Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 ซามูเอล 1

เอลคานาห์ไปนมัสการที่ชิโลห์

มีชายคนหนึ่งมาจากเมืองรามาธาอิม-โซฟิมในเทือกเขาเอฟราอิม เขาชื่อว่าเอลคานาห์ เป็นลูกชายของเยโรฮัม[a] เยโรฮัมเป็นลูกชายของเอลีฮู เอลีฮูเป็นลูกชายของโทหุ โทหุเป็นลูกชายของศูฟคนเผ่าเอฟราอิม

เอลคานาห์มีเมียสองคน คือฮันนาห์ และเปนินนาห์ นางเปนินนาห์มีลูก แต่นางฮันนาห์ไม่มี

ทุกๆปี เอลคานาห์จะออกจากเมืองเพื่อไปนมัสการและถวายเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ที่เมืองชิโลห์ ที่นั่นมีลูกชายสองคนของเอลี คือ โฮฟนี และฟีเนหัส เป็นนักบวชของพระยาห์เวห์อยู่ ในวันที่เอลคานาห์ถวายเครื่องบูชา เขาจะแบ่งเนื้อส่วนหนึ่งให้กับเปนินนาห์เมียของเขา และให้กับลูกชายลูกสาวของนางทุกคน แต่เขาจะให้ฮันนาห์เท่ากัน[b]เพราะเขารักนางมาก ถึงแม้ว่าพระยาห์เวห์ไม่ได้ให้นางมีลูก

เปนินนาห์ชอบยั่วให้ฮันนาห์เสียใจ

เปนินนาห์เมียอีกคนของเอลคานาห์ชอบยั่วให้นางฮันนาห์เสียใจในเรื่องที่นางฮันนาห์ไม่สามารถมีลูกได้ เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นปีแล้วปีเล่า เมื่อนางฮันนาห์ไปที่บ้านของพระยาห์เวห์ เปนินนาห์จะยั่วให้เธอเสียใจจนเธอร้องไห้และไม่ยอมกินอาหาร เอลคานาห์จึงถามเมียเขาว่า “ฮันนาห์ เธอร้องไห้ทำไม ทำไมไม่ยอมกินอาหาร ทำไมเธอถึงได้เศร้าโศกนัก พี่ไม่ได้มีความหมายสำหรับเธอมากกว่าลูกชายสิบคนหรอกหรือ”

คำอธิษฐานของฮันนาห์

หลังจากกินและดื่มกันเสร็จแล้ว ฮันนาห์ได้ลุกขึ้นอย่างเงียบๆไปอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์[c] นักบวชเอลีกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ประตูวิหารของพระยาห์เวห์ 10 ฮันนาห์ขมขื่นใจและร้องไห้อย่างหนัก และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 11 นางได้บนไว้ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ถ้าพระองค์เห็นความทุกข์ของผู้รับใช้ของพระองค์คนนี้ และระลึกถึงข้าพเจ้า และไม่ลืมผู้รับใช้ของพระองค์คนนี้ และมอบลูกชายให้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะอุทิศเขาให้กับพระยาห์เวห์ตลอดชั่วชีวิตของเขา เขาจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือเบียร์[d] และจะไม่ให้มีดโกนโดนหัวเขาเลย[e]

12 ขณะที่นางฮันนาห์อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ไปเรื่อยๆนั้น เอลีได้สังเกตปากของนาง 13 ฮันนาห์ได้อธิษฐานอยู่ในใจ ริมฝีปากนางขมุบขมิบแต่ไม่มีเสียงออกมาให้ได้ยิน เอลีคิดว่านางกำลังเมา 14 เขาก็เลยพูดว่า “เจ้าจะเมาไปอีกนานแค่ไหน ทิ้งเหล้าองุ่นของเจ้าได้แล้ว”

15 ฮันนาห์ตอบว่า “เจ้านาย ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นหรือเบียร์ แต่ฉันมีความทุกข์ใจมาก กำลังระบายความในใจของฉันต่อพระยาห์เวห์ 16 อย่าคิดว่าผู้รับใช้ของท่านเป็นผู้หญิงเลว ฉันมาอธิษฐานด้วยความทุกข์ใจและเศร้าโศกยิ่งนัก”

17 เอลีตอบว่า “กลับไปเป็นสุขเถิด แล้วขอให้พระเจ้าของอิสราเอลให้สิ่งที่เจ้าได้ขอต่อพระองค์เถิด”

18 ฮันนาห์ตอบว่า “ขอให้ฉันผู้รับใช้ของท่าน เป็นที่พอใจของท่านด้วยเถิด” จากนั้นเธอก็จากไปและกินอาหาร ใบหน้าของเธอก็ไม่เศร้าโศกอีกเลย

19 เช้าตรู่ของวันใหม่ พวกเขาได้ลุกขึ้นและนมัสการพระยาห์เวห์ หลังจากนั้นก็เดินทางกลับบ้านที่รามาห์

การเกิดของซามูเอล

เอลคานาห์ได้ร่วมหลับนอนกับนางฮันนาห์เมียของเขา และพระยาห์เวห์ได้ระลึกถึงนาง 20 ปีต่อมาในเวลาเดียวกันนั้น นางฮันนาห์ตั้งท้องและคลอดลูกชาย เธอตั้งชื่อเขาว่า ซามูเอล[f] นางพูดว่า “เพราะฉันได้ขอเขามาจากพระยาห์เวห์”

21 เมื่อเอลคานาห์และครอบครัวเดินทางไปถวายเครื่องบูชาประจำปีต่อพระยาห์เวห์และแก้บน 22 ฮันนาห์ไม่ได้ไปด้วย นางบอกกับสามีว่า “หลังจากลูกหย่านมแล้ว ฉันจะพาเขาไปชิโลห์ และมอบเขาให้กับพระยาห์เวห์ แล้วเขาก็จะอยู่ที่นั่นตลอดไป และจะเป็นนาซาไรท์[g][h] ตลอดชีวิต”

23 เอลคานาห์สามีของนางจึงพูดว่า “ทำสิ่งที่เธอเห็นว่าดีที่สุดเถิด พักอยู่ที่นี่จนกว่าเธอจะให้ลูกหย่านม แล้วขอให้พระยาห์เวห์ทำให้คำพูดของเธอเกิดผลดีเถิด”[i] แล้วฮันนาห์ก็ได้อยู่บ้านเลี้ยงลูกจนกระทั่งนางให้ลูกหย่านม

ฮันนาห์พาซามูเอลไปหาเอลีที่ชิโลห์

24 หลังจากที่ซามูเอลหย่านมแล้ว นางก็พาลูกไปกับนางในขณะที่เขายังเด็กอยู่ พร้อมกับวัวตัวผู้อายุสามปีหนึ่งตัว แป้งหนึ่งเอฟาห์[j] เหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนัง แล้วนำเขาไปที่บ้านของพระยาห์เวห์ที่ชิโลห์

25 พวกเขาได้ไปอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ เอลคานาห์ได้ฆ่าวัวผู้ตัวนั้นถวายเป็นเครื่องบูชาให้กับพระยาห์เวห์อย่างเคย[k] แล้วนางฮันนาห์ก็มอบเด็กชายซามูเอลให้กับเอลี 26 นางฮันนาห์พูดกับเอลีว่า “เจ้านาย ท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ฉันคือผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆท่าน และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ 27 ฉันได้อธิษฐานขอเด็กคนนี้ และพระยาห์เวห์ได้มอบสิ่งที่ฉันได้ขอจากพระองค์ 28 ตอนนี้ฉันจะมอบเด็กนี้ให้กับพระยาห์เวห์ และเขาจะรับใช้พระยาห์เวห์ไปตลอดชีวิตของเขา”

แล้วนางฮันนาห์ก็ทิ้งเด็กชายซามูเอลไว้ที่นั่น[l] และนางก็ได้นมัสการพระยาห์เวห์

โรม 1

คำทักทายจากเปาโล

จากเปาโลทาสของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าเรียกผมให้มาเป็นศิษย์เอก และแต่งตั้งผมให้มาประกาศข่าวดีที่มาจากพระเจ้า พวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้ประกาศข่าวดีนี้ไว้ก่อนหน้านี้แล้วในพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ ข่าวดีนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้า ผู้ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผ่านทางเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิด เมื่อพระองค์ฟื้นขึ้นจากความตาย พระเจ้าได้แต่งตั้งพระองค์ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เป็นพระบุตรผู้เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ คือพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์และองค์เจ้าชีวิตของพวกเรา พวกเราได้รับสิทธิพิเศษผ่านทางพระเยซูให้มาเป็นศิษย์เอก เราได้รับสิทธิพิเศษนี้เพื่อพวกเราจะได้นำคนที่ไม่ใช่ยิวให้มาไว้วางใจและเชื่อฟังพระเจ้า พวกเราทำงานนี้เพื่อให้เกียรติกับพระเยซู พวกคุณก็รวมอยู่ในกลุ่มคนที่ไม่ใช่ยิวนี้ด้วย และพระเจ้าก็เรียกคุณให้มาเป็นคนของพระเยซูคริสต์

ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงพวกคุณทุกคนที่อยู่ในเมืองโรม เป็นพวกที่พระเจ้ารักและเรียกให้มาเป็นคนของพระองค์

ขอให้พระเจ้าพระบิดาของเราและพระเยซูคริสต์เจ้าให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับคุณทุกคนด้วยเถิด

เปาโลอธิษฐานขอบคุณพระเจ้า

ก่อนอื่นผมขอบคุณพระเจ้าของผมผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้าสำหรับคุณทุกคน เพราะคนทั่วโลกต่างก็พากันพูดถึงความเชื่อของคุณ ผมรับใช้พระเจ้าสุดหัวใจในการประกาศข่าวดีเกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ พระเจ้าผู้นี้เป็นพยานให้กับผมได้ว่า ผมอธิษฐานให้คุณตลอดเวลา 10 ผมอธิษฐานขอตลอดเวลาให้พระเจ้าจะเปิดโอกาสให้กับผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วในที่สุดผมก็จะได้มาเยี่ยมคุณตามที่ตั้งใจเอาไว้ 11 เพราะผมอยากเจอพวกคุณมาก ผมจะได้มาแบ่งปันพระพรที่มาจากพระวิญญาณกับพวกคุณ เพื่อคุณจะได้มีกำลังใจมากขึ้น 12 อันที่จริงต้องพูดว่า เราจะได้ให้กำลังใจซึ่งกันและกันผ่านทางความเชื่อของเราทั้งสองฝ่าย 13 พี่น้องครับ ผมอยากให้รู้ว่า ผมตั้งใจจะมาเยี่ยมคุณหลายครั้งแล้ว เพื่อเวลาที่ผมอยู่กับคุณ ผมจะได้ช่วยคุณให้เจริญขึ้นฝ่ายจิตวิญญาณ เหมือนกับที่ผมได้ช่วยชนชาติอื่นๆมาแล้ว แต่ก็มีเรื่องขัดขวางมาตลอดจนถึงเดี๋ยวนี้

14 ผมมีภาระหน้าที่ที่ติดค้างอยู่กับทุกคน ทั้งคนกรีกและคนที่ไม่ใช่กรีก ทั้งคนฉลาดและคนโง่ 15 นั่นเป็นเหตุที่ผมพร้อมที่จะประกาศข่าวดีให้กับพวกคุณที่อยู่ในเมืองโรม

16 ผมไม่ละอายเกี่ยวกับข่าวดีนี้หรอก เพราะข่าวดีนี้เป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่จะช่วยชีวิตทุกคนที่ไว้วางใจให้รอด ช่วยพวกยิวก่อน แล้วต่อมาก็ช่วยคนที่ไม่ใช่ยิวด้วย 17 เพราะในข่าวดีนั้น พระเจ้ากำลังเปิดเผยให้เห็นว่า พระองค์ทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ เพราะพระเจ้าแสดงความซื่อสัตย์ของพระองค์ให้เห็นก่อน คนจึงไว้วางใจในพระองค์ เหมือนกับที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่า “คนที่พระเจ้ายอมรับจะใช้ชีวิตด้วยความไว้วางใจ”[a]

มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป

18 เพราะพระเจ้ากำลังแสดงความโกรธของพระองค์ให้เห็นจากสวรรค์ ต่อความชั่วช้าทุกอย่างและความผิดที่คนทำขึ้น สิ่งเหล่านี้ไปปิดบังความจริงไม่ให้คนรู้ 19 ที่พระเจ้าโกรธก็เพราะ เรื่องที่คนจะรู้เกี่ยวกับพระเจ้าได้นั้น คนก็เห็นอย่างชัดเจนแล้ว เพราะพระเจ้าได้เปิดเผยให้มันเห็นชัดเจนอยู่แล้ว 20 นับตั้งแต่วันแรกที่สร้างโลกนี้มา คุณสมบัติต่างๆของพระเจ้าที่ไม่สามารถมองเห็น เช่นฤทธิ์อำนาจที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย หรือความเป็นพระเจ้าของพระองค์ มนุษย์เห็นได้ชัดเจนเพราะเขาสามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้จากสิ่งต่างๆที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา นี่เป็นเหตุผลที่มนุษย์จึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย 21 เพราะเขารู้เรื่องพระเจ้า แต่ไม่ได้ยกย่องพระองค์เป็นพระเจ้าของเขา และไม่ขอบคุณพระองค์ด้วย แต่พวกเขากลับสนใจสิ่งต่างๆที่ไร้ค่า และจิตใจของเขาที่ขาดความเข้าใจก็มืดมนไป 22 ถึงแม้พวกเขาอ้างว่าเป็นคนฉลาด แต่กลับกลายเป็นคนโง่ไป 23 เพราะเขาได้เอาความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ไม่มีวันตายนี้ ไปแลกกับรูปปั้นที่ทำขึ้นมาเป็นรูปของมนุษย์ที่ต้องตาย หรือรูปนกต่างๆ หรือสัตว์สี่เท้า หรือสัตว์เลื้อยคลาน

24 พระเจ้าจึงปล่อยให้มนุษย์ทำสิ่งชั่วช้าลามก ตามกิเลสตัณหาที่อยู่ในใจของพวกเขา เขาจึงทำผิดทางเพศ ใช้ร่างกายของกันและกันอย่างน่าละอาย 25 พวกเขาเอาความจริงของพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ พวกเขาบูชาและรับใช้สิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา แทนที่จะบูชาและรับใช้พระเจ้าผู้สร้างสิ่งเหล่านั้น พระองค์สมควรได้รับการสรรเสริญตลอดไป อาเมน

26 ดังนั้นพระเจ้าจึงปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ภายใต้กิเลสตัณหาอันน่าละอาย พวกผู้หญิงแทนที่จะมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติแต่กลับทำให้มันผิดธรรมชาติไป 27 ส่วนพวกผู้ชายก็เหมือนกัน แทนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงตามธรรมชาติ กลับไปเผาผลาญไฟราคะด้วยกันเอง ผู้ชายกับผู้ชายทำสิ่งที่น่ารังเกียจต่อกัน นี่แหละเป็นผลกรรมที่พวกเขาได้รับเพราะทิ้งความจริงไป

28 พวกเขาเห็นว่าการรู้จักพระเจ้านั้นไร้ค่า พระเจ้าก็เลยปล่อยให้เขามีความคิดที่ไร้ค่า และทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ 29 มนุษย์จึงเต็มไปด้วยความผิดทุกอย่าง ความชั่วร้าย ความโลภ การปองร้าย ความอิจฉาริษยา การฆ่าฟัน การทะเลาะวิวาท การหลอกลวง การเกลียดชัง การซุบซิบนินทา 30 การพูดส่อเสียด การเกลียดชังพระเจ้า ความหยาบคาย ความเย่อหยิ่งจองหอง การอวดตัว การคิดค้นวิธีทำชั่วแบบใหม่ๆ การไม่เชื่อฟังพ่อแม่ 31 การเป็นคนโง่ ไม่รักษาคำพูด ไม่มีความรัก และขาดความเมตตา 32 ทั้งๆที่รู้กฎเกณฑ์ของพระเจ้าว่าคนที่ทำสิ่งเหล่านี้สมควรตาย พวกเขาไม่ใช่แค่ทำเองเท่านั้น แต่ยังไปเห็นดีเห็นชอบกับคนอื่นที่ทำอย่างนั้นด้วย

เยเรมียาห์ 39

เมืองเยรูซาเล็มแตก

(2 พกษ. 25:1-12; ยรม. 52:4-16)

39 ในเดือนที่สิบของปีที่เก้าที่เศเดคียาห์ เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้ยกกองทัพทั้งหมดของพระองค์มาล้อมเมืองเยรูซาเล็มไว้ ในวันที่เก้าเดือนสี่ ของปีที่สิบเอ็ดที่เศเดคียาห์ เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ แนวป้องกันเมืองเยรูซาเล็มก็ถูกทะลวงเข้ามา พวกเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมดของกษัตริย์บาบิโลน ก็ได้เข้ามานั่งอยู่ที่กลางประตูเมือง เนอร์กัลชาเรเซอร์ สัมการ์เนโบ สารเสคิม ที่มียศรับสารีส[a] เนอร์กัลชาเรเซอร์[b] ที่มียศรับมัก และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆทั้งหมดของกษัตริย์บาบิโลนก็อยู่ที่นั่นด้วย

เมื่อกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์และทหารทุกคนเห็นพวกนี้ พวกเขาก็พากันหนีออกไปนอกเมืองในตอนกลางคืน ผ่านทางสวนของกษัตริย์ ออกทางประตูที่อยู่ระหว่างกำแพงสองชั้น พวกเขาออกนอกเมืองทางถนนที่ตรงไปยังทะเลทรายอารบา ทหารบาบิโลนก็ไล่ตามพวกเขาไป และไปทันกษัตริย์เศเดคียาห์ ที่ทะเลทรายอารบาใกล้ๆเมืองเยริโค แล้วพวกเขาก็จับกษัตริย์เศเดคียาห์ และพาพระองค์ไปหาเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของบาบิโลน ที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ก็ได้ตัดสินลงโทษกษัตริย์เศเดคียาห์ กษัตริย์บาบิโลนได้ฆ่าพวกลูกชายของกษัตริย์เศเดคียาห์ที่ริบลาห์ต่อหน้าต่อตาพระองค์ แล้วก็ฆ่าเจ้านายทั้งหมดของยูดาห์ด้วย จากนั้นพระองค์ก็ควักดวงตาของกษัตริย์เศเดคียาห์ แล้วเอาโซ่ล่ามพระองค์ พาไปบาบิโลน

จากนั้นพวกบาบิโลนก็เผาวังของกษัตริย์และบ้านเรือนของประชาชน พร้อมกับทำลายกำแพงเมืองเยรูซาเล็มลง เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ ก็ได้ทำการกวาดต้อนประชาชนที่เหลือในเมือง และคนเหล่านั้นที่ได้ทิ้งเมืองออกไปมอบตัวกับเขาก่อนหน้านี้ รวมทั้งช่างฝีมือที่เหลือ เขาได้กวาดต้อนไปบาบิโลน 10 ส่วนคนที่ยากจนที่ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ ก็ปล่อยทิ้งไว้ในยูดาห์ และในวันนั้นเขาก็ได้ยกพวกไร่องุ่นกับท้องทุ่งทั้งหลายให้กับพวกเขา

เนบูคัดเนสซาร์ดูแลเยเรมียาห์

11 แล้วเนบูคัดเนสซาร์ก็ออกคำสั่งผ่านเนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ เกี่ยวกับเยเรมียาห์ พระองค์สั่งว่า 12 “ไปเอาตัวเยเรมียาห์มา และดูแลเขาให้ดี อย่าได้ทำอันตรายเขา แต่ให้ทำทุกอย่างตามที่เขาขอ”

13 แล้วเนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ เนบูชัสบาน เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ เนอร์กัลชาเรเซอร์ ที่มียศรับมัก และนายพลทุกคนของกษัตริย์บาบิโลน ก็เรียกเยเรมียาห์มาพบ 14 พวกเขาไปนำตัวเยเรมียาห์มาจากลานของทหารยาม แล้วก็ส่งตัวเขาไปให้กับ เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัม อาหิคัมเป็นลูกชายของชาฟาน เกดาลิยาห์จะเป็นคนพาเยเรมียาห์กลับไปบ้านของเยเรมียาห์เอง และเยเรมียาห์ก็ได้อยู่ท่ามกลางคนของเขา

พระเจ้าสัญญาว่าจะช่วยเอเบดเมเลค

15 และถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ ตอนที่เขาถูกคุมตัวอยู่ในลานของทหารยาม พระยาห์เวห์พูดว่า 16 “เยเรมียาห์ ไปบอกกับเอเบดเมเลคชาวเอธิโอเปียว่า พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอล พูดว่า ‘เราจะนำความพินาศมาสู่เมืองนี้ ไม่ใช่ความรุ่งเรือง เราจะทำกับเมืองนี้เหมือนกับที่เราได้เตือนไว้แล้ว และเจ้าจะเห็นเหตุการณ์ที่เราได้เตือนไว้แล้วเกิดขึ้น’” 17 พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่เราจะปกป้องเจ้าไว้ในวันนั้น เพื่อเจ้าจะได้ไม่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนเหล่านั้นที่เจ้ากลัว 18 เจ้ามั่นใจได้เลย เพราะเราจะช่วยชีวิตเจ้าอย่างแน่นอน แล้วเจ้าก็จะไม่ถูกดาบฆ่าฟัน เจ้าจะได้รับชีวิตตัวเองเหมือนของที่ยึดได้จากสงคราม เพราะเจ้าไว้วางใจในเรา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

สดุดี 13-14

อธิษฐานให้รอดพ้นจากศัตรู

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะลืมข้าพเจ้าไปอีกนานแค่ไหน ตลอดไปหรือ
    พระองค์จะซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้าอีกนานแค่ไหน
ข้าพเจ้าจะต้องข้องใจอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน
    ข้าพเจ้าจะต้องทุกข์ใจวันแล้ววันเล่าอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน
พวกศัตรูจะถูกยกย่องเหนือข้าพเจ้าไปอีกนานแค่ไหน

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า สนใจข้าพเจ้าหน่อย ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วยเถิด
    โปรดฟื้นพลังให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด[a] ไม่อย่างนั้น ข้าพเจ้าจะหลับอยู่ในความตาย
แล้วพวกศัตรูจะพูดได้ว่า “เราชนะมันแล้ว”
    และพากันดีใจ เมื่อข้าพเจ้าล้มลง

แต่ข้าพเจ้าวางใจในความรักแท้มั่นคงของพระองค์
    จิตใจของข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดี เพราะพระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอด
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญให้กับพระยาห์เวห์
    เพราะพระองค์ดีกับข้าพเจ้า

ความชั่วช้าของมนุษย์

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด

คนโง่เขลาพูดในใจว่า “ไม่มีพระเจ้าหรอก”
    พวกเขาเสื่อมทราม
    พวกเขาทำแต่สิ่งที่น่าขยะแขยง ไม่มีสักคนที่ทำดี

พระยาห์เวห์มองลงมาจากสวรรค์ดูพวกมนุษย์
    เพื่อหาว่ายังมีมนุษย์สักคนไหมที่ทำสิ่งที่ฉลาด
    และแสวงหาพระเจ้า
แต่พวกเขาต่างนอกลู่นอกทางกันไปหมด เสื่อมทรามกันทุกคน
    ไม่มีใครเลย
    ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ทำสิ่งที่ดีๆ

คนทำชั่วเหล่านั้นทั้งหมดกลืนกินคนของเราเหมือนกินขนมปัง
    พวกเขาไม่เคยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์
    พวกเขาไม่รู้เรื่องขนาดนี้เชียวหรือ
แต่เมื่อพระเจ้าลงโทษพวกคนชั่ว พวกเขาจะพากันตื่นกลัวสุดขีด
    เพราะพระเจ้ายืนอยู่กับคนที่ทำถูกต้อง
เจ้าพวกคนชั่วพยายามขัดขวางแผนงานของคนยากไร้
    แต่พระยาห์เวห์เป็นที่ลี้ภัยของพวกเขา

ข้าพเจ้าหวังว่าชัยชนะของชาวอิสราเอลจะมาถึงในไม่ช้านี้จากพระยาห์เวห์ที่อยู่บนภูเขาศิโยน
    เมื่อพระยาห์เวห์ทำให้คนของพระองค์กลับไปมีความสุขเหมือนเมื่อก่อน
    ครอบครัวของยาโคบจะชื่นชมยินดี ชาวอิสราเอล[b] จะดีใจ

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International