Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 ซามูเอล 10

ซามูเอลเจิมซาอูล

10 จากนั้นซามูเอลได้หยิบขวดน้ำมัน และเทลงบนหัวของซาอูล พร้อมกับจูบเขา และพูดว่า “พระยาห์เวห์ได้เจิม ท่านให้เป็นผู้นำเหนือคนอิสราเอล ซึ่งเป็นทรัพย์สินของพระองค์แล้ว เจ้าจะได้ครอบครองประชาชน แล้วช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากพวกศัตรูที่อยู่ล้อมรอบพวกเขา พระองค์ได้เจิมท่านให้เป็นผู้ครอบครองเหนือคนของพระองค์ แล้วนี่จะเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าคำพูดของเราเป็นความจริง คือ[a] เมื่อท่านจากเราไปในวันนี้ ท่านจะพบชายสองคนอยู่ใกล้หลุมศพของราเชลที่เมืองเศลซาห์ในเขตแดนของเบนยามิน พวกเขาจะบอกท่านว่า ‘ฝูงลาที่ท่านตามหานั้นเจอแล้ว และตอนนี้คีชพ่อของท่านเลิกห่วงเรื่องฝูงลาแล้ว แต่กลับเป็นห่วงท่านแทน’ พ่อท่านพูดว่า ‘เราจะทำยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องของลูกชายเรา’

จากนั้นท่านจะเดินต่อไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ที่ทาโบร์ ที่นั่นท่านจะพบชายสามคนที่กำลังจะขึ้นไปพบพระเจ้าที่เบธเอล ชายคนที่หนึ่งจะแบกลูกแพะสามตัว ชายคนที่สองจะถือขนมปังสามก้อน และชายคนที่สามจะถือถุงหนังใส่เหล้าองุ่นถุงหนึ่ง พวกเขาจะทักทายท่านและจะให้ขนมปังที่ยื่นถวายสองชุด[b]ซึ่งสงวนไว้ให้กับนักบวช ให้กับท่าน ก็ให้รับเอาไว้จากพวกเขา หลังจากนั้นท่านจะไปถึงเมืองกิเบอาห์ของพระเจ้า ซึ่งมีทหารรักษาการของฟีลิสเตียอยู่ เมื่อท่านเข้าใกล้เมืองนั้น ท่านจะพบขบวนผู้พูดแทนพระเจ้ากำลังลงมาจากบนที่สูงนั้น กำลังเล่นพิณ กลอง ขลุ่ย และพิณใหญ่ นำหน้าเข้ามา และกำลังพูดแทนพระเจ้าอยู่[c] พระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะมามีฤทธิ์อยู่เหนือท่าน และท่านจะร่วมกันพูดแทนพระเจ้ากับพวกเขา ท่านจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เมื่อสัญญาณเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ท่านจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่ท่านคิดว่าดี เพราะพระเจ้าจะสถิตอยู่กับท่าน

ให้ท่านล่วงหน้าไปกิลกาลก่อนเรา เราจะลงไปหาท่านอย่างแน่นอน เพื่อถวายเครื่องเผาบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา แต่ท่านต้องรอเราอยู่ที่นั่นเจ็ดวันจนกว่าเราจะมาหาท่าน และบอกท่านว่าท่านจะต้องทำอะไร”

ซาอูลกลายเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า

เมื่อซาอูลหันหลังไปจากซามูเอล พระเจ้าได้เปลี่ยนจิตใจของซาอูล และสัญญาณต่างๆเหล่านี้ได้เกิดขึ้นกับเขาในวันนั้น 10 เมื่อเขาทั้งสองมาถึงเมืองกิเบอาห์ของพระเจ้า ก็พบกับขบวนของผู้พูดแทนพระเจ้า พระวิญญาณของพระเจ้าก็พุ่งเข้าไปในตัวซาอูล และซาอูลก็ร่วมพูดแทนพระเจ้ากับคนเหล่านั้น 11 เมื่อคนที่เคยรู้จักเขามาก่อน เห็นเขาพูดแทนพระเจ้าอยู่กับพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ก็ถามกันว่า “นั่นมันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของคีช ซาอูลเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าด้วยหรือ”

12 ชายคนหนึ่งที่อยู่ที่นั่นตอบว่า “ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้นำของคนเหล่านั้น”[d] ดังนั้นมันจึงเป็นคำพูดติดปากกันว่า “ซาอูลเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าด้วยหรือ”

ซาอูลกลับถึงบ้าน

13 หลังจากซาอูลหยุดพูดแทนพระเจ้า เขาก็ขึ้นไปบนที่สูง

14 ลุงของซาอูลก็ถามเขาและคนรับใช้ว่า “พวกเจ้าไปอยู่ที่ไหนมา”

ซาอูลตอบว่า “เราไปตามหาฝูงลา แต่เมื่อตามไม่เจอ เราเลยไปหาซามูเอล”

15 ลุงของซาอูลพูดว่า “บอกลุงซิว่า ซามูเอลพูดอะไรกับเจ้า”

16 ซาอูลตอบว่า “เขายืนยันกับพวกเราว่าฝูงลาได้หาเจอแล้ว” แต่เขาไม่ได้บอกลุงของเขาเรื่องที่ซามูเอลพูดเกี่ยวกับการเป็นกษัตริย์

ซามูเอลประกาศให้ซาอูลเป็นกษัตริย์

17 ซามูเอลเรียกประชุมคนอิสราเอลต่อหน้าพระยาห์เวห์ที่มิสปาห์ 18 และได้บอกกับคนทั้งหลายว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของคนอิสราเอล พูดไว้อย่างนี้ว่า ‘เป็นเรานี่แหละ ที่ได้นำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ และเราได้ช่วยพวกเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากเงื้อมมือของคนอียิปต์ และอาณาจักรทั้งหลายที่ข่มเหงพวกเจ้า’ 19 แต่ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหลายได้ละทิ้งพระเจ้าของเจ้า ผู้ที่ช่วยพวกเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากความหายนะและความโศกเศร้าทั้งหลายของเจ้า แต่พวกเจ้าทั้งหลายกลับพูดว่า ‘ไม่เอา ขอตั้งกษัตริย์มาปกครองพวกเรา’ ดังนั้น ตอนนี้ ให้เข้ามาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ตามเผ่าและตระกูลของพวกเจ้า”

20 เมื่อซามูเอลนำเผ่าทั้งหลายของคนอิสราเอลเข้ามา ก็มีการจับสลากกัน และคนเผ่าเบนยามินก็ได้รับเลือก 21 จากนั้นเขาก็นำตระกูลต่างๆในเผ่าเบนยามินเข้ามาที่ละตระกูล และตระกูลมัตรีก็ได้รับเลือกตามสลาก สุดท้ายซาอูลลูกชายของคีชก็ได้รับเลือกโดยการจับสลากนี้

แต่เมื่อพวกเขาตามหาซาอูลกลับไม่พบตัว 22 พวกเขาจึงถามพระยาห์เวห์ว่า “ชายคนนี้มาที่นี่แล้วหรือยัง”

พระยาห์เวห์ตอบว่า “เขาซ่อนตัวอยู่หลังหีบห่อเหล่านั้น”

23 พวกเขาจึงวิ่งไปตามซาอูลออกมา เมื่อซาอูลยืนอยู่ท่ามกลางประชาชน เขาจะสูงเกินคนอื่นๆไปหนึ่งช่วงบ่า

24 ซามูเอลพูดกับประชาชนทั้งหมดว่า “พวกท่านได้เห็นคนที่พระยาห์เวห์ได้เลือกแล้วหรือยัง ไม่มีใครเหมือนเขาเลยในท่ามกลางประชาชนทั้งหมด”

ดังนั้นประชาชนจึงร้องตะโกนว่า “ขอให้กษัตริย์ทรงพระเจริญ”

25 ซามูเอลอธิบายให้ประชาชนฟังถึงกฎระเบียบเกี่ยวกับการเป็นกษัตริย์ เขาได้เขียนมันลงบนม้วนกระดาษและได้วางมันไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์ จากนั้นซามูเอลก็ปล่อยให้ประชาชน กลับบ้านของพวกเขา

26 ซาอูลก็กลับบ้านของเขาที่กิเบอาห์ด้วย มีคนกล้าหาญที่พระเจ้าได้ดลใจให้ติดตามซาอูลไปจำนวนหนึ่ง 27 แต่ก็มีพวกชอบก่อปัญหาบางคนพูดถึงซาอูลว่า “ไอ้หมอนี่จะช่วยอะไรพวกเราได้” พวกเขาต่างดูถูกเขา และไม่นำของขวัญมาให้ แต่ซาอูลไม่พูดอะไรเลย

นาหาช กษัตริย์ของชาวอัมโมน

กษัตริย์นาหาชของชาวอัมโมนได้ทำร้ายเผ่ากาดและรูเบน นาหาชได้ควักตาขวาของชายทุกคน และไม่ยอมให้ใครมาช่วยพวกเขา เขาได้ควักตาขวาของชายอิสราเอลทุกคนที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน แต่มีชายอิสราเอลเจ็ดพันคนหนีจากชาวอัมโมนไปอยู่ที่เมืองยาเบช-กิเลอาด[e]

โรม 8

ชีวิตที่นำโดยพระวิญญาณ

แล้วเดี๋ยวนี้คนทั้งหลายที่มีส่วนในพระเยซูคริสต์จะไม่ต้องถูกลงโทษ เพราะในพระเยซูคริสต์ กฎที่มาจากพระวิญญาณที่ให้ชีวิตนั้น ได้ปลดปล่อยให้คุณ[a]เป็นอิสระจากกฎแห่งบาปที่นำไปสู่ความตายแล้ว สิ่งที่กฎของโมเสสช่วยไม่ได้ เพราะสันดานของเราทำให้กฎอ่อนแอไป พระเจ้าก็ได้ทำแล้ว พระองค์ได้ส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นมนุษย์เหมือนกับเราที่เป็นคนบาป และส่งมาเพื่อจัดการกับบาป พระเจ้าได้ตัดสินลงโทษบาปโดยใช้ร่างที่เป็นมนุษย์ของพระเยซู เพื่อสิ่งที่กฎสั่งไว้จะได้สำเร็จในชีวิตของเราผู้ที่ไม่ได้ใช้ชีวิตตามสันดาน แต่ตามพระวิญญาณ

เพราะคนที่ใช้ชีวิตตามสันดานก็มัวแต่คิดถึงความต้องการของกิเลส แต่คนที่ใช้ชีวิตตามพระวิญญาณก็จะคิดถึงแต่เรื่องที่พระวิญญาณต้องการ จิตใจที่สันดานควบคุมอยู่นั้นนำไปสู่ความตาย แต่จิตใจที่พระวิญญาณควบคุมนำไปสู่ชีวิตและสันติสุข จิตใจที่สันดานควบคุมนั้นเป็นศัตรูกับพระเจ้า เพราะจิตใจนั้นไม่ยอมทำตามกฎของพระเจ้า และความจริงแล้วมันก็ไม่สามารถที่จะทำตามกฎนั้นได้ด้วย คนที่มีชีวิตตามสันดานจึงไม่สามารถทำให้พระเจ้าพอใจได้

แต่ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าอยู่ในพวกคุณ คุณก็ไม่ได้ใช้ชีวิตตามสันดาน แต่ใช้ชีวิตตามพระวิญญาณ แต่ถ้าคนไหนไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ แสดงว่าคนนั้นไม่ได้เป็นของพระคริสต์ 10 แต่ถ้าพระคริสต์อยู่ในตัวพวกคุณ ถึงแม้ร่างของคุณต้องตายไปเพราะบาป แต่พระวิญญาณก็ยังจะนำชีวิตใหม่ให้กับคุณ เพราะพระเจ้ายอมรับคุณแล้ว 11 ถ้าคุณมีพระวิญญาณที่ทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตายอยู่ในพวกคุณ พระเจ้าผู้ทำให้พระคริสต์ฟื้นขึ้นจากความตาย ก็จะใช้พระวิญญาณของพระองค์ที่อยู่ในพวกคุณนั้น ให้ชีวิตกับร่างที่ต้องตายนี้ของคุณ

12 ดังนั้นพี่น้องครับ เราไม่ได้เป็นหนี้อะไรกับสันดานเลยถึงจะต้องทำตามที่มันสั่ง 13 ถ้าคุณยังใช้ชีวิตตามสันดานอยู่ คุณจะต้องตาย แต่ถ้าคุณยอมให้พระวิญญาณฆ่าการกระทำบาปของร่างกาย คุณก็จะมีชีวิต

14 เพราะพระวิญญาณของพระเจ้านำใคร คนนั้นก็เป็นลูกของพระเจ้า 15 เพราะพระวิญญาณที่คุณได้รับนั้นไม่ได้ทำให้คุณเป็นทาสที่ต้องกลัวอีก แต่ทำให้คุณเป็นลูกๆของพระเจ้า และพระวิญญาณนี้ทำให้เราร้องดังๆว่า “อับบา[b] พ่อ” 16 พระวิญญาณนั้นทำให้เรามั่นใจว่าเราเป็นลูกๆของพระเจ้า 17 ถ้าเราเป็นลูกๆของพระเจ้าแล้ว เราก็เป็นทายาท คือทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ แต่เราจะต้องร่วมทุกข์กับพระคริสต์ก่อน เพื่อที่เราจะได้รับศักดิ์ศรีร่วมกับพระองค์ด้วย

เราจะได้รับเกียรติในอนาคต

18 ผมถือว่าความทุกข์ยากในชีวิตนี้ ไม่หนักหนาอะไรเลย เมื่อเปรียบเทียบกับศักดิ์ศรีที่พระองค์จะเปิดเผยให้กับเราในอนาคต 19 เพราะทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาในโลกนี้ กำลังตั้งตาคอยวันที่พระเจ้าจะเปิดเผยให้เห็นว่าใครเป็นลูกๆของพระองค์บ้าง 20 ทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาในโลกนี้ พระเจ้าทำให้มันอยู่ในสภาพที่ผิดเพี้ยนไป ไม่ใช่ว่าตัวมันเองอยากเป็นอย่างนั้น แต่พระเจ้าเป็นผู้กำหนดให้เป็นอย่างนั้น เพราะมีความหวังว่า 21 ทุกสิ่งที่พระองค์สร้างมานี้ จะได้หลุดพ้นจากการเป็นทาสของความเสื่อมโทรม แล้วจะได้เป็นอิสระและมีศักดิ์ศรีร่วมกับลูกๆของพระเจ้า 22 เพราะเรารู้ว่าทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างมาในโลกนี้ยังร้องคร่ำครวญ ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวมาจนถึงเดี๋ยวนี้ (เหมือนกับผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูก) 23 ไม่ใช่แต่เฉพาะพวกนั้นที่ร้องคร่ำครวญ แม้แต่เราเองก็ยังร้องคร่ำครวญอยู่ในใจด้วย ทั้งๆที่เราได้รับพระวิญญาณซึ่งเป็นพระพรส่วนแรกจากพระเจ้าแล้ว เรายังตั้งตารอคอยวันที่พระองค์จะทำให้เราเป็นลูกของพระองค์อย่างสมบูรณ์ เมื่อนั้นร่างกายของเราจะได้หลุดพ้นเป็นอิสระ 24 พระเจ้าได้ช่วยชีวิตเราแล้ว เราจึงมีความหวังนี้อยู่ในใจ ความหวังที่เราเห็นได้นั้นไม่เรียกว่าความหวังหรอก เพราะใครจะไปหวังกับสิ่งที่เขาเห็นแล้ว 25 แต่เราหวังในสิ่งที่เรายังมองไม่เห็น และเราก็ตั้งตารอคอยมันด้วยความอดทน

26 ในทำนองเดียวกันพระวิญญาณก็มาช่วยเราในความอ่อนแอของเราด้วย เราไม่รู้ว่าเราควรจะขออะไรเวลาที่เราอธิษฐาน แต่พระวิญญาณเองได้ขอต่อพระเจ้าแทนเราด้วยเสียงร้องคร่ำครวญที่ไม่เป็นคำ 27 แต่พระเจ้าผู้หยั่งรู้จิตใจรู้ว่าอะไรอยู่ในจิตใจของพระวิญญาณ เพราะพระวิญญาณได้ร้องขอให้กับคนที่เป็นของพระเจ้า ตามที่พระเจ้าชอบใจ

28 เรารู้ว่าพระเจ้าทำให้ทุกอย่างเกิดผลดีสำหรับคนที่รักพระองค์ พวกเขาเป็นคนที่พระเจ้าเรียกตามแผนงานของพระองค์ 29 พระเจ้าได้เลือกและแยกคนพวกนี้ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ให้เป็นเหมือนกับพระบุตรของพระองค์ เพื่อว่าพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรคนแรกในหมู่พี่น้องมากมาย 30 ดังนั้นคนพวกนี้ที่พระองค์ได้แยกไว้แล้ว พระองค์ก็ได้เรียกมา และเมื่อเรียกมาแล้ว พระองค์ก็ยอมรับเขา และเมื่อยอมรับแล้ว พระองค์ก็ให้พวกเขามีศักดิ์ศรีด้วย

ความรักของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์

31 เราจะว่าอย่างไรดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าพระเจ้าอยู่ฝ่ายเรา ใครจะต่อต้านเราได้ 32 พระองค์ไม่หวงแม้แต่พระบุตรของพระองค์เอง แต่กลับมอบพระบุตรนั้นให้มาตายเพื่อเราทุกคน ถ้าอย่างนั้นพระองค์จะไม่ยิ่งให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเราพร้อมกับพระบุตรด้วยหรือ 33 ใครจะฟ้องคนพวกนี้ที่พระเจ้าเลือกมา พระเจ้าเองหรือ เป็นไปไม่ได้ เพราะพระองค์เองเป็นผู้ที่ยอมรับพวกนี้ 34 ใครจะกล่าวโทษเขา พระเยซูหรือ เป็นไปไม่ได้ เพราะพระเยซูคริสต์เป็นผู้ที่ตายและฟื้นขึ้นมาใหม่ และตอนนี้พระองค์ก็นั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้าวิงวอนพระเจ้าแทนเรา 35 ใครจะแยกเราออกจากความรักที่พระคริสต์มีต่อเราได้ ไม่มีเลย แม้แต่ความทุกข์ยากหรือความลำบาก หรือการถูกกดขี่ข่มเหง หรือความอดอยากหิวโหย หรือการเปลือยกาย หรืออันตรายต่างๆ หรือแม้แต่การถูกฆ่าฟัน ก็ไม่มีทางแยกเราออกจากความรักที่พระคริสต์มีต่อเราได้ 36 เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า

“เพื่อพระองค์ เราเสี่ยงกับการถูกฆ่าวันยังค่ำ
    คนทำกับเราเหมือนแกะที่จะเอาไปฆ่า”[c]

37 แต่ในทุกสิ่งทุกอย่างนี้ เราก็ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ผ่านทางพระองค์ผู้ได้แสดงความรักกับเรา 38 เพราะผมมั่นใจว่า ไม่ว่าจะเป็นความตายหรือชีวิต ทูตสวรรค์หรือเทพเจ้า สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พวกวิญญาณที่มีฤทธิ์อำนาจ 39 สิ่งที่อยู่เหนือเรา หรือสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าเรา หรืออะไรก็ตามที่ถูกสร้างขึ้นมา พวกมันก็ไม่มีทางแยกเราออกจากความรักของพระเจ้าที่เราเห็นในพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา

เยเรมียาห์ 47

สิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับฟีลิสเตีย

47 นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ที่มีมาถึงเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า เกี่ยวกับชาวฟีลิสเตีย ก่อนที่ฟาโรห์จะโจมตีเมืองกาซา

พระยาห์เวห์พูดว่า
“น้ำกำลังหลากมาจากทางเหนือ
    และมันจะกลายเป็นน้ำหลากในธารน้ำแห้งขอด
ซึ่งจะท่วมแผ่นดินและคนที่อาศัยอยู่
    น้ำจะท่วมเมืองและคนที่อาศัยอยู่ในเมือง
ผู้คนจะร้องทุกข์
    และทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินจะร้องโหยหวน
เมื่อพวกพ่อได้ยินเสียงย่ำพื้นของม้าศึก
    เสียงรถรบดังกระทบกัน
และล้อรถดังสนั่นหวั่นไหว
    พวกเขาจะไม่หันกลับมาช่วยลูกๆ
    เพราะพวกเขาสิ้นหวังเสียแล้ว
เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเมื่อวันนั้นมาถึง วันที่ชาวฟีลิสเตียทั้งหมดจะถูกทำลาย
    และพันธมิตรชุดสุดท้ายของไทระและไซดอนจะถูกกำจัดไป
เพราะพระยาห์เวห์จะทำลายชาวฟีลิสเตีย
    ซึ่งเป็นชาวเกาะคัฟโทร์ที่เหลือ
ชาวกาซาโกนหัวแล้ว
    ชาวอัชเคโลนก็ถูกทำลายแล้ว
ชาวอานาคที่เหลือเอ๋ย[a]
    เจ้าจะเชือดเฉือนตัวเองไปอีกนานแค่ไหน
ดาบของพระยาห์เวห์เอ๋ย
    เธอจะฟาดฟันไปอีกนานแค่ไหนก่อนที่เธอจะหยุดพัก
สอดตัวเจ้าเองลงในฝักเถอะ
    หยุดพักอยู่เฉยๆบ้างเถอะ
แต่มันจะอยู่เฉยๆได้ยังไง
    พระยาห์เวห์สั่งให้มันโจมตี
พระองค์กำหนดให้มันแทงอัชเคโลนและชายฝั่งทะเลเสีย”

สดุดี 23-24

พระยาห์เวห์เป็นผู้เลี้ยงแกะ

เพลงสดุดีของดาวิด

พระยาห์เวห์เลี้ยงดูข้าพเจ้าเหมือนเลี้ยงแกะ
    ดังนั้น ข้าพเจ้าไม่ขาดอะไรเลย
พระองค์นำข้าพเจ้าไปนอนลงที่ทุ่งหญ้าเขียวขจี
    พระองค์นำข้าพเจ้าไปยังลำธารที่สงบเงียบ
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ากลับมีเรี่ยวแรงเหมือนเดิม
    พระองค์นำข้าพเจ้าเดินไปบนหนทางที่ถูกต้องทั้งหลายเพื่อรักษาชื่อเสียงที่ดีของพระองค์

แม้ในยามที่ข้าพเจ้าเดินไปตามหุบเขาที่มืดมิดอย่างความตาย[a]
    ข้าพเจ้าก็ไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆทั้งนั้น
เพราะพระองค์อยู่กับข้าพเจ้า
    ไม้กระบองและไม้เท้าเลี้ยงแกะของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปลอดภัย

พระองค์จัดโต๊ะสำหรับข้าพเจ้าต่อหน้าพวกศัตรูของข้าพเจ้า
    พระองค์ต้อนรับข้าพเจ้าอย่างแขกผู้มีเกียรติ[b] ถ้วยของข้าพเจ้าเต็มจนเอ่อล้น
ความดีและความรักมั่นคงของพระองค์ จะติดตามข้าพเจ้าไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
    และข้าพเจ้าจะอาศัยอยู่ในบ้านของพระยาห์เวห์ไปนานแสนนาน

การเข้าสู่วิหาร

เพลงสดุดีของดาวิด

พระยาห์เวห์เป็นเจ้าของแผ่นดินโลกนี้และทุกอย่างที่อยู่ในมัน
    พระองค์เป็นเจ้าของโลกนี้และมนุษย์ทุกคนที่อาศัยอยู่บนมัน
ด้วยว่า พระองค์ คือผู้ที่ได้ตั้งแผ่นดินโลกนี้ไว้บนน้ำ
    พระองค์สร้างมันไว้อย่างมั่นคงบนมหาสมุทร

ใครเล่าจะขึ้นไปบนภูเขาของพระยาห์เวห์ได้
    ใครเล่าจะยืนในวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ได้
ก็มีแต่คนมือสะอาดและใจบริสุทธิ์
    คนที่ไม่ได้รักการโกหก[c] คนที่ไม่ได้ผิดคำสาบาน
คนอย่างนี้จะได้รับพระพรจากพระยาห์เวห์ พระเจ้าจะช่วยคนอย่างนี้ให้รอด
    และประกาศว่า “เขาเป็นฝ่ายถูก”
คนพวกนี้แหละที่แสวงหาพระเจ้าอย่างแท้จริง
    พวกนี้แหละที่สามารถเข้ามาอยู่ต่อหน้าพระเจ้าของยาโคบ[d] ได้ เซลาห์

ประตูทั้งหลาย ยกหัวของเจ้าขึ้นมา
    ประตูโบราณเอ๋ย เปิดออก
    เพื่อกษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีจะได้เข้ามา
กษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีองค์นี้คือใครกัน
    คือพระยาห์เวห์ผู้ทรงพลังและแข็งแกร่งเกรียงไกร
    คือพระยาห์เวห์ นักรบผู้แข็งแกร่งเกรียงไกร
ประตูทั้งหลาย ยกหัวของเจ้าขึ้นมา
    ประตูโบราณเอ๋ย เปิดออกเถิด
    เพื่อกษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีจะได้เข้ามา
10 กษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีองค์นี้คือใครกัน
    คือพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
    พระองค์คือกษัตริย์ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีองค์นั้น เซลาห์

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International