M’Cheyne Bible Reading Plan
หาเมียให้กับคนเบนยามิน
21 คนอิสราเอลได้สาบานกันที่มิสปาห์ว่า “พวกเราทุกคนสาบานว่าจะไม่ยกลูกสาวให้เป็นเมียของคนเบนยามิน”
2 เมื่อประชาชนมาที่เบธเอล พวกเขาได้นั่งลงร้องไห้เสียงดัง และร้องไห้ด้วยความขมขื่นต่อหน้าพระเจ้าจนถึงเย็น 3 พวกเขาพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ทำไมถึงได้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นในอิสราเอล จนทำให้วันนี้คนเผ่าหนึ่งต้องถูกตัดขาดไปจากอิสราเอล”
4 ในวันต่อมา ประชาชนก็ลุกขึ้นแต่เช้า และพวกเขาได้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่น แล้วพวกเขาก็ได้ถวายพวกเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆเพื่อคืนดีกับพระเจ้า 5 คนอิสราเอลพูดว่า “มีเผ่าไหนบ้างของอิสราเอล ที่ไม่ได้ขึ้นมาประชุมต่อหน้าพระยาห์เวห์” เพราะพวกเขาได้สาบานกันอย่างแข็งขันว่าใครก็ตามที่ไม่ได้ขึ้นมาอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ที่มิสปาห์ คนผู้นั้นจะต้องถูกฆ่า
6 แต่คนอิสราเอลก็สงสารคนเบนยามินพี่น้องของเขา พวกเขาจึงพูดว่า “วันนี้คนเผ่าหนึ่งถูกตัดออกจากอิสราเอลเสียแล้ว 7 เราจะทำยังไงดีที่จะหาเมียให้กับคนเบนยามินที่เหลือ เพราะพวกเราได้สาบานไว้กับพระยาห์เวห์ว่า เราจะไม่ยกลูกสาวของพวกเราให้เป็นเมียของพวกเขา”
8 แล้วชาวอิสราเอลก็ถามกันว่า “มีคนในเผ่าไหนบ้างของอิสราเอล ที่ไม่ได้ขึ้นมาเฝ้าพระยาห์เวห์ที่มิสปาห์” จริงๆแล้วไม่มีคนจากเมืองยาเบช-กิเลอาดมาประชุมที่ค่ายเลยสักคนเดียว 9 เมื่อประชาชนขานชื่อกัน ไม่มีชาวเมืองยาเบช-กิเลอาดอยู่ที่นั่นเลยสักคนเดียว 10 ที่ชุมนุมชนจึงได้ส่งทหารหนึ่งหมื่นสองพันคนไปที่นั่น และสั่งพวกทหารว่า “ไปฆ่าชาวเมืองยาเบช-กิเลอาดด้วยดาบให้หมด รวมทั้งผู้หญิงและเด็ก 11 ให้พวกเจ้าทำอย่างนี้ คือ พวกเจ้าจะต้องฆ่าผู้ชายทุกคน และผู้หญิงทุกคนที่เคยร่วมหลับนอนกับผู้ชายมาแล้ว เหลือไว้แต่หญิงสาวบริสุทธิ์เท่านั้น” และพวกเขาก็ได้ทำตามนั้น[a] 12 พวกเขาได้พบหญิงสาวชาวเมืองยาเบช-กิเลอาดสี่ร้อยคนที่ยังบริสุทธิ์ไม่เคยร่วมหลับนอนกับผู้ชายมาก่อน พวกเขาจึงพาพวกเธอมาที่ค่ายในชิโลห์ ซึ่งตั้งอยู่ในแผ่นดินคานาอัน
13 แล้วที่ชุมนุมชนทั้งหมดก็ได้ส่งข่าวไปให้กับคนเบนยามินที่อยู่ที่ก้อนหินริมโมน และประกาศสงบศึกกับพวกเขา 14 แล้วคนเบนยามินก็ได้กลับมา ชาวอิสราเอลก็ได้ยกผู้หญิงที่พวกเขาได้ไว้ชีวิตจากพวกผู้หญิงที่ยาเบช-กิเลอาด ให้กับคนเบนยาบิน แต่ก็มีผู้หญิงไม่พอ
15 ประชาชนสงสารคนเบนยามิน เพราะพระยาห์เวห์ได้ทำให้เผ่าหนึ่งโหว่หายไปท่ามกลางเผ่าต่างๆของอิสราเอล 16 พวกผู้นำอาวุโสของชุมนุมชนได้พูดว่า “เราจะทำยังไงดีเพื่อหาเมียให้กับพวกผู้ชายที่เหลืออยู่ เพราะพวกผู้หญิงของเบนยามินถูกฆ่าตายหมดแล้ว” 17 พวกเขาทั้งหลายพูดว่า “ขอให้ชาวเบนยามินที่รอดตายพวกนี้ได้สืบเชื้อสายต่อไป เพื่อเผ่านี้จะได้ไม่ถูกลบล้างไปจากอิสราเอล 18 แต่เราก็ไม่สามารถยกลูกสาวให้เป็นเมียพวกเขาได้” เพราะคนอิสราเอลได้สาบานไว้แล้วว่า “ใครก็ตามที่ให้ผู้หญิงไปเป็นเมียกับคนเบนยามินจะต้องถูกสาปแช่ง” 19 แล้วพวกเขาก็พูดว่า “ดูสิ จะมีเทศกาลประจำปี เพื่อถวายเกียรติให้กับพระยาห์เวห์ที่ชิโลห์ ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองเบธเอล ไปทางตะวันออกของถนนสายหลักจากเบธเอลถึงเชเคม และอยู่ทางตอนใต้ของเลโบนาห์”
20 เขาจึงแนะนำคนเบนยามินว่า “ให้ไปซุ่มคอยอยู่ตามสวนองุ่น 21 เมื่อลูกสาวชาวชิโลห์ออกมาเต้นรำในงานเต้นรำ พวกเจ้าก็ออกมาจากสวนองุ่น และเข้าไปฉุดลูกสาวของชาวชิโลห์ไปเป็นเมียของพวกเจ้าแต่ละคน แล้วให้กลับไปที่แผ่นดินเบนยามินซะ” 22 เมื่อพ่อและพี่น้องของพวกเขามาบ่นต่อพวกเรา พวกเราจะตอบว่า “สงสารคนเบนยามินด้วยเถอะ คิดว่าเห็นแก่พวกเราก็แล้วกัน ในช่วงสงครามนั้น พวกเราได้ผู้หญิงมาไม่พอให้กับพวกเขา และพวกท่านเองก็ไม่ได้ยกลูกสาวให้กับพวกเขาซะหน่อย เพราะถ้าทำอย่างนั้นพวกท่านก็จะมีความผิด”
23 แล้วคนเบนยามินก็ทำตามนั้น พวกเขาก็หาเมียของแต่ละคนจากพวกนางเต้นรำที่พวกเขาฉุดมา แล้วพวกเขาก็จากไปและกลับไปยังแผ่นดินที่เป็นมรดกของพวกเขา และพวกเขาก็ได้สร้างเมืองขึ้นใหม่และตั้งรกรากอยู่ที่นั่น 24 หลังจากนั้น คนอิสราเอลก็ได้แยกย้ายกันจากที่นั่นกลับไปยังเผ่าและตระกูลของตัวเอง ต่างก็จากที่นั่นกลับไปยังที่ดินที่เป็นมรดกของตน
25 ในสมัยนั้น คนอิสราเอลยังไม่มีกษัตริย์ ทุกคนก็เลยทำตามอำเภอใจของตน
เปาโลขอพบซีซาร์
25 สามวันหลังจากเฟสทัสได้เป็นเจ้าเมือง เขาเดินทางจากเมืองซีซารียาไปเมืองเยรูซาเล็ม 2 พวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำชาวยิวยื่นข้อกล่าวหาเปาโลต่อเฟสทัส และอ้อนวอนเฟสทัส 3 ให้ช่วยส่งเปาโลมาให้กับพวกเขาที่เมืองเยรูซาเล็มด้วย (พวกเขาวางแผนที่จะซุ่มฆ่าเปาโลในระหว่างทาง) 4 เฟสทัสตอบว่า “เปาโลถูกควบคุมตัวอยู่ที่เมืองซีซารียา และอีกไม่กี่วันเราก็จะเดินทางไปที่เมืองนั้นแล้ว 5 ให้ผู้นำของท่านบางคนเดินทางลงไปกับเราสิ แล้วไปฟ้องร้องเขาที่นั่นถ้าเขาทำอะไรผิด”
6 หลังจากที่พักอยู่กับพวกเขาได้แปดหรือสิบวัน เฟสทัสก็เดินทางลงไปที่ซีซารียา วันรุ่งขึ้นเขานั่งบนบัลลังก์พิพากษาและสั่งให้นำเปาโลเข้ามา 7 ทันทีที่เปาโลมาถึง พวกคนยิวที่เดินทางมาจากเยรูซาเล็มก็มายืนล้อมเขาไว้และกล่าวหาว่าเปาโลทำผิดร้ายแรงหลายอย่าง ทั้งๆที่พวกเขาพิสูจน์ไม่ได้สักอย่าง 8 เปาโลต่อสู้คดีด้วยตัวเองว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรผิดต่อกฎปฏิบัติของชาวยิว ต่อวิหาร หรือต่อซีซาร์เลย” 9 แต่เพราะเฟสทัสอยากจะเอาใจชาวยิว เขาจึงถามเปาโลว่า “เจ้าเต็มใจจะเดินทางไปเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อชำระคดีนี้ต่อหน้าเราที่นั่นไหม”
10 เปาโลตอบว่า “ตอนนี้ ผมกำลังยืนอยู่ต่อหน้าศาลของซีซาร์ ซึ่งควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ท่านก็รู้แล้วว่า ผมไม่ได้ทำอะไรผิดต่อชาวยิว 11 ถ้าผมทำผิดจริงหรือทำอะไรที่สมควรตาย ผมก็ยอมตายไม่ขัดขืนหรอก แต่ถ้าข้อกล่าวหาที่พวกนี้เอามาฟ้องร้องผมไม่เป็นความจริง ใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะส่งผมไปให้กับพวกนี้ทั้งนั้น ผมขอให้ซีซาร์สอบสวนเอง”
12 หลังจากที่เฟสทัสได้หารือกับที่ปรึกษาของเขาแล้ว ก็ตอบว่า “เจ้าขอให้ซีซาร์สอบสวน เจ้าก็จะต้องไปหาซีซาร์”
เฟสทัสถามเฮโรดอากริปปาเกี่ยวกับเปาโล
13 หลายวันต่อมา กษัตริย์อากริปปา[a] และเบอร์นิส[b] มาถึงเมืองซีซารียา เพื่อมาเยี่ยมคารวะเฟสทัส 14 หลังจากที่ทั้งสองอยู่ที่นั่นหลายวัน เฟสทัสเล่าคดีของเปาโลให้กษัตริย์ฟังว่า “มีชายคนหนึ่งที่นี่เป็นนักโทษที่เฟลิกส์ทิ้งไว้ในคุก 15 ตอนที่เราอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม พวกหัวหน้านักบวชและพวกผู้นำอาวุโสชาวยิว เอาคดีของชายคนนี้มายื่นฟ้องกับเรา และขอให้เราตัดสินลงโทษให้ด้วย 16 เราบอกกับพวกเขาว่า ธรรมเนียมของชาวโรมันจะไม่ส่งมอบตัวใคร จนกว่าคนฟ้องกับคนที่ถูกฟ้องมาอยู่พร้อมหน้ากัน เพื่อให้คนที่ถูกฟ้องได้มีโอกาสแก้ข้อกล่าวหาเสียก่อน 17 เมื่อพวกเขาตามเรามาที่นี่ เราก็ไม่รอช้า วันรุ่งขึ้นเราขึ้นนั่งบนบัลลังก์พิพากษา และสั่งให้นำตัวชายคนนั้นเข้ามา 18 เมื่อพวกที่ฟ้องร้องเขายืนขึ้นกล่าวหาเขา เราก็เห็นว่าข้อกล่าวหานั้นไม่ใช่เป็นเรื่องอะไรที่ร้ายแรงอย่างที่เราคิด 19 แต่กลับเป็นการโต้เถียงกันทางด้านศาสนาของพวกเขาเอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับชายคนหนึ่งชื่อเยซูที่ตายไปแล้ว แต่เปาโลยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ 20 เราไม่รู้ว่าจะสอบสวนเรื่องพวกนี้อย่างไรดี เราจึงถามเปาโลว่า เขาเต็มใจจะไปเยรูซาเล็มเพื่อชำระคดีนี้ที่นั่นหรือไม่ 21 แต่เขาร้องขอให้ซีซาร์เป็นผู้ตัดสินเขา เราจึงสั่งให้คุมขังเขาไว้ก่อนจนกว่าเราจะส่งตัวเขาไปให้ซีซาร์”
22 จากนั้นกษัตริย์อากริปปา ก็พูดกับเฟสทัสว่า “เราเองก็อยากจะฟังชายคนนี้เหมือนกัน” เฟสทัสบอกว่า “พรุ่งนี้ท่านจะได้ฟังจากเขา”
23 ในวันรุ่งขึ้น กษัตริย์อากริปปาและเบอร์นิส เดินทางมาอย่างยิ่งใหญ่อลังการและเข้าไปในห้องตัดสินคดีพร้อมกับพวกผู้บังคับบัญชากรมทหารและผู้นำคนสำคัญๆของเมือง เฟสทัสสั่งให้นำเปาโลเข้ามา 24 จากนั้นเฟสทัสก็พูดว่า “กษัตริย์อากริปปาและทุกท่านที่อยู่กับพวกเราที่นี่ ท่านเห็นชายคนนี้ไหม เขาเป็นคนที่กลุ่มคนยิวทั้งหมดทั้งในเมืองเยรูซาเล็มและที่นี่ ได้อ้อนวอนเราและได้ร้องตะโกนว่า เขาไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป 25 แต่เราไม่เห็นว่าเขาจะทำผิดอะไรถึงขั้นต้องตาย และเมื่อเขาขอให้จักรพรรดิสอบสวนเอง เราจึงตัดสินใจส่งเขาไป 26 แต่เราไม่รู้ว่าจะเขียนบอกจักรพรรดิเกี่ยวกับชายคนนี้อย่างไร เราจึงพาเขามาอยู่ต่อหน้าพวกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าท่านกษัตริย์อากริปปา เพื่อที่ว่าหลังจากการสอบสวนครั้งนี้ผ่านไปแล้ว เราอาจจะมีอะไรที่จะเขียนได้บ้าง 27 เราเห็นว่ามันจะไม่เข้าท่าเลยที่จะส่งนักโทษไปโดยไม่มีข้อกล่าวหา”
ตัวอย่างที่ดีของครอบครัวเรคาบ
35 ในสมัยที่เยโฮยาคิมเป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์[a] เยโฮยาคิมเป็นลูกชายของกษัตริย์โยสิยาห์ ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มีมาถึงเยเรมียาห์ว่า 2 “ให้ไปหาครอบครัวเรคาบ และพูดคุยกับพวกเขา แล้วนำพวกเขามาที่วิหารของพระยาห์เวห์ และให้พาพวกเขาเข้าไปในห้องหนึ่งของวิหารนั้น แล้วให้พวกเขาดื่มเหล้าองุ่น”
3 ดังนั้นผมจึงได้พายาอาซันยาห์ลูกชายของเยเรมียาห์ ที่เป็นลูกชายของฮาบาซินยาห์ และพี่ชายน้องชายของเขา และลูกๆทุกคนของเขา รวมทั้งทุกคนในครอบครัวเรคาบ 4 ไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ และเข้าไปที่ห้องของพวกลูกชายฮานัน ฮานันเป็นลูกชายของอิกดาลิยาห์ ฮานันเป็นคนของพระเจ้า ห้องนี้อยู่ใกล้กับห้องของพวกเจ้านายทั้งหลาย และอยู่เหนือห้องของมาอาเสอาห์ลูกชายของชัลลูม มาอาเสอาห์เป็นคนเฝ้าประตูวิหาร 5 แล้วผมก็เอาเหยือกที่เต็มไปด้วยเหล้าองุ่นมาหลายเหยือกพร้อมกับพวกถ้วยมาวางไว้ต่อหน้าสมาชิกในครอบครัวของเรคาบ แล้วผมก็บอกพวกเขาว่า “ดื่มเหล้าองุ่นสิ”
6 แต่พวกเขาตอบว่า “พวกเราไม่ดื่มเหล้าองุ่นครับ เพราะโยนาดับลูกชายของเรคาบ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเราสั่งพวกเราไว้ว่า ‘พวกเจ้าและลูกหลานของเจ้าจะต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นตลอดไป 7 เจ้าจะต้องไม่สร้างบ้านอยู่ ต้องไม่หว่านพืชเพาะปลูก และต้องไม่ทำไร่องุ่น เจ้าต้องไม่ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ แต่เจ้าจะต้องอาศัยอยู่ในเต็นท์ตลอดชีวิต เพื่อที่เจ้าจะได้อยู่นานๆในเขตแดนที่เจ้าอาศัยอยู่อย่างคนต่างถิ่น’ 8 และพวกเราก็ได้เชื่อฟังคำสั่งของโยนาดับบรรพบุรุษของเรา ที่เป็นลูกชายของเรคาบ พวกเราไม่เคยดื่มเหล้าองุ่นเลยตลอดชีวิต รวมทั้งเมียของพวกเรา และลูกชายลูกสาวของพวกเราก็ไม่เคยดื่มด้วย 9 พวกเราไม่เคยสร้างบ้านอยู่ และไม่เคยมีไร่องุ่น ไม่มีท้องทุ่ง และเมล็ดพืช 10 พวกเราอยู่เต็นท์มาตลอด และพวกเราก็ได้เชื่อฟังและทำตามสิ่งที่โยนาดับบรรพบุรุษของเราได้สั่งให้พวกเราทำ 11 แต่พอกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนบุกแผ่นดินยูดาห์ เราก็พูดกันว่า ‘ไปเยรูซาเล็มกันเถอะ เพราะเรากลัวพวกทหารของบาบิโลนและซีเรีย’ ดังนั้นพวกเราจึงมาอยู่ที่เยรูซาเล็ม”
12 ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ มีมาถึงเยเรมียาห์ว่า 13 “พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล พูดไว้ว่าอย่างนี้ ‘ให้ไปบอกกับคนยูดาห์และทุกคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มว่า “พวกเจ้าจะไม่ยอมรับคำตักเตือนหรือ พวกเจ้าจะไม่ยอมฟังเราหรือ”’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น 14 “ขนาดคำพูดของโยนาดับ ลูกชายของเรคาบ ที่ได้สั่งพวกลูกชายของเขาไม่ให้ดื่มเหล้าองุ่น พวกลูกๆของเขาก็ยังทำตามเลย จนถึงทุกวันนี้ พวกเขาก็ไม่ดื่มเหล้าองุ่น เพราะเชื่อฟังคำสั่งของพ่อพวกเขา แต่พอเราสั่งพวกเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน พวกเจ้าก็ไม่เห็นเชื่อฟังเราเลย 15 เราส่งพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่เป็นพวกผู้รับใช้เราไปหาเจ้าอย่างไม่หยุดหย่อน ให้พวกเขาบอกกับเจ้าว่า ‘พวกเจ้าแต่ละคน ให้หันกลับจากทางชั่วๆของเจ้าและทำตัวให้ดีๆได้แล้ว ถ้าพวกเจ้าไม่ไปติดตามรับใช้พระอื่นๆ พวกเจ้าจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินที่เราได้ให้กับเจ้าและบรรพบุรุษของเจ้าไว้’ แต่เจ้าก็ทำหูทวนลม ไม่ยอมฟังเรา 16 พวกลูกหลานของโยนาดับที่เป็นลูกชายของเรคาบได้ทำตามคำสั่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาสั่งพวกเขาไว้ แต่คนพวกนี้ไม่ยอมเชื่อฟังเรา”
17 ดังนั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอลได้พูดว่า “เราจะทำให้สิ่งชั่วร้ายทั้งหมดที่เราได้พูดไว้ เกิดขึ้นกับคนยูดาห์ และผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มทุกคน เพราะเราได้พูดกับพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง เราได้เรียกพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมตอบ”
18 แต่สำหรับครอบครัวของเรคาบ เยเรมียาห์พูดว่า “พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล พูดว่า ‘เพราะพวกเจ้าเชื่อฟังคำสั่งของโยนาดับบรรพบุรุษของเจ้า และรักษาคำสั่งของเขาทุกข้อ และได้ทำทุกอย่างที่เขาสั่งให้พวกเจ้าทำ’ 19 ดังนั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล จึงพูดว่า ‘จะมีคนจากครอบครัวของโยนาดับลูกชายของเรคาบ มายืนอยู่ต่อหน้าเราเสมอ’”
คำอธิษฐานขอความยุติธรรม
เพลงชิกกาโยน[a] ของดาวิดซึ่งท่านร้องถวายพระยาห์เวห์ เกี่ยวกับคูชคนจากเผ่าของเบนยามิน
1 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนเหล่านั้นทั้งหมดที่ไล่ล่าข้าพเจ้าด้วยเถิด ช่วยข้าพเจ้าด้วย
2 ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะฉีกข้าพเจ้าออกเป็นชิ้นๆเหมือนสิงโต
แล้วจะดึงทึ้งข้าพเจ้าโดยไม่มีใครช่วยข้าพเจ้า
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า
ถ้าหากข้าพเจ้าทำสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ คือมือของข้าพเจ้าทำสิ่งชั่ว
4 หรือทำชั่วต่อเพื่อนของข้าพเจ้า
หรือปล้นเอาสิ่งของจากศัตรูโดยไม่มีเหตุ
5 ก็ขอให้ศัตรูไล่ล่าเอาชีวิตข้าพเจ้า
ให้เขาจับข้าพเจ้าและกระทืบข้าพเจ้าจนติดดิน ให้เขาผลักข้าพเจ้าลงสู่หลุมศพ เซลาห์
6 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยลุกขึ้นด้วยความโกรธของพระองค์ด้วยเถิด
ช่วยยืนขึ้นต่อสู้กับความเกรี้ยวกราดของศัตรูพวกนั้นด้วยเถิด
พระเจ้าของข้าพเจ้า ตื่นขึ้นด้วยเถิด โปรดให้ความยุติธรรมกับข้าพเจ้าด้วย
7 ขอให้ชนชาติต่างๆมาชุมนุมกันอยู่รอบๆพระองค์
ขอให้พระองค์นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือพวกเขาด้วยเถิด
8 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอให้พระองค์ตัดสินชนชาติต่างๆด้วยเถิด
ข้าแต่ พระยาห์เวห์ ขอให้ตัดสินคดีของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้านั้นเป็นฝ่ายถูก
พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด ข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดอะไร
9 ข้าแต่พระเจ้าผู้ยุติธรรม พระองค์สำรวจจิตใจและนิสัยใจคอของคน
ขอช่วยหยุดความชั่วช้าที่คนชั่วทำ
ขอช่วยสนับสนุนคนที่ทำตามใจพระเจ้าให้มั่นคง
10 พระเจ้าเป็นโล่ของข้าพเจ้า
พระองค์ช่วยคนที่ซื่อตรงให้รอด
11 พระเจ้าเป็นผู้ตัดสินที่ยุติธรรม
พระองค์ลงโทษคนชั่วทุกวัน
12 แล้วถ้าคนชั่วคนนั้นไม่กลับใจหันมาหาพระองค์ พระองค์ก็จะลับดาบของพระองค์ไว้
พระองค์จะโก่งคันธนูเพื่อคล้องสาย และเล็งไปที่คนชั่วคนนั้น
13 พระเจ้าได้จัดเตรียมอาวุธสังหาร
แม้กระทั่งลูกธนูไฟเพื่อลงโทษคนชั่วคนนั้น
14 ดูเถิด คนชั่วเริ่มตั้งท้องการกระทำชั่วช้าทั้งหลาย อุ้มท้องสิ่งที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อน
และมันก็คลอดการหลอกลวงออกมา
15 คนที่ขุดหลุมพรางเพื่อดักคนอื่น
เขาจะตกลงไปในหลุมนั้นเอง
16 แผนสร้างความเดือดร้อนที่เขาวางไว้ก็จะหล่นลงมาบนหัวของเขาเอง
แผนการที่ทารุณโหดร้ายของเขานั้นก็จะตกลงบนกบาลของเขาเอง
17 ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์นั้นยุติธรรม
ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญ ชื่อของพระยาห์เวห์ ผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
สง่าราศีพระเจ้าและศักดิ์ศรีมนุษย์
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องตามทำนองกิททีธ[b] เพลงสดุดีของดาวิด
1 พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของพวกเรา
ชื่อเสียงอันเกรียงไกรของพระองค์นั้น ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก
ชื่อของพระองค์ ได้รับการยกย่องไปทั่วสวรรค์ชั้นฟ้า
2 มีเสียงร้องสรรเสริญพระองค์ออกจากปากของเด็กอ่อนและเด็กทารก
เด็กพวกนี้ร้องถึงฤทธิ์อำนาจของพระองค์
เพื่อปิดปากพวกที่ต่อต้านพระองค์ ศัตรูที่เต็มไปด้วยความแค้น
3 เมื่อข้าพเจ้าแหงนดูฟ้าสวรรค์ที่นิ้วของพระองค์สร้างขึ้นมา
รวมทั้งดวงจันทร์ และหมู่ดาวที่พระองค์ตั้งไว้
4 ข้าพเจ้าสงสัยว่า มนุษย์เป็นใครกันพระองค์ถึงห่วงใย
มนุษย์[c]เป็นใครกัน พระองค์ถึงเอาใจใส่นัก
5 พระองค์สร้างเขาให้ด้อยกว่าพระเจ้าแค่นิดเดียวเท่านั้น
พระองค์ได้สวมมงกุฎแห่งเกียรติและศักดิ์ศรีให้กับเขา
6 พระองค์ตั้งเขาให้ครอบครองอยู่เหนือทุกสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้น
พระองค์วางทุกสิ่งทุกอย่างไว้ใต้เท้าของเขา
7 เขาได้ครอบครอง ฝูงแกะ วัวควาย และพวกสัตว์ป่าในท้องทุ่งทั้งสิ้น
8 รวมทั้งนกในท้องฟ้า ปลาและสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
ที่แหวกว่ายไปมาในท้องทะเล
9 พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิตของพวกเรา
ชื่อเสียงอันเกรียงไกรของพระองค์นั้น ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International