M’Cheyne Bible Reading Plan
ฮันนาห์ขอบคุณพระเจ้า
2 ฮันนาห์อธิษฐานและพูดว่า
“จิตใจข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระยาห์เวห์
ข้าพเจ้ารู้สึกเข้มแข็งมากในพระเจ้าของข้าพเจ้า[a]
ข้าพเจ้าหัวเราะเยาะพวกศัตรูของข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้ายินดีที่พระองค์ได้ช่วยกู้ข้าพเจ้า
2 ไม่มีใครศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระยาห์เวห์
ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์เท่านั้น
ไม่มีหินกำบังไหนเหมือนพระเจ้าของพวกเรา
3 อย่าพูดจาเย่อหยิ่งอีกต่อไปเลย
หรือปล่อยให้ปากพูดจาจองหอง
เพราะพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าผู้รู้ทุกสิ่ง
และเป็นผู้ชั่งการกระทำของมนุษย์
4 คันธนูของเหล่านักรบถูกหัก
แต่คนอ่อนแอกลับเข้มแข็งขึ้น
5 คนที่เคยมีอันจะกินต้องออกทำงานแลกอาหาร
แต่คนที่เคยหิวโหยไม่หิวอีกต่อไป
หญิงที่เคยเป็นหมันกลับมีลูกเจ็ดคน
แต่หญิงที่มีลูกหลายคนกลับเศร้าเดียวดาย
6 พระยาห์เวห์เป็นผู้ฆ่าและเป็นผู้ให้ชีวิต
พระองค์นำคนลงไปแดนผู้ตายและนำคนขึ้นมา
7 พระยาห์เวห์ทำให้คนยากจนและทำให้คนร่ำรวย
พระองค์ทำให้คนตกต่ำและทำให้คนสูงส่ง
8 พระองค์ยกคนจนขึ้นจากฝุ่น
และนำคนที่ขัดสนพ้นจากกองขี้เถ้า
ให้พวกเขาได้นั่งรวมกับพวกกษัตริย์
และนั่งอยู่บนที่นั่งอันมีเกียรติ
เพราะเสาฐานรากของโลกนี้เป็นของพระยาห์เวห์
และพระองค์ได้สร้างโลกทั้งโลกบนเสาฐานรากเหล่านั้น
9 พระองค์จะดูแลทุกย่างก้าวของคนที่จงรักภักดีต่อพระองค์
แต่คนเลวจะถูกปิดปากให้เงียบอยู่ในความมืด
เพราะชัยชนะไม่ได้มาจากกำลังของมนุษย์
10 พวกศัตรูของพระยาห์เวห์จะแตกเป็นเสี่ยงๆ
พระองค์จะใช้สายฟ้าจากสวรรค์สู้กับพวกเขา
พระยาห์เวห์จะพิพากษาจนสุดปลายโลก
พระองค์จะมอบกำลังแก่กษัตริย์ของพระองค์
และเพิ่มกำลังแก่ผู้ที่พระองค์ได้เจิมไว้”
11 แล้วเอลคานาห์ก็กลับไปบ้านที่รามาห์ แต่ลูกชายของเขาอยู่รับใช้พระยาห์เวห์ โดยมีนักบวชเอลีเป็นผู้ดูแล
ลูกชายเลวๆของเอลี
12 ลูกชายสองคนของเอลีเป็นคนเลว พวกเขาไม่นับถือพระยาห์เวห์ 13-14 พวกเขาไม่ได้ใส่ใจกับกฎต่างๆที่นักบวชควรจะทำต่อประชาชนที่เอาเครื่องบูชามาถวาย ปกติแล้วเมื่อมีคนเอาเครื่องบูชามาถวาย พวกเขาจะต้องเอาเนื้อนั้นไปต้ม แล้วคนรับใช้ของนักบวชจะเอาสามง่ามมาแทงเนื้อที่อยู่ในหม้อหรือในกาหรือในกาน้ำขนาดใหญ่นั้น และเนื้อที่ติดสามง่ามขึ้นมาก็จะเป็นของนักบวช นี่คือวิธีที่นักบวชจะทำกับคนอิสราเอลที่นำเครื่องบูชามาถวายที่ชิโลห์ 15 แต่ลูกของเอลีไม่ได้ทำอย่างนั้น ก่อนที่ไขมันจะถูกเผาบนแท่นเสียอีก คนรับใช้ของนักบวชจะไปพูดกับคนที่เอาเครื่องบูชามาถวายว่า “เอาเนื้อมาให้นักบวชย่าง เขาไม่ต้องการเนื้อต้มจากท่าน แต่ต้องการเนื้อดิบ”
16 ถ้าคนที่เอาเครื่องบูชามาถวายพูดว่า “ขอให้เผาไขมัน[b] ก่อน แล้วท่านอยากได้อะไรก็เอาไปเลย” คนรับใช้ก็จะตอบว่า “ไม่ได้ ให้เนื้อข้าเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ให้ ข้าจะแย่งเอาไป”
17 ในสายตาของพระยาห์เวห์ นั่นเป็นบาปที่ยิ่งใหญ่ของชายหนุ่มสองคนนี้ เพราะพวกเขาได้ดูหมิ่นของถวายที่คนเอามาถวายต่อพระยาห์เวห์
18 แต่ซามูเอลรับใช้อยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ เขาเป็นเด็กที่ใส่เอโฟด ผ้าลินิน 19 ทุกปีแม่ของเขาจะเย็บเสื้อคลุมตัวเล็กๆมาให้เขา เมื่อนางมาถวายเครื่องบูชาประจำปีกับสามี
20 เอลีอวยพรเอลคานาห์และเมียของเขาว่า “ขอให้พระยาห์เวห์ตอบแทนท่าน ด้วยลูกจากผู้หญิงคนนี้ แทนของขวัญที่นางได้อุทิศให้กับพระยาห์เวห์”[c] แล้วพวกเขาก็กลับบ้านไป 21 พระยาห์เวห์มีความโอบอ้อมอารีต่อฮันนาห์ เธอได้ตั้งท้องและได้คลอดลูกชายอีกสามคน และลูกสาวอีกสองคน ในขณะที่เด็กชายซามูเอลก็เจริญเติบโตขึ้นต่อหน้าพระยาห์เวห์
เอลีควบคุมลูกชายเลวๆไม่อยู่
22 เมื่อเอลีแก่มากแล้ว เขาได้ยินเรื่องชั่วๆทั้งสิ้นที่ลูกสองคนของเขาได้ทำต่อคนอิสราเอลทั้งหมด เช่น พวกเขาได้ร่วมหลับนอนกับหญิงที่รับใช้อยู่ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ
23 เอลีได้พูดกับลูกชายทั้งสองว่า “ทำไมลูกๆถึงได้ทำอย่างนี้ พ่อได้ยินชาวบ้านทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องชั่วๆที่พวกลูกได้ทำ 24 อย่าทำเลยนะลูก เรื่องที่พ่อได้ยินมา ที่คนของพระยาห์เวห์กำลังเล่ากันไปทั่วนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย 25 ถ้ามนุษย์ทำบาปต่อมนุษย์ด้วยกัน พระเจ้าอาจจะมาไกล่เกลี่ยให้ แต่ถ้ามนุษย์ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ แล้วใครจะมาเป็นคนกลางให้ได้”
แต่ลูกชายของเอลีไม่ได้ฟังคำตักเตือนของพ่อเลย เพราะพระยาห์เวห์ต้องการจะฆ่าพวกเขา
26 ส่วนเด็กชายซามูเอลก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆและเป็นที่ชื่นชอบของพระยาห์เวห์และคนทั้งหลาย
คำทำนายที่น่ากลัวต่อครอบครัวเอลี
27 คนของพระเจ้าคนหนึ่งได้มาหาเอลี และพูดกับเขาว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์บอก ‘เราได้ปรากฏตัวอย่างชัดเจนให้บรรพบุรุษของเจ้าเห็น ตอนที่พวกเขาอยู่ในอียิปต์ภายใต้อำนาจของกษัตริย์ฟาโรห์ 28 จากเผ่าทั้งหมดของอิสราเอล เราได้เลือกเผ่าของบรรพบุรุษเจ้าออกมา เพื่อมาเป็นนักบวชของเรา เราได้เลือกพวกเขาให้มาถวายเครื่องบูชาบนแท่นบูชาของเรา และมาเผาเครื่องหอม และใส่เอโฟดต่อหน้าเรา เรายังให้บรรพบุรุษของเจ้าแบ่งเนื้อจากพวกของขวัญที่คนอิสราเอลเอามาถวายให้กับเรา 29 แล้วทำไมพวกเจ้าถึงได้อิจฉาตาร้อนอยากได้เครื่องสัตวบูชาของเรา และของถวายที่เราได้กำหนดไว้สำหรับสถานที่ที่เราอยู่ ทำไมเจ้าถึงให้เกียรติลูกชายทั้งสองของเจ้ามากกว่าเรา และพวกเจ้ายังเลี้ยงตัวเองจนอ้วนพีจากของถวายส่วนที่ดีที่สุดที่คนอิสราเอลเอามาถวายให้กับเรา’
30 เพราะอย่างนี้ พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล จึงได้ประกาศว่า ‘เราเคยสัญญาว่า ครอบครัวของเจ้าและครอบครัวของพ่อเจ้า จะเป็นผู้รับใช้อยู่ต่อหน้าเราตลอดไป’ แต่ตอนนี้พระยาห์เวห์ประกาศว่า ‘มันจะไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ใครให้เกียรติเรา เราก็จะให้เกียรติคนนั้น แต่ใครที่ดูถูกเรา เราก็จะดูถูกคนนั้น’ 31 เวลานั้นได้มาถึงแล้ว เราจะตัดความแข็งแรงของเจ้า และของครอบครัวของพ่อเจ้า เพื่อว่าในตระกูลของเจ้าจะไม่มีใครได้อยู่จนแก่เฒ่า 32 ส่วนเจ้า เอลี เจ้าจะมองอย่างอิจฉาตาร้อนต่อสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นกับอิสราเอล แต่เจ้าจะเห็นเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในบ้านของตัวเจ้าเอง[d] และตระกูลของเจ้าจะไม่มีใครได้อยู่จนแก่เฒ่า 33 ในหมู่ลูกหลานของเจ้า เราจะไว้ชีวิตแค่คนเดียว เพื่อเขาจะได้รับใช้เป็นนักบวชอยู่ที่แท่นบูชาของเรา เราจะไว้ชีวิตคนๆนั้นเพื่อให้คอยร้องไห้และให้อยู่อย่างเศร้าโศกเสียใจ ส่วนลูกหลานคนอื่นๆที่เหลือของเจ้าจะต้องตายด้วยคมดาบ[e] 34 ลูกชายทั้งสองคนของเจ้า คือโฮฟนีและฟีเนหัส จะตายในวันเดียวกัน นั่นจะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ให้เจ้าเห็นว่า เรื่องนี้มาจากเรา 35 เราจะเลือกนักบวชที่ซื่อสัตย์ ผู้ที่จะทำตามสิ่งที่อยู่ในจิตใจและความคิดของเรา เราจะสร้างครอบครัวเขาให้มั่นคง และเขาจะรับใช้เสมออยู่ต่อหน้ากษัตริย์ที่เราได้เจิมไว้ 36 และคนในครอบครัวของเจ้าที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็จะมาก้มกราบลงต่อหน้านักบวชคนนี้ และร้องขอเศษเงินหรือเศษอาหาร พวกเขาจะพูดว่า ‘ของานนักบวชให้กับเราด้วยเถิด เพื่อเราจะได้มีอาหารกินสักนิดหนึ่ง’”
พระเจ้าลงโทษอย่างยุติธรรม
2 คุณครับ คุณไม่มีข้อแก้ตัวหรอก เพราะเวลาที่คุณตัดสินคนอื่นนั้น ก็เท่ากับว่าคุณตัดสินตัวคุณเองด้วย เพราะคุณก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน 2 ตอนนี้เรารู้แล้วว่าพระเจ้านั้นยุติธรรมที่ตัดสินโทษคนที่ทำอย่างนั้น 3 คุณครับ คุณไปตัดสินโทษคนอื่นที่ทำอย่างนั้น แต่ตัวคุณกลับมาทำเสียเอง คุณคิดว่าจะหนีพ้นการลงโทษจากพระเจ้าหรือ 4 คุณดูหมิ่นความกรุณาอันยิ่งใหญ่ และความอดทนอดกลั้นของพระองค์ และไม่สนใจว่าความกรุณาของพระองค์นั้น มีไว้สำหรับนำคุณให้กลับตัวกลับใจ[a] 5 แต่เพราะคุณดื้อดึงไม่ยอมกลับตัวกลับใจ คุณจึงสะสมโทษไว้ให้กับตัวเอง เพื่อจะได้รับโทษนั้นในวันพิพากษา และในวันนั้นคุณก็จะได้เห็นว่าพระเจ้าตัดสินอย่างยุติธรรม 6 พระเจ้าจะตอบแทนแต่ละคนตามสิ่งที่เขาได้ทำไป 7 ส่วนคนที่ทำความดีอย่างไม่ย่อท้อเพื่อแสวงหาศักดิ์ศรี เกียรติยศ และชีวิตที่ไม่มีวันตาย พระเจ้าจะให้เขามีชีวิตกับพระองค์ตลอดไป 8 ส่วนคนที่เห็นแก่ตัว และไม่ยอมทำตามความจริงแต่กลับทำชั่ว พระเจ้าก็จะตอบแทนด้วยความโกรธแค้น และจะลงโทษเขา 9 มนุษย์ที่ทำชั่วจะได้รับความทุกข์ยากและความเจ็บปวดรวดร้าว โดยพวกชาวยิวจะได้รับก่อน จากนั้นก็เป็นพวกคนที่ไม่ใช่ยิว 10 แต่สำหรับทุกคนที่ทำความดีจะได้รับศักดิ์ศรี เกียรติยศ และสันติสุข โดยพวกชาวยิวจะได้รับก่อน ต่อไปก็พวกที่ไม่ใช่ยิว 11 เพราะพระเจ้าไม่ลำเอียง
12 สำหรับคนที่อยู่นอกกฎ เมื่อเขาทำบาปก็จะถูกทำลายโดยไม่ต้องอ้างกฎ ส่วนคนที่อยู่ใต้กฎ เมื่อทำบาปก็จะถูกลงโทษตามกฎนั้น 13 ไม่ใช่แค่ได้ยินกฎ พระเจ้าก็ยอมรับแล้ว แต่ต้องทำตามกฎด้วย พระเจ้าถึงจะยอมรับ 14 พวกคนที่ไม่มีกฎของโมเสสเพราะพวกเขาไม่ได้เกิดมาเป็นคนยิว แต่ได้ทำตามสิ่งที่กฎนั้นบอกเอาไว้ ก็แสดงว่าพวกเขามีกฎนั้นอยู่ในตัวเอง 15 คนพวกนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่กฎบอกให้ทำนั้น มีเขียนไว้ในใจของพวกเขา ดูได้จากใจที่ฟ้องถูกผิดของเขา และความคิดที่ต่อสู้กันอยู่ในใจระหว่างโทษตัวเองกับการแก้ตัว 16 ทั้งใจที่ฟ้องถูกผิด และความคิดที่ต่อสู้กันอยู่ในใจนี้ จะเป็นพยานถึงเรื่องนี้ ในวันที่พระเจ้าตัดสินความลับต่างๆของมนุษย์ ผ่านทางพระเยซูคริสต์ ข่าวดีที่ผมได้ประกาศนั้นบอกไว้อย่างนี้
พวกยิวและกฎ
17 ถ้าคุณเรียกตัวเองว่าเป็นยิว ตัวเองพึ่งในกฎของพระเจ้า โอ้อวดเรื่องพระเจ้า 18 รู้ว่าพระเจ้าต้องการให้คุณเป็นคนอย่างไร พระเจ้าต้องการอะไร สามารถแยกแยะออกว่าเรื่องไหนสำคัญที่สุด เพราะคุณได้เรียนรู้มาแล้วจากกฎนั้น 19 ถ้ามั่นใจว่าตัวเองเป็นคนนำทางให้คนตาบอด เป็นแสงสว่างให้คนที่อยู่ในความมืด 20 เป็นคนชี้แนะคนโง่ และเป็นครูสอนคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ที่คุณมั่นใจอย่างนี้เพราะในกฎนั้นมีความรู้และความจริงในรูปแบบที่เข้าใจง่าย 21 ถ้าอย่างนั้น ทำไมถึงไม่สอนตัวเองบ้าง ดีแต่สอนคนอื่น คุณสอนคนอื่นว่าอย่าขโมย แล้วทำไมคุณจึงขโมยเสียเอง 22 คุณสอนว่าอย่ามีชู้ แล้วทำไมคุณมีชู้เสียเอง คุณเกลียดชังรูปเคารพ แล้วทำไมคุณไปปล้นวัดเสียเอง 23 คุณอวดว่ากฎของพระเจ้าดี แต่คุณฉีกหน้าพระเจ้าเพราะไม่ทำตามกฎนั้น 24 เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “คนที่ไม่ใช่ยิวต่างก็พากันดูหมิ่นพระเจ้าก็เพราะพวกคุณ”[b]
25 ถ้าคุณทำตามกฎจริงๆ ที่คุณทำพิธีขลิบก็มีค่า แต่ถ้าคุณไม่ทำตามกฎ ถึงคุณจะขลิบไปแล้วก็เหมือนกับไม่ได้ขลิบนั่นแหละ 26 แต่ถ้าคนไหนที่ไม่ได้ขลิบ แต่ว่าทำตามกฎ พระเจ้าก็ถือว่าเขาได้ทำพิธีขลิบแล้ว 27 ดังนั้นคนเหล่านั้นที่ไม่ได้เกิดมาเป็นคนยิวและไม่ได้ทำพิธีขลิบ แต่ทำตามกฎจะทำให้เห็นว่าพวกคุณนั้นมีความผิด เพราะพวกคุณมีกฎที่เขียนไว้และทำพิธีขลิบ แต่กลับไม่ทำตามกฎเสียเอง
28 เพราะคนที่เป็นยิวแต่เปลือกนอกนั้น ไม่ถือว่าเป็นยิวแท้ๆ เหมือนกับคนที่ทำพิธีขลิบแต่เปลือกนอกก็ไม่ถือว่าเป็นพิธีขลิบที่แท้จริง 29 แต่คนยิวแท้ๆคือคนที่เป็นยิวจากภายใน มนุษย์ได้รับพิธีขลิบที่แท้จริงในจิตใจจากพระวิญญาณ มันไม่ใช่การผ่าตัดที่มนุษย์ทำกันเพื่อทำตามรายละเอียดที่เขียนไว้ในกฎ คนอย่างนี้ได้รับเกียรติจากพระเจ้า ไม่ใช่จากมนุษย์
เยเรมียาห์และพวกที่เหลืออยู่กับเกดาลิยาห์
40 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ หลังจากที่เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ ได้ปล่อยเขาให้เป็นอิสระที่เมืองรามาห์ ตอนที่เนบูซาระดานเจอตัวเยเรมียาห์นั้น เขาถูกมัดอยู่กับกลุ่มคนที่ถูกกวาดต้อนมาจากเยรูซาเล็มและยูดาห์ เพื่อไปที่บาบิโลน 2 หัวหน้าองครักษ์เอาตัวเยเรมียาห์มา และพูดกับเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ได้ขู่ว่าจะนำความหายนะมาสู่สถานที่แห่งนี้ 3 และพระยาห์เวห์ก็ได้ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเหมือนกับที่พระองค์บอก เพราะพวกเจ้าได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ และไม่เชื่อฟังพระองค์ เลยทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเจ้า 4 ตอนนี้เราได้ปลดโซ่ออกจากมือของเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าอยากไปบาบิโลนกับเรา ก็มาเถอะ เราจะดูแลเจ้าเอง แต่ถ้าเจ้าไม่อยากไป ก็ไม่ต้องไป มองดูแผ่นดินทั้งหมดนี้ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าสิ อยากไปไหนก็ไปเถอะ” 5 ก่อนที่เยเรมียาห์จะเดินจากไป เนบูซาระดานก็พูดขึ้นว่า “หรือเจ้าจะกลับไปหาเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมลูกชายของชาฟาน กษัตริย์บาบิโลนได้แต่งตั้งให้เกดาลิยาห์ปกครองเมืองต่างๆในยูดาห์ เจ้าก็ไปอยู่กับเขาร่วมกับประชาชน หรือเจ้าอยากจะไปที่ไหนที่เจ้าคิดว่าดี ก็ไปเถอะ” แล้วหัวหน้าองครักษ์ก็ให้เสบียงอาหาร จากนั้นก็ปล่อยเขาไป 6 เยเรมียาห์ก็เลยไปหาเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมที่มิสปาห์ แล้วก็อยู่กับเขาที่นั่น ท่ามกลางประชาชนที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในแผ่นดินนั้น
การปกครองสั้นๆของเกดาลิยาห์
7 แล้วพวกแม่ทัพนายกองที่อยู่ในพื้นที่กับลูกน้องของพวกเขาก็ได้ยินว่ากษัตริย์บาบิโลนได้แต่งตั้งเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมให้เป็นผู้ดูแลแผ่นดินนี้ และยังได้มอบหมายให้เขาดูแลพวกผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก รวมทั้งให้เขาดูแลคนยากคนจนในแผ่นดินนี้ที่ไม่ถูกกวาดต้อนไปบาบิโลน
8 คนเหล่านี้ได้มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ คืออิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ โยฮานันและโยนาธาน ลูกชายของคาเรอาห์ เสไรอาห์ลูกชายของทันหุเมท พวกลูกชายของเอฟายชาวเนโทฟาห์ และเยซันยาห์ลูกชายชาวมาอาคาห์ คนเหล่านี้ รวมทั้งคนของพวกเขาก็ได้มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์
9 เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมลูกชายของชาฟานได้สาบานกับพวกเขาและคนของพวกเขาว่า “ไม่ต้องกลัวที่จะต้องรับใช้ชาวบาบิโลนหรอก ให้อาศัยอยู่ในดินแดนของพวกท่าน และรับใช้กษัตริย์บาบิโลนเถอะ แล้วทุกอย่างก็จะดีเองสำหรับท่าน 10 แต่สำหรับเรา เราจะอยู่ที่มิสปาห์เพื่อเป็นตัวแทนของท่านต่อพวกบาบิโลนที่มาโจมตีพวกเรา ส่วนพวกท่านก็ให้เก็บเหล้าองุ่น ผลไม้ และน้ำมันมะกอกไว้ในหม้อไห แล้วก็อยู่ในเมืองต่างๆของท่าน ที่พวกท่านยึดมาได้”
11 และพลเมืองยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในโมอับ ในอัมโมน ในเอโดม และอยู่ในที่ต่างๆก็ได้ยินว่ากษัตริย์บาบิโลนได้ทิ้งคนไว้นิดหน่อยในยูดาห์ และพระองค์ได้แต่งตั้งเกดาลิยาห์ลูกชายอาหิคัม ให้ปกครองพวกเขาเหล่านั้น อาหิคัม เป็นลูกชายของชาฟาน 12 ดังนั้นพวกยิวทุกคนต่างก็พากันเดินทางกลับมาจากสถานที่ต่างๆที่พวกเขาเคยถูกขับไล่ไปอยู่นั้น แล้วพวกเขาก็มาที่แผ่นดินยูดาห์ มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ แล้วพวกเขาก็ได้เก็บเกี่ยวองุ่นและผลไม้อื่นๆได้มากมาย
อิชมาเอลซ่องสุมคนหักหลังเกดาลิยาห์
13 แล้วโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์กับแม่ทัพนายกอง ที่อยู่ในท้องทุ่ง ต่างก็พากันมาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ 14 และพวกเขาบอกกับเกดาลิยาห์ว่า “ท่านรู้หรือเปล่าว่า กษัตริย์บาอาลิสแห่งอัมโมน ได้ส่งอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ มาฆ่าท่าน” แต่เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมไม่เชื่อพวกเขา 15 แล้วโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ ก็เลยแอบพูดกับเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ว่า “ขอให้ผมไปฆ่าอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ จะได้ไม่มีใครรู้ จะปล่อยให้เขามาฆ่าท่านได้ยังไง ถ้าเขาทำอย่างนี้ มันจะทำให้คนยูดาห์ทุกคนที่รวมตัวกันมาอยู่กับท่าน ก็จะต้องกระจัดกระจายไป แล้วคนยูดาห์ที่เหลืออยู่ก็จะถูกกำจัดจนหมดสิ้นไป”
16 แต่เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัม บอกกับโยฮานันลูกของคาเรอาห์ว่า “อย่าทำอย่างนั้น เพราะเรื่องที่เจ้าพูดเกี่ยวกับอิชมาเอลน่ะไม่ใช่เรื่องจริงหรอก”
คนที่พระยาห์เวห์ต้อนรับ
เพลงสดุดีของดาวิด
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ใครจะได้มาเป็นแขกในเต็นท์[a] ของพระองค์
ใครจะได้มาอาศัยบนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
2 คือคนเหล่านั้นที่ใช้ชีวิตอย่างไม่มีที่ติ
ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง พูดความจริงจากใจ
3 ไม่ใช้ลิ้นใส่ร้ายป้ายสี ไม่ทำผิดต่อเพื่อน
ไม่ด่าเพื่อนบ้าน
4 รังเกียจคนชั่วที่พระเจ้าไม่ยอมรับ
ยกย่องคนที่ยำเกรงพระเจ้า
ทำตามสิ่งที่เขาได้สัญญาไว้แม้จะทำให้เขาเดือดร้อนก็ตาม
5 ไม่คิดดอกเบี้ยเมื่อให้ยืมเงิน
ไม่ยอมรับสินบนเพื่อปรักปรำคนบริสุทธิ์
คนที่ทำอย่างนี้จะยืนหยัดมั่นคงเสมอ
ความเชื่อมั่นในพระยาห์เวห์
มิคทาม[b] บทหนึ่งของดาวิด
1 ข้าแต่พระเจ้า ได้โปรดคุ้มครองข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์
2 เจ้าพูด[c] กับพระยาห์เวห์ว่า “พระองค์คือองค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า
สิ่งดีๆทั้งหลายที่ข้าพเจ้ามีล้วนมาจากพระองค์ทั้งสิ้น”
3 แล้วเจ้าก็พูดด้วยว่า “ข้าพเจ้าก็รักพระเจ้าทั้งหลาย[d] ของแผ่นดินนี้
พวกเขาช่างเลอเลิศเสียเหลือเกิน”
4 แต่คนที่แสวงหาพระเจ้าอื่นนั้น จะพบแต่ความทุกข์ยาก
ข้าพเจ้าจะไม่เข้าร่วมพิธีถวายเลือดเป็นเครื่องบูชากับพวกเขา
และข้าพเจ้าจะไม่เอ่ยชื่อของพระเจ้าอื่นเลย
5 พระยาห์เวห์คือมรดกของข้าพเจ้า พระองค์คือถ้วยแห่งพระพรของข้าพเจ้า
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ชะตาชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ในกำมือของพระองค์
6 ข้าพเจ้าได้รับที่ดินผืนงามจากพระองค์
ข้าพเจ้าได้ส่วนแบ่งที่สวยเหลือเกิน
7 ข้าพเจ้าสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระองค์ให้คำปรึกษากับข้าพเจ้า
แม้ในยามค่ำคืน จิตใจข้าพเจ้าก็ยังสอนเตือนข้าพเจ้า
8 ข้าพเจ้าตั้งพระยาห์เวห์อยู่ตรงหน้าเสมอ ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว
เพราะพระองค์อยู่ข้างขวาของข้าพเจ้า
9 เพราะอย่างนี้นี่เอง หัวใจของข้าพเจ้าถึงเบิกบาน จิตวิญญาณของข้าพเจ้าก็เป็นสุขยิ่งนัก
ร่างกายของข้าพเจ้าก็อยู่อย่างปลอดภัยด้วย
10 เพราะพระยาห์เวห์จะไม่ทอดทิ้งข้าพเจ้าให้อยู่ในแดนคนตาย
พระองค์จะไม่ยอมปล่อยให้ผู้ติดตามที่จงรักภักดีของพระองค์ต้องลงไปในหลุมศพ
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์สอนให้ข้าพเจ้ารู้จักทางที่นำไปสู่ชีวิต
เมื่อข้าพเจ้าอยู่ต่อหน้าพระองค์ ข้าพเจ้ามีความสุขอย่างเต็มที่
เมื่อข้าพเจ้าอยู่เคียงข้างพระองค์ ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเสมอ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International