M’Cheyne Bible Reading Plan
พวกกษัตริย์ทางเหนือพ่ายแพ้
11 เมื่อกษัตริย์ยาบินแห่งเมืองฮาโซร์ได้ยินข่าวนี้ ก็ได้ส่งข่าวไปถึงกษัตริย์โยบับแห่งเมืองมาโดน กษัตริย์เมืองชิมโรน และกษัตริย์เมืองอัคชาฟ 2 และยังส่งข่าวไปถึงพวกกษัตริย์ที่อยู่ในแถบเนินเขาทางตอนเหนือ ในหุบเขาจอร์แดนทางตอนใต้ของเมืองคินเนเรท[a] ในแถบที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก และในที่ราบสูงโดร์ทางทิศตะวันตก 3 และส่งข่าวไปถึงชาวคานาอันที่อยู่ทางทิศตะวันออกและตะวันตก ชาวอาโมไรต์ ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี และชาวเยบุสในแถบเนินเขา และชาวฮีไวต์ที่อาศัยอยู่ที่เชิงเขาเฮอร์โมนในแคว้นมิสปาห์ 4 พวกกษัตริย์เหล่านี้ได้ยกทัพออกมา เป็นกองทัพขนาดมหึมา เหมือนเม็ดทรายที่ชายฝั่งทะเล พร้อมกับม้าและรถรบจำนวนมหาศาล
5 กษัตริย์ทั้งหมดมารวมทัพกัน และตั้งค่ายอยู่ที่ลำธารเมโรม เพื่อจะสู้รบกับชาวอิสราเอล
6 พระยาห์เวห์ได้พูดกับโยชูวาว่า “ไม่ต้องกลัวพวกเขา เพราะพรุ่งนี้ในเวลาเดียวกันนี้ เราจะมอบพวกเขาทั้งหมดให้ชาวอิสราเอลฆ่า เจ้าจะต้องตัดเอ็นที่ขาม้าของพวกเขา และเผาพวกรถรบของพวกเขา”
7 ดังนั้น โยชูวากับทหารอิสราเอลก็ยกทัพขึ้นมา และโจมตีพวกเขาที่ลำธารเมโรม โดยไม่ให้พวกนั้นได้ทันตั้งตัว 8 พระยาห์เวห์ได้มอบพวกนั้นไว้ในกำมือของชาวอิสราเอล พวกอิสราเอลได้โจมตีและไล่ล่าพวกนั้นไปไกลถึงมหาไซดอนและมิสเรโฟทมาอิม และไปทางตะวันออกเลยไปถึงหุบเขามิสปาห์ จนไม่เหลือศัตรูสักคนรอดชีวิต 9 โยชูวาได้ทำกับพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่ง คือ ตัดเส้นเอ็นขาของม้าของพวกเขา และเผาพวกรถรบของพวกเขาทิ้ง
10 ในเวลานั้น โยชูวาได้กลับมายึดเมืองฮาโซร์ และได้ฆ่ากษัตริย์ของเมืองนั้นด้วยดาบ เพราะแต่ก่อนนั้น ฮาโซร์เคยเป็นหัวหน้าของอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดที่ต่อต้านชาวอิสราเอล 11 พวกเขาได้ฆ่าทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองฮาโซร์ และทำลายพวกเขาลงอย่างย่อยยับ ทุกสิ่งที่มีลมหายใจไม่เหลือรอดชีวิตเลย และโยชูวาได้เผาเมืองฮาโซร์ทิ้ง
12 โยชูวาได้ยึดเมืองของกษัตริย์เหล่านั้นทั้งหมด และได้จับตัวกษัตริย์ของเมืองต่างๆมาฆ่า เขาได้ทำลายพวกนั้นลงอย่างราบคาบถวายให้กับพระยาห์เวห์ ตามที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ 13 แต่พวกทหารไม่ได้เผาพวกเมืองต่างๆที่อยู่บนเนิน ยกเว้นเมืองฮาโซร์ ที่ถูกโยชูวาเผาไป 14 ส่วนสิ่งของทั้งหมดในเมืองเหล่านี้และพวกสัตว์เลี้ยง ชาวอิสราเอลได้ยึดไว้เป็นของพวกเขา แต่ประชาชนในเมืองถูกฆ่าหมดไม่เหลือใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว 15 พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสผู้รับใช้พระองค์ยังไง โมเสสก็สั่งโยชูวาอย่างนั้น และโยชูวาก็ได้ทำตาม ไม่มีสักอย่างที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้ แล้วโยชูวาไม่ได้ทำตาม
16 โยชูวายึดดินแดนทั้งหมดนี้ไว้ คือ ดินแดนแถบเนินเขา เนเกบทั้งหมด แผ่นดินโกเชนทั้งหมด ที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก หุบเขาจอร์แดน และดินแดนแถบเนินเขาของอิสราเอล รวมทั้งเชิงเขาของอิสราเอล 17 ตั้งแต่ภูเขาฮาลักขึ้นไปจนถึงเสอีร์ไกลไปจนถึงบาอัลกาดในหุบเขาเลบานอน ตอนล่างของเทือกเขาเฮอร์โมน และโยชูวาได้จับกษัตริย์ของเมืองเหล่านั้นทั้งหมดมาฆ่า 18 โยชูวาได้ทำสงครามกับกษัตริย์เหล่านั้นเป็นเวลานาน 19 ชาวอิสราเอลรบชนะพวกนั้นทั้งหมด ไม่มีสักเมืองได้ทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับชาวอิสราเอล ยกเว้นชาวฮีไวต์ที่อาศัยอยู่ในเมืองกิเบโอน 20 เป็นเพราะพระยาห์เวห์เอง ที่ทำให้คนเหล่านั้นอยากจะสู้รบกับชาวอิสราเอล เพื่อพวกเขาจะได้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นซาก ไม่ได้รับความเมตตา และถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้
21 เวลานั้น โยชูวาไปทำลายล้างชาวอานาค[b] ที่อาศัยอยู่ตามดินแดนแถบเนินเขา ที่เฮโบรน ที่เดบีร์ ที่อานาบ พื้นที่ทั้งหมดแถบเนินเขาของยูดาห์ และพื้นที่ทั้งหมดแถบเนินเขาของอิสราเอล โยชูวาได้ทำลายชาวอานาคและเมืองต่างๆของพวกเขาทิ้งไป 22 ไม่มีชาวอานาคหลงเหลืออยู่ในแผ่นดินอิสราเอล มีเพียงบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ในกาซา กัท และอัชโดด 23 ดังนั้น โยชูวาจึงได้ยึดเอาดินแดนทั้งหมดไว้ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้กับโมเสสทุกอย่าง และโยชูวาก็ได้มอบดินแดนแห่งนั้นให้เป็นมรดกกับชาวอิสราเอล ตามสัดส่วนของเผ่าต่างๆ แล้วแผ่นดินก็ได้หยุดพักจากสงคราม
อธิษฐานขอให้มีชัยและเจริญรุ่งเรือง
เพลงของดาวิด
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์ผู้เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
ผู้ฝึกปรือมือของข้าพเจ้าในการสู้รบ
และฝึกฝนนิ้วของข้าพเจ้าทำสงคราม
2 สำหรับข้าพเจ้าแล้ว พระองค์เป็นความรักที่มั่นคง
เป็นป้อมปราการ เป็นภูผาหลบภัย
เป็นผู้ช่วยให้รอด และเป็นโล่คุ้มกัน ข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์
พระองค์ทำให้คนของข้าพเจ้าอยู่ภายใต้อำนาจของข้าพเจ้า
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ มนุษย์เป็นใครกันพระองค์ถึงได้สังเกตพวกเขา
และคนเป็นอะไรพระองค์ถึงได้เอาใจใส่นัก
4 มนุษย์เปรียบเหมือนหมอกที่เหือดหายไปอย่างรวดเร็ว
ชีวิตของพวกเขาก็เปรียบเหมือนเงาที่จางหายไป
5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ แหวกท้องฟ้าของพระองค์ แล้วลงมาสัมผัสพวกภูเขา
แล้วควันก็จะพวยพุ่งออกมาจากภูเขาเหล่านั้น
6 ใช้สายฟ้าตีเหล่าศัตรูของข้าพเจ้าให้กระจัดกระจายไป
ยิงลูกธนูของพระองค์ใส่พวกเขาและทำให้พวกเขาวิ่งหนีไปคนละทิศคนละทาง
7 ช่วยยื่นมือของพระองค์ลงมาจากสวรรค์
และช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
ช่วยดึงข้าพเจ้าให้ขึ้นมาจากน้ำลึก ให้รอดจากเงื้อมมือของคนต่างชาติ
8 คือจากคนที่ใช้ปากพูดโกหก
และยกมือขวาขึ้นสาบานอย่างหลอกลวง
9 ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องเพลงบทใหม่ให้กับพระองค์
และจะเล่นดนตรีด้วยพิณสิบสายให้พระองค์ฟัง
10 พระองค์เป็นผู้ให้ชัยชนะกับพวกกษัตริย์
พระองค์กู้ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จากดาบที่ฆ่าฟัน
11 ดังนั้น ช่วยปลดปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นอิสระ และช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากคนต่างชาติ
ที่ปากพูดโกหกและยกมือขวาขึ้นสาบานอย่างหลอกลวง
12 ขอให้ลูกชายของพวกเราเป็นเหมือนพืชที่เติบโตเต็มขนาดอย่างรวดเร็ว
และขอให้ลูกสาวของพวกเราเป็นเหมือนเสาแกะสลักตามหัวมุมต่างๆของวัง
13 ขอให้ยุ้งฉางของพวกเราเต็มไปด้วยผลผลิตนานาชนิด
ขอให้แกะของพวกเราเกิดลูกเป็นพันเป็นหมื่นในท้องทุ่งของพวกเรา
14 ขอให้ฝูงวัวของเราแบกผลผลิตมากมายบนหลังของพวกมัน
ขออย่าให้ศัตรูของเราเจาะกำแพงบุกเข้ามา
ขอให้ไม่มีใครถูกต้อนไปเป็นเชลย
ขออย่าให้มีเสียงกรีดร้องตกใจกลัวข้าศึกตามถนนต่างๆของพวกเรา
15 ชนชาติที่ได้รับพระพรอย่างนี้ และมีพระยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเขา
ถือว่ามีเกียรติจริงๆ
ความชั่วช้าของคนยูดาห์
5 พระยาห์เวห์พูดว่า “วิ่งไปวิ่งมาตามท้องถนนของเยรูซาเล็มสิ แล้วไปดูให้รู้ว่าเป็นอย่างไร ไปค้นหาดูตามลานเมืองต่างๆ
ถ้าเจ้าสามารถหาเจอแค่คนเดียว ใครก็ได้ที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องยุติธรรม และเป็นคนที่เชื่อถือได้ แล้วเราจะยกโทษให้กับเยรูซาเล็ม
2 คนพวกนี้เมื่อเขาสาบาน พวกเขาชอบพูดว่า ‘ฉันขอสาบานโดยพระยาห์เวห์’ พวกนี้ก็โกหก สาบานส่งๆไปอย่างนั้นเอง”
3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ต้องการให้คนสัตย์ซื่อต่อพระองค์ ใช่ไหม
พระองค์เฆี่ยนตีพวกเขา
แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บ
พระองค์เกือบจะทำลายพวกเขา
แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมรับการตีสอนของพระองค์
พวกเขาดื้อด้านเหมือนหิน
พวกเขาไม่ยอมกลับใจ
4 แล้วผมพูดว่า “พวกนี้เป็นแค่คนยากจน
พวกเขาโง่เกินกว่าจะได้รับการสอนอะไร
เพราะพวกเขาไม่รู้จักทางของพระยาห์เวห์
และไม่รู้จักกฎต่างๆของพระเจ้าของเขา
5 ผมจะไปหาคนใหญ่คนโต และพูดกับพวกเขา
เพราะพวกเขารู้จักทางของพระยาห์เวห์
และรู้จักกฎต่างๆของพระเจ้าของเขา”
แต่พวกเขาร่วมกันหักแอก แล้วดึงเชือกวัวจนขาด
6 ดังนั้นสิงโตจากป่าออกมาจู่โจมพวกเขา
หมาป่าจากทะเลทรายออกมาทำร้ายพวกเขา
เสือดาวก็กำลังเฝ้าคอยจับจ้องเมืองต่างๆของพวกเขา
คนที่ออกมาจากเมืองเหล่านั้นก็จะถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพวกเขาได้ทรยศต่อพระเจ้าหลายครั้ง
และพวกเขามักจะออกนอกลู่นอกทางของพระเจ้า
7 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะยกโทษให้กับเจ้าได้อย่างไรกัน
ลูกของเจ้าได้ทอดทิ้งเราไป
แถมพวกเขายังไปสาบานกับพวกพระที่ไม่มีตัวตน
เราได้ให้ทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ
แต่พวกเขากลับสำส่อนและมั่วสุมกันตามบ้านโสเภณี
8 พวกเขาเหมือนม้าผู้อ้วนพีที่กลัดมัน
แต่ละคนส่งเสียงเรียกเมียเพื่อนบ้าน
9 เราไม่ควรจะทำโทษพวกเขาเพราะเรื่องพวกนี้หรอกหรือ”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
“และเราไม่ควรจะแก้แค้นชนชาติที่เป็นอย่างนี้หรอกหรือ
10 ให้บุกเข้าไปในสวนองุ่นและทำลายพวกมัน
แต่อย่าทำลายจนราบคาบ
ให้ริดกิ่งก้านของเถาองุ่นเหล่านั้น
เพราะพวกมันไม่ได้เป็นของพระยาห์เวห์
11 เพราะว่าคนอิสราเอลและคนยูดาห์ไม่จริงใจกับเราครั้งแล้วครั้งเล่า”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 พวกเขาพูดโกหกเกี่ยวกับพระยาห์เวห์
พวกเขาพูดว่า “พระองค์จะไม่ทำอะไรพวกเราหรอก
เรื่องร้ายๆจะไม่เกิดขึ้นกับเราหรอก
และเราก็จะไม่เจอกับสงครามและความอดอยาก”
13 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมไม่มีอะไรเลย เป็นแต่ลมๆแล้งๆ
และพระคำของพระเจ้าจะไม่อยู่ในพวกเขา
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขา
14 ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
“เพราะพวกเขาพูดสิ่งต่างๆเหล่านี้
เราจะทำให้คำที่เราใส่ไว้ในปากเจ้าเป็นเหมือนไฟและคนพวกนี้จะเป็นเหมือนต้นไม้
และพระคำต่างๆของพระเจ้าก็จะเผาผลาญพวกเขา
15 ชาวอิสราเอลทั้งหลาย เรากำลังนำชนชาติหนึ่งจากแดนไกลมาสู้รบกับพวกเจ้า
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
มันเป็นชนชาติที่เข้มแข็งที่อยู่มาช้านานแล้ว
และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
มันเป็นชนชาติที่มีภาษาที่เจ้าไม่รู้จัก
และเจ้าก็ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่พวกมันพูดได้
16 แล่งธนูของพวกเขาเป็นเหมือนหลุมศพที่เปิดอ้า
ผู้ชายของเขาทุกคนต่างก็เป็นนักรบ
17 พวกเขาจะเขมือบพืชผลและอาหารของเจ้าจนหมด
พวกเขาจะเขมือบลูกชายลูกสาวของเจ้า
พวกเขาจะกินฝูงแกะและฝูงวัวของเจ้า
พวกเขาจะกินเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของเจ้า
พวกเขาจะทลายเมืองที่มีป้อมปราการต่างๆของเจ้า
ป้อมปราการที่เจ้าไว้ใจหนักหนา”
18 พระยาห์เวห์พูดว่า “แต่แม้แต่ในวันนั้น เราก็จะไม่ทำลายเจ้าอย่างสิ้นเชิง 19 และถ้าคนของเจ้าพูดว่า ‘ทำไมพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราถึงทำสิ่งต่างๆเหล่านี้กับเรา’ ก็ให้เจ้าบอกไปว่า ‘ก็เพราะพวกเจ้าทอดทิ้งเราไปบูชาพระต่างชาติในแผ่นดินของเจ้า ดังนั้น เจ้าจะต้องรับใช้พวกต่างชาติในแผ่นดินที่ไม่ใช่ของพวกเจ้าเอง’
20 ให้ประกาศเรื่องนี้ท่ามกลางลูกหลานของยาโคบ
และทำให้ได้ยินไปถึงยูดาห์ด้วย
21 ฟังเรื่องนี้ให้ดี เจ้าพวกคนโง่ที่ขาดสติ
เจ้าที่มีตาแต่ดันมองไม่เห็น
เจ้าที่มีหูแต่ดันไม่ได้ยิน
22 เจ้าไม่ยำเกรงเราเลยหรือ”
พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น
“เจ้าไม่ตัวสั่นงันงกต่อหน้าเราเลยหรือไง
เราเป็นผู้ตั้งทรายขึ้นเป็นขอบเขตน้ำทะเล
ซึ่งเป็นคำสั่งถาวรไม่ให้น้ำทะเลล้นข้ามมันได้
คลื่นซัดไปซัดมาแต่มันก็ไม่เคยพ้นทรายขึ้นมาได้
และคลื่นร้องสนั่นหวั่นไหว แต่ก็ข้ามมันมาไม่ได้อยู่ดี
23 คนพวกนี้ดื้อดึงและมีใจกบฏ
พวกเขาหันหลังไปจากเรา
24 พวกเขาไม่ได้พูดในใจว่า
‘พวกเราน่าจะยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
ผู้ที่ให้ฝนกับเรา ตรงตามฤดูกาลของมัน
ไม่ว่าจะเป็นฝนตอนฤดูใบไม้ร่วงกับฝนตอนฤดูใบไม้ผลิ
ผู้ที่ทำให้เราได้เก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม’
25 ความผิดบาปของพวกเจ้าได้กีดกันเจ้าไม่ให้ได้รับสิ่งเหล่านี้
และบาปต่างๆของเจ้าก็กีดกันเจ้าไม่ให้ได้รับผลผลิต
26 เพราะมีคนชั่วอยู่ในหมู่คนของเรา
พวกมันล่าเหยื่อของมันอย่างเงียบเชียบเหมือนนายพราน
พวกมันวางกับดักและจับมนุษย์
27 บ้านของพวกมันเต็มไปด้วยคนขี้โกง
เหมือนกับตะกร้าที่เต็มไปด้วยนก
เพราะอย่างนี้ พวกมันจึงยิ่งใหญ่และร่ำรวย
28 พวกมันทั้งอ้วนทั้งฉุ
มันทำชั่วยิ่งกว่าคนชั่ว
พวกมันไม่ตัดสินคดีความ
มันไม่สอบสวนคดีของลูกที่ไม่มีพ่อ
และไม่ให้ความยุติธรรมกับคดีของคนยากจน
29 เราไม่ควรจะลงโทษคนพวกนี้สำหรับเรื่องเหล่านี้หรอกหรือ”
นั่นคือสิ่งที่พระยาห์เวห์ถาม
“เราไม่ควรจะแก้แค้นชนชาติอย่างนี้หรอกหรือ”
30 เรื่องน่าขนลุกขนพองและน่าขยะแขยงเกิดขึ้นบนแผ่นดินนี้แล้ว
31 พวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้ทำนายเรื่องโกหก
ส่วนพวกนักบวชก็ทำในสิ่งที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้าบอก
คนของเราชอบให้มันเป็นอย่างนี้
แต่เจ้าจะทำอย่างไรเมื่อจุดจบมาถึง
เรื่องการหย่าร้าง
(มก. 10:1-12)
19 หลังจากที่พระเยซูพูดเรื่องพวกนี้แล้ว พระองค์ก็ออกจากแคว้นกาลิลีไปที่แคว้นยูเดีย ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน 2 มีคนตามพระองค์ไปเป็นจำนวนมาก และพระองค์รักษาคนป่วยที่นั่น
3 พวกฟาริสีบางคนมาหาพระองค์และทดสอบพระองค์โดยถามว่า “มันถูกกฎหรือเปล่าที่ผู้ชายจะหย่ากับภรรยาไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม”
4 พระเยซูตอบว่า “พวกคุณไม่เคยอ่านหรือว่า ‘เมื่อเริ่มแรกพระผู้สร้างได้สร้างมนุษย์เป็นชายและหญิง’[a] 5 พระองค์พูดว่า ‘ผู้ชายจะแยกจากพ่อแม่ไปอยู่ร่วมกันกับภรรยาของเขา แล้วทั้งสองจะกลายเป็นคนๆเดียวกัน’[b] 6 พวกเขาจึงไม่ใช่สองคนอีกต่อไป แต่เป็นคนๆเดียวกัน ดังนั้นสิ่งที่พระเจ้าได้ผูกพันเข้าด้วยกันแล้ว ก็อย่าให้ใครมาแยกออกจากกันเลย”
7 พวกฟาริสีจึงถามอีกว่า “แล้วทำไมโมเสสถึงสั่งให้ผู้ชายแค่เขียนใบหย่าให้กับภรรยา แล้วก็หย่าได้”
8 พระเยซูตอบว่า “โมเสสอนุญาตให้พวกคุณหย่ากับภรรยาได้ เพราะคุณดื้อดึงไม่เชื่อฟังคำสอนของพระเจ้า แต่พระเจ้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรก 9 เราจะบอกให้รู้ว่า ใครก็ตามที่หย่ากับภรรยาแล้วไปแต่งงานใหม่ ก็ถือว่ามีชู้ นอกจากเขาจะหย่าเพราะภรรยาทำบาปทางเพศเท่านั้น”
10 พวกศิษย์พูดกับพระเยซูว่า “ถ้านั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ผู้ชายจะหย่าภรรยาได้ ก็อย่าแต่งงานเสียเลยจะดีกว่า”
11 พระเยซูตอบว่า “ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะรับคำสอนนี้ได้ แต่มีบางคนที่พระเจ้าทำให้รับได้ 12 มีหลายเหตุผลที่คนไม่แต่งงาน บางคนเกิดมาเป็นขันที บางคนถูกจับตอน[c] และบางคนไม่แต่งงานเพราะเห็นแก่อาณาจักรแห่งสวรรค์ ถ้าใครสามารถอยู่เป็นโสดได้ ก็ไม่ควรแต่ง”
พระเยซูอวยพรเด็กๆ
(มก. 10:13-16; ลก. 18:15-17)
13 มีคนพาเด็กเล็กๆเข้ามา เพื่อให้พระเยซูวางมือ[d] และอธิษฐานให้ แต่พวกศิษย์ได้ต่อว่าคนพวกนั้นที่พาเด็กๆมา 14 แต่พระเยซูบอกว่า “ปล่อยให้พวกเด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา อย่าห้ามพวกเขา เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของคนที่เป็นเหมือนกับเด็กเล็กๆพวกนี้” 15 หลังจากที่พระองค์วางมือบนตัวเด็กๆแล้ว พระองค์ก็ไปจากที่นั่น
เศรษฐีหนุ่มไม่ยอมติดตามพระเยซูไป
(มก. 10:17-31; ลก. 18:18-30)
16 มีชายคนหนึ่งมาหาพระเยซู และถามว่า “อาจารย์ครับ ผมจะต้องทำความดีอะไรถึงจะมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป”
17 พระเยซูตอบว่า “คุณถามเราทำไมว่า อะไรดี มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ดี ถ้าคุณอยากมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป ก็ต้องทำตามกฎปฏิบัติ”
18 ชายหนุ่มจึงถามว่า “กฎข้อไหนครับ” พระเยซูตอบว่า “ข้อที่ว่า ‘อย่าฆ่าคน อย่ามีชู้ อย่าขโมย อย่าเป็นพยานเท็จ 19 ให้เคารพนับถือพ่อแม่[e] และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง’[f]”
20 ชายหนุ่มคนนั้นตอบว่า “ผมรักษากฎทั้งหมดนั้นอยู่แล้วครับ ยังมีอะไรที่ผมต้องทำอีกไหมครับ”
21 พระเยซูตอบว่า “ถ้าจะทำให้ครบถ้วน ต้องไปขายทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่คุณมีอยู่ แล้วเอาเงินไปแจกจ่ายให้กับคนยากจน และคุณก็จะมีทรัพย์สมบัติอยู่บนสวรรค์ แล้วมาติดตามเรา”
22 เมื่อชายหนุ่มได้ยินอย่างนั้น ก็จากไปด้วยความเศร้า เพราะเขาร่ำรวยมาก
23 พระเยซูพูดกับพวกศิษย์ว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คนรวยจะเข้าในอาณาจักรแห่งสวรรค์นั้นยากมาก 24 ขอย้ำอีกครั้งว่า จะให้อูฐลอดรูเข็ม ก็ยังจะง่ายกว่าให้คนรวยเข้าไปในอาณาจักรของพระเจ้า”
25 เมื่อพวกศิษย์ได้ยินอย่างนั้นก็งงมาก และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นใครจะไปรอดได้”
26 พระเยซูมองพวกศิษย์และพูดว่า “สำหรับมนุษย์ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่สำหรับพระเจ้าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้”
27 เปโตรพูดกับพระเยซูว่า “พวกเราได้สละทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อมาติดตามอาจารย์ แล้วพวกเราจะได้รับอะไรครับ”
28 พระเยซูตอบว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า เมื่อพระเจ้าสร้างโลกใหม่แล้ว บุตรมนุษย์จะนั่งบนบัลลังก์อันสง่างาม และพวกคุณที่ได้ติดตามเรา ก็จะขึ้นนั่งบนบัลลังก์สิบสองบัลลังก์ และตัดสินคนอิสราเอลสิบสองเผ่า 29 ทุกคนที่สละบ้านเรือน หรือพี่น้องชายหญิง หรือพ่อ หรือแม่ หรือลูก หรือไร่นา เพื่อมาติดตามเรา จะได้รับมากกว่าที่พวกเขาสละไปเป็นร้อยเท่า และจะมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป 30 แต่คนที่เป็นใหญ่เป็นโตที่สุดในตอนนี้จะกลายเป็นคนที่ต่ำต้อยที่สุด ส่วนคนที่ต่ำต้อยที่สุดในตอนนี้ จะกลายเป็นคนใหญ่คนโตที่สุด
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International