Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 ซามูเอล 14

โยนาธานสู้กับคนฟีลิสเตีย

14 วันหนึ่งโยนาธานลูกชายของซาอูลได้พูดกับเด็กหนุ่มผู้ถืออาวุธของเขาว่า “มาเถอะ ให้พวกเราไปที่ค่ายของคนฟีลิสเตียที่อยู่ฝั่งโน้นกัน” แต่เขาไม่ได้บอกซาอูลพ่อของเขา

(ขณะนั้นซาอูลกำลังพักผ่อนอยู่ที่ชานเมืองกิเบอาห์ใต้ต้นทับทิมในมิโกรน กับคนประมาณหกร้อยคน ซึ่งในจำนวนนั้นมีอาหิยาห์ผู้ที่ใส่เอโฟดอยู่ด้วย เขาเป็นลูกชายของอาหิทูบซึ่งเป็นพี่ชายของอีคาโบด อีคาโบดและอาหิทูบเป็นลูกชายของฟีเนหัส ฟีเนหัสเป็นลูกชายของเอลี เอลีเคยเป็นนักบวชของพระยาห์เวห์อยู่ที่เมืองชิโลห์ ไม่มีใครรู้ว่าโยนาธานได้ออกไปแล้ว

ทางข้ามทั้งสองข้างที่โยนาธานจะใช้ข้ามเข้าไปยังค่ายของฟีลิสเตียนั้นเป็นหน้าผา หน้าผาทั้งสองด้านนี้ ข้างหนึ่งเรียกว่าโบเซส และอีกข้างหนึ่งเรียกว่าเสเนห์ หน้าผาด้านหนึ่งอยู่ทางเหนือตรงฝั่งเมืองมิคมาช ส่วนหน้าผาอีกด้านอยู่ทางใต้ตรงฝั่งเมืองเกบา)

โยนาธานพูดกับเด็กหนุ่มผู้ถืออาวุธของเขาว่า “ไปกันเถอะ พวกเราข้ามไปยังป้อมทหารของไอ้พวกผู้ชายที่ยังไม่ได้ทำพิธีขลิบพวกนั้น บางทีพระยาห์เวห์อาจจะมาช่วยเราทำสิ่งนี้ก็ได้ ไม่มีอะไรจะมาขัดขวางไม่ให้พระยาห์เวห์มาช่วยกู้ได้ ไม่ว่าพระองค์จะใช้คนมากหรือน้อยก็ตาม”

คนถืออาวุธของเขาพูดว่า “ทำอะไรก็ได้ตามใจท่าน ลุยไปเลย ข้าพเจ้าจะอยู่เคียงข้างท่านตลอดไป”

โยนาธานพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ พวกเราจะข้ามไปหาคนฟีลิสเตีย และปล่อยให้พวกเขาเห็นพวกเรา ถ้าพวกเขาพูดกับพวกเราว่า ‘คอยอยู่ที่นั่นจนกว่าพวกเราจะลงไปหาเจ้า’ พวกเราก็จะหยุดในที่ที่พวกเราอยู่และจะไม่ไปหาพวกเขา 10 แต่ถ้าพวกเขาพูดว่า ‘ขึ้นมาหาพวกเราสิ’ พวกเราก็จะปีนขึ้นไป เพราะนั่นจะเป็นสัญญาณให้กับเรา ว่าพระยาห์เวห์ได้มอบพวกเขาไว้ในกำมือของพวกเราแล้ว”

11 โยนาธานและคนถืออาวุธของเขาจึงแสดงตัวให้คนฟีลิสเตียที่ค่ายได้เห็น พวกเขาก็พูดว่า “ดูซิ พวกฮีบรูกำลังคลานออกจากรูที่พวกมันใช้หลบซ่อน” 12 ชายคนหนึ่งในค่ายก็ตะโกนใส่โยนาธานและคนถืออาวุธของเขาว่า “ขึ้นมาหาพวกเราสิ แล้วพวกเราจะให้บทเรียนกับพวกเจ้า”

ดังนั้นโยนาธานจึงพูดกับคนถืออาวุธของเขาว่า “ปีนตามเรามา พระยาห์เวห์ได้มอบพวกเขาให้อยู่ในกำมือของคนอิสราเอลแล้ว”

13 โยนาธานปีนขึ้นไปด้วยมือและเท้าของเขา คนถืออาวุธของเขาปีนตามมาอย่างติดๆ โยนาธานสู้รบกับคนฟีลิสเตีย และคนฟีลิสเตียก็ล้มลงต่อหน้าโยนาธาน คนถืออาวุธของเขาก็ตามมาติดๆและได้ฆ่าฟันพวกนั้นอยู่ข้างหลังเขา 14 ในการปะทะกันครั้งแรก พวกเขาสองคนฆ่าคนฟีลิสเตียตายประมาณยี่สิบคนในพื้นที่ประมาณสองไร่

15 จากนั้นทหารทั้งกองทัพของฟีลิสเตียก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น คือพวกที่อยู่ในค่าย ในสนามรบ พวกที่อยู่ตามป้อมต่างๆและพวกที่อยู่ในกองกำลังย่อย ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น มันเป็นความหวาดกลัวที่พระเจ้าส่งมา

16 พวกยามของซาอูลที่กิเบอาห์ในแผ่นดินเบนยามิน เห็นทหารฟีลิสเตียวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง 17 ซาอูลจึงพูดกับคนที่อยู่กับเขาว่า “เรียกพวกเรามารวมพลกันให้หมด และดูว่าใครหายไป”

เมื่อตรวจดูก็พบว่าโยนาธานและคนถืออาวุธของเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น

18 ซาอูลจึงพูดกับอาหิยาห์ว่า “ให้นำเอโฟดมาที่นี่” (ในเวลานั้นอาหิยาห์ใส่เอโฟดยืนอยู่ต่อหน้าชาวอิสราเอล)[a] 19 ขณะที่ซาอูลกำลังพูดกับนักบวช เพื่อคอยคำแนะนำจากพระเจ้า ก็เกิดเสียงอึกทึกขึ้นในค่ายฟีลิสเตียและมันก็ดังขึ้นๆ ซาอูลจึงพูดกับนักบวชว่า “ไม่ต้องดึงสลากจากเอโฟดเพื่อถามพระยาห์เวห์แล้ว ไม่มีเวลาแล้ว”[b]

20 ดังนั้นซาอูลและประชาชนที่อยู่กับเขาจึงออกไปเพื่อจะรบ แต่พวกเขากลับพบว่าคนฟีลิสเตียอยู่ในความสับสนถือดาบฆ่าฟันกันเอง 21 คนฮีบรูที่เดิมเคยอยู่กับคนฟีลิสเตียและพวกที่อยู่ในค่ายก็หันมาร่วมมือกับคนอิสราเอล มาอยู่ฝ่ายเดียวกับซาอูลและโยนาธาน 22 เมื่อคนอิสราเอลทั้งหมดที่หลบซ่อนอยู่ตามแถบเทือกเขาเอฟราอิมรู้ข่าวว่าคนฟีลิสเตียกำลังหนี พวกเขาก็เข้าร่วมรบ และไล่ล่าคนฟีลิสเตียอย่างดุเดือด

23 ในวันนั้นพระยาห์เวห์ได้ช่วยกู้คนอิสราเอลไว้ การสู้รบได้ขยายเลยเมืองเบธาเวนออกไป กองทัพทั้งหมดได้อยู่กับซาอูล ตอนนั้นเขามีทหารอยู่หนึ่งหมื่นคน การสู้รบได้ขยายไปทุกเมืองในแถบเนินเขาของเอฟราอิม[c]

ซาอูลทำความผิดอีกครั้ง

24 แต่ซาอูลได้ทำผิดอย่างใหญ่หลวงในวันนั้น[d] คนอิสราเอลทั้งเหน็ดเหนื่อยและหิวจัด เพราะซาอูลได้บังคับประชาชนให้สาบานว่า “ใครก็ตามที่กินอาหารก่อนค่ำและก่อนที่เราจะได้แก้แค้นศัตรูของเรา ขอให้ถูกสาปแช่ง” ดังนั้นจึงไม่มีใครในกองทัพได้กินอาหารเลย

25 ฝ่ายกองทัพได้เข้าไปในป่า และได้พบรังผึ้งอยู่บนพื้น 26 เมื่อพวกเขาเข้าไปในป่า ก็เห็นน้ำผึ้งกำลังไหลออกจากรัง แต่ไม่มีใครเอามือไปรองน้ำผึ้งมากิน เพราะพวกเขากลัวคำสาบาน 27 แต่โยนาธานไม่รู้เรื่องที่ซาอูลพ่อของเขาบังคับให้ประชาชนสาบาน เขาจึงใช้ปลายไม้เท้าที่ถืออยู่ในมือแหย่เข้าไปในรังผึ้ง แล้วเอามือปาดน้ำผึ้งมาเข้าปาก ทำให้กลับมีเรี่ยวแรงขึ้น

28 ตอนนั้นมีทหารคนหนึ่งบอกเขาว่า “พ่อของท่านบังคับให้เหล่าทหารสาบานว่า ‘ใครที่กินอาหารวันนี้จะถูกสาปแช่ง’ นั่นเป็นเหตุที่ทำให้ผู้คนอ่อนเพลีย”

29 โยนาธานพูดว่า “พ่อของเราได้ทำความลำบากแก่ผู้คนในประเทศแล้ว ดูซิว่าเราสดชื่นขึ้นขนาดไหน เมื่อเราได้ชิมน้ำผึ้งเพียงเล็กน้อย 30 มันจะดีแค่ไหนถ้าวันนี้ประชาชนได้กินอาหารที่พวกเขาริบมาจากศัตรู เราก็คงจะฆ่าพวกฟีลิสเตียได้มากกว่านี้อีกเยอะทีเดียว”

31 ในวันนั้นหลังจากที่คนอิสราเอลได้โจมตีคนฟีลิสเตีย จากเมืองมิคมาชไปจนถึงเมืองอัยยาโลน พวกเขาก็หมดเรี่ยวแรง 32 พวกเขาเข้ายึดข้าวของต่างๆ ริบเอาแกะ วัวตัวผู้และลูกวัวมา แล้วจัดการฆ่าบนพื้นและกินเป็นอาหารรวมทั้งกินเลือดด้วย

33 จากนั้นก็มีคนไปบอกซาอูลว่า “ดูซิ พวกทหารกำลังทำบาปต่อพระยาห์เวห์ด้วยการกินเนื้อที่ยังมีเลือดติดอยู่”

ซาอูลพูดว่า “พวกเจ้าได้ทำบาปแล้ว กลิ้งก้อนหินก้อนใหญ่มาที่นี่เดี๋ยวนี้” 34 จากนั้นเขาก็พูดอีกว่า “ไปแจ้งกับประชาชนทั้งหลายว่า ‘ให้แต่ละคนเอาวัวและแกะมาให้เรา แล้วฆ่าพวกมันกินกันที่นี่ อย่าทำบาปต่อพระยาห์เวห์ ด้วยการกินเนื้อสัตว์ที่ยังมีเลือดติดอยู่อีก’”

ดังนั้นทุกคนจึงเอาวัวของเขามาฆ่าที่นั่นในคืนนั้น 35 จากนั้นซาอูลได้สร้างแท่นบูชาต่อพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำอย่างนี้

36 ซาอูลพูดว่า “ให้เราลงไปไล่ล่าคนฟีลิสเตียในคืนนี้จนถึงรุ่งเช้า ยึดข้าวของต่างๆของพวกมัน และอย่าปล่อยให้มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว”

ประชาชนก็พูดว่า “ทำตามที่ท่านเห็นว่าดีเถิด”

แต่นักบวชกลับพูดว่า “ให้เราถามพระเจ้าในที่นี้ดูก่อนเถอะ”

37 ดังนั้นซาอูลจึงถามพระเจ้าว่า “เราควรไล่ตามคนฟีลิสเตียหรือไม่ พระเจ้าจะให้พวกเขาตกอยู่ในกำมือของคนอิสราเอลหรือไม่” แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ตอบอะไรแก่ซาอูลในวันนั้น

38 ซาอูลจึงพูดว่า “ผู้นำของทหารทั้งหลายมาที่นี่เถอะ และค้นหาดูสิว่า ใครทำบาปในวันนี้ 39 เราขอสาบานต่อพระยาห์เวห์ ผู้ช่วยชีวิตคนอิสราเอล ถ้าแม้แต่โยนาธานลูกชายของเราเองทำบาป เขาก็ต้องตาย” ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ

40 ซาอูลพูดกับคนอิสราเอลทั้งหมดว่า “พวกท่านทั้งหลายยืนอยู่ที่นั่น เราและลูกชายจะยืนอยู่ที่นี่”

ประชาชนก็ตอบว่า “ทำในสิ่งที่ท่านเห็นว่าดีเถิด”

41 จากนั้นซาอูลก็อธิษฐาน “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้โปรดตอบข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ในวันนี้ด้วยเถิด[e] ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ถ้าเป็นตัวข้าพเจ้าหรือโยนาธานลูกชายข้าพเจ้าที่ได้ทำบาป ก็ขอให้สลากออกมาเป็นอูริม แต่ถ้าอิสราเอลคนของพระองค์ได้ทำบาป ก็ขอให้สลากออกมาเป็นทูมมิม”

แล้วซาอูลและโยนาธานก็ถูกเลือก ประชาชนอื่นๆก็รอดไป 42 ซาอูลพูดว่า “โยนสลากอีกครั้งหนึ่ง ดูสิว่าระหว่างเรากับโยนาธานลูกของเรา ใครเป็นคนทำผิด” แล้วโยนาธานก็ถูกเลือก

43 แล้วซาอูลได้พูดกับโยนาธานว่า “บอกพ่อซิว่า เจ้าทำอะไรลงไป”

โยนาธานตอบว่า “ลูกเพียงแค่ชิมน้ำผึ้งที่ติดอยู่ที่ปลายไม้เท้าเท่านั้น ตอนนี้ ลูกก็พร้อมที่จะตายแล้ว”

44 ซาอูลพูดว่า “ขอพระเจ้าลงโทษเราอย่างหนักถ้าเราไม่รักษาคำพูด โยนาธาน เจ้าจะต้องตาย”

45 แต่ประชาชนพูดกับซาอูลว่า “โยนาธานสมควรจะตายอย่างนั้นหรือ เขาคือผู้นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาสู่อิสราเอล ไม่มีทาง พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า จะไม่มีผมสักเส้นบนหัวของเขาต้องตกพื้น เพราะเป็นพระเจ้าเองที่ช่วยเขาให้รบชนะในวันนี้” ดังนั้นประชาชนได้ช่วยชีวิตโยนาธานไว้ เขาจึงไม่ตาย

46 แล้วซาอูลได้หยุดติดตามคนฟีลิสเตีย และพวกเขาก็กลับไปยังแผ่นดินของตน

ซาอูลสู้กับศัตรูของอิสราเอล

47 หลังจากที่ซาอูลได้รับหน้าที่ปกครองอิสราเอล เขาได้สู้รบกับศัตรูที่อยู่รอบด้าน คือชาวโมอับ ชาวอัมโมน ชาวเอโดม พวกกษัตริย์ของโศบาห์ และชาวฟีลิสเตีย ไม่ว่าเขาจะหันไปทางไหน เขาก็มีชัยเหนือคนเหล่านั้น 48 เขาต่อสู้อย่างกล้าหาญและทำให้พวกอามาเลคพ่ายแพ้ และช่วยคนอิสราเอลให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของคนเหล่านั้นที่เคยปล้นอิสราเอล

49 ซาอูลมีลูกชายคือโยนาธาน อิชวี และมัลคีชูวา ส่วนลูกสาวคนโตของเขาชื่อเมราบ และลูกสาวคนเล็กชื่อมีคาล 50 เมียของเขาชื่ออาหิโนอัมซึ่งเป็นลูกสาวของอาหิมาอัส

แม่ทัพของซาอูลคืออับเนอร์ลูกชายของเนอร์ เนอร์เป็นลุงของซาอูล 51 พ่อของซาอูลคือคีช และพ่อของอับเนอร์คือเนอร์ ทั้งคีชและเนอร์ต่างก็เป็นลูกของอาบีเอล

52 ตลอดชีวิตของซาอูล ได้ทำสงครามกับคนฟีลิสเตียอย่างหนัก และเมื่อซาอูลพบคนเก่งและกล้าหาญ ก็จะเอามาอยู่ด้วยกับเขา

โรม 12

ชีวิตที่ถูกมอบไว้กับพระเจ้า

12 ดังนั้นพี่น้องครับ พระเจ้าได้เมตตากรุณาต่อเรา ผมก็เลยขอร้องให้คุณมอบร่างกายของคุณเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอยู่ เป็นเครื่องบูชาที่บริสุทธิ์ และเป็นที่พอใจของพระเจ้า การทำอย่างนี้เป็นการนมัสการซึ่งสมกับที่พระเจ้าได้อวยพรคุณ อย่าทำตามอย่างคนในโลกนี้ แต่ขอยอมให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงคุณ คือพระองค์จะให้จิตใจใหม่กับคุณเพื่อจะได้รู้ว่าพระเจ้าต้องการอะไร สิ่งไหนดี สิ่งไหนพระองค์ชอบใจ และสิ่งไหนสมบูรณ์แบบ

ตามพรสวรรค์ที่ผมได้รับมาให้เป็นศิษย์เอก ผมอยากจะขอเตือนพวกคุณทุกคนว่า อย่าคิดว่าตนเองสำคัญกว่าที่ควร คิดให้สมเหตุสมผลกับขนาดของพรสวรรค์ที่พระเจ้าได้มอบให้กับคุณแต่ละคน เหมือนกับที่เรามีร่างเดียวแต่มีอวัยวะหลายส่วน และอวัยวะทั้งหลายก็ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเดียวกัน เช่นเดียวกันพวกเราที่เป็นเหมือนอวัยวะต่างๆประกอบกันขึ้นมาเป็นร่างเดียวกันในพระคริสต์ และเราก็เป็นอวัยวะของกันและกันด้วย พระเจ้ามีเมตตากรุณามอบพรสวรรค์ให้กับเราแต่ละคนแตกต่างกันไป ถ้าคนไหนมีพรสวรรค์ในเรื่องที่จะพูดแทนพระเจ้า ก็ให้เขาพูดตามรูปแบบความเชื่อที่เขาได้รับมา ถ้าคนไหนมีพรสวรรค์ในการรับใช้ ก็ให้เขาอุทิศตัวในการรับใช้ ถ้าคนไหนมีพรสวรรค์ในการสั่งสอน ก็ให้เขาอุทิศตัวในการสั่งสอน ถ้าคนไหนมีพรสวรรค์ในการให้กำลังใจ ก็ให้เขาอุทิศตัวในการให้กำลังใจ คนที่มีพรสวรรค์ในการให้ ก็ให้เขาให้อย่างเต็มใจ คนที่มีพรสวรรค์ในเรื่องการช่วยเหลือ[a] ก็ให้ทำอย่างเอาจริงเอาจัง คนที่มีพรสวรรค์ในเรื่องการแสดงความเมตตา ก็ให้แสดงความเมตตาด้วยความยินดี

ให้รักคนอื่นด้วยความจริงใจ เกลียดสิ่งชั่วร้าย ยึดมั่นสิ่งที่ดี 10 ให้รักกันฉันพี่น้อง ให้เกียรติกับคนอื่นมากกว่าตัวเอง 11 ให้มุ่งมั่นอย่าขี้เกียจ เอาจริงเอาจังกับพระวิญญาณ รับใช้องค์เจ้าชีวิต 12 ให้ชื่นชมยินดีในความหวังที่คุณมี ให้อดทนต่อความยากลำบาก ให้ขะมักเขม้นในการอธิษฐานอยู่เสมอ 13 ให้แบ่งปันกับคนของพระเจ้าที่ขัดสน ให้ต้อนรับแขกแปลกหน้า 14 ให้อวยพรกับคนที่ข่มเหงคุณ ให้อวยพรพวกเขาและอย่าสาปแช่งเขา 15 ให้ยินดีกับคนที่มีความสุข ให้โศกเศร้ากับคนที่กำลังเสียใจ 16 ให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าได้ถือตัวแต่ให้คบค้ากับคนที่ต่ำต้อย และอย่าคิดว่าตัวเองฉลาด 17 อย่าตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว ให้ทำในสิ่งที่คนอื่นเห็นว่าดี 18 ในส่วนของคุณ ให้อยู่อย่างสงบสุขกับทุกคนเท่าที่จะเป็นไปได้ 19 พี่น้องครับ อย่าแก้แค้นเลย แต่ปล่อยให้พระเจ้าลงโทษเขาเอง เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า

“เราจะเป็นผู้แก้แค้นเอง เราจะเป็นผู้ตอบแทนเอง
    องค์เจ้าชีวิตบอกไว้อย่างนั้น”[b]

20 แต่

“ถ้าศัตรูของคุณหิว
    ก็หาอาหารให้เขากิน
และถ้าเขากระหาย
    ก็หาน้ำให้เขาดื่ม
เพราะเมื่อคุณทำอย่างนี้
    คุณก็ได้สุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนหัวของเขา”[c][d]

21 อย่าให้ความชั่วชนะคุณ แต่ให้เอาชนะความชั่วด้วยความดี

เยเรมียาห์ 51

สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับบาบิโลน

51 พระยาห์เวห์พูดว่า
“เรากำลังก่อลมแห่งการทำลายให้โหมกระหน่ำเข้าใส่บาบิโลนและคนที่อาศัยอยู่ในเลบคาเม[a]
เราจะส่งคนต่างชาติมาทำลายบาบิโลน
    แล้วพวกเขาจะทำให้เธอกระจุยกระจายไปตามลม
และทำให้แผ่นดินของเธอว่างเปล่า
    เพราะพวกเขาจะโจมตีเธอจากทุกทิศในวันแห่งความหายนะนั้น
อย่าให้พลธนูของบาบิโลนมีโอกาสได้ง้างคันธนู
    และอย่าให้เขามีโอกาสได้ใส่ชุดเกราะ
ไม่ต้องเหลือชายฉกรรจ์ที่เธอเลือกเอาไว้
    ทำลายกองทัพของเธอให้สิ้นซาก
พวกทหารที่บาดเจ็บจะล้มตายบนแผ่นดินบาบิโลน
    และคนที่ถูกแทงด้วยหอกก็จะล้มตายอยู่ตามท้องถนนของเธอ

พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ไม่ได้ทอดทิ้งอิสราเอลและยูดาห์
    แต่แผ่นดินของพวกเขาเต็มไปด้วยความผิด ต่อหน้าองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล

หนีไปจากบาบิโลนซะ
    พวกเจ้าแต่ละคนจะต้องหนีเอาชีวิตรอด
อย่าหุบปากเงียบเรื่องความชั่วร้ายของพวกเขา
    เพราะถึงเวลาที่พระยาห์เวห์จะล้างแค้นแล้ว
    พระองค์จะตอบแทนพวกเขาอย่างสาสม
บาบิโลนเป็นถ้วยทองในมือของพระยาห์เวห์
    บาบิโลนกำลังมอมทั้งแผ่นดินโลกให้เมามาย
ชนชาติต่างๆได้ดื่มเหล้าองุ่นจากเธอ
    ชนชาติเหล่านั้นก็เลยทำตัวเหมือนคนบ้า
บาบิโลนก็จะล้มลงในทันทีทันใดและเธอก็แตกสลาย
    ร้องคร่ำครวญให้กับเธอสิ
เอายาไปทาแผลให้เธอสิ
    เผื่อเธอจะหาย

พวกเราพยายามจะรักษาบาบิโลน
    แต่เธอไม่สามารถเยียวยารักษาได้
ทิ้งเธอไปเถอะ ให้พวกเราแต่ละคนกลับไปประเทศของเรา
    เพราะการลงโทษของเธอได้ขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์แล้ว และมันก็ถูกยกขึ้นสูงเทียมเมฆแล้ว
10 พระยาห์เวห์ได้พิสูจน์ให้คนเห็นว่าเราเป็นฝ่ายถูก
    มาสิ ให้เราประกาศในศิโยนถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ทำ

11 ลับธนูของเจ้าให้คม
    สั่งสมอาวุธซะ
พระยาห์เวห์ได้ปลุกระดมกษัตริย์ทั้งหลายของมีเดียแล้ว
    เพราะพระองค์โกรธบาบิโลนและจะทำลายมัน
มันเป็นการแก้แค้นของพระยาห์เวห์
    เป็นการแก้แค้นให้กับวิหารของพระองค์
12 แขวนป้ายเตือนไว้บนกำแพงเมืองบาบิโลน
    เสริมกำลังทหารยาม
วางยามไว้ ตามจุดต่างๆ
    ตั้งทหารไว้ซุ่มโจมตี
เพราะพระยาห์เวห์ ได้วางแผนของพระองค์ไว้แล้ว
    และพระองค์จะทำสิ่งที่พระองค์บอกว่าจะทำกับชาวบาบิโลน
13 บาบิโลน เจ้าอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำ
    กับสมบัติมากมาย จุดจบของเจ้ามาถึงแล้ว
    เส้นชีวิตของเจ้าถูกตัดเสียแล้ว”
14 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้สาบานกับพระองค์เองว่า
“บาบิโลน เราจะทำให้เจ้าเต็มไปด้วยศัตรู ให้พวกมันมีมากมายเหมือนฝูงตั๊กแตน
    แล้วพวกมันก็จะร้องเพลงแห่งชัยชนะที่มีต่อเจ้า
15 พระยาห์เวห์คือผู้ที่สร้างแผ่นดินโลกขึ้นมาด้วยพลังของพระองค์เอง
    เป็นผู้ที่ก่อตั้งโลกขึ้นมาด้วยสติปัญญาของพระองค์เอง
และได้ขยายฟ้าสวรรค์ให้แผ่ไพศาลด้วยความเข้าใจของพระองค์
16 ด้วยคำสั่งของพระองค์ก็เกิดเสียงน้ำดังขึ้นบนฟ้า
    แล้วเมฆหมอกก็ลอยขึ้นมาจากขอบโลก
พระองค์ได้สร้างสายฟ้าไว้ให้ฝน
    และสายลมก็พัดออกมาจากคลังของพระองค์
17 มนุษย์ทุกคนนั้นโง่และขาดความเข้าใจ
    ช่างแกะสลักทุกคนก็อับอายกับรูปเคารพที่สร้างขึ้นมา
เพราะรูปหล่อของพวกเขาเป็นของหลอกลวง
    และพวกมันก็ไม่มีลมหายใจ
18 พวกมันเป็นสิ่งเหลวไหล เป็นผลงานที่น่าหัวเราะเยาะ
    พวกมันจะถูกทำลายในเวลาพิพากษาลงโทษ
19 ส่วนแบ่งของยาโคบไม่ใช่แบบนี้
    เพราะพระองค์คือผู้สร้างทุกสิ่ง
รวมทั้งเผ่าที่เป็นมรดกของพระองค์
    ชื่อของพระองค์คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น”

20 พระยาห์เวห์พูดว่า
“บาบิโลน เจ้าเป็นกระบองของเรา เป็นอาวุธสงครามของเรา
เราใช้เจ้าทำลายชนชาติต่างๆกระจุยกระจาย
    เราใช้เจ้าทำลายอาณาจักรต่างๆ
21 เราใช้เจ้าทำลายม้ากับคนขี่
    และใช้เจ้าทำลายรถม้ากับคนขับ
22 เราใช้เจ้าทำลายผัวเมีย
    และใช้เจ้าทำลายทั้งคนแก่และคนหนุ่ม
    เราใช้เจ้าทำลายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
23 เราใช้เจ้าทำลายผู้เลี้ยงแกะและฝูงแกะของเขา
    ใช้เจ้าทำลายชาวนาและวัวคู่เทียมแอกของเขา
    และใช้เจ้าทำลายพวกผู้ปกครองและพวกเจ้าเมือง
24 แล้วเราจะล้างแค้นเมืองบาบิโลนและชาวบาบิโลน
    สำหรับสิ่งชั่วช้าทั้งหลายที่เจ้าเห็นพวกมันทำไว้กับศิโยน”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

25 พระยาห์เวห์พูดว่า
“เราจะต่อต้านเจ้า ไอ้ภูเขาแห่งความหายนะ
    เจ้าที่เป็นนักทำลายโลกทั้งใบ
เราจะยื่นมือออกไปทำลายเจ้า
    เราจะกลิ้งเจ้าให้ตกลงมาจากหน้าผาสูง
    และเราจะทำให้เจ้ากลายเป็นภูเขาที่โดนเผา
26 ไม่มีใครสามารถจะเอาหินหัวมุม
    หรือหินฐานรากจากซากปรักหักพังของเจ้าได้อีกแล้ว
เพราะเจ้าจะถูกทำลายย่อยยับตลอดไป”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

27 “ให้ยกธงรบขึ้นในแผ่นดินนี้
    เป่าแตรไปตามชนชาติต่างๆ
เตรียมชนชาติต่างๆเพื่อทำสงครามกับบาบิโลน
    เรียกอาณาจักรต่างๆมาต่อสู้กับเธอ
    เรียกอารารัต มินนี และอัชเคนัสมา
แต่งตั้งแม่ทัพเหนือเธอ
    ส่งม้าไปเหมือนฝูงตั๊กแตนบุก
28 เตรียมชนชาติทั้งหลายไปสู้กับบาบิโลน
    เตรียมกษัตริย์ทั้งหลายแห่งมีเดีย
พวกผู้ปกครองและพวกเจ้าเมืองของมีเดีย
    รวมทั้งแผ่นดินทั้งหมดที่เขาปกครองให้มาต่อสู้กับบาบิโลน
29 แผ่นดินสั่นสะเทือนและชักดิ้นชักงอ
    เพราะพระยาห์เวห์กำลังวางแผนทำลายบาบิโลน
เพื่อเปลี่ยนแผ่นดินบาบิโลน
    ให้กลายเป็นที่รกร้างที่ไม่มีคนอาศัยอยู่
30 นักรบของบาบิโลนหยุดสู้รบแล้ว
    พวกเขายังคงอยู่ในป้อมปราการ
พวกเขาหมดเรี่ยวแรง
    เหมือนผู้หญิง
พวกตึกในบาบิโลนถูกเผา
    กลอนประตูเมืองของเธอหักหมด
31 คนวิ่งร้องส่งข่าวคนแล้วคนเล่า
    คนร้องประกาศข่าวคนแล้วคนเล่า
พวกเขาวิ่งไปส่งข่าวให้กษัตริย์บาบิโลนรู้ว่า เมืองของพระองค์ถูกยึดแล้ว
32 ทางข้ามแม่น้ำถูกยึดแล้ว
    แหล่งน้ำต่างๆถูกไฟเผา
    และทหารก็ขวัญหนีดีฝ่อ”

33 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า
“ลูกสาวของบาบิโลนเป็นเหมือนลานนวดข้าวในช่วงที่คนเหยียบย่ำข้าวอยู่
    อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเก็บเกี่ยว”

34 เยรูซาเล็มพูดว่า “กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน
    กลืนกินข้าและบดขยี้ข้า
เขาเทข้าออกหมดเหมือนเทหม้อ
    เขากลืนกินข้าเหมือนมังกร
เขาเติมท้องตัวเองด้วยอาหารเลิศหรูของข้า
    แล้วเขาก็ถุยข้าทิ้ง”
35 ให้ศิโยนพูดว่า “ขอให้ความโหดร้ายที่บาบิโลนทำกับข้า
    และครอบครัวของข้าสนองมันเอง”
ให้เยรูซาเล็มพูดกันว่า “ขอให้ไอ้พวกบาบิโลนนั้นถูกลงโทษที่ทำให้ข้าเลือดสาด”
36 ดังนั้น พระยาห์เวห์จึงพูดว่า
“ยูดาห์ เราจะแก้คดีให้กับเจ้า
    และจะแก้แค้นบาบิโลน
เราจะทำให้ทะเลของบาบิโลนเหือดแห้ง
    และจะทำให้บ่อน้ำของมันแห้งขอด
37 แล้วบาบิโลนก็จะกลายเป็นซากหิน
    เป็นที่อาศัยของหมาไน เป็นที่รกร้าง
และเป็นที่คนหัวเราะเยาะ
    ไม่มีคนอาศัยอยู่

38 ชาวบาบิโลนพากันคำรามเหมือนสิงโต
    พวกเขาคำรามเหมือนลูกสิงโต
39 เมื่อพวกเขาถูกยั่วให้โกรธ เราจะเตรียมงานเลี้ยงให้พวกเขา
    และจะมอมพวกเขาให้เมา พวกเขาจะหัวเราะอย่างขาดสติ หลังจากนั้นพวกเขาก็จะหลับ หลับไปตลอดกาล และจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

40 “เราจะนำบาบิโลนลงมาเหมือนลูกแกะที่นำไปฆ่า
    เหมือนแกะตัวผู้และแพะที่เอาไปฆ่า

41 เชชัค[b] ถูกยึดแล้ว
    เมืองที่คนทั้งโลกเคยสรรเสริญถูกยึดไปแล้ว
ไม่น่าเชื่อ บาบิโลนกลายเป็นสิ่งน่าสยดสยอง
    ท่ามกลางชนชาติต่างๆไปแล้ว
42 ทะเลโถมเข้าท่วมบาบิโลน
    คลื่นยักษ์ที่เสียงกึกก้องซัดท่วมเธอ
43 เมืองต่างๆของเธอกลายเป็นที่รกร้างแห้งแล้ง
    ไม่มีใครอาศัยอยู่และไม่มีใครเดินผ่านไป
44 เราจะทำโทษพระเบลในบาบิโลน
    และล้วงสิ่งที่เธอกลืนลงไปออกมาจากปากของเธอ
ชนชาติต่างๆจะไม่หลั่งไหลไปหามันอีกต่อไป
    และกำแพงบาบิโลนจะพังทลาย
45 คนของเรา ออกมาจากเธอซะ
    พวกเจ้าแต่ละคนจะต้องหนีเอาชีวิตรอด
    จากไฟโกรธของพระยาห์เวห์

46 อย่าได้ท้อแท้
    อย่ากลัวข่าวลือที่ได้ยินในแผ่นดินนี้
ปีนี้ก็ข่าวลือหนึ่ง
    ปีหน้าก็อีกข่าวลือหนึ่ง
แล้วจะมีข่าวลือต่างๆเรื่องความรุนแรงในแผ่นดิน
    และข่าวลือต่างๆเรื่องผู้ครอบครองสู้กันเอง
47 ให้แน่ใจได้เลยว่า วันนั้นกำลังมา
    ที่เราจะลงโทษพวกรูปเคารพทั้งหลายของบาบิโลน
แผ่นดินทั้งหมดของเธอจะต้องอับอาย
    คนของเธอที่ถูกแทงจะล้มตายทั่วเมืองเธอ
48 แล้วฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก และทุกสิ่งที่มีชีวิตในมัน ก็จะตะโกนร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีที่บาบิโลนพินาศ
    เพราะพวกผู้ทำลายจากทางเหนือกำลังจะมาเพื่อทำลายเธอ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

49 พระยาห์เวห์พูดว่า
“บาบิโลนทำให้คนอิสราเอลล้มตาย บาบิโลนทำให้คนทั่วโลกล้มตาย
    ดังนั้นบาบิโลนก็จะต้องล้มตายด้วย
50 พวกเจ้าที่หนีจากสงคราม
    มานี่ อย่าได้ยืนอยู่เฉยๆ
ให้ระลึกถึงพระยาห์เวห์จากที่ไกล
    และให้คิดถึงเยรูซาเล็มอย่างใจจดใจจ่อ”

51 พวกคนที่ถูกเนรเทศพูดว่า “เราอับอายเหลือเกิน
    เพราะว่าเราโดนดูถูกเหยียดหยาม
อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
    เพราะคนต่างชาติบุกเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นวิหารของพระยาห์เวห์”

52 พระยาห์เวห์พูดว่า
“ดังนั้น วันนั้นใกล้มาถึงแล้ว
    คือวันที่เราจะลงโทษพวกรูปเคารพของบาบิโลน
    และคนบาดเจ็บทั่วแผ่นดินบาบิโลนจะร้องโหยหวน
53 ถึงแม้บาบิโลนจะสูงเทียมฟ้า
    และสร้างป้อมปราการอันแข็งแกร่ง เราก็จะส่งผู้ทำลายไปหาเธอ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

54 “เสียงร้องไห้ดังมาจากบาบิโลน
    เสียงพังพินาศมาจากแผ่นดินชาวบาบิโลน
55 เพราะพระยาห์เวห์กำลังทำลายบาบิโลน
    และพระองค์จะทำลายเสียงอันทรงพลังของเธอ
ศัตรูที่ไหลบ่าเข้ามาจะเสียงดังเหมือนกับเสียงน้ำหลาก
    พวกเขาจะโห่ร้องตะโกนกัน
56 เพราะศัตรูกำลังมาสู้กับบาบิโลน
    ผู้ทำลายกำลังมาต่อสู้กับเธอ
พวกนักรบของเธอจะถูกจับ
    และธนูของพวกเขาจะถูกหัก
เพราะพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าที่จะตอบแทนให้อย่างสาสม
    พระองค์จะแก้แค้นคืนแน่ๆ
57 เราจะมอมพวกเจ้านาย พวกผู้รู้
    พวกเจ้าเมือง และพวกผู้ปกครองเมือง
และพวกนักรบของบาบิโลน ให้เมามาย
    พวกเขาจะหลับตลอดไปและจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย”
องค์กษัตริย์พูดว่าอย่างนั้น
    ชื่อของพระองค์คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น

58 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
“กำแพงต่างๆของเมืองบาบิโลนนั้นกว้างใหญ่
    แต่ก็จะถูกทำลายอย่างราบคาบ
และประตูสูงๆของเธอก็จะถูกไฟเผา
    ผู้คนทำงานหนักแต่ไม่ได้อะไรจากมัน
    ทุกสิ่งที่พวกเขาได้มาจากงานของเขา จะถูกเผา”

เยเรมียาห์ส่งข่าวสารไปบาบิโลน

59 เมื่อกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์เดินทางไปบาบิโลน ซึ่งเป็นปีที่สี่ที่พระองค์ปกครองยูดาห์ เยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าก็ได้สั่งบางอย่างกับเสไรอาห์ลูกชายของเนริยาห์ ลูกชายของมาอาเสอาห์ เสไรอาห์เป็นเจ้าหน้าที่ส่งส่วยให้กับบาบิโลน 60 เยเรมียาห์ได้เขียนเกี่ยวกับหายนะทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นกับบาบิโลนลงในหนังสือม้วนหนึ่ง เยเรมียาห์ได้เขียนถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมด ที่เป็นเรื่องต่อต้านบาบิโลน

61 แล้วเยเรมียาห์ก็พูดกับเสไรอาห์ว่า “เมื่อท่านไปถึงบาบิโลน ท่านก็จะเห็นเอง แล้วท่านจะต้องประกาศถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมดให้คนบาบิโลนฟัง 62 ท่านต้องพูดว่า ‘พระยาห์เวห์เจ้าข้า พระองค์ได้พูดไว้ว่า พระองค์จะทำลายสถานที่นี้ จะไม่มีใครอาศัยอยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ เพราะมันจะถูกทำลายย่อยยับตลอดกาล’ 63 แล้วเมื่อท่านอ่านหนังสือม้วนนี้จบแล้ว ก็มัดมันไว้กับก้อนหิน แล้วก็ขว้างมันลงไปกลางแม่น้ำยูเฟรติส 64 จากนั้นให้ท่านพูดว่า ‘บาบิโลนก็จะจมลงไปเหมือนอย่างนี้แหละ และเธอจะไม่สามารถโงหัวขึ้นมาจากความทุกข์ทรมานที่เรากำลังจะนำไปให้เธอได้เลย แล้วพวกเขาก็จะหมดแรง’”

คำพูดของเยเรมียาห์ก็จบลงแค่นี้

สดุดี 30

เพลงขอบพระคุณที่รอดตาย

เพลงสดุดีของดาวิด บทเพลงที่ใช้ในการอุทิศวิหาร

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ เพราะพระองค์ดึงข้าพเจ้าออกมาจากหลุมลึก
    พระองค์ไม่ได้ปล่อยให้พวกศัตรูของข้าพเจ้าได้เฉลิมฉลองกัน
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
    แล้วพระองค์ก็รักษาเยียวยาข้าพเจ้า
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ยกข้าพเจ้าออกมาจากหลุมศพ
    พระองค์รักษาชีวิตของข้าพเจ้าไว้และไม่ให้ข้าพเจ้าตกลงไปในหลุมแห่งความตาย

ท่านทั้งหลายที่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ ให้ร้องเพลงสรรเสริญต่อพระยาห์เวห์
    ให้ขอบพระคุณแด่ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ความโกรธเกรี้ยวของพระองค์อยู่เพียงชั่วคราว
    แต่ความปรานีของพระองค์นำชีวิตมาให้
เราอาจจะร้องไห้ในยามค่ำคืน
    แต่ในวันรุ่งขึ้น เราจะชื่นบาน

ในยามที่ข้าพเจ้ามั่นคงปลอดภัย
    ข้าพเจ้าคิดว่า ไม่มีอะไรสั่นคลอนข้าพเจ้าได้
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ตอนที่พระองค์ปรานีต่อข้าพเจ้า
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามั่นคงเหมือนภูเขา
แต่ตอนที่พระองค์ซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าก็กลัวจนตัวสั่น

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์
    ข้าพเจ้าร้องขอความเมตตากรุณาจากพระองค์
ข้าพเจ้าพูดว่า ถ้าข้าพเจ้าตายไป มันจะมีประโยชน์อะไรหรือ
    พวกที่อยู่ในหลุมศพจะสรรเสริญพระองค์ได้หรือ
    พวกเขาจะพูดกันถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์ได้หรือ
10 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าและแสดงความเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้า
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดเป็นผู้ช่วยของข้าพเจ้าด้วยเถิด

11 แล้วพระองค์ก็เปลี่ยนการคร่ำครวญของข้าพเจ้าให้กลายเป็นการโลดเต้น
    พระองค์ถอดเสื้อผ้าไว้ทุกข์ของข้าพเจ้าออกและเอาความสุขมาสวมใส่ข้าพเจ้าแทน
12 เพื่อข้าพเจ้าจะได้ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ตลอดไป

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International