M’Cheyne Bible Reading Plan
อับซาโลมหาพรรคพวก
15 หลังจากนั้นอับซาโลมได้หารถรบและพวกม้าสำหรับตัวเขาเอง และเขามีชายห้าสิบคนวิ่งนำหน้ารถของเขา 2 เขาจะตื่นแต่เช้ามายืนอยู่ข้างถนนที่ตรงไปยังประตูเมือง[a] เมื่อมีคนเดินผ่านมาพร้อมกับปัญหา เพื่อจะเอาไปให้กษัตริย์ดาวิดตัดสินให้ อับซาโลมก็จะร้องถามคนๆนั้นว่ามาจากที่ไหน คนๆนั้นก็ตอบว่าเขามาจากเผ่าอะไรในอิสราเอล 3 แล้วอับซาโลมก็จะพูดกับเขาว่า “ข้อกล่าวหาของท่านมีเหตุผลและเหมาะสมดี แต่ไม่มีตัวแทนของกษัตริย์ที่จะมาฟังท่านหรอก”
4 อับซาโลมก็จะพูดอีกว่า “ถ้าเพียงแต่เราได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ตัดสินในเมืองนี้ล่ะก็ ทุกๆคนที่มีปัญหาหรือมีคดีก็จะสามารถมาหาเรา และเราจะให้ความเป็นธรรมกับเขา”
5 และเมื่อใดก็ตามที่มีคนมาหาเขาและคำนับลงต่อหน้าเขา อับซาโลมก็จะยื่นมือออกไปรับตัวคนนั้นมาจูบ 6 อับซาโลมทำอย่างนี้กับชาวอิสราเอลทุกคนที่มาหากษัตริย์ดาวิดเพื่อขอให้ตัดสินคดี อย่างนี้ เขาจึงชนะใจของคนอิสราเอลทั้งหลาย
อับซาโลมวางแผนยึดอาณาจักรพ่อ
7 สี่ปี[b] ผ่านไป อับซาโลมพูดกับกษัตริย์ว่า “ขออนุญาตไปเมืองเฮโบรนเพื่อไปแก้บนตามที่ลูกเคยบนไว้กับพระยาห์เวห์ด้วยเถิด 8 ตอนที่ลูกผู้รับใช้ท่านยังอยู่ที่เมืองเกชูร์ในอารัม ลูกได้บนไว้ว่า ‘ถ้าพระยาห์เวห์พาลูกกลับเยรูซาเล็มได้ ลูกจะนมัสการพระยาห์เวห์ในเมืองเฮโบรน’[c]”
9 กษัตริย์พูดกับเขาว่า “ขอให้ไปเป็นสุขเถิด” เขาจึงไปเมืองเฮโบรน 10 อับซาโลมได้ส่งคนส่งข่าวลับไปถึงทุกๆเผ่าของอิสราเอลว่า “ทันทีที่พวกท่านได้ยินเสียงแตร ให้พูดว่า ‘อับซาโลมคือกษัตริย์ของเมืองเฮโบรน’”
11 ชายสองร้อยคนจากเยรูซาเล็มไปกับอับซาโลมด้วย พวกเขาได้รับเชิญไปเป็นแขกและไปโดยไม่รู้ว่าอับซาโลมวางแผนอะไรอยู่ 12 ขณะที่อับซาโลมถวายเครื่องเผาบูชา เขาได้ส่งคนไปชวนอาหิโธเฟลชาวกิโลห์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของดาวิดให้มาจากกิโลห์เมืองของเขา ดังนั้นแผนการชั่วนี้กำลังไปได้ด้วยดีและผู้ติดตามอับซาโลมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ดาวิดรู้แผนของอับซาโลม
13 คนส่งข่าวคนหนึ่งมาบอกดาวิดว่า “ใจของคนอิสราเอลได้ไปอยู่กับอับซาโลมแล้ว”
14 ดาวิดจึงพูดกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่อยู่กับเขาในเยรูซาเล็มว่า “ไปกันเถิด พวกเราต้องหนีแล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่มีพวกเราสักคนที่หนีอับซาโลมไปได้ พวกเราต้องรีบไปทันที ไม่อย่างนั้น เขาจะมาจับพวกเราอย่างรวดเร็วและทำลายพวกเราและทำลายเมือง”
15 เจ้าหน้าที่ของกษัตริย์ตอบเขาว่า “ท่านกษัตริย์เจ้านายของพวกเราตัดสินใจยังไง พวกเราคนรับใช้ของท่านก็พร้อมแล้วที่จะทำตามทุกอย่าง”
16 กษัตริย์ออกเดินทางไปพร้อมกับครอบครัวทั้งหมดของเขา แต่เขาทิ้งเมียน้อย[d] ไว้สิบคนให้ดูแลวัง 17 กษัตริย์จึงออกเดินทางพร้อมกับผู้คนที่ติดตามเขาทั้งหมด พวกเขามาหยุดอยู่ในที่แห่งหนึ่งไกลออกมา 18 คนทั้งหมดของเขาเดินผ่านหน้ากษัตริย์ไป รวมทั้งชาวเคเรธี ชาวเปเลทและชาวกัท (มีหกร้อยคนจากเมืองกัท)
19 กษัตริย์พูดกับอิททัยชาวกัทว่า “พวกเจ้ามากับเราทำไม กลับไปอยู่กับกษัตริย์อับซาโลม พวกเจ้าเป็นชาวต่างชาติ เป็นคนที่อพยพมาจากบ้านเกิดเมืองนอนของเจ้า 20 พวกเจ้าเพิ่งมาเมื่อวานนี้เอง และวันนี้จะให้เราทำให้พวกเจ้าต้องมาร่อนเร่กับพวกเรา ทั้งๆที่เราเองยังไม่รู้ว่าจะไปไหน กลับไปและพาคนของเจ้าไปด้วย ขอให้ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระยาห์เวห์[e]อยู่กับพวกเจ้า”
21 แต่อิททัยตอบกษัตริย์ว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าตราบเท่าที่ท่านกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่ากษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ข้าพเจ้าก็จะอยู่กับท่าน”
22 ดาวิดพูดกับอิททัยว่า “ถ้าอย่างนั้น ข้ามลำธารขิดโรนไปกันเถอะ”
อิททัยชาวกัทจึงเดินทางต่อพร้อมกับคนของเขาและครอบครัวที่อยู่กับเขาทั้งหมด 23 ประชาชน[f] ทั้งหมดต่างร้องไห้ด้วยเสียงอันดังเมื่อขบวนคนเหล่านี้เดินผ่านไป กษัตริย์ได้ข้ามลำธารขิดโรน และคนทั้งหมดได้เดินทางมุ่งสู่ทะเลทราย 24 ศาโดกอยู่ที่นั่นด้วย และชาวเลวีทั้งหมดที่อยู่กับเขากำลังถือหีบแห่งข้อตกลงของพระเจ้า พวกเขาวางหีบของพระเจ้าลงและอาบียาธาร์ก็ถวายเครื่องบูชา[g] จนกระทั่งประชาชนทั้งหมดออกจากเมือง
25 แล้วกษัตริย์ก็พูดกับศาโดกว่า “ให้นำหีบของพระเจ้ากลับเข้าไปในเมือง ถ้าพระยาห์เวห์พอใจในตัวเรา พระองค์ก็จะนำเรากลับมาและให้เราได้เห็นหีบนั้นและที่อาศัยของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง 26 แต่ถ้าพระองค์พูดว่า ‘เราไม่พอใจเจ้า’ เราก็พร้อมที่จะให้พระองค์ทำกับเราตามที่พระองค์เห็นว่าดี”
27 กษัตริย์พูดกับนักบวชศาโดกด้วยว่า “ท่านเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าไม่ใช่หรือ กลับไปในเมืองอย่างสงบพร้อมกับอาหิมาอัสลูกชายของท่านและโยนาธานลูกชายของอาบียาธาร์ ท่านและอาบียาธาร์ พาลูกชายของพวกท่านทั้งสองคนกลับไปเถอะ 28 เราจะคอยอยู่ที่ตรงทางข้ามแม่น้ำที่เข้าไปยังทะเลทราย จนกว่าพวกท่านจะมาบอกข่าวเรา”
29 ดังนั้นศาโดกและอาบียาธาร์จึงนำหีบของพระเจ้ากลับเยรูซาเล็มและอยู่ที่นั่น
คำแนะนำของอาหิโธเฟลสับสนไป
30 ดาวิดเดินทางต่อไปบนภูเขามะกอกเทศ เขาเดินไปร้องไห้ไป เขาเอาผ้าคลุมหัวไว้และเดินเท้าเปล่า ประชาชนทั้งหมดที่อยู่กับเขาก็คลุมหัวพวกเขาด้วยและเดินร้องไห้ไปด้วยเหมือนกัน
31 ขณะนั้น มีคนมาบอกดาวิดว่า “อาหิโธเฟลอยู่ในหมู่ผู้สมรู้ร่วมคิดกับอับซาโลมด้วย” ดาวิดอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเปลี่ยนคำแนะนำของอาหิโธเฟลให้ใช้การไม่ได้ด้วยเถิด” 32 เมื่อดาวิดมาถึงยอดเขาที่คนเขานมัสการพระเจ้ากัน หุชัยชาวอารคีได้คอยอยู่ที่นั่นเพื่อพบดาวิด เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและมีฝุ่นอยู่เต็มหัวเขา[h]
33 ดาวิดพูดกับเขาว่า “ถ้าเจ้าไปกับเรา เจ้าจะเป็นภาระให้กับเรา 34 แต่ถ้าเจ้ากลับเข้าเมืองไปและพูดกับอับซาโลมว่า ‘ข้าแต่กษัตริย์ ตอนนี้เราจะเป็นผู้รับใช้ท่าน ในอดีตเราเคยเป็นคนรับใช้พ่อของท่านมาก่อน แต่เดี๋ยวนี้เราจะเป็นคนรับใช้ท่าน’ แล้วเจ้าจะช่วยเราได้ ด้วยการคอยก่อกวนคำแนะนำของอาหิโธเฟล 35 เจ้ายังมีนักบวชศาโดกและอาบียาธาร์คอยช่วยเหลืออยู่ที่นั่น บอกพวกเขาทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าได้ยินภายในวังของกษัตริย์ 36 อาหิมาอัสลูกชายศาโดกและโยนาธานลูกชายอาบียาธาร์จะอยู่ที่นั่นกับพวกเขา เจ้าสามารถส่งพวกเขามาบอกเราในสิ่งที่เจ้าได้ยินมา”
37 ดังนั้นหุชัยที่ปรึกษาของกษัตริย์จึงกลับเข้าไปในเมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่อับซาโลมเข้าเมืองมาพอดี
เปาโลขอให้พี่น้องบริจาคเงิน
8 พี่น้องครับ ตอนนี้เราอยากให้พวกคุณรู้ว่า พระเจ้าเมตตากรุณาต่อหมู่ประชุมต่างๆของพระองค์ในแคว้นมาซิโดเนียขนาดไหน 2 ถึงแม้พวกเขาจะยากจนและถูกทดสอบอย่างหนักด้วยความทุกข์มากมาย แต่พวกเขาก็มีความสุขจนล้นพ้นออกมาเป็นใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ 3 ผมรับรองว่าพวกเขาให้จนสุดกำลัง อันที่จริงเกินกำลังด้วยซ้ำ และให้ด้วยความสมัครใจด้วย 4 พวกเขารบเร้าขอมีส่วนร่วมในการบริจาคช่วยเหลือคนที่เป็นของพระเจ้า 5 พวกเขาให้อย่างเกินคาด คือให้ชีวิตของพวกเขากับองค์เจ้าชีวิตก่อน แล้วจากนั้นถึงได้ให้กับเราอย่างที่พระเจ้าต้องการ 6 นี่เป็นเหตุที่เราได้ขอร้องให้ทิตัสไปช่วยพวกคุณจัดการกับเงินบริจาคนี้ให้เสร็จ เพราะเขาเป็นคนเริ่มชักชวนคุณให้บริจาคตั้งแต่แรก 7 ในเมื่อพวกคุณเป็นเลิศไปซะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อ คำพูด ความรู้ ความกระตือรือร้น หรือความรักที่คุณเรียนรู้จากเรา ก็ขอให้เป็นเลิศในเรื่องการบริจาคด้วย
8 ผมไม่ได้สั่งให้คุณทำนะครับ ผมแค่อยากจะเปรียบเทียบความรักของคุณกับความกระตือรือร้นของคนอื่น จะทดสอบดูว่าความรักของคุณนั้นแท้หรือเปล่า 9 พวกคุณก็รู้กันอยู่แล้วถึงความเมตตากรุณาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ที่ว่าถึงแม้พระองค์ร่ำรวย แต่ก็ยอมยากจนเพื่อเป็นประโยชน์กับคุณ พระองค์ยอมยากจนเพื่อคุณจะได้ร่ำรวย
10 ในเรื่องนี้ผมขอแนะนำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ เมื่อปีที่แล้ว พวกคุณเป็นพวกแรกเลยที่อยากจะช่วย และได้ช่วยเป็นพวกแรกด้วย 11 ตอนนี้ ก็น่าจะทำให้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก และให้ช่วยตามกำลังที่มีอยู่ 12 ถ้าคุณมีใจพร้อมที่จะให้อยู่แล้ว พระเจ้าก็จะยอมรับสิ่งที่คุณให้ตามความสามารถที่คุณมี ไม่ใช่เกินความสามารถของคุณ 13 ไม่อยากให้คุณไปช่วยคนอื่นแล้วตัวเองต้องมาเดือดร้อนแทน ผมแค่อยากจะให้ช่วยเหลือกันไปช่วยเหลือกันมาเท่านั้น 14 ผมตั้งใจว่าตอนนี้คุณมีเหลือเฟือขอให้แบ่งไปช่วยคนที่ขัดสนบ้าง เกิดวันหลังเขามีเหลือเฟือและคุณเกิดขัดสนขึ้นมา เขาก็จะได้มาช่วยคุณเหมือนกัน อย่างนี้ก็เป็นการช่วยเหลือกันไปช่วยเหลือกันมา 15 เหมือนกับที่พระคัมภีร์พูดไว้ว่า
“คนที่เก็บไว้มาก ก็ไม่ได้มีเหลือเฟือ
ส่วนคนที่เก็บไว้น้อย ก็ไม่ได้ขาดแคลน”[a]
ทิตัสและเพื่อนร่วมเดินทาง
16 ผมห่วงใยพวกคุณมาก ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ก็ใส่ความห่วงใยมากขนาดนั้นไว้ในใจของทิตัสด้วย ทำให้เขาอยากจะช่วยพวกคุณเหมือนกัน 17 เราขอให้ทิตัสมาเยี่ยมพวกคุณ และเขาก็ยินดีทำตามนั้น จริงๆแล้วเขาก็อยากจะมาเยี่ยมคุณอยู่แล้ว 18 เราส่งพี่น้องคนหนึ่งมาพร้อมกับเขาด้วย พี่น้องคนนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงดีตามหมู่ประชุมต่างๆของพระเจ้าในด้านการประกาศข่าวดี 19 นอกจากนี้ หมู่ประชุมต่างๆได้เลือกเขาให้เดินทางมากับพวกเราเพื่อนำเงินที่เรารับผิดชอบอยู่ไปบริจาคครั้งนี้ การบริจาคนี้ทำเพื่อถวายเกียรติให้กับองค์เจ้าชีวิต และทำให้คนเห็นว่าเราเต็มใจที่จะช่วย
20 เราระมัดระวังมากในการจัดการกับเงินบริจาคก้อนโตนี้ เพราะไม่อยากให้ใครมาติได้ 21 คือเราเป็นห่วงเรื่องชื่อเสียง อยากจะให้มันดีไม่ใช่เฉพาะกับองค์เจ้าชีวิตเท่านั้น แต่กับคนอื่นๆด้วย
22 เราก็เลยส่งพี่น้องอีกคนหนึ่งมาพร้อมกับพวกเขาด้วย พี่น้องคนนี้แสดงให้เราเห็นหลายครั้งแล้วว่าเขาอยากจะช่วย ยิ่งตอนนี้เขายิ่งอยากจะช่วยมากขึ้น เพราะเขามีความเชื่อมั่นในพวกคุณมากขึ้น
23 ถ้ามีใครถามเกี่ยวกับทิตัส ผมขอบอกว่า เขาเป็นหุ้นส่วนและเพื่อนร่วมงานของผมที่ส่งมาช่วยพวกคุณ และถ้ามีใครถามเกี่ยวกับพี่น้องสองคนนี้ ผมขอบอกว่า พวกเขาเป็นตัวแทนของหมู่ประชุมต่างๆและเป็นคนที่นำเกียรติมาให้กับพระคริสต์ด้วย 24 ดังนั้นให้พิสูจน์ความรักของคุณให้พวกเขาเห็นด้วย และให้เขาเห็นว่าที่เราโอ้อวดในเรื่องของคุณนั้นเป็นจริง เพื่อหมู่ประชุมของพระเจ้าจะได้เห็น
เอเสเคียลพูดต่อต้านเมืองเยรูซาเล็ม
22 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 2 “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าจะฟ้องร้องเมืองนี้หรือ เจ้าจะฟ้องร้องกับเมืองที่นองไปด้วยเลือดนี้หรือ ถ้าอย่างนั้น ชี้ให้เมืองนี้เห็นถึงการกระทำอันน่าขยะแขยงของมันสิ 3 บอกพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด “ไอ้เมืองที่ชอบนองเลือด เวลาที่เจ้าจะถูกลงโทษมาถึงแล้ว เจ้าไม่บริสุทธิ์เพราะชอบสร้างรูปเคารพทั้งหลาย”
4 ความผิดตกอยู่กับเจ้า เพราะเลือดที่เจ้าทำให้ไหลนองนั้น แล้วเจ้าทำตัวเองให้ไม่บริสุทธิ์ด้วยการสร้างรูปเคารพทั้งหลาย วันแห่งการลงโทษเจ้ามาถึงแล้ว วันปีของเจ้าจบสิ้นแล้ว ดังนั้น เรากำลังทำให้เจ้าเป็นสิ่งที่ชนชาติต่างๆดูถูกเหยียดหยาม และเป็นสิ่งที่ประเทศทั้งหลายหัวเราะเยาะใส่ 5 ทั้งคนที่อยู่ใกล้และไกลจะหัวเราะเยาะเจ้า ไอ้เมืองที่มีชื่อเสียงเสื่อมเสียที่เต็มไปด้วยความสับสนอลหม่าน
6 ดูสิ ในเมืองของเจ้า พวกเจ้าชายแห่งอิสราเอลแต่ละคน ใช้อำนาจของเขาทำให้เกิดการนองเลือด 7 ในเมืองของเจ้า ผู้คนดูหมิ่นพ่อแม่ ในเมืองของเจ้า พวกเขากดขี่คนต่างด้าว ในเมืองของเจ้า พวกเขาเอารัดเอาเปรียบเด็กกำพร้าและแม่หม้าย 8 เจ้าดูถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเรา และทำให้พวกวันหยุดทางศาสนาของเราเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ 9 ในเมืองของเจ้า มีการว่าจ้างให้ใส่ร้ายกัน จนทำให้คนบริสุทธิ์ถูกฆ่า ในเมืองของเจ้า มีคนที่กินอยู่ในศาลเจ้าบนภูเขา และทำสิ่งที่ชั่วช้าลามก 10 ในเมืองของเจ้า พวกเขามีเพศสัมพันธ์กับเมียของพ่อตนเอง ในเมืองของเจ้า พวกเขาร่วมเพศกับผู้หญิงทั้งๆที่พวกนางมีประจำเดือน 11 ในเมืองของเจ้า ชายคนหนึ่งทำความผิดที่น่ารังเกียจกับเมียของเพื่อนบ้าน อีกคนหนึ่งมีเพศสัมพันธ์กับลูกสะใภ้ของตัวเองทำให้นางไม่บริสุทธิ์ และอีกคนหนึ่งร่วมเพศกับลูกสาวของพ่อเขาเอง 12 ในเมืองของเจ้า ผู้คนต่างรับสินบนจนทำให้คนบริสุทธิ์ต้องถูกฆ่า เจ้าหักดอกเบี้ยล่วงหน้าและคิดดอกเบี้ยทบต้น และหากำไรอย่างไม่ยุติธรรมจากเพื่อนบ้านของเจ้า ด้วยการรีดไถ เจ้าได้ลืมเราแล้ว’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
13 “ดูสิ เราจะตบมือเปรี้ยงด้วยความโกรธ เพราะผลกำไรที่เจ้าได้โกงเขามา และเลือดที่เจ้าทำให้ไหลนองอยู่ในเมืองของเจ้า 14 ในวันที่เราจัดการกับเจ้า เจ้ายังจะกล้าดีอยู่อีกหรือ มือของเจ้ายังจะแข็งแกร่งอยู่อีกหรือ เรา ยาห์เวห์ ได้ลั่นคำพูดไปแล้ว และเราจะทำตามนั้นแน่ 15 เราจะทำให้พวกเจ้าแตกซ่านไปอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลายและกระจัดกระจายไปอยู่ตามประเทศต่างๆ เราจะทำให้ความไม่บริสุทธิ์ของเจ้าจบสิ้นไป 16 แล้วเมื่อชนชาติทั้งหลายดูถูกเราที่เราทำอย่างนี้กับเจ้า เจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”
อิสราเอลเป็นเหมือนขี้เงินที่ไร้ค่า
17 แล้วคำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 18 “เจ้าลูกมนุษย์ ครอบครัวชาวอิสราเอลกลายเป็นขี้เงินแล้วสำหรับเรา พวกเขาทั้งหมดเป็นเหมือนทองแดง สังกะสี เหล็กและตะกั่วที่เหลืออยู่ในเตาหลอมเมื่อคนหลอมเงิน พวกเขาเป็นเพียงขี้เงินที่เหลือทิ้งไว้ 19 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘เพราะพวกเจ้าทั้งหลายเป็นขี้เงินที่ไร้ค่า เราจะรวบรวมพวกเจ้าไว้ในเมืองเยรูซาเล็ม 20 เหมือนกับที่คนรวบรวมเอาเงิน ทองแดง เหล็ก ตะกั่วและสังกะสี มาใส่ไว้ในเตาหลอมเพื่อหลอมละลายมันด้วยเปลวไฟที่ร้อนแรง เราก็จะรวบรวมเจ้าไว้ด้วยความโกรธและความเดือดดาลของเรา และใส่เจ้าไว้ภายในเมืองและหลอมละลายเจ้าเสีย 21 เราจะรวบรวมเจ้าและจะโหมเจ้าด้วยความเดือดดาลอันคุกรุ่นของเรา และเจ้าจะถูกหลอมละลายอยู่ในเมืองนี้ 22 เจ้าจะถูกหลอมอยู่ในเมืองนี้ เหมือนกับเงินที่ถูกหลอมละลายอยู่ในเตาหลอม และเจ้าจะได้รู้ว่าเรา ยาห์เวห์ได้เทความเดือดดาลของเราไว้บนเจ้า’”
พวกผู้นำเยรูซาเล็มไม่ได้เรื่อง
23 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมอีกครั้งหนึ่งว่า 24 “เจ้าลูกมนุษย์ ให้บอกแผ่นดินนี้ว่า ‘เจ้าเป็นแผ่นดินที่ไม่ได้รับการชำระล้าง เจ้าก็เลยไม่ได้รับฝนในวันที่เราโกรธนั้น 25 พวกเจ้าชายในเมืองนี้เป็นเหมือนสิงโตที่คำรามตอนกำลังจะฉีกเนื้อเหยื่อของมัน พวกเขากินประชาชนของเขาเอง พวกเขายึดทรัพย์สมบัติและของมีค่าไป พวกเขาทำให้เมืองเต็มไปด้วยแม่หม้าย
26 พวกนักบวชของเจ้าละเมิดกฎของเรา และลบหลู่ของศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของเรา พวกเขาไม่แยกแยะว่าสิ่งไหนศักดิ์สิทธิ์สิ่งไหนไม่ศักดิ์สิทธิ์ และไม่ได้สอนว่าอะไรบริสุทธิ์ อะไรไม่บริสุทธิ์ พวกเขาไม่ยอมรักษาพวกวันหยุดทางศาสนาของเรา จนทำให้เราถูกลบหลู่ท่ามกลางพวกเขา
27 พวกเจ้าหน้าที่ในเมืองเป็นเหมือนพวกหมาป่าที่ฉีกเนื้อเหยื่อของพวกมัน พวกเขาทำให้เกิดการนองเลือด และฆ่าประชาชน เพื่อคดโกงหาผลประโยชน์ใส่ตัว
28 พวกที่อ้างว่าพูดแทนเราของเมืองนี้ ได้ฉาบปูนขาวปิดบังการกระทำเหล่านี้ของพวกผู้นำทั้งหมดนี้ โดยใช้นิมิตปลอมและคำทำนายที่โกหก พวกเขาอ้างว่านี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ทั้งๆที่พระยาห์เวห์ไม่ได้พูด
29 พวกเจ้าของที่ดินรีดไถและปล้นชิง พวกเขากดขี่คนจนและคนที่ขัดสน และข่มเหงคนต่างด้าวที่ไม่มีทางฟ้องกลับได้
30 เราได้มองหาคนหนึ่งในหมู่พวกเขา ที่จะมาซ่อมกำแพงและยืนอยู่ต่อหน้าเราตรงช่องโหว่ของกำแพง[a] เพื่อปกป้องแผ่นดินนี้ เพื่อเราจะได้ไม่ทำลายมัน แต่เราก็หาไม่พบสักคนเลย 31 ดังนั้นเราจะเทความเดือดดาลของเราลงที่พวกเขา และจะทำให้พวกเขาจบสิ้นลงด้วยไฟแห่งความโกรธของเรา เราจะให้กรรมชั่วที่พวกเขาทำนั้นสนองกลับไปตกลงบนหัวของพวกเขาเอง’”
พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น
คำอธิษฐานของคนที่ถูกข่มเหง
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องด้วยทำนอง “ดอกลิลลี่” เพลงของดาวิด
1 ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
เพราะน้ำขึ้นมาสูงถึงคอข้าพเจ้าแล้ว
2 ข้าพเจ้าจมลงสู่โคลนลึกและหาที่หยั่งเท้าไม่เจอ
ข้าพเจ้าอยู่ในน้ำลึกและน้ำท่วมท้นข้าพเจ้า
3 ข้าพเจ้าร้องขอให้ช่วยจนหมดแรง
ตะโกนจนแสบคอ มองหาจนตาพร่ามัว
เพราะข้าพเจ้ารอคอยให้พระเจ้าของข้าพเจ้ามาช่วย
4 คนเหล่านั้นที่เกลียดข้าพเจ้าทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขามีมากยิ่งกว่าเส้นผมบนหัวของข้าพเจ้าเสียอีก
ศัตรูเหล่านั้นที่พยายามจะทำลายข้าพเจ้า
ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกเขา มีจำนวนมากมาย
ข้าพเจ้าถูกบังคับให้ชดใช้ในสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่ได้ขโมยมา
5 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ล่วงรู้ถึงความผิดอย่างโง่ๆของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าไม่อาจซ่อนความผิดไปจากพระองค์ได้
6 องค์เจ้าชีวิต พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
ขออย่าปล่อยให้คนเหล่านั้นที่ฝากความหวังไว้กับพระองค์ต้องอับอายเพราะข้าพเจ้าเลย
พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ขออย่าปล่อยให้คนเหล่านั้นที่แสวงหาพระองค์ต้องเสียหน้าเพราะข้าพเจ้าเลย
7 ความอับอายปกคลุมใบหน้าของข้าพเจ้า
แต่ข้าพเจ้าก็ทนอับอายเพื่อพระองค์
8 ข้าพเจ้ากลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับพี่น้องของข้าพเจ้า
พี่น้องท้องเดียวกับข้าพเจ้าทำกับข้าพเจ้าเหมือนกับข้าพเจ้าเป็นคนต่างชาติ
9 เพราะความร้อนใจที่ข้าพเจ้ามีต่อวิหารของพระองค์ได้เผาผลาญข้าพเจ้า
และคำดูถูกต่างๆของคนเหล่านั้นที่ดูถูกพระองค์ได้ตกลงมาอยู่บนข้าพเจ้า
10 ข้าพเจ้าร้องไห้และอดอาหาร แต่พวกเขากลับดูถูกข้าพเจ้า
เพราะทำสิ่งเหล่านี้
11 เมื่อข้าพเจ้าสวมใส่ผ้ากระสอบไว้ทุกข์
ข้าพเจ้าก็กลายเป็นตัวตลกสำหรับพวกเขา
12 ผู้คนที่อยู่แถวประตูเมืองต่างพากันนินทาข้าพเจ้า
และคนดื่มเบียร์ก็แต่งเพลงล้อเลียนข้าพเจ้า
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเพียงอธิษฐานขอให้พระองค์ยอมรับข้าพเจ้าเท่านั้น
ข้าแต่พระเจ้าโปรดตอบข้าพเจ้าด้วยความรักมั่นคงของพระองค์
และด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งการช่วยกู้ที่พึ่งพิงได้ของพระองค์
14 โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากโคลนตมนี้ด้วยเถิด
เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่จมลึกไปกว่านี้
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้หนีรอดจากคนเหล่านั้นที่เกลียดชังข้าพเจ้า
และจากน้ำที่ลึกนี้ด้วยเถิด
15 ขออย่าให้น้ำท่วมท้นข้าพเจ้า
และอย่าให้น้ำลึกดูดกลืนข้าพเจ้าลงไป
ขออย่าให้หลุมฝังศพงับข้าพเจ้าเลย
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดตอบข้าพเจ้าด้วย เพราะความรักมั่นคงของพระองค์นั้นดี
โปรดหันหน้าของพระองค์มาทางข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะความเมตตาของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่
17 โปรดอย่าได้ซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์เลย
ข้าพเจ้ากำลังตกอยู่ในความทุกข์ยาก ดังนั้น ช่วยตอบข้าพเจ้าโดยเร็วด้วยเถิด
18 โปรดเข้ามาใกล้ และไถ่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
โปรดช่วยปลดปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นอิสระจากศัตรูของข้าพเจ้าด้วยเถิด
19 พระองค์รู้ว่า ข้าพเจ้านั้นอดสู อับอาย และถูกเหยียดหยาม
พระองค์รู้เรื่องของศัตรูของข้าพเจ้าทุกคน
20 ที่ข้าพเจ้าถูกเหยียดหยามอย่างนี้ ทำให้ข้าพเจ้าขายหน้า
และข้าพเจ้าก็สิ้นหวัง
ข้าพเจ้ารอคอยความสงสาร แต่กลับไม่มีเลย
ข้าพเจ้าหวังจะมีคนมาปลอบโยนบ้าง แต่หาไม่เจอ
21 แต่พวกเขากลับใส่ยาพิษลงในอาหารของข้าพเจ้า
และในยามที่ข้าพเจ้ากระหายน้ำพวกเขากลับยื่นน้ำส้มสายชูให้
22 ข้าพเจ้าอยากให้โต๊ะอาหารตรงหน้าพวกเขากลายเป็นกับดัก
ขอให้อาหารที่มาจากเครื่องบูชาทั้งหลายที่พวกเขากินร่วมกันกลายเป็นบ่วงแร้ว
23 ขอให้ดวงตาของพวกเขามืดบอดไป
ทำให้ร่างของเขาสั่นอยู่ตลอดเวลา
24 ข้าแต่พระเจ้า ขอให้พระองค์เทความโกรธลงบนพวกเขา
ขอให้ความโกรธของพระองค์ที่เผาผลาญอยู่ไล่เขาทัน
25 ขอให้ค่ายของเขาร้างว่างเปล่า
และขออย่าให้มีใครอาศัยอยู่ในเต็นท์ทั้งหลายของเขา
26 พวกเขาไปซ้ำเติมคนเหล่านั้นที่พระองค์ตีสอนไปแล้ว
และพวกเขาพูดนินทากันปากต่อปาก เรื่องความเจ็บปวดของคนเหล่านั้นที่พระองค์ทำให้บาดเจ็บ
27 ขอให้พระองค์จดบันทึกความบาปของพวกเขาทั้งหมด
และอย่าปล่อยให้พวกเขาลอยนวล
28 โปรดลบชื่อของพวกเขาออกจากทะเบียนของคนที่ยังมีชีวิตอยู่[a]
และอย่าได้จดบันทึกชื่อของพวกเขาร่วมกับชื่อของคนที่ทำตามใจพระองค์
29 ส่วนข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าเป็นทุกข์และเจ็บปวด
ข้าแต่พระเจ้า ช่วยกู้และปกป้องข้าพเจ้าด้วยเถิด
30 แล้วข้าพเจ้าจะสรรเสริญชื่อของพระเจ้าเป็นเพลง
ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์ด้วยเพลงขอบพระคุณ
31 และสิ่งนี้จะทำให้พระยาห์เวห์มีความสุขมากกว่าการที่ข้าพเจ้า
ถวายวัวตัวผู้ ตั้งแต่เขาบนหัวจดกีบที่เท้า เป็นเครื่องบูชาเสียอีก
32 คนยากจนจะได้เห็นและมีความสุข
พวกท่านที่มานมัสการพระเจ้า ขอให้สิ่งนี้เป็นกำลังใจให้กับพวกท่าน
33 เพราะพระยาห์เวห์สดับฟังคนยากจน
และพระองค์ไม่เคยดูถูกคนของพระองค์ที่ถูกขังคุก
34 ขอให้ฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ท้องทะเล และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในพวกมัน
สรรเสริญพระยาห์เวห์
35 เพราะพระเจ้าจะช่วยกู้เมืองศิโยน และพระองค์จะสร้างเมืองต่างๆของยูดาห์ขึ้นมาใหม่
เพื่อคนของพระองค์จะได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นและได้เป็นเจ้าของแผ่นดินนั้น
36 ดังนั้น ลูกหลานของพวกผู้รับใช้ของพระองค์จะได้แผ่นดินนั้นเป็นมรดก
คนเหล่านั้นที่รักชื่อของพระองค์จะได้อาศัยอยู่ที่นั่น
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International