M’Cheyne Bible Reading Plan
เยฟธาห์และชาวเอฟราอิม
12 ชาวเอฟราอิมได้รวมพล แล้วข้ามไปถึงศาโฟน พวกเขาพูดกับเยฟธาห์ว่า “ทำไมท่านไปสู้รบกับคนอัมโมน แต่ไม่เรียกพวกเราไปด้วย เราจะเผาบ้านท่านเสีย”
2 เยฟธาห์ตอบพวกเขาว่า “คนอัมโมนสร้างปัญหาให้กับข้าและคนของข้ามาก ข้าได้เรียกพวกท่าน แต่พวกท่านไม่ยอมมาช่วยกู้ข้าให้พ้นจากเงื้อมมือของพวกเขา 3 เมื่อข้าเห็นพวกท่านไม่ช่วยข้า ข้าก็เสี่ยงชีวิตตัวเองไปสู้รบกับชาวอัมโมน และพระยาห์เวห์ได้มอบพวกนั้นไว้ในมือข้า แล้ววันนี้พวกท่านจะมาสู้รบกับข้าทำไมกันเล่า”
4 เยฟธาห์ก็ได้รวบรวมผู้ชายทั้งหมดของกิเลอาด มาสู้รบกับเอฟราอิม เพราะชาวเอฟราอิมเหยียดหยามพวกเขาว่า “พวกแกชาวกิเลอาดก็เป็นแค่ผู้อพยพในเอฟราอิม ที่มาเกาะกินอยู่ในเขตแดนของเอฟราอิมและมนัสเสห์” แล้วคนของกิเลอาดก็มีชัยเหนือชาวเอฟราอิม
5 ชาวกิเลอาดก็เข้ายึดตรงบริเวณน้ำตื้นที่ลุยข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปได้ แล้วไม่ให้ชาวเอฟราอิมข้ามกลับไป เมื่อชาวเอฟราอิมที่รอดชีวิตพูดว่า “ขอข้าข้ามไปเถอะ” ชาวกิเลอาดก็จะถามว่า “ท่านเป็นชาวเอฟราอิมหรือเปล่า” พวกเขาก็บอกว่า “ไม่ใช่” 6 แต่ชาวกิเลอาดก็จะบอกเขาว่า ให้พูดคำว่า “ชิบโบเลท” พวกเขาก็พูดว่า “สิบโบเลท” คนเอฟราอิมจะออกเสียงคำนี้ไม่ชัดเจน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกจับฆ่าทิ้งเสียที่บริเวณน้ำตื้นนั้น ในครั้งนี้มีชาวเอฟราอิมถูกฆ่าตายทั้งหมดสี่หมื่นสองพันคน
7 เยฟธาห์เป็นผู้นำอยู่หกปี จากนั้นเขาก็ตายและศพถูกฝังอยู่ในเมืองกิเลอาด
อิบซานผู้นำ
8 หลังจากเยฟธาห์ อิบซานจากเบธเลเฮมได้นำอิสราเอล 9 เขามีลูกชายสามสิบคน และลูกสาวสามสิบคน เขาให้ลูกทั้งหมดทั้งลูกชายและลูกสาวแต่งงานกับคนนอกตระกูล เขาเป็นผู้นำอิสราเอลอยู่เจ็ดปี 10 เมื่อเขาตาย ศพก็ถูกฝังอยู่ที่เบธเลเฮม
เอโลนผู้นำ
11 หลังจากอิบซาน เอโลนชาวเศบูลุนได้นำอิสราเอลอยู่สิบปี 12 จากนั้นเอโลนก็ตายและถูกฝังที่อัยยาโลน ในแผ่นดินของเศบูลุน
อับโดนผู้นำ
13 หลังจากเอโลน อับโดนลูกชายของฮิลเลลชาวปิราโธนได้นำอิสราเอล 14 เขามีลูกชายสี่สิบคน และหลานชายสามสิบคน พวกเขาขี่ลา[a]เจ็ดสิบตัว อับโดนเป็นผู้นำอิสราเอลอยู่แปดปี 15 จากนั้นอับโดนลูกชายฮิลเลลชาวปิราโธนก็ตาย และศพของเขาถูกฝังไว้ที่ปิราโธนในแผ่นดินเอฟราอิมในแถบเทือกเขาของชาวอามาเลค
ทิโมธีทำงานร่วมกับเปาโลและสิลาส
16 เปาโลไปเมืองเดอร์บีและเมืองลิสตราด้วย ที่นั่นมีศิษย์คนหนึ่งของพระเยซู ชื่อทิโมธี เป็นลูกชายของหญิงชาวยิวที่เชื่อถือในพระเยซู แต่พ่อของเขาเป็นชาวกรีก 2 ทิโมธีเป็นที่ยกย่องของพี่น้องในเมืองลิสตราและเมืองอีโคนียูม 3 เปาโลอยากได้ทิโมธีเดินทางไปด้วย จึงได้พาทิโมธีไปทำพิธีขลิบ เพราะเห็นแก่คนยิวที่อยู่ที่นั่น เพราะพวกเขาทุกคนรู้ว่าพ่อของทิโมธีเป็นคนกรีก 4 เมื่อพวกเขาผ่านไปตามเมืองต่างๆก็ได้บอกให้พวกที่นับถือพระเยซู รู้ถึงกฎต่างๆที่พวกศิษย์เอกของพระเยซูและพวกผู้นำอาวุโสในเมืองเยรูซาเล็มได้ตกลงกันไว้ 5 จึงทำให้หมู่ประชุมของพระเจ้าทั้งหลายมีความเชื่อมากยิ่งขึ้น และมีคนมาเชื่อพระเยซูเพิ่มขึ้นทุกๆวัน
พระเจ้าเรียกเปาโลไปมาซิโดเนีย
6 เปาโลและคนอื่นๆที่ไปด้วย เดินทางผ่านแคว้นฟรีเจียและกาลาเทีย พระวิญญาณบริสุทธิ์ ห้ามพวกเขาไม่ให้เข้าไปประกาศพระคำขององค์เจ้าชีวิตในแคว้นเอเชีย 7 เมื่อพวกเขามาถึงชายแดนของแคว้นมิเซียแล้ว พวกเขาพยายามจะเข้าไปในแคว้นบิธีเนีย แต่พระวิญญาณของพระเยซูก็ห้ามไว้อีก 8 ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางผ่านแคว้นมิเซีย ไปที่เมืองโตรอัส 9 ในตอนกลางคืนเปาโลเห็นนิมิตว่า มีชายคนหนึ่งจากมาซิโดเนียได้มายืนอ้อนวอนเปาโลว่า “มาช่วยพวกเราที่แคว้นมาซิโดเนียด้วยเถิด” 10 หลังจากที่เปาโลเห็นนิมิตแล้ว พวกเรา[a] ก็ตัดสินใจไปที่แคว้นมาซิโดเนียทันที โดยสรุปว่า พระเจ้าเรียกพวกเราให้ไปประกาศข่าวดีกับชาวมาซิโดเนีย
ลิเดียมาเป็นลูกศิษย์ขององค์เจ้าชีวิต
11 จากเมืองโตรอัส พวกเรานั่งเรือตรงไปที่เกาะสาโมธรัส พอวันถัดมาพวกเราก็นั่งเรือต่อไปที่เมืองเนอาโปลิส 12 จากที่นั่นพวกเราเดินทางไปที่เมืองฟีลิปปี ซึ่งเป็นเมืองสำคัญอันดับหนึ่งในแถบนั้นของแคว้นมาซิโดเนีย และเป็นเมืองขึ้นของโรม พวกเราใช้เวลาอยู่ในเมืองนี้หลายวัน
13 เมื่อถึงวันหยุดทางศาสนา พวกเราออกนอกประตูเมืองไปที่แม่น้ำ เราคิดว่าที่นั่นคงมีที่สำหรับอธิษฐาน พวกเรานั่งลงพูดคุยกับพวกผู้หญิงที่มาชุมนุมกันอยู่ที่นั่น 14 มีผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่น ชื่อลิเดีย เป็นคนขายผ้าสีม่วง เธอมาจากเมืองธิยาทิรา เธอเป็นคนที่นับถือพระเจ้า เมื่อเธอกำลังฟังพวกเราอยู่นั้น องค์เจ้าชีวิตก็ได้เปิดใจของเธอให้ตั้งใจฟังในสิ่งที่เปาโลกำลังพูด 15 หลังจากที่เธอและคนในบ้านทั้งหมดเข้าพิธีจุ่มน้ำแล้ว เธอขอร้องพวกเราว่า “ถ้าพวกท่านถือว่า ดิฉันมีความเชื่อในองค์เจ้าชีวิตจริง ก็ขอให้มาพักที่บ้านของดิฉันด้วยเถิด” แล้วเธอคะยั้นคะยอให้พวกเราไป
เปาโลและสิลาสอยู่ในคุก
16 วันหนึ่งเมื่อพวกเรากำลังจะไปสถานที่อธิษฐาน ทาสสาวคนหนึ่งพบกับพวกเรา เธอมีผีหมอดูสิงอยู่ ทำให้เธอสามารถทำนายอนาคตได้ เธอหาเงินให้กับพวกเจ้านายของเธอเป็นจำนวนมากด้วยการทำนายโชคชะตา 17 เธอเดินตามเปาโลกับพวกเรา และร้องตะโกนว่า “คนพวกนี้เป็นทาสของพระเจ้าสูงสุด พวกเขามาประกาศหนทางที่จะหลุดพ้นจากบาปให้กับพวกคุณรู้” 18 เธอทำอย่างนี้อยู่หลายวัน จนเปาโลทนไม่ไหว จึงหันไปพูดกับวิญญาณที่สิงเธออยู่ว่า “ในนามของพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์ เราขอสั่งให้เจ้าออกมาจากร่างของเธอเดี๋ยวนี้” แล้ววิญญาณตนนั้นก็ออกจากร่างของเธอทันที
19 เมื่อพวกเจ้านายของเธอเห็นว่าโอกาสที่จะหาเงินนั้นหลุดลอยไปแล้ว พวกเขาจึงคว้าตัวเปาโลและสิลาส แล้วลากตัวไปหาเจ้าหน้าที่ที่ตลาด 20 เมื่อพวกเขานำเปาโลและสิลาสไปหาคณะผู้พิพากษาแล้ว พวกเขาก็พูดว่า “ไอ้พวกนี้เป็นชาวยิวที่เข้ามาก่อกวนในบ้านเมืองของเรา 21 พวกมันมาโฆษณาชวนเชื่อถึงประเพณีต่างๆที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ที่พวกเราชาวโรมันไม่สามารถจะรับหรือทำตามได้”
22 แล้วฝูงชนก็เข้ามารุมทำร้ายเปาโลกับสิลาส คณะผู้พิพากษาเข้ามาฉีกเสื้อผ้าของเปาโลและสิลาสออก แล้วสั่งให้เฆี่ยนตี 23 หลังจากเฆี่ยนตีไปหลายครั้งแล้ว ได้เอาตัวไปขังไว้ในคุก แล้วสั่งให้นายคุกเฝ้าควบคุมไว้อย่างแน่นหนา 24 เมื่อนายคุกได้รับคำสั่งแล้ว เขาก็ได้คุมตัวคนทั้งสองไปขังไว้ที่ห้องขังชั้นใน และใส่ขื่อที่เท้าของพวกเขาอย่างแน่นหนา
25 ประมาณเที่ยงคืน ในขณะที่เปาโลและสิลาสกำลังอธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า โดยมีนักโทษคนอื่นๆกำลังฟังอยู่นั้น 26 ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง จนรากฐานของคุกสั่นสะเทือน แล้วประตูคุกทุกบานก็เปิดออกทันที โซ่ที่ล่ามนักโทษทุกคนหลุด 27 นายคุกก็ตื่น และเมื่อเขาเห็นประตูคุกเปิดก็คิดว่านักโทษหนีออกไปหมดแล้ว เขาจึงชักดาบออกมาเพื่อจะฆ่าตัวตาย 28 แต่เปาโลตะโกนเสียงดังว่า “อย่าทำร้ายตัวเองเลย พวกเรายังอยู่ที่นี่ครบทุกคน”
29 ผู้คุมจึงร้องขอคบไฟ แล้วเขาก็วิ่งเข้าไปข้างในตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว เขาหมอบลงต่อหน้าเปาโลและสิลาส 30 แล้วนำคนทั้งสองออกมาจากคุกและถามว่า “ท่านครับ ผมต้องทำอย่างไร ถึงจะรอดได้”
31 พวกเขาตอบว่า “ให้ไว้วางใจในพระเยซูผู้เป็นองค์เจ้าชีวิต แล้วท่านจะได้หลุดพ้นจากบาป รวมทั้งคนในครัวเรือนของท่านด้วย” 32 แล้วพวกเขาประกาศพระคำของพระเจ้า ให้นายคุกรวมทั้งทุกคนที่อยู่ในครัวเรือนของเขาฟัง 33 ในคืนนั้นเอง นายคุกพาเปาโลและสิลาสไปล้างแผล แล้วเขาและทุกคนในครัวเรือนของเขาก็เข้าพิธีจุ่มน้ำในทันที 34 หลังจากนั้นนายคุกก็พาคนทั้งสองไปที่บ้าน และหาอาหารมาให้กิน เขาและทุกคนในครัวเรือนต่างก็พากันดีใจ เพราะได้ไว้วางใจในพระเจ้าแล้ว
35 พอถึงวันรุ่งขึ้น คณะผู้พิพากษาส่งเจ้าหน้าที่มาบอกว่า “ปล่อยตัวสองคนนั้นไปได้แล้ว”
36 นายคุกจึงไปบอกกับเปาโลว่า “ผู้พิพากษาส่งคนมาบอกให้ปล่อยตัวพวกท่านแล้ว ออกมาเถอะ ขอให้ไปเป็นสุขนะ”
37 แต่เปาโลพูดกับพวกเจ้าหน้าที่ว่า “พวกเขาเฆี่ยนตีเราในที่สาธารณะ ทั้งๆที่ไม่มีความผิด มิหนำซ้ำเราก็เป็นคนสัญชาติโรมันด้วย แล้วยังโยนเราเข้าคุกอีกด้วย และตอนนี้จะมาแอบปล่อยเราไปอย่างลับๆได้อย่างไร ยอมไม่ได้เด็ดขาด พวกเขาเองควรจะมาพาพวกเราออกไป”
38 พวกเจ้าหน้าที่ จึงได้ไปรายงานเรื่องนี้ต่อคณะผู้พิพากษา เมื่อคณะผู้พิพากษาได้ยินว่าเปาโลและสิลาสเป็นคนสัญชาติโรมัน พวกเขาต่างก็พากันตกใจ 39 จึงมาขอโทษคนทั้งสอง แล้วพาพวกเขาออกมาจากคุก และขอร้องให้พวกเขาออกไปจากเมือง 40 เมื่อเปาโลและสิลาสออกจากคุกแล้ว ก็ตรงไปที่บ้านของลิเดียเพื่อพบกับพวกพี่น้องที่นั่น เปาโลและสิลาสให้กำลังใจพวกเขาแล้วก็จากไป
บทสรุปคำเทศนาของเยเรมียาห์
25 นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ที่ส่งมาถึงเยเรมียาห์เกี่ยวกับชาวยูดาห์ทั้งหมด ในปีที่สี่ของการปกครองของกษัตริย์เยโฮยาคิมลูกชายกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ ซึ่งตรงกับปีแรกที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ครอบครองบาบิโลน 2 นี่คือพระคำที่เยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า พูดกับคนยูดาห์และคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มว่า
3 “ตั้งแต่ปีที่สิบสามที่โยสิยาห์ลูกของกษัตริย์อาโมนแห่งยูดาห์ปกครองประเทศมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เป็นเวลายี่สิบสามปีแล้ว ผมได้รับพระคำของพระยาห์เวห์มา แล้วผมก็ได้พูดพระคำของพระองค์ให้กับพวกคุณฟัง ผมพูดแล้วพูดอีก แต่พวกคุณก็ไม่เคยฟัง 4 พระยาห์เวห์ได้ส่งพวกผู้พูดแทนพระเจ้าซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระองค์มาหาพวกคุณ พระองค์ส่งพวกเขามาแล้วมาอีก แต่คุณก็ไม่ยอมฟัง คุณไม่ได้เงี่ยหูฟังเลย
5 พระองค์พูดอยู่เสมอว่า ‘กลับมา พวกเจ้าแต่ละคน ให้หันกลับมาจากวิถีชีวิตที่ชั่วร้าย และหันกลับมาจากการกระทำต่างๆที่ชั่วช้าของเจ้า และให้มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ยกให้กับเจ้าและบรรพบุรุษของเจ้าตลอดไป 6 อย่าได้ไปติดตามและรับใช้พระอื่นๆ อย่าได้ไปกราบไหว้พระอื่นเลย และอย่าได้ยั่วโมโหเราด้วยสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นมากับมือของเจ้าเองเลย แล้วเราจะไม่ทำอันตรายเจ้า 7 แต่เจ้าก็ไม่ยอมฟังเรา’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “เจ้าก็เลยยั่วเราด้วยสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นมากับมือเจ้าเอง ทำให้เราต้องทำร้ายเจ้า”
8 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พูด “เนื่องจากเจ้าไม่ยอมฟังคำของเรา 9 เรากำลังจะส่งสารไป และเรียกเผ่าทางเหนือทั้งหมดมา” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น “และเราจะส่งสารไปบอกกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน ที่เป็นผู้รับใช้ของเรา และเราจะพาพวกเขาทั้งหมดมาบุกแผ่นดินนี้ และต่อสู้กับพลเมืองของที่นี่ และต่อสู้กับชนชาติต่างๆทั้งหมดนี้ที่อยู่ล้อมรอบมัน เราจะทำลายพวกมันอย่างราบคาบ เราจะทำให้พวกมันเป็นเป้าของความสยดสยอง และให้เป็นที่หัวเราะเยาะและดุด่าว่ากล่าวตลอดไป
10 เราจะทำลายเสียงรื่นเริงสนุกสนานและเสียงเลี้ยงฉลอง เสียงของเจ้าบ่าวเจ้าสาวในวันแต่งงาน เสียงของหินโม่แป้งทำอาหาร และแสงตะเกียงให้หมดไป
11 ทั่วแผ่นดินนี้จะกลายเป็นที่แห้งแล้งรกร้าง และชนชาตินี้จะต้องเป็นขี้ข้ากษัตริย์บาบิโลนไปอีกเจ็ดสิบปี
12 พอครบเจ็ดสิบปีแล้ว เราจะจัดการกับกษัตริย์บาบิโลนและชนชาตินั้นทั้งหมด สำหรับความผิดบาปที่พวกมันทำ” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“และเราจะจัดการกับดินแดนของพวกเคลเดีย เราจะทำให้มันรกร้างตลอดไป 13 ทุกๆคำพูดที่เราได้พูดต่อต้านแผ่นดินนั้น เราจะทำให้มันเกิดขึ้นจริงตามนั้น ทุกอย่างที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เยเรมียาห์ได้พูดต่อต้านชนชาติต่างๆไว้ จะเกิดขึ้นจริงตามนั้น
14 ที่เราพูดอย่างนี้ ก็เพราะชนชาติต่างๆมากมายและกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่หลายองค์ จะต้องไปเป็นขี้ข้ารับใช้บาบิโลน แล้วเราจะตอบแทนพวกมันตามสิ่งที่พวกมันทำและสิ่งที่มือของพวกมันสร้างขึ้นมา”
การพิพากษาต่อชนชาติต่างๆในโลกนี้
15 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล พูดกับผมว่า
“ให้เอาถ้วยนี้ไปจากมือเรา เป็นถ้วยที่ใส่เหล้าองุ่นแห่งความโกรธของเรา แล้วเราจะส่งเจ้าไปตามชนชาติต่างๆและเราจะทำให้ชนชาติเหล่านั้นดื่มมัน
16 พวกมันจะดื่มจนเมาโซเซ และทำตัวเหมือนคนบ้า ก็เพราะดาบที่เราส่งไปท่ามกลางพวกมัน”
17 ดังนั้นผมจึงหยิบถ้วยจากมือของพระยาห์เวห์ และไปตามชนชาติต่างๆที่พระองค์ส่งผมไป และทำให้ชนชาติเหล่านั้นดื่มมัน
18 ชนชาติเหล่านั้นได้แก่เยรูซาเล็ม และเมืองต่างๆของยูดาห์ และบรรดากษัตริย์และเจ้านายข้าราชการทั้งหลาย ผมทำให้พวกเขาดื่มจากถ้วยนี้ เพื่อทำให้แผ่นดินของพวกเขารกร้างว่างเปล่า ไร้ประโยชน์ เป็นเป้าให้คนหัวเราะเยาะและได้รับการดูถูกเหยียดหยาม อย่างที่มันเป็นอยู่ตอนนี้
19 คนเหล่านี้ทั้งหมดจะต้องดื่มจากถ้วยนี้ คือฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ พร้อมกับข้ารับใช้ ข้าราชการ รวมทั้งประชาชนของพระองค์ทุกคน
20 พวกชาวบ้านตามชายแดน และกษัตริย์ทุกองค์ของอูส พวกกษัตริย์ทุกองค์ของฟีลิสเตีย ซึ่งก็มี กษัตริย์ต่างๆของเมืองอัชเคโลน กาซา เอโครน และที่เหลือของเมืองอัชโดด
21 คนในเมืองเอโดม โมอับ และอัมโมน
22 กษัตริย์ทุกองค์ของไทระ ไซดอน และกษัตริย์ที่อยู่ตามชายฝั่งทะเลอีกฟากหนึ่ง 23 คนที่เดดาน เทมา และบูส รวมทั้งคนพวกนั้นที่เข้าพิธีโกนผมจอน[a] 24 กษัตริย์ทุกองค์ของอาระเบีย และกษัตริย์ทุกองค์ตามแนวชายแดนซึ่งอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 25 กษัตริย์ทุกองค์ในศิมรี เอลาม และมีเดีย 26 กษัตริย์ทุกองค์จากทางเหนือ ที่อยู่ใกล้และไกล คนแล้วคนเล่า ผมทำให้อาณาจักรทุกแห่งที่อยู่บนโลกดื่มจากถ้วยนี้ แล้วกษัตริย์แห่งเชชัก[b] ก็จะดื่มหลังจากพวกเขาเหล่านั้น
27 พระยาห์เวห์พูดกับผมว่า “แล้วให้เจ้าบอกกับพวกเขาว่า พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดอย่างนี้ว่า ‘ดื่มซะให้เมาไปเลย ให้อ้วกแตก แล้วก็ล้มลง และอย่าลุกขึ้นมาต่อหน้าดาบที่เรากำลังส่งไปท่ามกลางเจ้า’
28 แต่ถ้าพวกมันไม่ยอมรับถ้วยในมือเจ้าไปดื่ม ก็ให้เจ้าบอกกับพวกมันว่า พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดอย่างนี้ว่า ‘พวกเจ้าจะต้องดื่ม 29 เพราะดูสิ เรากำลังจะนำความเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมานมายังเมืองที่ถูกเรียกตามชื่อของเรา แล้วเจ้าจะได้รับการยกเว้นหรือไง เราจะไม่ละเว้นเจ้าหรอก เพราะเรากำลังจะทำให้ดาบมาตกอยู่บนพลเมืองทุกคนของแผ่นดินนี้’” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดอย่างนี้
30 “เยเรมียาห์ ให้เจ้าบอกทุกๆถ้อยคำนี้ที่เราพูดให้พวกมันฟัง เจ้าจะต้องบอกกับพวกมันว่า
พระยาห์เวห์คำรามมาจากที่สูง
และพระองค์ส่งเสียงเรียกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
พระองค์คำรามลั่นใส่ฝูงแกะของพระองค์
มีเสียงตะโกนดังลั่นไปทั่วทุกคนในโลกนี้เหมือนเสียงโห่ร้องของคนย่ำองุ่น
31 เสียงนั้นดังกึกก้องไปถึงสุดขอบโลก
เพราะพระยาห์เวห์มีคดีกับชนชาติต่างๆ
พระองค์กำลังจะพิพากษาโลกทั้งโลก
และทำให้คนชั่วตายด้วยดาบ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
32 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
“ความชั่วช้ากำลังแพร่กระจายจากชนชาติหนึ่งไปยังอีกชนชาติหนึ่ง
พายุร้ายกำลังพัดมาจากขอบโลก”
33 ในเวลานั้นจะมีคนตั้งแต่ขอบโลกด้านหนึ่งไปถึงขอบโลกอีกด้านหนึ่งถูกพระยาห์เวห์ฆ่า จะไม่มีใครร้องไห้ให้พวกมัน และจะไม่มีใครเก็บศพพวกมันมาฝัง พวกมันจะเป็นเหมือนมูลสัตว์บนดิน
34 พวกผู้เลี้ยงแกะของอิสราเอล ร้องไห้โหยหวนเถอะ
พวกผู้นำฝูงแกะ กลิ้งตัวคลุกฝุ่นด้วยความโศกเศร้าเถอะ
เพราะถึงเวลาแล้วที่พวกแกจะต้องโดนฆ่า
พวกแกจะล้มลงแตกเหมือนหม้อไหราคาแพง
35 ผู้เลี้ยงแกะพวกนี้ไม่พบที่ลี้ภัย
ส่วนผู้นำฝูงแกะก็จะหนีไม่รอด
36 ผมได้ยินเสียงร้องของพวกคนเลี้ยงแกะ
และเสียงสะอึกสะอื้นของผู้นำฝูงแกะ
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพระยาห์เวห์กำลังทำลายทุ่งหญ้าของพวกเขา
37 ทุ่งหญ้าที่เงียบสงบจะย่อยยับไป
เพราะความเดือดดาลของพระยาห์เวห์
38 พระองค์ทิ้งถ้ำของพระองค์เองไปเหมือนสิงโต
แผ่นดินของพวกเขาถูกทำลายแน่
เรื่องนี้เกิดจากดาบ[c]ของผู้ข่มเหง
และความเดือดดาลของพระเจ้า
พระเยซูเข้าเมืองเยรูซาเล็มอย่างกษัตริย์
(มธ. 21:1-11; ลก. 19:28-40; ยน. 12:12-19)
11 เมื่อพระเยซูและพวกศิษย์ใกล้ถึงเมืองเยรูซาเล็ม ก็เข้าไปในหมู่บ้านเบธฟายี และหมู่บ้านเบธานี ที่อยู่ตรงเชิงเขามะกอกเทศ พระองค์ส่งศิษย์สองคนไปก่อนล่วงหน้า 2 พร้อมกับสั่งว่า “ให้เข้าไปในหมู่บ้านข้างหน้านั้น ทันทีที่คุณไปถึงคุณจะเห็นลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ยังไม่เคยมีใครขี่มันมาก่อน ให้แก้มัดมันแล้วจูงมาให้เราที่นี่ 3 ถ้ามีใครถามว่า ‘แก้มัดมันทำไม’ ให้ตอบว่า ‘องค์เจ้าชีวิตต้องการใช้มัน แล้วจะรีบเอามาคืนให้’”
4 ศิษย์ทั้งสองก็ไป และพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่หน้าประตูข้างถนน พวกเขาแก้เชือกออก 5 มีบางคนที่ยืนอยู่แถวนั้นถามว่า “แก้เชือกมันทำไม” 6 ศิษย์ทั้งสองก็ตอบตามที่พระเยซูสั่งมา พวกเขาจึงยอมให้เอาลูกลาไป 7 เมื่อศิษย์ทั้งสองจูงลูกลามาให้พระเยซู พวกเขาก็เอาเสื้อคลุมของตัวเองปูบนหลังลาให้พระองค์ขี่ไป 8 ชาวบ้านมากมายเอาเสื้อคลุมมาปูตามทาง บางคนเอากิ่งไม้ที่ตัดจากทุ่งมาปูให้ด้วย 9 ทั้งพวกที่เดินนำหน้าและพวกที่เดินตามหลัง ก็ส่งเสียงร้องตะโกนว่า
10 “ขอพระเจ้าอวยพรอาณาจักรของดาวิดบรรพบุรุษของเรา
คืออาณาจักรที่กำลังจะมา
ไชโย แด่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดในสวรรค์”
11 แล้วพระเยซูก็เข้าไปในเมืองเยรูซาเล็ม พระองค์ไปที่วิหาร เดินดูรอบๆจนทั่ว แต่เพราะเป็นเวลาเย็นมากแล้ว พระองค์ก็เลยกลับไปที่หมู่บ้านเบธานีกับพวกศิษย์ทั้งสิบสองคน
พระเยซูสาปต้นมะเดื่อ
(มธ. 21:18-19)
12 วันรุ่งขึ้นขณะที่ออกมาจากหมู่บ้านเบธานี พระเยซูรู้สึกหิว 13 พระองค์มองเห็นต้นมะเดื่ออยู่แต่ไกล มีใบอยู่เต็มต้น พระองค์ก็เดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อมองหาลูกของมัน แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าไม่มีลูกเลยสักลูก มีแต่ใบเต็มไปหมดเพราะยังไม่ถึงฤดูออกลูก 14 พระองค์จึงพูดกับต้นมะเดื่อนั้นว่า “อย่าให้ใครได้กินลูกจากเจ้าอีกเลย” และพวกศิษย์ได้ยินคำพูดนี้ด้วย
พระเยซูในวิหาร
(มธ. 21:12-17; ลก. 19:45-48; ยน. 2:13-22)
15 เมื่อมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม พระเยซูได้เข้าไปในเขตวิหาร และขับไล่พวกที่มาซื้อมาขายข้าวของกันอยู่ในวิหารนั้น พระองค์คว่ำโต๊ะคนรับแลกเงิน และม้านั่งของพวกที่ขายนกพิราบ 16 พระองค์ห้ามไม่ให้คนแบกของผ่านไปมาในเขตวิหาร 17 แล้วสั่งสอนพวกเขาว่า “พระคัมภีร์ไม่ได้เขียนไว้หรือว่า ‘บ้านของเรามีชื่อว่า บ้านอธิษฐานสำหรับชนทุกชาติ[c] แต่พวกเจ้ากลับทำให้มันเป็นรังโจร’”[d]
18 เมื่อพวกผู้นำนักบวชและพวกครูสอนกฎปฏิบัติรู้เรื่องนี้ ก็หาทางที่จะฆ่าพระองค์ แต่พวกเขากลัวพระองค์เพราะมีชาวบ้านมากมายที่ตื่นเต้นกับคำสอนของพระองค์ 19 เย็นวันนั้นพระเยซูและพวกศิษย์ก็ออกนอกเมืองไป
บทเรียนจากต้นมะเดื่อ
(มธ. 21:20-22)
20 วันรุ่งขึ้นเมื่อพระเยซู และพวกศิษย์เดินผ่านต้นมะเดื่อต้นเดิม พวกศิษย์เห็นต้นมะเดื่อเหี่ยวแห้งตายตั้งแต่ยอดถึงโคน 21 เปโตรก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานพระเยซูสาปมันไว้ เขาจึงบอกพระเยซูว่า “อาจารย์ ดูนั่นสิครับ ต้นมะเดื่อที่อาจารย์สาปแช่งไว้แห้งตายแล้ว”
22 พระเยซูบอกพวกศิษย์ว่า “เชื่อในพระเจ้าสิ 23 เรารับรองว่า ถ้าคุณเชื่อโดยไม่สงสัยเลย แม้คุณสั่งให้ภูเขานี้ลอยลงไปในทะเล มันก็จะเป็นไปตามนั้น 24 ถ้าคุณเชื่อ คุณจะได้ทุกอย่างที่คุณอธิษฐานขอนั้น 25 ตอนที่คุณอธิษฐาน ถ้าโกรธใครอยู่ก็ต้องยกโทษให้กับเขาก่อน แล้วพระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์ก็จะยกโทษให้กับความบาปของคุณเหมือนกัน” 26 [e]
ผู้นำชาวยิวสงสัยในสิทธิอำนาจของพระเยซู
(มธ. 21:23-27; ลก. 20:1-8)
27 พวกเขาก็เข้าไปในเมืองเยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่พระเยซูกำลังเดินอยู่ในวิหารนั้น พวกหัวหน้านักบวช พวกครูสอนกฎปฏิบัติ และพวกผู้อาวุโสเดินเข้ามาถามพระองค์ว่า 28 “แกมีสิทธิ์อะไรไปไล่พ่อค้าพวกนั้น ใครให้สิทธิ์นี้กับแกที่จะทำสิ่งเหล่านั้น”
29 พระเยซูพูดว่า “เราขอถามท่านเรื่องหนึ่ง ตอบเรามา แล้วเราจะบอกว่าเราใช้สิทธิ์ของใครทำอย่างนี้ 30 ช่วยตอบหน่อยว่าพิธีจุ่มน้ำของยอห์นมาจากสวรรค์หรือมาจากมนุษย์”
31 พวกเขาก็ปรึกษากันว่า “ถ้าเราตอบว่า ‘มาจากสวรรค์’ มันก็จะย้อนถามเราว่า ‘แล้วทำไมไม่เชื่อยอห์นล่ะ’ 32 แต่ถ้าตอบว่า ‘มาจากมนุษย์’ ก็กลัวฝูงชน เพราะพวกนั้นเชื่อว่า ยอห์นเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าอย่างแน่นอน”
33 พวกเขาจึงตอบพระเยซูว่า “ไม่รู้สิ” พระเยซูก็เลยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้น เราก็จะไม่บอกเหมือนกันว่าเราใช้สิทธิ์ของใครทำสิ่งเหล่านี้”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International