Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

M’Cheyne Bible Reading Plan

The classic M'Cheyne plan--read the Old Testament, New Testament, and Psalms or Gospels every day.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ปฐมกาล 50

งานศพของยาโคบ

50 โยเซฟกอดพ่อและร้องไห้ และจูบพ่อของเขา โยเซฟได้ส่งพวกหมอที่รับใช้เขา ให้จัดการเกี่ยวกับศพเพื่อเอาไปฝัง พวกหมอจึงอาบน้ำยารักษาศพของอิสราเอลไว้สำหรับฝัง เขาใช้เวลาสี่สิบวันในการอาบน้ำยานี้ ตามประเพณีที่เขาทำกัน ชาวอียิปต์ไว้ทุกข์ให้อิสราเอลเป็นเวลาเจ็ดสิบวัน

เมื่อสิ้นสุดเวลาไว้ทุกข์ โยเซฟพูดกับข้าราชสำนักของฟาโรห์ “ถ้าพวกท่านจะกรุณาผม ช่วยพูดกับฟาโรห์ว่า ‘พ่อของผมให้ผมสาบานกับเขา เขาบอกว่า “ดูเถิด พ่อกำลังจะตาย ให้ฝังพ่อไว้ในหลุมฝังศพที่พ่อขุดเตรียมไว้สำหรับตัวเองในแคว้นคานาอัน” และตอนนี้ขอโปรดอนุญาตให้ผมไปฝังศพพ่อด้วยเถิด แล้วผมจะกลับมา’”

ฟาโรห์พูดว่า “ไปเถิด ไปฝังศพของพ่อเจ้า ตามที่เจ้าได้สาบานไว้”

โยเซฟจึงขึ้นไปฝังศพพ่อ พวกข้าราชการทั้งหมดของฟาโรห์ รวมทั้งข้าราชการระดับสูงในวังของฟาโรห์ และพวกข้าราชการระดับสูงทั้งหมดทั่วแผ่นดินอียิปต์ไปกับโยเซฟด้วย ครอบครัวทั้งหมดของโยเซฟและพี่น้องของเขาทั้งครอบครัว ไปกับโยเซฟด้วย เหลือไว้แต่เด็กๆ ฝูงแกะ และฝูงวัว ในเมืองโกเชน รถม้าศึกและคนขับก็ไปกับเขาด้วย เป็นขบวนที่ใหญ่โตมาก

10 เมื่อพวกเขามาถึงลานนวดข้าวของอาทาด[a] ซึ่งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาได้ร้องไห้คร่ำครวญอย่างขมขื่นด้วยเสียงอันดัง โยเซฟให้มีพิธีศพเป็นเวลาเจ็ดวัน 11 เมื่อชาวคานาอันที่อาศัยบริเวณนั้นเห็นความเศร้าโศกในพิธีศพที่ลานนวดข้าว พวกเขาพูดว่า “ทำไมชาวอียิปต์ถึงได้เศร้าโศกเสียใจขนาดนี้” พวกเขาจึงตั้งชื่อสถานที่นั้นที่อยู่ตรงข้ามกับแม่น้ำจอร์แดนว่า “อาเบลมิสราอิม”[b]

12 ลูกชายของยาโคบได้ทำตามที่พ่อเขาสั่งไว้ 13 คือพวกลูกชายของเขาได้แบกร่างเขามาถึงแผ่นดินคานาอัน และได้ฝังเขาไว้ในถ้ำในท้องทุ่งของมัคเปลาห์ ซึ่งอับราฮัมซื้อมาเพื่อเป็นที่ฝังศพจากเอโฟรนคนฮิตไทต์ ใกล้มัมเร 14 แล้วโยเซฟ พวกพี่ชาย และคนทั้งหมดที่มาร่วมฝังศพพ่อของเขา ต่างก็เดินทางกลับอียิปต์ หลังจากฝังศพพ่อของเขาเรียบร้อยแล้ว

พวกพี่ชายยังกลัวโยเซฟ

15 พี่ชายของโยเซฟกลัวโยเซฟเพราะพ่อของพวกเขาตายไปแล้ว พวกเขาพูดว่า “บางทีโยเซฟอาจจะยังโกรธพวกเราอยู่ และอาจจะแก้แค้นเราสำหรับความชั่วร้ายที่พวกเราได้ทำกับเขา” 16 พวกเขาจึงส่งข้อความไปถึงโยเซฟว่า

“พ่อของท่านได้สั่งเอาไว้ก่อนตายว่า 17 ให้บอกกับโยเซฟว่า ‘ขอให้ยกโทษให้กับความผิดและความบาปของพวกพี่ชายเจ้า ที่ได้ทำไว้กับเจ้า’ พวกเราได้ทำผิดต่อท่านจริงๆ ตอนนี้ ขอได้โปรดยกโทษให้กับความผิดของพวกเราผู้รับใช้พระเจ้าของพ่อท่านด้วยเถิด”

โยเซฟร้องไห้เมื่อเห็นข้อความที่ส่งมาถึงเขา 18 พวกพี่ชายได้มาคุกเข่าลงต่อหน้าเขาและพูดว่า “ดูเถิด เราเป็นทาสของท่าน”

19 แต่โยเซฟพูดกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวเลย พวกพี่คิดว่าผมเป็นพระเจ้าหรือยังไง 20 พวกพี่ตั้งใจจะทำร้ายผมก็จริง แต่พระเจ้าตั้งใจให้มันออกมาดี เพื่อจะได้มีวันนี้เกิดขึ้น เพื่อที่จะรักษาชีวิตของคนมากมาย 21 ดังนั้นอย่าได้กลัวไปเลย ผมจะยังคงช่วยเหลือพวกพี่และลูกๆของพี่ต่อไป” โยเซฟได้ปลอบโยนพี่ชายของเขา และพูดกับพวกเขาอย่างเมตตาปรานี

22 โยเซฟและครอบครัวของพ่อเขาจึงได้อยู่ในอียิปต์ต่อไป โยเซฟมีอายุหนึ่งร้อยสิบปี 23 โยเซฟมีชีวิตอยู่จนได้เห็นลูกหลานไปถึงสามชั่วรุ่น มนัสเสห์ลูกของโยเซฟมีลูกชายคือมาร์คี โยเซฟก็อยู่จนได้เห็นลูกๆของมาคีร์ด้วย

โยเซฟตาย

24 โยเซฟพูดกับญาติๆของเขาว่า “ผมกำลังจะตาย แต่พระเจ้าจะดูแลพวกท่านต่อไปอย่างแน่นอน และจะนำพวกท่านขึ้นไปจากที่นี่ ไปยังแผ่นดินที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ”

25 โยเซฟให้คนอิสราเอลสาบานว่า “เมื่อพระเจ้าทำตามสัญญานั้นเมื่อไหร่ ให้เอากระดูกของผมไปจากที่นี่ด้วย”

26 โยเซฟก็ตาย ตอนอายุหนึ่งร้อยสิบปี พวกเขาอาบน้ำยารักษาศพโยเซฟไว้เพื่อฝัง ร่างของเขาถูกเก็บไว้ในหีบศพในประเทศอียิปต์

ลูกา 3

คำสอนของยอห์น

(มธ. 3:1-12; มก. 1:1-8; ยน. 1:19-28)

จักรพรรดิทิเบริอัส[a] ปกครองบ้านเมืองมาเป็นเวลาสิบห้าปีแล้ว ขณะนั้นปอนทัส ปีลาต[b] เป็นผู้ว่าแคว้นยูเดีย เฮโรด[c] ปกครองแคว้นกาลิลี ส่วนฟีลิป[d] น้องชายของเฮโรด ปกครองแคว้นอิทูเรียกับแคว้นตราโคนิติส และลีซาเนียสปกครองแคว้นอาบีเลน ในช่วงที่อันนาสกับคายาฟาส[e]เป็นนักบวชสูงสุด พระเจ้าให้ถ้อยคำกับยอห์น ลูกชายของเศคาริยาห์ ที่อาศัยอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง

ยอห์นจึงออกไปประกาศทั่วบริเวณลุ่มแม่น้ำจอร์แดนว่า “กลับตัวกลับใจเสียใหม่ และเข้าพิธีจุ่มน้ำ แล้วพระเจ้าจะยกโทษความผิดบาปของพวกคุณ” เรื่องนี้เป็นไปตามที่ได้เขียนไว้ในหนังสือของอิสยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ว่า

“มีคนหนึ่งร้องตะโกนอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งว่า
เตรียมทางให้เรียบร้อยสำหรับองค์เจ้าชีวิต
    ทำทางให้ตรงสำหรับพระองค์
หุบเขาทุกแห่งต้องถมให้เต็ม
    ภูเขาและเนินเขาทุกลูกต้องดันให้ราบ
ทางที่คดเคี้ยวต้องทำให้ตรง
    ทางที่ขรุขระต้องปรับให้เรียบ
แล้วคนทั้งหลายจะได้เห็นความรอดจากพระเจ้า”[f]

ฝูงชนมากมายหลั่งไหลกันมาให้ยอห์นทำพิธีจุ่มน้ำให้ ยอห์นต่อว่าพวกเขาว่า “พวกชาติอสรพิษ มีใครเตือนเจ้าให้หลบหนีจากการลงโทษที่พระเจ้ากำลังจะส่งมา ทำตัวให้สมกับที่ได้กลับตัวกลับใจด้วย อย่าแม้แต่จะคิดเลยว่า ‘เราเป็นลูกหลานของอับราฮัม’ เพราะพระเจ้าสามารถที่จะเสกก้อนหินเหล่านี้ให้เป็นลูกหลานของอับราฮัมก็ได้ พระองค์ได้เตรียมขวานไว้พร้อมแล้ว และต้นไม้ทุกต้นที่ไม่เกิดผลดี จะถูกโค่นและโยนทิ้งลงในไฟ”

10 คนจึงถามว่า “แล้วพวกเราจะต้องทำยังไง”

11 เขาตอบว่า “คนที่มีเสื้อสองตัวก็แบ่งตัวหนึ่งให้กับคนที่ไม่มีเสื้อใส่ และคนที่มีอาหารก็ให้ทำแบบเดียวกัน”

12 เมื่อพวกคนเก็บภาษีมาเข้าพิธีจุ่มน้ำ พวกเขาถามยอห์นว่า “อาจารย์ พวกเราจะต้องทำยังไง”

13 ยอห์นตอบว่า “อย่าเก็บภาษีเกินอัตรา”

14 พวกทหารบางคนถามยอห์นว่า “แล้วพวกเราล่ะจะต้องทำยังไง” ยอห์นตอบว่า “อย่ารีดไถ หรือใส่ร้ายใคร และให้พอใจกับค่าจ้างของตัวเอง”

15 ทุกคนกำลังรอคอยให้พระคริสต์มา พวกเขาจึงสงสัยว่า ยอห์นอาจจะเป็นพระคริสต์ก็ได้ 16 ยอห์นจึงตอบทุกคนว่า “ผมทำพิธีจุ่มให้กับพวกคุณด้วยน้ำ แต่จะมีคนๆหนึ่งที่กำลังจะมา เขายิ่งใหญ่กว่าผมอีก ตัวผมเองก็ยังไม่ดีพอแม้แต่จะแก้เชือกรองเท้าให้กับเขาเลย เขาจะมาทำพิธีจุ่มให้กับพวกคุณด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ 17 เขาถือพลั่วพร้อมแล้วที่จะแยกแกลบออกจากข้าว แล้วทำความสะอาดลานข้าวด้วยการเก็บรวบรวมเมล็ดข้าวสาลีไว้ในยุ้งฉางของเขา ส่วนแกลบก็เอาไปเผาด้วยไฟที่ไม่มีวันดับ” 18 ในขณะที่ประกาศข่าวดีนี้ ยอห์นพูดอีกหลายอย่าง เพื่อชักชวนให้คนพวกนี้กลับตัวกลับใจเสียใหม่

สาเหตุที่งานของยอห์นสิ้นสุดลงในภายหลัง

19 ยอห์นต่อว่าเฮโรดผู้ครองแคว้น เพราะเขาไปเอานางเฮโรเดียสเมียของน้องชายมาเป็นเมียตัวเอง และเพราะเขาทำเรื่องชั่วร้ายอื่นๆ 20 เฮโรดก็เลยทำชั่วเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเรื่องคือจับยอห์นขังคุก

ยอห์นทำพิธีจุ่มให้พระเยซู

(มธ. 3:13-17; มก. 1:9-11)

21 ในช่วงที่ทุกคนมาเข้าพิธีจุ่มน้ำนั้น พระเยซูก็เข้าพิธีจุ่มน้ำด้วย เมื่อพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่นั้น ท้องฟ้าก็เปิดออก 22 พระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งมีรูปร่างเหมือนนกพิราบได้ลงมาอยู่กับพระองค์ จากนั้นมีเสียงหนึ่งดังมาจากสวรรค์ว่า “ลูกเป็นลูกที่รักของพ่อ พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก”

บรรพบุรุษของพระเยซู

(มธ. 1:1-17)

23 พระเยซูเริ่มงานของพระองค์เมื่ออายุได้ประมาณสามสิบปี คนทั่วไปคิดว่าพระองค์เป็นลูกของโยเซฟ

โยเซฟเป็นลูกชายของเฮลี

24 เฮลีเป็นลูกชายของมัทธัต

มัทธัตเป็นลูกชายของเลวี

เลวีเป็นลูกชายของเมลคี

เมลคีเป็นลูกชายของยันนาย

ยันนายเป็นลูกชายของโยเซฟ

25 โยเซฟเป็นลูกชายของมัทธาธีอัส

มัทธาธีอัสเป็นลูกชายของอาโมส

อาโมสเป็นลูกชายของนาฮูม

นาฮูมเป็นลูกชายของเอสลี

เอสลีเป็นลูกชายของนักกาย

26 นักกายเป็นลูกชายของมาอาท

มาอาทเป็นลูกชายของมัทธาธีอัส

มัทธาธิอัสเป็นลูกชายของเสเมอิน

เสเมอินเป็นลูกชายของโยเสค

โยเสคเป็นลูกชายของโยดา

27 โยดาเป็นลูกชายของโยอานัน

โยอานันเป็นลูกชายของเรซา

เรซาเป็นลูกชายของเศรุบบาเบล

เศรุบบาเบลเป็นลูกชายของเชอัลทิเอล

เชอัลทิเอลเป็นลูกชายของเนรี

28 เนรีเป็นลูกชายของเมลคี

เมลคีเป็นลูกชายของอัดดี

อัดดีเป็นลูกชายของโคสัม

โคสัมเป็นลูกชายของเอลมาดัม

เอลมาดัมเป็นลูกชายของเอร์

29 เอร์เป็นลูกชายของโยชูวา

โยชูวาเป็นลูกชายของเอลีเยเซอร์

เอลีเยเซอร์เป็นลูกชายของโยริม

โยริมเป็นลูกชายของมัทธัต

มัทธัตเป็นลูกชายของเลวี

30 เลวีเป็นลูกชายของสิเมโอน

สิเมโอนเป็นลูกชายของยูดาห์

ยูดาห์เป็นลูกชายของโยเซฟ

โยเซฟเป็นลูกชายของโยนาม

โยนามเป็นลูกชายของเอลียาคิม

31 เอลียาคิมเป็นลูกชายของเมเลอา

เมเลอาเป็นลูกชายของเมนนา

เมนนาเป็นลูกชายของมัทตะธา

มัทตะธาเป็นลูกชายของนาธัน

นาธันเป็นลูกชายของดาวิด

32 ดาวิดเป็นลูกชายของเจสซี

เจสซีเป็นลูกชายของโอเบด

โอเบดเป็นลูกชายของโบอาส

โบอาสเป็นลูกชายของสัลโมน

สัลโมนเป็นลูกชายของนาโชน

33 นาโชนเป็นลูกชายของอัมมีนาดับ

อัมมีนาดับเป็นลูกชายของอัดมิน

อัดมินเป็นลูกชายของอารนี

อารนีเป็นลูกชายของเฮสโรน

เฮสโรนเป็นลูกชายของเปเรศ

เปเรศเป็นลูกชายของยูดาห์

34 ยูดาห์เป็นลูกชายของยาโคบ

ยาโคบเป็นลูกชายของอิสอัค

อิสอัคเป็นลูกชายของอับราฮัม

อับราฮัมเป็นลูกชายของเทราห์

เทราห์เป็นลูกชายของนาโฮร์

35 นาโฮร์เป็นลูกชายของเสรุก

เสรุกเป็นลูกชายของเรอู

เรอูเป็นลูกชายของเปเลก

เปเลกเป็นลูกชายของเอเบอร์

เอเบอร์เป็นลูกชายของเชลาห์

36 เชลาห์เป็นลูกชายของไคนาน

ไคนานเป็นลูกชายของอารฟาซัด

อารฟาซัดเป็นลูกชายของเชม

เชมเป็นลูกชายของโนอาห์

โนอาห์เป็นลูกชายของลาเมค

37 ลาเมคเป็นลูกชายของเมธูเสลาห์

เมธูเสลาห์เป็นลูกชายของเอโนค

เอโนคเป็นลูกชายของยาเรด

ยาเรดเป็นลูกชายของมาหะลาเลล

มาหะลาเลลเป็นลูกชายของไคนาน

38 ไคนานเป็นลูกชายของเอโนช

เอโนชเป็นลูกชายของเสท

เสทเป็นลูกชายของอาดัม

และอาดัมเป็นลูกชายของพระเจ้า

โยบ 16-17

โยบตอบเอลีฟัส

16 แล้วโยบก็กล่าวตอบว่า

“ข้าเคยได้ฟังเรื่องอย่างนี้มามากแล้ว
    พวกท่านช่างเป็นผู้ปลอบประโลมที่สร้างความทุกข์ใจเสียจริงๆ
ลมปากของท่านไม่มีที่สิ้นสุดหรือยังไง
    มีอะไรกวนใจท่านหรือถึงต้องพูดไม่หยุดอย่างนี้
ข้าก็พูดอย่างที่พวกท่านพูดได้
    ถ้าพวกท่านมาอยู่จุดนี้แทนข้า
ข้าก็สามารถเรียงร้อยถ้อยคำมาต่อว่าพวกท่าน
    และส่ายหัวใส่พวกท่านได้
แต่ข้ากลับจะให้กำลังใจพวกท่านด้วยปากข้ามากกว่า
    และปลอบประโลมพวกท่านด้วยริมฝีปากของข้า เพื่อช่วยให้ท่านคลายจากความเจ็บปวด

แต่ตอนนี้ถึงข้าจะพูด ความเจ็บปวดก็ไม่ได้คลายไป
    ถึงข้าจะเงียบ ความเจ็บปวดก็ไม่ได้ทิ้งข้าไปอยู่ดี
พระเจ้าทำให้ข้าพเจ้าหมดเรี่ยวแรง
    พระองค์ทำลายทั้งครอบครัวของข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าซูบผอม
    ซึ่งคนเอามาเป็นหลักฐานเอาผิดกับข้าพเจ้า
ความผอมแห้งของข้าพเจ้าลุกขึ้นมาต่อว่าข้าพเจ้า
    เป็นพยานปรักปรำข้าพเจ้าซึ่งๆหน้า
พระองค์ฉีกข้าพเจ้าด้วยความเกรี้ยวโกรธ และอาฆาตแค้นข้าพเจ้า
    พระองค์ขบฟันใส่ข้าพเจ้า
    พระองค์เป็นศัตรูของข้าพเจ้าที่จ้องข้าพเจ้าเขม็ง
10 ชาวบ้านอ้าปากกว้างหัวเราะเยาะข้าพเจ้า
    และตบหน้าเยาะเย้ยข้าพเจ้า เขารวมหัวกันต่อต้านข้าพเจ้า
11 พระเจ้ามอบข้าพเจ้าไปอยู่ใต้อำนาจของคนชั่ว
    พระองค์โยนข้าพเจ้าให้ไปตกอยู่ในกำมือของคนเลว
12 เมื่อข้าพเจ้ากำลังสุขสบาย พระองค์หักข้าพเจ้าเป็นชิ้นๆ
    พระองค์คว้าคอของข้าพเจ้าและทุบข้าพเจ้าจนละเอียด
พระองค์จับตัวข้าพเจ้ายืนขึ้นเป็นเป้า
13     นักยิงธนูของพระองค์รายล้อมตัวข้าพเจ้าอยู่
พระองค์แทงไตของข้าพเจ้าจมมิดอย่างโหดเหี้ยม
    และเทน้ำดีของข้าพเจ้าลงสู่พื้น
14 ข้าพเจ้าเป็นเหมือนกำแพงที่พระองค์ทะลวงเป็นช่องซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากทุกด้าน
    และพระองค์วิ่งโถมเข้าใส่ข้าพเจ้าราวกับนักรบ
15 ข้าพเจ้าเย็บผ้ากระสอบติดกับหนัง[a]ข้าพเจ้า
    และกำลังข้าพเจ้าก็จมดินไปแล้ว
16 ใบหน้าของข้าพเจ้าแดงก่ำเพราะร่ำไห้
    ขอบตาของข้าพเจ้าดำคล้ำไปหมดแล้ว
17 ถึงแม้ว่ามือข้าพเจ้าไม่เคยก่อความรุนแรง
    และคำอธิษฐานของข้าพเจ้าบริสุทธิ์

18 แผ่นดินโลกเอ๋ย อย่าปกปิดเลือดของข้าพเจ้าไว้เลย
    ขออย่าให้เสียงร้องของข้าพเจ้าหยุดลงเลย แต่ให้มันไปจนทั่ว
19 เดี๋ยวนี้เอง พยานของข้าพเจ้าก็อยู่ในสวรรค์
    ผู้ที่พูดแทนข้าพเจ้าก็อยู่เบื้องบนนั้น
20 เพื่อนๆของข้าพเจ้าเย้ยหยันข้าพเจ้า[b]
    ตาของข้าพเจ้าเทน้ำตาออกให้กับพระเจ้า
21 แต่พยานของข้าพเจ้าจะสู้คดีให้กับพระเจ้า
    อย่างที่เพื่อนควรจะทำให้กับเพื่อนของตน
22 เพราะว่าอีกไม่กี่ปี
    ข้าพเจ้าก็จะไปตามทางที่ไปแล้วไปลับ
17 วิญญาณของข้าพเจ้าใกล้แตกดับแล้ว วันเวลาของข้าพเจ้าใกล้จะมอดแล้ว
    หลุมศพรอคอยข้าพเจ้าอยู่
ใช่แล้ว มีแต่คนเยาะเย้ยอยู่รอบตัวข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าก็ต้องมองพวกนี้สบประมาทข้าพเจ้า

ข้าแต่พระเจ้า
โปรดยอมรับคำยืนยันของข้าพเจ้าที่ว่าข้าพเจ้าบริสุทธิ์ด้วยเถิด
    เพราะไม่มีผู้อื่นมายืนยันให้กับข้าพเจ้า
เพราะพระองค์ได้ปิดกั้นความคิดของพวกเขาไม่ให้เข้าใจ
    พระองค์จะไม่ได้รับการยกย่องจากการทำอย่างนั้น
คนพูดกันว่า
‘ผู้ที่ปรักปรำเพื่อนเพราะเห็นแก่ได้
    ลูกๆของเขาก็จะหิวหน้ามืด’
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน
    และเขาต่างถ่มน้ำลายรดหน้าข้าพเจ้า
ดวงตาของข้าพเจ้าพร่ามัว เนื่องจากความเศร้าโศก
    และแขนขาของข้าพเจ้าผอมเหลือแต่เงา
คนดีจะตกตะลึงกับเรื่องนี้
    คนบริสุทธิ์ก็จะปลุกเร้าตนเองให้ต่อต้านคนที่ไม่มีพระเจ้า
คนที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องก็จะยึดมั่นในทางของเขา
    และคนมือสะอาดก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

10 มาสิ พวกท่านทุกคน โจมตีข้าพเจ้าอีกสิ
    ข้าพเจ้าไม่เห็นใครในหมู่พวกท่านฉลาดสักคน
11 วันเวลาของข้าพเจ้าผ่านพ้นไปแล้ว
    แผนการของข้าพเจ้าแตกหักแล้ว
    คือสิ่งต่างๆที่ข้าพเจ้าหวังไว้นั้น
12 ความหวังเหล่านั้นทำให้กลางคืนเป็นกลางวัน
    และนำแสงสว่างมาสู่ความมืด
13 ถ้าข้าพเจ้าคาดหวังว่าแดนคนตายจะเป็นบ้านของข้าพเจ้า
    ถ้าข้าพเจ้ากางเตียงนอนในความมืดมิดนั้น
14 ถ้าข้าพเจ้าพูดกับหลุมลึกว่า ‘เจ้าเป็นพ่อของข้า’
    และพูดกับหนอนว่า ‘แม่จ๋า หรือ พี่สาวจ๋า’
15 ถ้าข้าพเจ้าทำอย่างนั้น
    ความหวังของข้าพเจ้าอยู่ที่ไหนกัน และใครจะเห็นอนาคตที่สดใสสำหรับข้าพเจ้า
16 ความหวังของข้าพเจ้าจะลงไปสู่แดนคนตาย ไม่ใช่หรือ
    ทั้งข้าพเจ้าและความหวังของข้าพเจ้า จะลงไปสู่ผงคลีดินด้วยกัน ไม่ใช่หรือ”

1 โครินธ์ 4

ศิษย์เอกของพระคริสต์

ดังนั้น คนอื่นน่าจะมองว่าเราเป็นคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นคนที่พระเจ้าได้มอบหมายให้ดูแลความจริงอันลึกลับของพระองค์นี้ คนที่ได้รับหน้าที่ดูแลนี้จะต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ ส่วนผม ผมไม่สนเลยว่าพวกคุณหรือศาลจะตัดสินว่าผมเป็นคนอย่างไร อันที่จริงตัวผมเองก็ยังไม่เคยตัดสินตัวเองเสียด้วยซ้ำ ใจของผมไม่ได้ฟ้องว่าผมทำอะไรผิด แต่นั่นก็ไม่ได้แสดงว่าผมเป็นคนบริสุทธิ์หรอกนะครับ องค์เจ้าชีวิตต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินผม ดังนั้นอย่าเพิ่งด่วนตัดสินอะไรก่อนเวลา เมื่อองค์เจ้าชีวิตมา พระองค์จะเปิดเผยสิ่งต่างๆที่แอบซ่อนอยู่ในความมืด และแรงจูงใจของคนทั้งหลายจะถูกเปิดโปงออกมาให้เห็นชัดเจน จากนั้นพระเจ้าก็จะให้เกียรติพวกคุณแต่ละคนตามความเหมาะสม

พี่น้องครับ ผมใช้อปอลโลและตัวผมเองเป็นตัวอย่าง เพื่อคุณจะได้เรียนรู้จากตัวอย่างของเรา จะได้รู้ถึงความหมายของคำพูดที่ว่า “อย่าทำเกินกว่าที่พระคัมภีร์ได้เขียนไว้” เพื่อคุณจะได้ไม่พองตัวขึ้น โดยการยกคนหนึ่งไปข่มอีกคนหนึ่ง ใครบอกว่าคุณวิเศษไปกว่าคนอื่นๆ มีอะไรบ้างในบรรดาของที่คุณมีที่คุณไม่ได้รับมา ถ้าคุณได้รับมาทั้งนั้น แล้วคุณจะโอ้อวดไปทำไม ทำเหมือนกับว่าคุณไม่ได้รับมันมาอย่างนั้นแหละ

ตอนนี้คุณคิดว่าแม้ไม่ต้องมีพวกเราแล้ว คุณก็มีพร้อมทุกอย่างแล้ว รวยแล้ว และเป็นกษัตริย์แล้ว ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆเถอะ เราจะได้เป็นกษัตริย์กับพวกคุณด้วย ผมเห็นว่าพระเจ้าได้ตั้งพวกเราที่เป็นศิษย์เอกให้เป็นพวกที่กระจอกที่สุด เหมือนพวกที่ถูกตัดสินให้ตายในสังเวียน เพราะเรากลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนทั้งโลก ต่อพวกทูตสวรรค์และต่อมนุษย์ด้วย

10 เราโง่เพราะเห็นกับพระคริสต์ แต่พวกคุณฉลาดมากในพระคริสต์ เราอ่อนแอแต่พวกคุณแข็งแรงมาก พวกคุณได้รับการยกย่อง แต่เราถูกเหยียดหยาม 11 จนถึงเดี๋ยวนี้เรายังหิวและกระหายน้ำ ใส่เสื้อผ้าเก่าซอมซ่อ ถูกชกต่อย ไม่มีบ้านอยู่ 12 ทำงานหนักด้วยมือของเราเอง 13 เมื่อมีคนด่าว่าเรา เราก็อวยพรเขา เมื่อมีคนกดขี่ข่มเหงเรา เราก็อดทน เมื่อมีคนใส่ร้ายเรา เราก็พูดดีๆตอบ พวกเราเป็นเหมือนเศษสวะของโลกนี้ และเป็นเหมือนกากเดนของทุกอย่างจนถึงเดี๋ยวนี้

14 ผมไม่ได้เขียนเรื่องนี้มาให้พวกคุณอับอายนะครับ แต่เพื่อเตือนคุณเหมือนกับเป็นลูกที่รักของผมเอง 15 เพราะถึงแม้ว่าคุณจะมีพี่เลี้ยงเป็นหมื่นในพระคริสต์ แต่ไม่ได้มีพ่อหลายคน และผมได้กลายเป็นพ่อของคุณในพระเยซูคริสต์ เมื่อคุณได้ไว้วางใจในข่าวดีที่ผมประกาศนั้น 16 ดังนั้นขอร้องให้ทำตามผมเถอะ 17 นั่นเป็นเหตุที่ผมส่งทิโมธีไปหาพวกคุณ เขาเป็นลูกที่รักของผมและเป็นลูกศิษย์ที่สัตย์ซื่อขององค์เจ้าชีวิต เขาจะเตือนพวกคุณว่า ผมใช้ชีวิตอย่างไรในพระเยซูคริสต์ ซึ่งสอดคล้องกับที่ผมได้สอนในหมู่ประชุมของพระเจ้าทุกที่

18 บางคนก็หยิ่งเสียเหลือเกิน ทำเหมือนกับว่าผมจะไม่มาหาพวกคุณอีกแล้ว 19 อย่างไรก็ตาม ถ้าองค์เจ้าชีวิตเห็นดีด้วย ผมจะมาหาคุณในเร็วๆนี้ แล้วตอนนั้นผมก็จะได้รู้ว่าพวกหยิ่งผยองนี้ เก่งแต่พูดหรือมีฤทธิ์เดชของพระเจ้าจริง 20 เพราะอาณาจักรของพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูด แต่ขึ้นอยู่กับฤทธิ์เดชของพระองค์ 21 คุณอยากให้ผมมาแบบไหนละ มาพร้อมกับไม้เรียว หรือมาพร้อมกับความรักและจิตใจที่อ่อนโยน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International