Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยชูวา 22

เผ่าที่อยู่ฝั่งตะวันออกกลับบ้าน

22 จากนั้นโยชูวาก็ได้เรียกเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่ามาประชุม และพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านทั้งหลายได้ทำตามที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้สั่งพวกท่านไว้ และพวกท่านก็เชื่อฟังข้าพเจ้าในทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพเจ้าได้สั่งพวกท่าน พวกท่านไม่ได้ทอดทิ้งญาติพี่น้องของพวกท่านตลอดมาจนถึงวันนี้ แต่ท่านได้รักษาคำกำชับของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านอย่างเคร่งครัด บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ให้พี่น้องของท่านอยู่อย่างสงบสุขแล้ว อย่างที่พระองค์ได้ให้สัญญาไว้กับพวกเขานั้น ดังนั้น ตอนนี้ พวกท่านกลับไปบ้านได้แล้ว ไปสู่แผ่นดินที่พวกท่านเป็นเจ้าของซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้มอบให้แก่พวกท่านที่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนนั้น แต่ขอให้ระวังที่จะทำตามคำสั่งและกฎที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้มอบให้แก่พวกท่านไว้ คือ ให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ให้เดินตามแนวทางทั้งหลายของพระองค์ ให้เชื่อฟังพวกคำสั่งของพระองค์ ให้ใกล้ชิดกับพระองค์ และให้รับใช้พระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน”

โยชูวาอวยพรให้กับพวกเขาและส่งพวกเขากลับบ้าน (โมเสสได้มอบแผ่นดินในเมืองบาชานให้กับคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ส่วนอีกครึ่งเผ่ารวมทั้งญาติพี่น้องชาวอิสราเอลของเขา โยชูวาได้มอบที่ดินบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนให้) เมื่อโยชูวาส่งพวกเขากลับบ้าน ก็ได้อวยพรให้กับพวกเขาด้วย โยชูวาพูดว่า “ให้กลับไปที่บ้านของพวกท่านพร้อมความมั่งคั่ง มีสัตว์เลี้ยงมากมาย มีเงิน ทอง ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก และมีเสื้อผ้าเป็นจำนวนมาก ให้ไปแบ่งสิ่งต่างๆที่ยึดมาได้จากศัตรูของพวกท่านในสงครามให้กับพี่น้องของพวกท่านด้วย”

ดังนั้นคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า จึงแยกจากชาวอิสราเอลที่เมืองชิโลห์ ในแผ่นดินคานาอัน เพื่อกลับไปยังแผ่นดินกิเลอาด ซึ่งเป็นแผ่นดินที่พวกเขายึดมาได้ ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งผ่านทางโมเสส

10 เมื่อพวกเขามาถึงกิเลโลต ซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน ในแผ่นดินคานาอัน ชาวรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ได้สร้างแท่นบูชาขึ้นแท่นหนึ่งใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นแท่นบูชาขนาดใหญ่มาก 11 ชาวอิสราเอลที่เหลือได้ยินว่าคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ได้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่พรมแดนของแผ่นดินคานาอัน ที่กิเลโลต ใกล้กับแม่น้ำจอร์แดนฝั่งที่เป็นของชาวอิสราเอล 12 ชุมชนทั้งหมดของอิสราเอลจึงยกกันมาที่ชิโลห์ เพื่อที่จะขึ้นไปสู้รบกับพวกนั้น

13 ชาวอิสราเอลส่งนักบวชฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์ไปพบคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ในแผ่นดินกิเลอาด 14 พร้อมกับส่งผู้นำอีกสิบคน จากแต่ละเผ่า คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าของตระกูลต่างๆของอิสราเอลด้วย

15 เมื่อพวกเขาพบคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าในแผ่นดินกิเลอาด พวกเขาพูดว่า 16 “ชุมชนทั้งหมดของพระยาห์เวห์ พูดอย่างนี้ว่า ‘พวกท่านไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าของอิสราเอลอย่างนี้ได้ยังไง วันนี้ พวกท่านหันเหจากพระยาห์เวห์แล้วไปสร้างแท่นบูชาเพื่อกบฏต่อพระองค์อย่างนี้ได้ยังไง

17 บาปที่เมืองเปโอร์ยังไม่เพียงพอสำหรับพวกเราอีกหรือ จนถึงวันนี้ พวกเรายังไม่สามารถล้างบาปนั้นให้หมดจากตัวพวกเราได้ แม้ว่าจะมีโรคระบาดลงมาในที่ชุมชนของพระยาห์เวห์ก็ตาม 18 แล้วตอนนี้ พวกท่านยังจะหันเหไปจากพระยาห์เวห์อีกหรือยังไง ถ้าพวกท่านกบฏต่อพระยาห์เวห์ในวันนี้ พรุ่งนี้พระองค์จะโกรธชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมด

19 ถ้าแผ่นดินของพวกท่านเสื่อมไป ให้ข้ามมายังแผ่นดินของพระยาห์เวห์ที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์ตั้งอยู่ และมาแบ่งปันแผ่นดินไปจากพวกเราเถิด อย่าได้เป็นกบฏต่อพระยาห์เวห์ หรือต่อพวกเรา โดยการสร้างแท่นบูชาอื่นสำหรับพวกท่านเอง นอกเหนือไปจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราเลย

20 ที่ความโกรธของพระยาห์เวห์ได้ตกอยู่กับชุมชนอิสราเอลทั้งหมด เป็นเพราะอาคานลูกชายของเศราห์ไม่สัตย์ซื่อในเรื่องของที่ต้องทำลายเพื่ออุทิศให้กับพระยาห์เวห์ ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ต้องตายเพราะบาปของเขานะ’”

21 ดังนั้น ชาวรูเบน ชาวกาด และชาวมนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้ตอบผู้นำตระกูลต่างๆของอิสราเอลว่า 22 “พระยาห์เวห์เป็นพระเหนือพระทั้งปวง พระยาห์เวห์เป็นพระเหนือพระทั้งปวง พระองค์รู้ว่าทำไมเราถึงทำอย่างนี้ และขอให้ชาวอิสราเอลเองได้รู้ด้วย ถ้าพวกเราเป็นกบฏหรือไม่สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์ ก็อย่าปล่อยพวกเราไว้เลยในวันนี้ 23 ถ้าพวกเราสร้างแท่นบูชาสำหรับพวกเราเองเพื่อที่จะเลิกติดตามพระองค์ หรือเพื่อถวายเครื่องเผาบูชา หรือถวายเครื่องบูชาเมล็ดข้าว หรือถวายเครื่องสังสรรค์บูชาบนแท่นนั้น ก็ขอให้พระยาห์เวห์เองลงโทษพวกเรา 24 อันที่จริงที่พวกเราได้ทำสิ่งนี้ไป ก็เพราะเกรงว่า สักวันหนึ่งในอนาคต ลูกหลานของท่านจะถามลูกหลานของเราว่า ‘เจ้ามาเกี่ยวอะไรกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลด้วย 25 พระยาห์เวห์ได้สร้างแม่น้ำจอร์แดนให้เป็นพรมแดนระหว่างพวกเรากับพวกเจ้า ชาวรูเบน และชาวกาด พวกเจ้าไม่มีส่วนในพระยาห์เวห์ แล้วถ้าอย่างนั้นลูกหลานของพวกท่านอาจทำให้ลูกหลานของเราหยุดยำเกรงพระยาห์เวห์’

26 พวกเราก็เลยพูดกันว่า ให้พวกเราสร้างแท่นบูชาสำหรับพวกเราเองเถิด ไม่ใช่เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาหรือถวายเครื่องบูชา 27 แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างพวกท่านกับพวกเรา และระหว่างคนรุ่นต่อๆไป ว่าเราจะนมัสการพระยาห์เวห์ต่อหน้าพระองค์ ด้วยเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา แล้วในอนาคต ลูกหลานของพวกท่านก็จะไม่พูดกับลูกหลานของพวกเราว่า ‘พวกท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในพระยาห์เวห์’ 28 และพวกเราก็ได้พูดว่า ถ้าพวกเขาพูดอย่างนั้นกับเราหรือลูกหลานของเราในอนาคตแล้ว พวกเราก็จะตอบไปว่า ‘ดูแท่นบูชาจำลองของพระยาห์เวห์ที่บรรพบุรุษของพวกเราได้สร้างไว้สิ ไม่ใช่สร้างไว้สำหรับเครื่องเผาบูชาหรือถวายเครื่องบูชา แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างพวกเรากับพวกท่าน’

29 พวกเราจะไม่มีวันกบฏต่อพระยาห์เวห์หรือหันเหไปจากการติดตามพระองค์ ด้วยการสร้างแท่นบูชาอื่น สำหรับเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาเมล็ดข้าว หรือเครื่องบูชาอื่น นอกจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราที่อยู่หน้าเต็นท์ของพระองค์”

30 เมื่อนักบวชฟีเนหัส และพวกผู้นำชุมชน คือพวกหัวหน้าตระกูลต่างๆของอิสราเอล ที่อยู่กับเขา ได้ฟังคำพูดที่ชาวรูเบน ชาวกาด และมนัสเสห์พูดแล้ว ก็รู้สึกพอใจมาก 31 นักบวชฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์จึงได้พูดกับชาวรูเบน ชาวกาด และชาวมนัสเสห์ว่า “ตอนนี้พวกเราได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ยังอยู่ในท่ามกลางพวกเรา เพราะท่านไม่ได้กบฏต่อพระยาห์เวห์ในเรื่องนี้ ขณะนี้ พวกท่านได้ช่วยเหลือชาวอิสราเอลให้พ้นจากการลงโทษของพระยาห์เวห์”

32 แล้วนักบวชฟีเนหัสลูกชายเอเลอาซาร์ และพวกผู้นำ กลับออกมาจากชาวรูเบนและชาวกาดในแผ่นดินกิเลอาด กลับไปยังแผ่นดินคานาอันไปหาชาวอิสราเอลและแจ้งเรื่องต่างๆให้พวกเขารู้ 33 เรื่องนั้นทำให้ชาวอิสราเอลดีใจ พวกเขาต่างสรรเสริญพระเจ้า และไม่พูดเรื่องการทำสงครามกับคนสองเผ่านั้น เพื่อที่จะทำลายล้างแผ่นดินที่ชาวรูเบนและชาวกาดอาศัยอยู่

34 ชาวรูเบนและชาวกาดได้เรียกแท่นบูชานั้นว่า “แท่นนี้เป็นพยานระหว่างเราว่า พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้า”

กิจการ 2

พระวิญญาณบริสุทธิ์มาด้วยฤทธิ์เดช

เมื่อถึงวันเพ็นเทคอสต์ พวกศิษย์ของพระเยซูก็มารวมตัวกันในที่แห่งหนึ่ง จู่ๆก็มีเสียงจากท้องฟ้าคล้ายกับเสียงพายุพัดอย่างแรง ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบ้านที่พวกเขากำลังนั่งกันอยู่ จากนั้นพวกเขาก็เห็นบางอย่างคล้ายเปลวไฟที่มีรูปร่างเหมือนลิ้นได้กระจายออกไปอยู่เหนือพวกเขาแต่ละคน แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ได้เข้าไปอยู่ในตัวพวกเขาอย่างบริบูรณ์ แล้วพวกเขาทุกคนก็เริ่มพูดภาษาต่างๆตามแต่ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะให้เขาพูดได้

ชาวยิวที่นับถือพระเจ้าจากชาติต่างๆทั่วโลก มาอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเวลานั้น เมื่อได้ยินเสียงอื้ออึง ก็มามุงดูกัน และต่างก็รู้สึกงุนงงสงสัยที่พวกเขาต่างก็ได้ยินศิษย์ของพระเยซูพวกนี้พูดภาษาของพวกเขา พวกเขาทึ่งมากถึงกับพูดว่า “คนพวกนี้เป็นชาวกาลิลีทั้งนั้นเลยไม่ใช่หรือ แล้วทำไมพวกเราถึงได้ยินเขาพูดภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเราล่ะ ซึ่งมีทั้งมาจาก ปารเธีย มีเดีย เอลาม เมโสโปเตเมีย ยูเดีย คัปปาโดเซีย ปอนทัส เอเชีย 10 ฟรีเจียและปัมฟีเลีย อียิปต์และบางส่วนของลิเบียใกล้กับเมืองไซรีน แขกที่มาเยือนจากกรุงโรม 11 (มีทั้งยิวโดยกำเนิด กับคนที่เปลี่ยนมาถือแบบยิว) เกาะครีต และอาระเบีย แล้วเราทั้งหมดต่างก็ได้ยินคนพวกนี้พูดถึงสิ่งยอดเยี่ยมต่างๆที่พระเจ้าได้ทำเป็นภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเราเอง” 12 ผู้คนทั้งหมดรู้สึกสับสนอลหม่าน ถามไถ่กันว่า “นี่มันอะไรกัน” 13 บางคนหัวเราะเยาะศิษย์ของพระเยซู โดยพูดว่า “พวกนี้เมาเหล้าองุ่น”

เปโตรอธิบายให้คนฟัง

14 แล้วเปโตรก็ยืนขึ้นพร้อมกับศิษย์เอกอีกสิบเอ็ดคน เขาตะเบ็งเสียงดังต่อหน้าคนพวกนั้นว่า “เพื่อนๆชาวยิวและทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม ตั้งใจฟังให้ดีในเรื่องที่ผมจะเล่านี้ 15 คนพวกนี้ไม่ได้เมาอย่างที่พวกคุณคิดหรอกนะ ตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมงเช้าเอง 16 แต่สิ่งที่คุณเห็นนี้ เป็นสิ่งที่โยเอลผู้พูดแทนพระเจ้า ได้พูดไว้ว่า

17 ‘พระเจ้าพูดว่า ในช่วงสุดท้ายนั้น
เราจะเทพระวิญญาณของเราลงบนมนุษย์ทุกคน
    ทั้งบุตรชายและบุตรสาวของพวกเจ้าจะพูดแทนเรา
    คนหนุ่มจะเห็นภาพนิมิต
    คนแก่จะมีความฝันพิเศษ
18 ในช่วงนั้น เราจะเทพระวิญญาณของเราลงบนทาสของเราทั้งชายและหญิง
    และเขาเหล่านั้นจะพูดแทนเรา
19 เราจะแสดงสิ่งมหัศจรรย์ในท้องฟ้าเบื้องบนและสิ่งอัศจรรย์ในโลกเบื้องล่าง
    ได้แก่เลือด ไฟและหมอกควันหนาทึบ
20 ดวงอาทิตย์จะมืดมิด ส่วนดวงจันทร์จะเป็นสีเลือด
    ก่อนจะถึงวันอันยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์ขององค์เจ้าชีวิต
21 แล้วทุกคนที่ร้องขอความช่วยเหลือจากองค์เจ้าชีวิต ก็จะได้รับความรอด’”[a]

22 “ฟังให้ดีชาวอิสราเอลทั้งหลาย พระเจ้าได้แสดงให้พวกคุณเห็นชัดว่า พระเยซูชาวนาซาเร็ธเป็นคนพิเศษ เพราะพระเจ้าได้ให้อำนาจกับพระองค์ที่จะทำอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และการอัศจรรย์มากมายท่ามกลางพวกคุณ อย่างที่พวกคุณรู้กันอยู่แล้ว 23 พระเจ้าได้วางแผนไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ที่จะมอบพระเยซูให้กับพวกคุณ พวกคุณได้ฆ่าพระองค์ด้วยความช่วยเหลือของพวกคนชั่วนอกกฎหมาย คือได้ตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขน 24 แต่พระเจ้าได้ทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นมาใหม่ และทำให้พระองค์เป็นอิสระจากความตาย เพราะความตายไม่สามารถที่จะยึดพระเยซูไว้ได้

25 กษัตริย์ดาวิดได้พูดถึงพระองค์ว่า

‘เราเห็นองค์เจ้าชีวิตอยู่ต่อหน้าเราเสมอ
    เราจะไม่หวั่นกลัวเพราะพระองค์อยู่ที่ขวามือของเรา
26 เพราะอย่างนี้นี่เอง หัวใจของเราถึงเบิกบาน
    และคำพูดของเราก็ชื่นชมยินดี
    แม้แต่ร่างกายของเราก็เต็มไปด้วยความหวัง
27 เพราะพระองค์จะไม่ทิ้งเราไว้ในแดนคนตาย
    พระองค์จะไม่ยอมให้องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์นั้นเน่าเปื่อย
28 พระองค์ทำให้เรารู้จักทางที่นำไปสู่ชีวิต
    และจะทำให้เรามีความสุขอย่างเต็มที่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์’[b]

29 พี่น้องทั้งหลาย ผมมั่นใจว่าดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษของเรา ไม่ได้พูดถึงตัวเองเพราะเขาได้ตายไปแล้ว และหลุมฝังศพของเขาก็อยู่ในเมืองนี้จนถึงทุกวันนี้ 30 แต่ดาวิดเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า และเขาก็รู้ว่าพระเจ้าได้ให้คำมั่นสัญญาว่าลูกหลานของดาวิดคนหนึ่งจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เหมือนเขา 31 ดาวิดก็รู้เหตุการณ์นี้ล่วงหน้า เขาพูดถึงการฟื้นคืนชีพของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่องค์นั้นว่า

‘เขาไม่ได้ถูกทิ้งอยู่ในแดนคนตาย
    และร่างกายของเขาก็ไม่เน่าเปื่อย’[c]

32 พระเจ้าทำให้พระเยซูฟื้นขึ้นจากความตาย พวกเราทั้งหมดต่างก็เห็นเป็นพยานในเรื่องนี้ 33 พระเยซูถูกรับขึ้นไปนั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้า พระเจ้าก็มอบพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้กับพระเยซูตามที่สัญญาไว้ และพระเยซูก็เทพระวิญญาณนี้ลงบนพวกเรา อย่างที่พวกคุณได้เห็นและได้ยินอยู่ตอนนี้ 34 ดังนั้นดาวิดเองไม่ได้ถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ แต่ตัวดาวิดเองได้พูดว่า

‘พระเจ้า องค์เจ้าชีวิต ได้พูดกับพระคริสต์ องค์เจ้าชีวิตของเราว่า
นั่งลงทางขวามือของเรา
35     จนกว่าเราจะปราบศัตรูของท่านให้สยบลงเป็นที่วางเท้าของท่าน’[d][e]

36 ดังนั้นขอให้ชาวอิสราเอลทั้งหลายรู้แน่นอนว่า พระเจ้าได้ตั้งพระเยซูคนที่พวกคุณตรึงไว้ที่กางเขน ให้เป็นทั้งองค์เจ้าชีวิตและพระคริสต์”

37 เมื่อคนพวกนั้นได้ยินอย่างนี้ ก็รู้สึกเหมือนถูกแทงทะลุใจ พวกเขาจึงพูดกับเปโตรและศิษย์เอกคนอื่นๆว่า “พี่ๆน้องๆ พวกเราจะทำอย่างไรดี”

38 เปโตรพูดกับพวกเขาว่า “กลับตัวกลับใจเสียใหม่ และเข้าพิธีจุ่มน้ำในนามของพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์ เพื่อพระเจ้าจะได้ยกโทษความผิดบาปของคุณ แล้วคุณก็จะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นของขวัญ 39 เพราะนี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้กับพวกคุณ ลูกหลานของคุณ และทุกคนที่อยู่ห่างไกล คำสัญญานี้มีไว้สำหรับทุกคนที่องค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเราจะเรียกมา” 40 แล้วเปโตรได้เตือนพวกเขาอีกหลายเรื่องด้วยกัน และได้ขอร้องเขาว่า “ให้เอาตัวรอดจากโทษที่จะเกิดขึ้นกับสังคมที่ชั่วร้ายของยุคนี้” 41 คนทั้งหลายที่ยอมรับสิ่งที่เปโตรพูดได้เข้าพิธีจุ่มน้ำ และในวันนั้นจำนวนศิษย์ของพระเยซู จึงได้เพิ่มขึ้นอีกราวสามพันคน 42 พวกเขาได้ทุ่มเทเวลาในการฟังคำสั่งสอนของพวกศิษย์เอก ในการมาร่วมประชุมกัน ในการหักขนมปังกัน[f] และในการอธิษฐานกัน

การแบ่งปันในหมู่ผู้ศรัทธา

43 ทุกคนเกิดความเกรงกลัว เพราะพวกศิษย์เอกทำสิ่งมหัศจรรย์และการอัศจรรย์หลายอย่าง 44 พวกศิษย์ของพระเยซูได้พบกันอย่างสม่ำเสมอ และเอาข้าวของทั้งหมดที่ตนเองมีอยู่ออกมาแบ่งปันกัน 45 พวกเขาเอาที่ดินและข้าวของต่างๆไปขาย แล้วนำเงินมาแบ่งให้กับคนที่มีความจำเป็นต้องใช้ 46 พวกศิษย์เหล่านี้จะไปประชุมร่วมกันในวิหารทุกๆวัน พวกเขาจะหักขนมปังกันตามบ้านของตน และแบ่งปันอาหารกันกินด้วยความยินดีและเต็มใจ 47 พวกเขาสรรเสริญพระเจ้า และทุกคนก็ชื่นชอบพวกเขา แล้วองค์เจ้าชีวิตก็เพิ่มจำนวนคนที่พระองค์ได้ช่วยให้รอดเข้ามาในกลุ่มของศิษย์พวกนี้ทุกๆวัน

เยเรมียาห์ 11

ฝ่าฝืนพันธสัญญา

11 นี่คือถ้อยคำที่เยเรมียาห์ได้รับจากพระยาห์เวห์ พระองค์พูดว่า “ฟังถ้อยคำเหล่านี้ที่เกี่ยวกับพันธสัญญาไว้ให้ดี แล้วเอาไปบอกชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม ให้บอกพวกเขาว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลพูดไว้คือ ‘คนที่ไม่ยอมฟังถ้อยคำที่เกี่ยวกับพันธสัญญานี้ จะต้องถูกสาปแช่ง’ เป็นถ้อยคำที่เราได้สั่งกับบรรพบุรุษของเจ้าไว้ ตอนที่เราพาพวกเขาออกมาจากอียิปต์ ออกจากเตาไฟเหล็ก เราได้บอกกับพวกเขาว่า ‘ให้เชื่อฟังเรา และให้ทำตามสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่เราได้สั่งให้เจ้าทำ แล้วเจ้าจะเป็นคนของเรา และเราก็จะเป็นพระเจ้าของเจ้า’”

ที่เราทำอย่างนี้ก็เพื่อทำให้คำสัญญาที่เราได้สาบานไว้กับบรรพบุรุษของเจ้าเป็นจริง คำสัญญานั้นคือ “เราจะให้แผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำเชื่อมผลไม้อุดมสมบูรณ์เหมือนกับที่มันเป็นอยู่ตอนนี้” แล้วผมก็ตอบว่า “อาเมน ขอให้เป็นตามนั้นเถิดพระยาห์เวห์”

แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า “ให้ประกาศถ้อยคำเหล่านี้ตามเมืองต่างๆของยูดาห์และตามถนนหนทางของเยรูซาเล็มว่า ‘ฟังถ้อยคำแห่งคำสัญญานี้ และให้ทำตามถ้อยคำเหล่านั้น’

ที่เราพูดอย่างนี้ก็เพราะเราเตือนบรรพบุรุษของเจ้า นับตั้งแต่วันที่เรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ เราเตือนพวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อนว่าให้ฟังเสียงของเรา

แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง หรือเอียงหูมาฟัง แต่ละคนก็หันไปตามจิตใจที่ดื้อดึงชั่วร้ายของเขา ดังนั้นเราจะนำการลงโทษทั้งสิ้นที่เกี่ยวข้องกับคำสัญญานี้ ให้มาตกลงบนพวกเขา เพราะพวกเขาไม่ยอมทำตามสิ่งที่เราสั่งให้พวกเขาทำในคำสัญญานี้”

แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า “เราพบแผนชั่วของคนยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ม 10 พวกเขาได้หันไปทำสิ่งชั่วร้ายที่พวกบรรพบุรุษของพวกเขาทำ พวกบรรพบุรุษนี้เป็นพวกแรกที่ไม่ยอมฟังถ้อยคำต่างๆของเรา พวกเขาไปติดตามรับใช้พระอื่นๆ พวกคนอิสราเอลและคนยูดาห์ได้ละเมิดคำสัญญาที่เราได้ทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา”

11 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูด คือ “เรากำลังจะนำความหายนะมาสู่พวกเขา และพวกเขาจะไม่มีทางหลบหนีไปได้ พวกเขาจะร้องขอความช่วยเหลือจากเรา แต่เราจะไม่ฟังพวกเขา 12 หลังจากนั้นชาวเมืองต่างๆของยูดาห์และชาวเมืองเยรูซาเล็มก็จะไปร้องไห้คร่ำครวญเอากับพระต่างๆที่พวกเขาเผาเครื่องหอมถวาย แต่พระปลอมพวกนั้นจะไม่ช่วยพวกเขา ในเวลาที่พวกเขากำลังเดือดร้อน

13 ยูดาห์ ที่เราพูดอย่างนี้ ก็เพราะตามเมืองต่างๆของเจ้า มีแต่พระต่างๆมากมาย และตามท้องถนนในเมืองเยรูซาเล็ม เจ้าก็ตั้งแท่นบูชาให้กับรูปเคารพที่น่าอับอายไปทั่วทุกหนแห่ง พวกมันใช้สำหรับเผาเครื่องหอมให้พระบาอัล

14 ส่วนเจ้า เยเรมียาห์ อย่าได้อธิษฐานให้กับคนพวกนี้ และอย่าได้คร่ำครวญหรือวิงวอนให้กับพวกเขาด้วย เพราะเราจะไม่ฟังในเวลาที่พวกเขาร้องหาเราตอนที่เดือดร้อน

15 ยูดาห์ ที่รักของเรา มาทำอะไรในวิหารของเรา
    เห็นๆอยู่ว่านางได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายมากมาย
เครื่องเซ่นไหว้ของเจ้าจะถูกเอาไปจากเจ้า
    เพราะเจ้าสนุกสนานกับความชั่วช้าของเจ้า”

16 ครั้งหนึ่งพระยาห์เวห์เคยเรียกเจ้าว่า
    “ต้นมะกอกเขียวสวยสดพร้อมผลที่เอร็ดอร่อย”
แต่เดี๋ยวนี้ ด้วยเสียงที่เหมือนกับพายุใหญ่ พระองค์จะจุดไฟเพื่อเผาเจ้า
    และกิ่งก้านของเจ้าก็จะหักลง
17 และพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้ที่ปลูกเจ้า
    ได้สั่งให้ความหายนะนี้เกิดขึ้นกับเจ้า
ที่พระองค์ทำอย่างนี้ก็เพราะ
    ความชั่วร้ายที่ชาวอิสราเอลและยูดาห์ทำ
พวกเขายั่วโมโหพระองค์
    ด้วยการเผาเครื่องหอมให้กับพระบาอัล

แผนชั่วร้ายต่อเยเรมียาห์

18 พระยาห์เวห์ได้เปิดเผยแผนการของพวกเขาให้กับผม เพื่อผมจะได้รู้

19 ผมเป็นเหมือนแกะว่าง่ายที่กำลังถูกลากไปเชือด ผมไม่รู้ว่าพวกเขาได้วางแผนชั่วร้ายต่อผม พวกเขาพูดว่า “ให้พวกเราทำลายต้นไม้กับผลของมันและให้เราตัดเยเรมียาห์ออกจากแผ่นดินของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ และอย่าให้ใครจดจำชื่อของเขาอีกต่อไป”

20 แต่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ผู้พิพากษาที่เที่ยงธรรม ผู้ที่ทดสอบความคิดและจิตใจของมนุษย์

ขอให้ผมได้เห็นพระองค์แก้แค้นพวกเขาด้วยเถิด เพราะผมได้ร้องเรียนต่อพระองค์แล้ว

21 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับคนอานาโธท คนที่กำลังพยายามจะฆ่าเยเรมียาห์ คนที่พูดว่า “ถ้าแกหยุดพูดแทนพระยาห์เวห์ พวกเราก็จะไว้ชีวิตแก”

22 ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด “เรากำลังจะลงโทษพวกเขา คนหนุ่มของพวกเขาจะถูกฆ่าตายในสงคราม พวกลูกชายลูกสาวของพวกเขาจะตายเพราะความหิวโหย

23 จะไม่มีใครรอดชีวิตสักคน เพราะเราจะนำความหายนะมาให้กับชาวอานาโธท ตอนที่เราลงโทษพวกเขา”

มัทธิว 25

เรื่องเพื่อนเจ้าสาวสิบคน

25 ในเวลานั้นอาณาจักรแห่งสวรรค์จะเปรียบเหมือนกับ เพื่อนเจ้าสาวสิบคนที่ถือตะเกียงออกมารอรับเจ้าบ่าว ในพวกเขามีห้าคนเป็นหญิงโง่ และอีกห้าคนเป็นหญิงฉลาด หญิงโง่ห้าคนนั้นเอาตะเกียงไป แต่ไม่ได้เอาน้ำมันสำรองไปด้วย แต่หญิงฉลาดห้าคนนั้นเอาน้ำมันสำรองไปพร้อมกับตะเกียงด้วย เจ้าบ่าวมาช้า หญิงสาวทั้งหมดก็ง่วงและหลับไป

เมื่อถึงเที่ยงคืน ก็มีเสียงร้องเรียกว่า ‘เจ้าบ่าวมาแล้ว ออกมาต้อนรับเร็วเข้า’

เพื่อนเจ้าสาวทั้งหมดตื่นขึ้น และเตรียมตะเกียงของตนให้พร้อม แล้วหญิงโง่ก็พูดกับหญิงฉลาดว่า ‘ขอแบ่งน้ำมันของพวกเธอให้กับพวกเราบ้างสิ ตะเกียงของพวกเราใกล้จะดับอยู่แล้ว’

หญิงฉลาดตอบว่า ‘ไม่ได้หรอก เพราะน้ำมันนี้มีไม่พอสำหรับพวกเราทุกคน พวกเธอไปหาซื้อจากคนขายน้ำมันเอาเองก็แล้วกัน’

10 ขณะที่หญิงโง่ออกไปหาซื้อน้ำมัน เจ้าบ่าวก็มาถึง เพื่อนเจ้าสาวที่พร้อมอยู่แล้วก็เข้าไปในงานแต่งงานกับเจ้าบ่าว แล้วประตูก็ถูกปิดลง

11 ต่อมาเมื่อหญิงโง่ห้าคนนั้นกลับมา ก็ร้องเรียกว่า ‘คุณคะ คุณคะ ช่วยเปิดประตูให้พวกเราหน่อยค่ะ’

12 แต่เจ้าบ่าวตอบว่า ‘จะบอกให้ ผมไม่รู้จักคุณสักหน่อย’

13 ดังนั้นให้พร้อมอยู่เสมอ เพราะพวกคุณไม่รู้ถึงวันเวลาที่เราจะกลับมา

เรื่องทาสสามคน

(ลก. 19:11-27)

14 หรือเราอาจจะเปรียบอาณาจักรนั้นเหมือนกับชายคนหนึ่งที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ จึงเรียกพวกทาสมาและฝากทรัพย์สินให้พวกเขาดูแล 15 เขาให้เงินห้าถุงกับทาสคนหนึ่ง ให้เงินสองถุงกับทาสอีกคนหนึ่ง และให้เงินหนึ่งถุง[a] กับทาสคนสุดท้าย โดยได้แบ่งให้ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วเขาก็ออกเดินทางไป 16 ทาสที่ได้รับเงินห้าถุง เอาเงินไปค้าขายทันที และได้กำไรมาอีกห้าถุง 17 ทาสที่ได้เงินสองถุง เอาเงินไปค้าขายเหมือนกัน และได้กำไรมาอีกสองถุง 18 แต่ทาสที่ได้เงินหนึ่งถุงได้ขุดหลุมซ่อนเงินของเจ้านายไว้ในพื้นดิน

19 หลังจากเวลาผ่านไปนาน เจ้านายกลับมาและเรียกพวกเขามาถามว่าเอาเงินไปทำอะไรกันบ้าง 20 ทาสที่ได้เงินไปห้าถุงได้นำเงินกำไรอีกห้าถุงมาให้นาย และบอกว่า ‘เจ้านายครับ ท่านให้ผมดูแลเงินห้าถุง และนี่ผมได้กำไรมาอีกห้าถุง’

21 นายจึงพูดกับเขาว่า ‘เยี่ยมมาก เจ้าเป็นทาสที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าได้ซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กๆน้อยๆเราจะตั้งให้เจ้าดูแลของจำนวนมาก มาร่วมฉลองกับเรา’

22 แล้วทาสที่ได้รับเงินสองถุงก็มา และพูดว่า ‘เจ้านายครับ ท่านให้ผมดูแลเงินสองถุง ดูสิครับ ผมได้กำไรมาอีกสองถุง’

23 นายพูดกับเขาว่า ‘เจ้าทำดีมาก เจ้าเป็นทาสที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กๆน้อยๆ เราจะตั้งให้เจ้าดูแลของจำนวนมาก มาร่วมฉลองกับเรา’

24 แล้วทาสที่ได้รับเงินถุงเดียวก็มา และพูดว่า ‘เจ้านายครับ ผมรู้ว่าท่านเป็นคนที่โหดร้ายทารุณ ท่านเก็บเกี่ยวในที่ดินซึ่งท่านไม่ได้ปลูก และเก็บพืชผลที่ท่านไม่ได้หว่าน 25 ผมกลัวท่าน ก็เลยเอาถุงเงินไปฝังดินซ่อนไว้ นี่ไงถุงเงินของท่าน’

26 นายจึงด่าเขาว่า ‘ไอ้ทาสชาติชั่วจอมขี้เกียจ ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเก็บเกี่ยวในที่ดินซึ่งข้าไม่ได้ปลูก และเก็บพืชผลที่ข้าไม่ได้หว่าน 27 ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็น่าจะเอาเงินของข้าไปฝากธนาคารไว้ เพื่อว่าเมื่อข้ากลับมา ข้าก็จะได้เงินกลับมาพร้อมทั้งดอกเบี้ยด้วย’

28 แล้วเจ้านายก็บอกให้เอาถุงเงินจากเขาไปให้คนที่มีถุงเงินสิบถุง 29 เพราะคนที่ทำประโยชน์จากสิ่งที่เขามีอยู่ ก็จะได้รับเพิ่มมากขึ้นจนเหลือเฟือ แต่คนที่ไม่ได้ทำประโยชน์จากสิ่งที่เขามีอยู่ ทุกสิ่งที่เขามีจะถูกริบไปจนหมดด้วย 30 จากนั้นเขาก็สั่งให้เอาตัวทาสที่ไร้ประโยชน์นี้โยนออกไปที่มืดข้างนอก ที่นั่นจะมีเสียงร้องไห้โหยหวนด้วยความเจ็บปวด

บุตรมนุษย์จะพิพากษาทุกคน

31 เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาอย่างสง่างามพร้อมเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ พระองค์จะนั่งบนบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 32 คนทุกเชื้อชาติจะมารวมกันต่อหน้าบุตรมนุษย์ พระองค์จะแยกพวกเขาออกจากกัน เหมือนกับคนเลี้ยงแกะที่แยกแกะออกจากแพะ 33 พระองค์จะแยกแกะไว้ทางขวามือ และแยกแพะไว้ทางซ้ายมือ

34 กษัตริย์จะพูดกับพวกที่อยู่ทางขวามือว่า ‘พวกเจ้าที่ได้รับพรจากพระบิดาของเรา มารับอาณาจักรที่ได้เตรียมไว้สำหรับพวกเจ้าตั้งแต่เริ่มสร้างโลก 35 เพราะเมื่อเราหิว พวกเจ้าก็เลี้ยงเรา เรากระหายน้ำ เจ้าก็ให้น้ำเราดื่ม เราเป็นคนแปลกหน้า เจ้าก็ต้อนรับเราเข้าไปในบ้าน 36 เราไม่มีเสื้อผ้าใส่ เจ้าก็หาเสื้อผ้ามาให้ เราไม่สบาย เจ้าก็ดูแล เราติดคุก เจ้าก็มาเยี่ยม’

37 แล้วพวกที่ทำตามใจพระเจ้าจะตอบว่า ‘องค์เจ้าชีวิต พวกเราเคยเห็นท่านหิวและเลี้ยงท่านตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเห็นท่านกระหายน้ำ แล้วให้น้ำท่านดื่มตั้งแต่เมื่อไหร่ 38 แล้วพวกเราเคยเห็นท่านเป็นคนแปลกหน้า แล้วเชิญท่านเข้ามาในบ้าน หรือเห็นท่านไม่มีเสื้อผ้าใส่ แล้วหาเสื้อผ้ามาให้ใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่ 39 แล้วพวกเราเห็นท่านป่วย หรืออยู่ในคุก แล้วไปเยี่ยมตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับท่าน’

40 กษัตริย์จะตอบพวกเขาว่า ‘เราจะบอกให้รู้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเจ้าทำอะไรให้กับคนที่ต่ำต้อยที่สุดคนหนึ่งในหมู่พี่น้องของเรา เจ้าก็ได้ทำให้กับเราด้วย’

41 แล้วกษัตริย์หันไปตวาดใส่พวกที่อยู่ทางซ้ายมือว่า ‘ไปให้พ้น พวกที่ถูกสาปแช่ง ไปตกในกองไฟที่ไม่มีวันดับ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารและพวกผู้ช่วยของมัน 42 เพราะเมื่อเราหิว เจ้าก็ไม่ได้ให้อะไรเรากิน เรากระหายน้ำ เจ้าก็ไม่ได้ให้อะไรเราดื่ม 43 เราเป็นคนแปลกหน้า เจ้าก็ไม่ได้เชิญเราเข้าไปในบ้าน เราไม่มีเสื้อผ้าใส่ เจ้าก็ไม่ได้ให้เสื้อผ้าเราใส่ เราไม่สบายและอยู่ในคุก เจ้าก็ไม่เคยมาดูแลเรา’

44 แล้วพวกเขาก็จะตอบว่า ‘องค์เจ้าชีวิต ตอนไหนกันที่พวกเราเห็นท่านหิวหรือกระหายน้ำ หรือเป็นคนแปลกหน้า หรือไม่มีเสื้อผ้าใส่ หรือไม่สบาย หรือติดคุก แล้วพวกเราไม่ได้ช่วยเหลือท่าน’ 45 กษัตริย์จะตอบว่า ‘เราขอบอกให้รู้ว่าอะไรก็ตามที่พวกเจ้าไม่ได้ทำให้กับคนที่ต่ำต้อยที่สุดคนหนึ่งในพวกนี้ เจ้าก็ไม่ได้ทำกับเรา’

46 แล้วพวกเขาก็จะต้องไปรับโทษตลอดไป แต่คนที่ทำตามใจพระเจ้าจะเข้าสู่ชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International