ทรยศข้าพเจ้า 27 และเขาก็ใส่ร้ายข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า กษัตริย์ของข้าพเจ้าเป็นเหมือนทูตสวรรค์ของพระเจ้า ดังนั้นขอท่านทำในสิ่งที่ท่านเห็นควรเถิด 28 อันที่จริง ลูกหลานทุกคนของปู่[f] ข้าพเจ้าไม่สมควรได้รับสิ่งใดเลยนอกจากความตายจากท่านกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า แต่ท่านได้ให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านนั่งร่วมกับคนเหล่านั้นที่นั่งร่วมโต๊ะกับท่าน ดังนั้น ข้าพเจ้ายังมีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากกษัตริย์อีกเล่า”

29 กษัตริย์พูดกับเขาว่า “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เราขอสั่งให้เจ้าและศิบาแบ่งที่นากัน”

30 เมฟีโบเชทพูดกับกษัตริย์ว่า “ให้เขาไปทุกอย่างเถิด เพราะตอนนี้ท่านกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าได้กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว”

ดาวิดขอให้บารซิลลัยมากับเขา

31 บารซิลลัยชาวกิเลอาดลงมาจากโรเกลิมด้วย เพื่อที่จะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปกับกษัตริย์และเพื่อส่งเขาให้เดินทางไปจากที่นั่น 32 ขณะนั้น บารซิลลัยแก่มากแล้ว มีอายุแปดสิบปี เขาเป็นผู้นำเสบียงอาหารมาให้กับกษัตริย์ระหว่างที่พักอยู่ที่เมืองมาหะนาอิม เพราะเขาร่ำรวยมาก 33 กษัตริย์ดาวิดพูดกับบารซิลลัยว่า “ข้ามไปกับเราและอยู่กับเราในเยรูซาเล็มเถิด แล้วเราจะคอยดูแลท่าน”

34 แต่บารซิลลัยตอบกษัตริย์ดาวิดว่า “ข้าพเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกสักกี่ปีกัน ที่ข้าพเจ้าจะไปอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มกับกษัตริย์ 35 ตอนนี้ข้าพเจ้าก็มีอายุตั้งแปดสิบปีแล้ว ข้าพเจ้าแก่เกินกว่าที่จะสนุกสนานกับอะไรต่ออะไรแล้ว ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านยังสามารถลิ้มรสอาหารและเครื่องดื่มได้อีกหรือ ข้าพเจ้ายังจะฟังเสียงของนักร้องชายและหญิงได้อีกหรือ ทำไมจะต้องให้ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านเป็นภาระเพิ่มให้กับกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าด้วยเล่า 36 ผู้รับใช้ท่านจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปกับกษัตริย์ไปแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น ทำไมกษัตริย์ต้องตอบแทนข้าพเจ้าด้วยรางวัลขนาดนี้ 37 ปล่อยผู้รับใช้ท่านกลับไปเถิด ข้าพเจ้าจะได้ตายอยู่ในเมืองของข้าพเจ้าเองใกล้หลุมฝังศพพ่อและแม่ข้าพเจ้า แต่คนผู้นี้คือคิมฮามผู้รับใช้ท่าน ให้เขาข้ามไปกับกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าเถิด ทำกับเขาตามที่ท่านเห็นสมควรเถิด”

38 กษัตริย์พูดว่า “คิมฮามจะข้ามไปกับเรา เราจะดีกับเขาอย่างที่ท่านขอไว้ ท่านขออะไร เราก็จะทำให้”

ดาวิดกลับบ้าน

39 กษัตริย์จูบบารซิลลัยและให้พรกับเขา และบารซิลลัยก็กลับบ้านเขา หลังจากนั้น กษัตริย์และประชาชนทั้งหมดก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป

40 เมื่อกษัตริย์ข้ามแม่น้ำและเดินทางไปถึงกิลกาล กองทัพทั้งหมดของยูดาห์และครึ่งหนึ่งของกองทัพอิสราเอลนำกษัตริย์ข้ามแม่น้ำมา คิมฮามข้ามไปกับเขาด้วย

ชาวอิสราเอลทะเลาะกับชาวยูดาห์

41 ต่อมาคนอิสราเอลทั้งหมดก็มาหากษัตริย์ และพูดกับเขาว่า “ทำไมชาวยูดาห์พี่น้องของพวกเราถึงได้ขโมยท่านไป ทำไมพวกเขาถึงได้นำตัวท่านและครอบครัวของท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปพร้อมกับคนของเขา”

42 ชาวยูดาห์ทั้งหมดตอบคนอิสราเอลว่า “พวกเราทำไปเพราะกษัตริย์เป็นญาติสนิทกับพวกเรา ทำไมพวกท่านต้องโกรธด้วย พวกเราไปกินของอะไรของกษัตริย์หรือ พวกเราเอาอะไรของเขามาเป็นของพวกเราหรือ”

43 ชาวอิสราเอลจึงตอบคนยูดาห์ไปว่า “พวกเรามีส่วนแบ่งในกษัตริย์สิบส่วน[g] และนอกจากนั้น พวกเรามีสิทธิ์ในดาวิดมากกว่าพวกท่าน แล้วทำไมพวกท่านถึงได้ดูถูกพวกเราอย่างนี้ พวกเราไม่ใช่พวกแรกหรือที่ได้พูดถึงการนำกษัตริย์กลับมา”

แต่คำพูดของคนยูดาห์รุนแรงกว่าคำพูดของคนอิสราเอล

2 โครินธ์ 12

สิ่งต่างๆที่องค์เจ้าชีวิตเปิดเผยให้เปาโลรู้

12 ผมจะต้องโอ้อวดต่อไป ถึงแม้จะไม่มีประโยชน์อะไร แต่ผมก็จะโอ้อวดต่อไปในเรื่องของนิมิต และสิ่งที่องค์เจ้าชีวิตเปิดเผยให้รู้ ผมรู้จักกับชายคนหนึ่ง[a] ที่ไว้วางใจในพระคริสต์ และเมื่อสิบสี่ปีก่อน พระเจ้ายกเขาขึ้นไปบน “สวรรค์ชั้นที่สาม” (ไปในร่างนี้หรือนอกร่างนี้ผมก็ไม่รู้หรอก มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้) ผมรู้ว่าคนคนนี้ถูกรับขึ้นไปในสวนสวรรค์[b] (ไปในร่างนี้หรือนอกร่างนี้ ผมก็ไม่รู้หรอก มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้) เขาได้ยินคำพูดที่ไม่สามารถพูดได้ (เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดถึงด้วย) ผมจะอวดถึงคนคนนี้ แต่จะไม่อวดถึงตัวผมเองหรอก แต่ถ้าผมต้องโอ้อวด ก็จะโอ้อวดแต่เรื่องที่แสดงว่าผมอ่อนแอเท่านั้น ถ้าผมอยากจะอวดตัว ผมก็ไม่ใช่คนโง่ เพราะสิ่งที่ผมจะอวดนั้นเป็นความจริง แต่ผมจะไม่ทำอย่างนั้นหรอก เพราะผมไม่อยากให้คนคิดกับผมเกินกว่าที่เขาเห็นผมทำหรือพูด

พระเจ้าได้เปิดเผยให้ผมได้เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติ แต่เพื่อไม่ให้ผมหลงระเริง ผมได้รับหนามอยู่ในร่างกาย[c] หนามนั้นคือทูตของซาตานที่มาคอยทรมานผม ผมก็วิงวอนต่อองค์เจ้าชีวิตถึงสามครั้งให้ช่วยเอาหนามนี้ออกไปจากผมที แต่พระองค์ก็บอกว่า “ความเมตตากรุณาของเรามีเพียงพอแล้วสำหรับเจ้า เมื่อเจ้าอ่อนแอฤทธิ์อำนาจของเราก็ทำงานได้อย่างเต็มที่” ดังนั้นผมจึงยินดีที่จะโอ้อวดถึงความอ่อนแอของผม เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในผม 10 ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมอ่อนแอ ถูกดูหมิ่น เจอกับความทุกข์ยาก ถูกข่มเหงและเจอกับความยุ่งยากต่างๆเพื่อพระคริสต์ ผมก็ยินดี เพราะผมอ่อนแอเมื่อไหร่ เมื่อนั้นผมก็กลับเข้มแข็ง

เปาโลรักชาวคริสต์ในเมืองโครินธ์มาก

11 ผมพูดโอ้อวดอย่างกับคนโง่ แต่ก็เพราะพวกคุณบังคับให้ผมพูดอย่างนั้น ความจริงแล้วคุณน่าจะชมเชยผม เพราะผมก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า “อภิมหาศิษย์เอก” พวกนั้นที่พวกคุณยกย่องหรอกนะ ถึงแม้ผมจะไม่มีดีอะไรเลยก็ตาม 12 อย่างน้อยตอนที่อยู่กับพวกคุณ ผมก็ได้อดทนพิสูจน์ตัวเองว่าผมเป็นศิษย์เอกจริง คือได้ทำหมายสำคัญ การอัศจรรย์และปาฏิหาริย์ให้ดูแล้ว 13 ไหนบอกมาสิว่า เราทำให้พวกคุณด้อยกว่าหมู่ประชุมอื่นๆของพระเจ้าตรงไหน อ๋อ รู้แล้ว ก็มีอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้น คือที่ผมไม่ได้เป็นภาระให้กับพวกคุณ เรื่องนี้ผมผิดเองโปรดอภัยให้ผมด้วยที่ช่างไม่ยุติธรรมกับคุณเลย

14 นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ผมจะมาเยี่ยมคุณ และผมจะไม่มาเป็นภาระให้กับคุณหรอก ผมไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติของคุณ แต่อยากได้ตัวคุณ เพราะลูกๆไม่ต้องจัดหาอะไรให้กับพ่อแม่ แต่พ่อแม่ต่างหากที่ต้องจัดหาให้กับลูกๆ 15 ส่วนตัวผมเองก็ยินดีที่จะสละทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีรวมทั้งตัวผมเองให้กับพวกคุณ ถ้าผมรักคุณมากขึ้น คุณจะรักผมน้อยลงหรือ

เปาโลเล่าถึงความทุกข์ของตน

16 ใครๆก็รู้ว่าผมไม่ได้เป็นภาระให้กับพวกคุณเลย แต่ก็มีบางคนพูดว่าผมเป็นคนเหลี่ยมจัด และได้ใช้กลอุบายจับพวกคุณไว้ 17 คนที่ผมส่งมาเยี่ยมคุณนั้นผมใช้คนไหนโกงคุณแล้วหรือยัง 18 ผมขอให้ทิตัสมาเยี่ยมคุณ และส่งพี่น้องอีกคนมากับเขาด้วย ทิตัสไม่ได้โกงอะไรคุณใช่ไหมล่ะ คุณก็รู้ว่าทิตัสกับผมเดินตามพระวิญญาณองค์เดียวกันและเดินตามรอยเท้าเดียวกันด้วย

19 ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ คุณคิดว่าเราพยายามแก้ตัวให้กับตัวเองหรืออย่างไร แต่ความจริงแล้ว พี่น้องที่รัก ในฐานะคนที่มีส่วนในพระคริสต์ และต่อหน้าพระเจ้าด้วย จะบอกให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพูดมานี้ก็เพื่อเสริมสร้างคุณ 20 ผมกลัวว่าเมื่อผมมา คุณจะไม่เป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็น และผมก็จะไม่เป็นอย่างที่คุณอยากให้ผมเป็นเหมือนกัน กลัวว่าจะเห็นพวกคุณทะเลาะวิวาทกัน อิจฉาริษยากัน ระเบิดโทสะใส่กัน ชิงดีชิงเด่นกัน ใส่ร้ายกัน นินทากัน อวดดีกัน และมีแต่ความวุ่นวายต่างๆ 21 ผมกลัวว่า เมื่อผมมาเยี่ยมพวกคุณอีกครั้งหนึ่ง พระเจ้าของผมจะทำให้ผมต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าพวกคุณ และทำให้ผมเศร้าโศกเสียใจกับคนพวกนั้นที่ทำบาปมาแต่ก่อนและยังไม่ยอมกลับตัวกลับใจจากความโสโครก การทำผิดทางเพศ และความลุ่มหลงในกามที่พวกเขาทำกันอยู่

เอเสเคียล 26

เมืองไทระจะถูกลงโทษ

26 ในปีที่สิบเอ็ด[a] วันที่หนึ่งของเดือน

คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ เมืองไทระได้ร้องไชโยใส่เมืองเยรูซาเล็ม และยังพูดอีกว่า ‘เมืองที่เป็นประตูไปสู่ชนชาติต่างๆได้ถูกทำลายลงแล้ว และมันได้ถูกมอบให้กับข้าแล้ว เนื่องจากเมืองนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง ความอยากของข้าก็ได้สมใจแล้ว’”

ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เมืองไทระ เราคือศัตรูของเจ้า เราจะทำให้ชนชาติมากมายถาโถมใส่เจ้า อย่างทะเลทำให้คลื่นของมันถาโถมใส่ฝั่ง

พวกเขาจะทำลายกำแพงเมืองไทระ และจะพังพวกหอคอยในเมืองลง เราจะขูดทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองนี้ออกจนหมดเกลี้ยง กลายเป็นหินโล่งเตียน เมืองไทระจะกลายเป็นเกาะสำหรับตากอวน เราได้ลั่นคำพูดไปแล้ว”

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เมืองนี้จะกลายเป็นของที่ปล้นมาสำหรับชาติต่างๆ และหมู่บ้านทั้งหลายที่ขึ้นกับมัน ที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ จะถูกทำลายล้างด้วยดาบ แล้วพวกเขาจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์จะโจมตีไทระ

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เราจะให้เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์ของเมืองบาบิโลน ซึ่งเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย มาโจมตีเมืองไทระจากทางทิศเหนือ เขาจะมาพร้อมกับม้าและรถรบ ทหารม้าและกองทัพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร เขาจะทำลายหมู่บ้านทั้งหลายที่ขึ้นกับมัน บนแผ่นดินใหญ่ด้วยดาบ เขาจะตั้งป้อมต่อสู้กับเจ้า และสร้างเนินดินขึ้นถึงยอดกำแพงเจ้า และเขาจะยกพวกโล่ขึ้นบังจากการตอบโต้ของเจ้า เขาจะเอาท่อนซุงทะลวงกำแพงเมือง และเอาขวานของเขาฟันหอคอยต่างๆของเจ้าลง 10 ม้าของเขามีมากเสียจนฝุ่นฟุ้งตลบเจ้าไปหมด กำแพงของเจ้าจะสั่นสะเทือนไปด้วยเสียงดังกึกก้องของทหารม้า รถลาก และรถรบ เมื่อเขาผ่านเข้าไปตามประตูเมืองของเจ้า อย่างกับคนที่เข้าเมืองตอนที่กำแพงแตก 11 กีบม้าทั้งหลายของเขาจะเหยียบย่ำถนนทุกสายของเจ้า เขาจะฆ่าประชาชนของเจ้าด้วยดาบ และเสาหลักอันแข็งแกร่งทั้งหลายของเจ้าจะล้มลงกับดิน 12 พวกเขาจะปล้นทรัพย์สมบัติของเจ้าและแย่งชิงสินค้าของเจ้า พวกเขาจะพังกำแพงของเจ้าและทุบบ้านเรือนที่สวยงามทั้งหลายของเจ้าทิ้ง และพวกเขาจะโยนก้อนหิน ท่อนไม้ และซากอิฐ ลงทะเล 13 เราจะทำให้เสียงเพลงของเจ้าที่ดังกึกก้องอยู่นั้นสิ้นสุดลง และจะไม่มีใครได้ยินเสียงพิณของเจ้าอีกต่อไป 14 เราจะทำให้เจ้าเป็นหินโล่งเตียน กลายเป็นที่สำหรับตากอวน เจ้าจะไม่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกแล้ว เพราะเรา ยาห์เวห์ได้ลั่นคำพูดไว้แล้ว” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

ชนชาติอื่นๆจะร้องไห้ให้กับเมืองไทระ

15 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดกับเมืองไทระ “แผ่นดินตามชายฝั่งทะเลจะต้องสั่นสะเทือนด้วยเสียงล่มสลายของเจ้า ตอนที่ผู้บาดเจ็บร้องคร่ำครวญ ตอนที่ผู้คนถูกฆ่าฟันในเมืองของเจ้า 16 แล้วเจ้าชายทั้งหลายของเมืองตามชายฝั่งทะเลนั้น จะก้าวลงจากบัลลังก์ของพวกเขา และถอดเสื้อคลุมยาวกับเสื้อผ้าที่เย็บปักถักร้อยอย่างสวยงามออก พวกเขาจะเอาความกลัวมานุ่งห่มแทนและนั่งอยู่บนพื้นดิน เขาจะตัวสั่นเทาตลอดเวลา เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้านี้ 17 แล้วพวกเขาจะร้องเพลงไว้อาลัยที่เกี่ยวกับเจ้าและพูดกับเจ้าว่า

‘เมืองที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเอ๋ย
    เจ้าสูญหายไปแล้ว
เจ้าถูกกวาดไปจากทะเล
    เจ้าเคยเป็นเมืองมหาอำนาจบนท้องทะเล
เจ้ากับพลเมืองของเจ้า
    เคยทำให้ทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินใหญ่นั้นหวาดกลัว
18 เดี๋ยวนี้ แผ่นดินตามชายฝั่งทะเลต่างสั่นเทิ้มด้วยความกลัวในวันที่เจ้าล้มลง
    หมู่เกาะทั้งหลายต่างตกใจกลัวกับการล่มสลายของเจ้า’”

19 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “เมื่อเราทำให้เจ้ากลายเป็นเมืองร้าง เหมือนกับเมืองที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ เมื่อเรานำความลึกของมหาสมุทรเข้ามาไว้บนเจ้า และน้ำของมันได้ไหลทะลักเข้าท่วมเจ้าแล้ว 20 เราจะกดเจ้าให้จมดิ่งลงไปอยู่กับพวกที่อยู่ในหลุมลึก จะให้ไปอยู่กับพวกคนที่ตายไปนานแล้ว เราจะทำให้เจ้าอาศัยอยู่ในโลกเบื้องล่าง เหมือนซากปรักหักพังของสมัยดึกดำบรรพ์ พร้อมกับพวกที่อยู่ในหลุมลึก จะไม่มีใครอาศัยอยู่ในเจ้าอีก เจ้าจะไม่มีศักดิ์ศรีในแดนของคนเป็น 21 เราจะนำเจ้าไปสู่จุดจบที่น่าสะพรึงกลัว และจะไม่มีเจ้าอีกต่อไป ถึงจะมีคนหา ก็จะไม่พบเจ้าอีกแล้ว” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

สดุดี 74

อธิษฐานให้พระเจ้ากู้ชาติ

เพลงมัสคิลของอาสาฟ

ข้าแต่พระเจ้า ทำไมพระองค์ถึงได้ทอดทิ้งพวกเรานานนัก
    ทำไมถึงปล่อยให้ความโกรธของพระองค์เผาผลาญต่อฝูงแกะของพระองค์
โปรดระลึกถึงคนที่พระองค์ได้ซื้อมาตั้งนานมาแล้ว
    โปรดระลึกถึงเผ่าที่พระองค์ไถ่มาและครอบครองไว้
    โปรดระลึกถึงภูเขาศิโยนที่พระองค์สถิตอยู่
โปรดเดินเข้ามาดูซากปรักหักพังเก่าแก่เหล่านี้
    โปรดกลับมายังวิหารที่พวกศัตรูทำลายจนย่อยยับ

พวกศัตรูได้โห่ร้องเฉลิมฉลองชัยชนะของพวกเขาในสถานที่ชุมนุมของพระองค์
    พวกเขาชูธงแห่งชัยชนะทั้งหลายกัน
พวกเขาบุกโจมตี
    ราวกับคนตัดไม้ใช้ขวานโค่นป่า
แล้วตอนนี้ พวกเขากำลังใช้ชะแลง
    และขวานรื้อทำลายไม้แกะสลักในวิหารลง
พวกเขาเผาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์วอดวายลงกับดิน
    และทำให้เต็นท์ที่คนสรรเสริญชื่อของพระองค์เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป
พวกเขาคิดในใจว่า “พวกเราจะบดขยี้พวกมันให้แหลกละเอียด”
    พวกเขาเผาสถานที่ชุมนุมของพระเจ้าทั่วแผ่นดิน

พวกเราไม่เห็นการอัศจรรย์ใดๆ[a] อีกแล้ว
    ไม่มีพวกผู้พูดแทนพระเจ้าหลงเหลืออีก
    และไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน
10 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์จะปล่อยให้พวกศัตรูหมิ่นประมาทพระองค์ไปอีกนานแค่ไหน
    พระองค์จะปล่อยให้พวกเขาดูหมิ่นชื่อของพระองค์ตลอดไปหรือ
11 ทำไมพระองค์ถึงยืนกอดอกอยู่เฉยๆ
    ยื่นมือขวาของพระองค์ออกไปทำลายพวกเขาให้สิ้นซากไปเลย

12 พระเจ้าคือกษัตริย์ของข้าพเจ้ามาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
    พระองค์ช่วยให้พวกเราชนะหลายต่อหลายครั้งแล้วในแผ่นดินนี้
13 ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ พระองค์ได้แยกทะเลแดงออก
    พระองค์ฟาดหัวทั้งหลายของสัตว์ประหลาดในท้องทะเล
14 พระองค์ทุบหัวทั้งหลายของเลวีอาธาน[b]
    แล้วเอาเนื้อของพวกมันมาเป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ต่างๆในทะเลทราย
15 พระองค์ทำให้ตาน้ำและลำธารผุดขึ้นมาและไหลไป
    แล้วพระองค์ก็ทำให้แม่น้ำที่ไหลอยู่เสมอเหือดแห้งไป
16 วันและคืนเป็นของพระองค์
    พระองค์คือผู้สร้างดวงจันทร์และดวงอาทิตย์
17 พระองค์กำหนดเขตแดนทั้งหมดบนแผ่นดินโลก
    พระองค์สร้างฤดูร้อนและฤดูหนาว

18 ข้าแต่พระยาห์เวห์ อย่าลืมว่า พวกศัตรูเย้ยหยันพระองค์
    ชนชาติที่โง่เขลานั้นดูหมิ่นชื่อของพระองค์
19 อย่าปล่อยให้สัตว์ป่าพวกนี้เข่นฆ่านกเขาของพระองค์
    โปรดอย่าลืมชีวิตของคนที่ถูกกดขี่ของพระองค์ตลอดไป

20 โปรดระลึกถึงคำมั่นสัญญาของพระองค์และปกป้องพวกเราไว้
    เพราะความทารุณโหดร้ายมีอยู่ทั่วทุกมุมมืดบนแผ่นดินของพวกเรา
21 อย่าปล่อยให้คนทุกข์ยากต้องอับอายขายหน้า
    ขอให้คนยากจนและผู้ขัดสน สรรเสริญชื่อของพระองค์
22 ข้าแต่พระเจ้า ลุกขึ้นเถิด มาแก้หน้าของพระองค์
    พระองค์อย่าลืมว่าไอ้คนโง่พวกนั้นหมิ่นประมาทพระองค์ทุกวี่วัน
23 พระองค์ ขออย่าได้ลืมเสียงโห่ร้องของศัตรูเหล่านั้นของพระองค์
    และเสียงโกลาหลวุ่นวายที่มีอยู่ตลอดเวลาจากคนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับพระองค์

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International