Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 ซามูเอล 4

แล้วข่าวคราวเกี่ยวกับซามูเอลก็ได้แผ่กระจายไปทั่วอิสราเอล เอลีแก่มากแล้ว ลูกทั้งสองของเขาก็ยังคงทำสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหลายต่อหน้าพระยาห์เวห์[a]

ชาวฟีลิสเตียรบชนะชาวอิสราเอล

เมื่อคนอิสราเอลยกทัพไปต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย คนอิสราเอลตั้งค่ายที่เอเบนเอเซอร์ ส่วนคนฟีลิสเตียตั้งค่ายที่อาเฟก ชาวฟีลิสเตียได้จัดทหารเพื่อออกไปสู้รบกับอิสราเอล และเมื่อการรบเริ่มขึ้น คนอิสราเอลก็พ่ายแพ้คนฟีลิสเตีย และถูกฆ่าตายไปประมาณสี่พันคนในสนามรบนั้น เมื่อทหารที่เหลือกลับมาที่ค่าย ผู้นำอาวุโสของอิสราเอลทั้งหลายก็พูดกันว่า “ทำไมพระยาห์เวห์ปล่อยให้พวกเราพ่ายแพ้ชาวฟีลิสเตียในวันนี้ ให้พวกเราไปเอาหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาจากชิโลห์กันเถิด เพื่อว่าหีบนั้นจะได้ไปกับพวกเรา และจะได้ช่วยพวกเราให้พ้นจากมือของศัตรู”

พวกเขาจึงส่งคนไปชิโลห์ เพื่อนำหีบแห่งข้อตกลงของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นผู้ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ระหว่างทูตสวรรค์เครูบ ลูกชายทั้งสองของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัสก็อยู่ที่นั่นกับหีบข้อตกลงของพระเจ้า

เมื่อหีบข้อตกลงของพระยาห์เวห์มาถึงค่าย คนอิสราเอลทั้งหมดก็ได้โห่ร้องเสียงดังจนแผ่นดินสะเทือน เมื่อชาวฟีลิสเตียได้ยินก็ถามกันว่า “ค่ายคนฮีบรู[b] โห่ร้องตะโกนเรื่องอะไรกัน”

เมื่อพวกเขารู้ว่าหีบของพระยาห์เวห์ได้มาอยู่ที่ค่ายแล้ว คนฟีลิสเตียก็รู้สึกกลัว พวกเขาพูดว่า “มีพวกเทพเจ้ามาอยู่ในค่ายนั้นแล้ว พวกเราแย่แล้ว ไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นมาก่อน ภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเรา ใครจะช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากมือของพวกเทพเจ้าที่มีฤทธิ์เหล่านี้ได้ เทพเจ้าพวกนี้เคยโจมตีชาวอียิปต์ด้วยพวกภัยพิบัติและโรคระบาดหลายอย่าง กล้าหาญไว้คนฟีลิสเตีย ทำตัวให้สมกับลูกผู้ชาย ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะตกอยู่ภายใต้คนฮีบรูเหมือนที่พวกเขาเคยตกอยู่ภายใต้เจ้ามาก่อน ออกรบให้สมกับลูกผู้ชายเถิด”

10 ดังนั้นคนฟีลิสเตียจึงออกไปสู้รบ และคนอิสราเอลก็พ่ายแพ้ แต่ละคนต่างวิ่งหนีกลับมาที่เต็นท์ของตน มีการฆ่าฟันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ทหารเดินเท้าของอิสราเอลได้ล้มตายไปสามหมื่นคน 11 หีบของพระเจ้าถูกยึดไป และลูกชายทั้งสองของเอลี คือโฮฟนี และฟีเนหัสก็ถูกฆ่าตาย

12 ในวันนั้น มีคนเบนยามินคนหนึ่งวิ่งมาจากสนามรบ กลับไปที่ชิโลห์ เขาได้ฉีกเสื้อผ้าของเขาและมีเศษดินอยู่บนหัวเพื่อแสดงความโศกเศร้า 13 เมื่อเขามาถึง เอลีนั่งคอยดูอยู่บนเก้าอี้ริมถนน เพราะจิตใจของเขากังวลเกี่ยวกับหีบของพระเจ้า เมื่อชายคนนั้นเข้ามาในเมืองและได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น คนทั้งเมืองก็ร้องไห้กันเสียงระงม

14 เอลีได้ยินเสียงร้องจึงถามว่า “นั่นเสียงร้องอะไรกัน”

ชายคนนั้นจึงรีบเข้ามาหาเอลี 15 ซึ่งมีอายุถึงเก้าสิบแปดปี และมีดวงตาที่ปิดลง มองไม่เห็นแล้ว 16 เขาก็บอกเอลีว่า “ผมเพิ่งกลับมาจากสนามรบ ผมหนีมาจากสนามรบวันนี้เอง”

เอลีถามว่า “ลูกเอ๋ย เกิดอะไรขึ้น”

17 ชายผู้นำข่าวมา ตอบว่า “คนอิสราเอลได้หลบหนีจากคนฟีลิสเตีย กองทัพอิสราเอลสูญเสียคนไปเป็นจำนวนมาก ส่วนลูกชายสองคนของท่าน โฮฟนีกับฟีเนหัสก็ถูกฆ่าตาย และหีบของพระเจ้าก็ถูกยึดไปแล้ว”

18 เมื่อพูดถึงหีบข้อตกลงของพระเจ้า เอลีก็ล้มหงายหลังลงที่ข้างประตูและคอหักตาย เพราะเขาแก่แล้วและอ้วนมาก รวมเวลาที่เขาเป็นผู้นำอิสราเอลได้ยี่สิบปี[c]

อิสราเอลหมดศักดิ์ศรี

19 ลูกสะใภ้ของเอลีซึ่งเป็นเมียของฟีเนหัสนั้นท้องแก่ใกล้คลอด เมื่อนางได้ยินข่าวว่าหีบของพระเจ้าถูกยึด แล้วพ่อผัวและผัวของนางก็ตายแล้ว นางก็เริ่มเจ็บท้องและได้คลอดลูกชาย แต่เนื่องจากนางทนความเจ็บปวดไม่ไหว 20 ในขณะที่กำลังจะตาย พวกผู้หญิงที่เฝ้านางอยู่ก็พูดว่า “อย่าสิ้นหวังเลย เพราะเธอได้คลอดลูกชาย”

แต่นางไม่ได้ตอบหรือสนใจเลย 21 นางตั้งชื่อลูกว่าอีคาโบด[d] และพูดว่า “อิสราเอลหมดศักดิ์ศรีแล้ว”[e] นางทำอย่างนี้ก็เพราะหีบของพระเจ้าได้ถูกยึดไปแล้ว และพ่อผัวกับผัวเธอก็ได้ตายเสียแล้ว 22 แล้วนางก็พูดว่า “อิสราเอลหมดศักดิ์ศรีแล้ว เพราะหีบของพระเจ้าได้ถูกยึดไปแล้ว”

โรม 4

ตัวอย่างจากชีวิตอับราฮัม

แล้วเราได้รับรู้อะไรเกี่ยวกับอับราฮัมบรรพบุรุษของชนชาติยิวเรา เพราะถ้าพระเจ้ายอมรับอับราฮัมเพราะการกระทำทั้งหลายของท่าน ท่านก็มีสิทธิ์ที่จะโอ้อวดได้ แต่จริงๆแล้วในสายตาของพระเจ้า ท่านไม่มีอะไรที่จะโอ้อวดได้ พระคัมภีร์เขียนไว้ว่าอย่างไร “อับราฮัมไว้วางใจพระเจ้า พระเจ้าก็เลยนับว่าความไว้วางใจของท่านนั้นเป็นสาเหตุเพียงพอที่พระองค์จะยอมรับท่าน”[a]

ดูอย่างคนที่ทำงานสิ ค่าแรงของเขาไม่ได้นับว่าเป็นของขวัญจากนายจ้าง แต่เป็นสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับอยู่แล้ว ส่วนคนที่ไม่ทำงาน แต่กลับไว้วางใจในพระเจ้า พระเจ้าก็ยอมรับเขาถึงแม้เขาทำบาป พระองค์ก็นับความไว้วางใจนี้เป็นเหตุเพียงพอที่จะยอมรับเขา คนที่พระเจ้ายอมรับโดยไม่ได้นับว่าการงานที่เขาทำไปนั้น กษัตริย์ดาวิดได้พูดถึงเกียรติของคนแบบนี้ว่า

“เมื่อพระเจ้ายกโทษให้กับความผิดที่คนทำ
    และกลบเกลื่อนความบาปของเขา
ถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ
เมื่อองค์เจ้าชีวิตไม่ได้นับความผิดของเขา
    นั่นนับว่าเป็นเกียรติจริงๆ”[b]

เกียรตินี้มีไว้สำหรับคนที่ทำพิธีขลิบเท่านั้นหรือ มันมีไว้สำหรับคนที่ไม่ได้ทำพิธีขลิบด้วยไม่ใช่หรือ ที่ผมถามก็เพราะเราพูดว่า “อับราฮัมไว้วางใจในพระเจ้า พระเจ้าก็เลยนับว่าความไว้วางใจของท่านนั้นว่าเป็นสาเหตุเพียงพอที่พระองค์จะยอมรับท่าน” 10 พระเจ้ายอมรับท่านตอนไหน ก่อนหรือหลังจากที่ท่านทำพิธีขลิบ จริงๆแล้วพระเจ้ายอมรับท่านก่อนที่ท่านจะทำพิธีขลิบเสียอีก 11 แล้วตอนหลังท่านถึงทำพิธีขลิบ เพื่อทำให้เห็นว่าพระเจ้ายอมรับท่านแล้วเพราะท่านมีความไว้วางใจก่อนที่ท่านจะทำพิธีขลิบเสียอีก ดังนั้นอับราฮัมจึงกลายเป็นบรรพบุรุษของทุกคนที่ไว้วางใจแต่ไม่ได้ทำพิธีขลิบ และพระเจ้านับว่าความไว้วางใจของพวกเขานี้ว่าเป็นสาเหตุเพียงพอที่จะยอมรับพวกเขา 12 นอกจากนั้นอับราฮัมก็ยังเป็นบรรพบุรุษของคนที่ทำพิธีขลิบด้วย ถ้าพวกเขาไม่ได้แค่ทำพิธีขลิบเท่านั้น แต่ยังดำเนินรอยตามอับราฮัมบรรพบุรุษของเราคือมีความไว้วางใจในพระเจ้าเหมือนกับที่อับราฮัมมีก่อนที่ท่านจะทำพิธีขลิบ

ต้องไว้วางใจพระเจ้าจึงจะได้ตามสัญญา

13 พระเจ้าสัญญากับอับราฮัมและลูกหลานของท่านว่า พวกเขาจะได้รับโลกนี้เป็นมรดก แต่ที่พระเจ้าสัญญากับท่านอย่างนั้น ไม่ใช่เพราะท่านทำตามกฎ แต่เพราะท่านไว้วางใจพระเจ้าต่างหาก พระเจ้าถึงยอมรับท่าน 14 ถ้าคนเราได้รับโลกนี้เป็นมรดกเพราะการทำตามกฎ การไว้วางใจพระเจ้าก็ไม่มีความหมายอะไรเลย และสัญญาของพระองค์ก็ต้องถูกยกเลิกไปด้วย 15 เพราะกฎนำไปสู่การลงโทษจากพระเจ้า เพราะคนทำผิดกฎเสมอ แต่ถ้าที่ไหนไม่มีกฎ ที่นั่นก็ไม่มีการทำผิดกฎ

16 ดังนั้นคำสัญญาของพระเจ้าจึงขึ้นอยู่กับความไว้วางใจ เพื่อคำสัญญานั้นจะได้เป็นของขวัญที่ให้กับเราเปล่าๆ และลูกหลานของอับราฮัมทุกคนจะได้รับสิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้อย่างแน่นอน ไม่ใช่แต่เฉพาะคนที่อยู่ใต้กฎเท่านั้นที่จะได้รับ แต่รวมถึงคนที่มีส่วนร่วมในความไว้วางใจของอับราฮัมด้วย เพราะท่านเป็นบรรพบุรุษของเราทุกคน 17 เหมือนกับที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่า “เราได้ทำให้เจ้าเป็นบรรพบุรุษของคนหลายชนชาติ”[c] อับราฮัมเป็นบรรพบุรุษของเราต่อหน้าพระเจ้าที่ท่านไว้วางใจ เป็นพระเจ้าที่ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมาใหม่ และทำให้สิ่งที่ยังไม่เคยมีมาก่อนเกิดขึ้น

18 เมื่อพระเจ้าสัญญากับอับราฮัมว่าเขาจะได้เป็นบรรพบุรุษของคนหลายชนชาติ ท่านก็ไว้วางใจและมีความหวังอย่างเต็มที่ ทั้งๆที่คำสัญญานั้นเหลือเชื่อ แต่ในที่สุดท่านก็ได้เป็นบรรพบุรุษของคนหลายชนชาติจริงตามที่พระเจ้าบอกกับท่านว่า “ลูกหลานของเจ้าจะมีมากมายเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า”[d] 19 ความไว้วางใจของอับราฮัมก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ทั้งๆที่อับราฮัมรู้ว่าร่างกายของท่านหมดสภาพเหมือนตายแล้ว (เพราะท่านมีอายุประมาณหนึ่งร้อยปี) และท่านยังรู้อีกด้วยว่าครรภ์ของนางซาราห์เมียของท่านเป็นหมันเหมือนกับตายไปแล้ว 20 แต่อับราฮัมไม่เคยสงสัยในคำสัญญาของพระเจ้าเลย กลับมีความไว้วางใจมากขึ้น ซึ่งเป็นการให้เกียรติกับพระเจ้า 21 อับราฮัมเชื่ออย่างแน่วแน่ว่า พระเจ้าสามารถทำในสิ่งที่พระองค์ได้สัญญาไว้ 22 “พระเจ้าจึงนับว่าความไว้วางใจของท่านนั้นเป็นสาเหตุเพียงพอที่จะยอมรับท่าน”[e] 23 อย่างที่พระคัมภีร์เขียนไว้นั้น คำพูดเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของอับราฮัมเท่านั้น 24 แต่เกี่ยวกับพวกเราด้วย พระเจ้าจะนับว่าความไว้วางใจของเรานั้นเป็นสาเหตุเพียงพอที่จะยอมรับเราด้วย คือพวกเราที่ไว้วางใจในพระเจ้า ผู้ทำให้พระเยซูคริสต์เจ้าของเราฟื้นขึ้นจากความตาย 25 เป็นเพราะความผิดบาปของเรา พระเจ้าถึงได้มอบพระเยซูให้คนเอาไปฆ่า และพระเจ้าทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย เพื่อเราจะได้เป็นคนที่พระองค์ยอมรับ

เยเรมียาห์ 42

ข่าวของเยเรมียาห์ไปถึงโยฮานัน

42 พวกแม่ทัพนายกองทุกคน ก็ได้เดินทางมากับโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ และอาซาริยาห์[a] ลูกชายของโฮชายาห์ และคนทั้งหมดจากคนที่กระจอกที่สุดไปถึงคนที่สำคัญที่สุด ต่างก็พากันมาหาเยเรมียาห์

แล้วพวกเขาก็พูดกับเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ขอได้โปรดรับฟังคำอ้อนวอนของพวกเราด้วย ช่วยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เผื่อพวกเราและชาวบ้านที่ยังเหลืออยู่นี้ด้วยเถอะ เพราะพวกเราเหลือกันแค่ไม่กี่คนอย่างที่ท่านเห็นนี้ จากที่เคยมีกันอยู่มากมาย อธิษฐานให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน บอกพวกเราหน่อยว่า พวกเราควรจะไปทางไหน และควรจะทำอะไร”

แล้วเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าก็บอกพวกเขาว่า “ผมได้ยินที่พวกท่านพูดแล้ว ผมจะอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านตามที่ท่านขอ เมื่อพระยาห์เวห์ตอบอะไรกลับมาให้กับท่าน ผมจะบอกพวกท่านทุกอย่าง โดยไม่ปิดบังอะไรไว้เลย”

แล้วพวกเขาก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “ถ้าพวกเราไม่ทำทุกอย่างตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านบอกผ่านท่านให้พวกเราทำแล้วละก็ ขอให้พระยาห์เวห์เป็นพยานที่เชื่อถือได้ต่อต้านพวกเรา ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี พวกเราก็จะเชื่อฟังพระยาห์เวห์ ผู้ที่พวกเรากำลังส่งท่านไป เพื่อว่าทุกสิ่งจะได้เป็นไปด้วยดีสำหรับพวกเรา เมื่อเราเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา”

หลังจากนั้นสิบวัน ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ แล้วเขาก็เรียกโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ รวมทั้งแม่ทัพนายกองทุกคนที่อยู่กับเขา และประชาชนทุกคน ตั้งแต่กระจอกงอกง่อยไปจนถึงคนที่สำคัญที่สุด แล้วเยเรมียาห์ก็พูดว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระองค์ผู้ที่พวกท่านส่งเราไปขอร้อง พระองค์พูดว่า 10 ‘ถ้าพวกเจ้าจะยังคงอยู่ในดินแดนนี้ต่อไปแน่ๆแล้วละก็ เราก็จะสร้างเจ้าขึ้นมาใหม่ และเราก็จะไม่ทำลายเจ้าลง เราจะปลูกเจ้าขึ้นมาใหม่ และเราจะไม่ถอนรากเจ้า เพราะเราเสียใจที่เราได้ทำสิ่งร้ายๆไว้กับเจ้า 11 ไม่ต้องกลัวเมื่อพวกเจ้ายืนอยู่ต่อหน้ากษัตริย์บาบิโลนที่เจ้ากลัวอยู่ในตอนนี้ ไม่ต้องกลัวเขา’ พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น ‘เพราะว่าเราอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยและปกปักรักษาเจ้าจากเงื้อมมือของเขา 12 เราจะเมตตาปรานีพวกเจ้า เขาจะได้เมตตาปรานีเจ้าด้วย แล้วเขาก็จะคืนเขตแดนของเจ้าให้กับเจ้า’ 13 แต่ถ้าเจ้าพูดว่า ‘เราจะไม่อยู่ในแผ่นดินนี้หรอก’ แสดงว่าเจ้าจะไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าแล้ว 14 พวกเจ้ากลับพูดว่า ‘เราไม่อยู่ที่นี่หรอก เราจะไปอยู่ที่แผ่นดินอียิปต์ จะได้ไม่เจอกับสงคราม เราจะได้ไม่ได้ยินเสียงแตรศึก และจะได้ไม่ต้องอดข้าวตาย และเราจะอยู่ที่นั่น’ 15 ถ้านั่นเป็นความต้องการของเจ้าละก็ ชาวยูดาห์ที่ยังเหลืออยู่ ฟังการตัดสินใจของพระยาห์เวห์ให้ดี พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า ‘ถ้าเจ้าตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไปอียิปต์ แล้วพวกเจ้าก็ไปอาศัยอยู่ที่นั่นในฐานะคนต่างชาติ 16 สงครามที่เจ้ากลัวนักกลัวหนาก็จะเกิดขึ้นกับเจ้าที่แผ่นดินอียิปต์นั้น และความอดอยากที่เจ้าเป็นห่วงกังวล ก็จะตามเจ้ามาติดๆเข้าไปในอียิปต์นั้น แล้วเจ้าก็จะตายที่นั่น 17 ทุกคนที่ตัดสินใจจะไปอยู่ในอียิปต์อย่างคนต่างชาตินั้น ก็จะตายด้วยคมดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด จะไม่มีใครรอดชีวิตหรือหนีรอดออกมาได้เลยจากเรื่องเลวร้ายที่เรากำลังจะทำให้เกิดขึ้นกับพวกเขานั้น’”

18 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า “เราจะเทความโกรธใส่เจ้าเมื่อเจ้าไปอียิปต์ เหมือนกับที่เราเคยเทความโกรธใส่คนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มมาแล้ว เจ้าจะกลายเป็นแบบอย่างของคำสาปแช่ง เป็นที่รกร้างว่างเปล่า เป็นของที่ไม่มีค่า และเป็นแบบอย่างของการหัวเราะเยาะ แล้วเจ้าจะไม่ได้เห็นแผ่นดินนี้อีกเลย”

19 พวกท่านคนยูดาห์ที่ยังหลงเหลืออยู่ พระยาห์เวห์บอกให้พวกท่านว่าอย่าไปอียิปต์เลย พวกท่านก็รู้แน่ชัดแล้วว่าวันนี้ผมได้เตือนท่านแล้ว 20 ว่าพวกท่านได้ทำให้ชีวิตของตัวเองหันเหออกไปจากทางที่ถูกที่ควร ที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะพวกท่านส่งผมไปหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเอง โดยขอว่า “ช่วยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราเผื่อพวกเราด้วย และช่วยบอกพวกเราทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พูด แล้วเราจะทำตาม”

21 และวันนี้ผมก็ได้บอกท่านแล้วว่าพระองค์พูดอะไรกับผม แต่พวกท่านก็ไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไม่ยอมฟังทุกสิ่งที่เราบอกท่านไปแล้ว 22 ถึงตอนนี้ท่านก็มั่นใจได้เลยว่า พวกท่านจะต้องตายจากคมดาบ จากความอดอยาก และจากโรคระบาด ในที่แห่งนั้นที่ท่านอยากจะไปอยู่อย่างคนต่างชาติ

สดุดี 18

ขอบคุณพระยาห์เวห์สำหรับชัยชนะ

(2 ซมอ. 22:1-51)

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงของดาวิด ผู้รับใช้พระยาห์เวห์ ดาวิดร้องเพลงบทนี้ให้กับพระยาห์เวห์ ในวันที่พระองค์ช่วยท่านให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรูทั้งหมด และจากเงื้อมมือของซาอูล

ดาวิดพูดว่า ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้เป็นกำลังของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้ารักพระองค์
พระยาห์เวห์ คือหินกำบังของข้าพเจ้า คือป้อมปราการของข้าพเจ้า คือผู้ช่วยชีวิตของข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้า คือหินกำบังที่ข้าพเจ้าเข้าไปลี้ภัย คือโล่กำบังของข้าพเจ้า
    คือฤทธิ์อำนาจ[a] ที่ช่วยกู้ชีวิตข้าพเจ้า คือที่ซ่อนที่ปลอดภัยของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ผู้ที่ควรค่าแก่การสรรเสริญ
    แล้วพระองค์ก็ช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากพวกศัตรู

เชือกแห่งความตายได้มัดตัวข้าพเจ้าไว้
    และกระแสน้ำแห่งความตายกำลังจะทำให้ข้าพเจ้าจม
เชือกแห่งแดนคนตายพันอยู่รอบๆตัวข้าพเจ้า
    กับดักแห่งความตายอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า
เมื่อข้าพเจ้าตกอยู่ในความทุกข์ยาก ข้าพเจ้าร้องเรียกพระยาห์เวห์
    ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าของข้าพเจ้า
พระองค์ได้ยินเสียงของข้าพเจ้าจากวังของพระองค์นั้น
    เสียงร้องของข้าพเจ้าได้ยินไปถึงหูของพระองค์

แล้วแผ่นดินโลกก็สั่นสะเทือน
    พวกฐานรากของภูเขาก็สั่นไหวเพราะพระเจ้าโกรธ
มีควันพุ่งออกจากจมูกของพระองค์
    ไฟที่เผาผลาญพุ่งออกมาจากปากของพระองค์
    ถ่านหินลุกแดงพุ่งออกมา
พระองค์แหวกท้องฟ้า และเสด็จลงมา
    พร้อมด้วยเมฆทึบสีดำใต้เท้าของพระองค์
10 แล้วพระองค์ก็ขึ้นขี่ทูตสวรรค์ที่มีปีก แล้วเหาะลงมา
    พระองค์ก็ร่อนอยู่บนปีกของลม
11 พระองค์ทรงซ่อนตัวอยู่ในหมู่เมฆฝนที่มืดครึ้ม
    ที่ปกคลุมพระองค์ไว้เหมือนกับเต็นท์
12 แล้วรัศมีอันเจิดจ้าของพระองค์ก็ส่องทะลุหมู่เมฆลงมา
    พร้อมกับลูกเห็บ และถ่านหินลุกแดง
13 แล้วพระยาห์เวห์ทำให้ฟ้าร้องดังกึกก้องท้องฟ้า
    พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดก็เปล่งเสียงดังไปทั่ว[b]
14 พระเจ้ายิงธนูของพระองค์ออกไปซึ่งทำให้พวกศัตรูแตกกระเจิง
    พระองค์ทำสายฟ้าผ่าหลายหนจนพวกนั้นแตกกระเจิง สับสนวุ่นวายไปทั่ว

15 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อพระองค์ตะโกนคำสั่งของพระองค์ออกไป
    เมื่อลมที่พวยพุ่งออกมาจากจมูกของพระองค์
ทำให้น้ำทะเลถอยร่นกลับไป
    ก้นทะเลและรากฐานของโลกปรากฏขึ้น

16 พระองค์เอื้อมมือลงมาจากเบื้องบนมาฉวยข้าพเจ้าไว้
    พระองค์ดึงข้าพเจ้าขึ้นมาจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากนั้น
17 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากศัตรูที่มีพลัง
    พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากพวกศัตรูที่แข็งแรงกว่าข้าพเจ้า
18 พวกเขาปะทะกับข้าพเจ้าตอนที่ข้าพเจ้าเจอกับภัยพิบัติ
    แต่พระยาห์เวห์ช่วยสนับสนุนค้ำจุนข้าพเจ้า
19 พระองค์นำข้าพเจ้าออกไปยังที่โล่งกว้าง
    พระองค์ช่วยชีวิตข้าพเจ้า เพราะพระองค์ชื่นชมยินดีในข้าพเจ้า

20 พระยาห์เวห์ให้รางวัลกับข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง
    พระองค์ตอบแทนข้าพเจ้าเพราะมือของข้าพเจ้าสะอาดบริสุทธิ์
21 ข้าพเจ้าใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังอย่างที่พระยาห์เวห์ต้องการให้ข้าพเจ้าเป็น
    ข้าพเจ้าไม่ได้หันเหไปจากพระเจ้าของข้าพเจ้าเพื่อจะได้ไปทำสิ่งที่ชั่วร้าย
22 เพราะข้าพเจ้าคิดถึงกฎเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆของพระองค์อยู่เสมอ
    และข้าพเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งพวกกฎของพระองค์
23 ข้าพเจ้าไม่มีที่ติต่อหน้าพระองค์
    ข้าพเจ้าได้รักษาตัวเองให้พ้นจากบาป
24 พระยาห์เวห์ตอบแทนข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้าทำสิ่งที่ถูกต้อง
    เพราะพระองค์เห็นว่ามือของข้าพเจ้านั้นสะอาดบริสุทธิ์

25 พระองค์จะจงรักภักดีกับคนที่จงรักภักดีกับพระองค์
    และพระองค์จะไร้ที่ติกับคนที่ไร้ที่ติ
26 พระองค์จะบริสุทธิ์กับคนที่บริสุทธิ์กับพระองค์
    แต่กับคนที่เหลี่ยมจัด พระองค์จะรู้ทัน และลงโทษเขาอย่างที่เขาคาดไม่ถึง
27 เพราะพระองค์ช่วยกู้คนต่ำต้อย
    แต่พระองค์ทำให้คนหยิ่งยโสตกต่ำลง
28 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จุดตะเกียงของข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้า ตอนที่ข้าพเจ้าอยู่ในความมืด พระองค์นำความสว่างมาให้
29 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าสามารถลุยเข้าไปสู้กับกองทัพได้
    พระเจ้าของข้าพเจ้าช่วยให้ข้าพเจ้าสามารถกระโดดข้ามกำแพงของศัตรูไปได้
30 ทางของพระเจ้าไม่มีที่ติ
    สัญญาของพระยาห์เวห์นั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเชื่อถือได้
    พระองค์เป็นโล่ให้กับทุกคนที่ลี้ภัยในพระองค์

31 ใครเป็นพระเจ้า นอกจากพระยาห์เวห์
    ใครเป็นหินกำบัง นอกจากพระเจ้าของพวกเรา
32 พระเจ้าเป็นผู้ที่เอาความแข็งแกร่งรัดเอวของข้าพเจ้าไว้
    พระองค์ทำให้ทางของข้าพเจ้าไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
33 พระองค์ช่วยให้เท้าข้าพเจ้ามั่นคงเหมือนกวาง
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าสามารถยืนหยัดมั่นคงได้แม้บนที่สูง
34 พระองค์ฝึกมือของข้าพเจ้าสำหรับสงคราม
    พระองค์ใส่พลังเข้าไปในแขนของข้าพเจ้าเพื่อจะง้างคันธนูที่แข็งแกร่งที่สุดได้
35 พระองค์ได้มอบโล่ของพระองค์ที่ช่วยปกป้องข้าพเจ้า
    มือขวาของพระองค์หนุนข้าพเจ้าไว้
    ความช่วยเหลือของพระองค์ ทำให้ข้าพเจ้ามีชัยชนะ
36 พระองค์ทำให้ทางของข้าพเจ้ากว้างขวาง
    เท้าของข้าพเจ้าจึงไม่พลาดล้ม
37 ข้าพเจ้าได้ไล่ตามจับศัตรูจนทัน
    และไม่ได้หันกลับจนได้ทำลายพวกมันจนหมดสิ้น
38 ข้าพเจ้าบดขยี้พวกเขาจนพวกเขาไม่มีวันลุกขึ้นมาได้อีก
    พวกเขาล้มลงอยู่แทบเท้าของข้าพเจ้า
39 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าแข็งแกร่งพร้อมออกรบ
    พระองค์ทำให้คนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าพเจ้าต้องยอมหมอบลงต่อข้าพเจ้า
40 พระองค์ทำให้ศัตรูของข้าพเจ้าหันหลังหนีไป
    ข้าพเจ้าก็โค่นคนพวกนั้นที่เกลียดชังข้าพเจ้าลง
41 พวกเขาร้องให้ช่วย แต่ไม่มีใครช่วย
    พวกเขาร้องต่อพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ไม่ตอบพวกเขา
42 ข้าพเจ้าบดขยี้พวกเขาแหลกละเอียดเหมือนฝุ่นที่ถูกลมพัดปลิวไป
    ข้าพเจ้าเหยียบย่ำพวกเขาเหมือนโคลนตามท้องถนน

43 พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากกองทัพศัตรูที่เข้ามาโจมตี
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าของชนชาติต่างๆเหล่านั้น
    แม้แต่คนที่ข้าพเจ้าไม่รู้จัก ก็รับใช้ข้าพเจ้า
44 ทันทีที่พวกเขาได้ยินเรื่องของข้าพเจ้า พวกเขาต่างยอมสยบต่อข้าพเจ้า
    คนต่างชาติหมอบลงต่อหน้าข้าพเจ้า
45 คนต่างชาติพวกนั้นขวัญหนีดีฝ่อ
    พากันออกมาจากที่ซ่อนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว

46 ใช่แล้ว พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่ ให้สรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นหินกำบังของข้าพเจ้า
    ให้ยกย่องพระเจ้าผู้ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้น
47 พระองค์ เป็นพระเจ้าผู้ลงโทษศัตรูของข้าพเจ้า
    และทำให้ชนชาติต่างๆยอมสยบอยู่ใต้ข้าพเจ้า
48 พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากศัตรูของข้าพเจ้า
    ใช่แล้ว พระองค์ยกข้าพเจ้าขึ้นเหนือคนเหล่านั้นที่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับข้าพเจ้า
    พระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้ารอดจากศัตรูที่โหดร้าย

49 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญชื่อของพระองค์
50 พระองค์ให้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่กับกษัตริย์ของพระองค์
    พระองค์ให้ความรักอันมั่นคงกับกษัตริย์ที่พระองค์ได้เลือกไว้[c]
    ซึ่งก็คือดาวิดและลูกหลานของเขาตลอดไป

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International